หน้าเว็บ

หน้าเว็บ

HOME

30 พ.ย. 2562

ประสบการณ์สยองขวัญ "เขาเป็นใคร" ที่ผมไม่สามารถลืมได้ตลอดชีวิต !


      ประสบการณ์สยองขวัญจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 1553652 เรื่อง "เขาเป็นใคร" เป็นเรื่องที่สมาชิกพันทิปให้ความสนใจมากอีกกระทู้หนึ่ง ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิป "นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของผม ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ"
 
     เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไป.. ตัวผมเองไม่มีหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ใดใด ที่จะสามารถให้เพื่อนๆเชื่อในสิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ได้ ทุกตัวหนังสือจากนี้ไป!
อยู่ที่วิจารณญาณของทุกคนครับ ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้จะเป็นเรื่องราวที่ผู้ใหญ่ในครอบครัวชอบเล่ากันในวงเหล้า
ผมไม่เคยคิดจะเชื่อเลย คิดว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อความบังเทิงเท่านั้น และผมเชื่อมาเสมอว่าผีไม่มีจริง !!
แต่แล้วมีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดนี้ตลอดไป.......... เม่าแพนิค

   ขอย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และเป็นช่วงงานบูรณาการ ผมมักจะอยู่ทำหัวข้อโครงงานจนดึกกับเพื่อนๆที่โรงเรียน ทางบ้านก็ไม่ได้คัดค้านหรือตำหนิอะไร วันนี้ก็เช่นกันผมอยู่ทำหัวข้อตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ ความรู้สึก!
ผมบอกกับเพื่อนในกลุ่มตั้งแต่ตอนเช้าว่า  "กูรู้สึกแปลกๆวะ... เหมือนกังวลอะไรซักอย่าง ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร" และผมก็รู้สึกแบบนั้นทั้งวัน (ใจหายๆ)
ผมนั่งทำงานจนเวลาล่วงเลยไปจนถึง 5 ทุ่มกว่า ไม่เกินเที่ยงคืน มีโทรศัพท์โทรเข้ามาซึ่งผมมองดูแล้วเป็นแม่ของผมเอง ผมรับทันที

(*ประโยคสนทนาจากนี้ไป ผมพยายามให้ใกล้เคียงกับความจริง เท่าที่ผมจำได้ให้มากที่สุดนะครับ)
ผม = "แม่ว่าไง"
แม่ = "..................ทำอะไรอยู่จะกลับยัง"
ผม = "อีกซักพักบทที่3ยังไม่เสร็จ...แม่มีไรเปล่า"

   ผมพูดคุยกับแม่ไปอีกซักพัก แต่การพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ครั้งนี้ผมรู้สึกถึงความไม่ปกติตั้งแต่แรกเริ่ม ต้องอธิบายให้เพื่อนๆเข้าใจก่อนว่าปกติแม่จะทราบดีอยู่แล้วว่าผมกำลังทำงานบูรณาการ ซึ่งแม่ก็ไม่เคยโทรตามหรือโทรถามว่าจะกลับหรือยังเพราะผมกลับตี 1-2 เป็นประจำ แสดงว่าวันนี้จะต้องมีอะไร...

แม่ ="วันนี้กลับบ้านแล้วไม่มีใครอยู่บ้านนะกำลังกลับโคราช แต่ไอกอฟล์(พี่บุญธรรม)ไม่ได้ไป พรุ่งนี้ค่อยไปโคราชพร้อมลุง"
ผม = เอ้าทำไมรีบไปกระทันหันอ่ะ..มีไรกัน"
แม่ = "................................ตาเสียแล้ว"
ผม = "ตลก!"
แม่ = "ป้าป้าล่วงหน้าไปรับศพตาที่โรงพยาบาลแล้ว แม่กำลังตามไปกับพ่อและน้องๆ แกมีงานทำก็ทำให้เสร็จพรุ่งนี้จะได้มาพร้อมลุง" (ดูจะไม่ตลก)
ผม = "แม่..เรื่องจริงดิ "
แม่ = "เสียเมื่อตอนกลางวัน มีคนไปเจอนั่งทับขาคอพับอยู่กลางนาเหมือนหยุดหายใจโดยเฉียบพลัน ตอนแรกป้าแกก็ไม่เชื่อว่าเสีย คิดว่าเป็นลม     แดด แต่แกไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ตอนพาไปรพ.ปากตาม่วงแล้ว แม่เพิ่งมารู้เหมือนกัน"

  ผมไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ผมได้ยินแต่ผมก็ต้องเชื่อ เพราะแม่คงไม่เอาพ่อตัวเองมาล้อเล่นแน่นอน แต่ถ้านี่คือเรื่องล้อเล่นจะทำไปเพื่ออะไร ?
แต่ผมแอบมีความหวังอยากให้เรื่องที่ผมได้ยินเป็นเรื่องล้อเล่นจริงๆ
ผมบอกให้แม่พยายามทำใจดีดีไว้ก่อน เพราะตอนที่ผมคุยกับแม่ เหมือนแม่ยังคงมีความหวังว่า ตา จะต้องไม่เป็นอะไร เพราะแม่ยังไม่เห็น ผมคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น คุยอีกซักพักผมจึงวางสาย การสนทนากับแม่เพื่อนผมได้ยินหมดทุกคน แต่มีเพียงคนเดียวเดินมาบอกกับผม "นี่คงเป็นเรื่องที่บอกพวกกูเมื่อเช้าวะ เสียใจด้วยเว้ย" ผมบอกพวกมันว่าขอตัวกลับก่อนจะได้กลับไปอาบน้ำนอนพรุ่งนี้จะได้ไปโคราชพร้อมลุง(เรื่องจริงหรอเนี่ย) ผมโบกแท็กซี่กลับบ้าน
ผมบอกกับพี่แท็กซี่ "ไปตากสิน22 ครับ" ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ถึงที่หมายเพราะไม่ค่อยมีรถบนถนนมากนักในเวลานั้น (แต่แปลกดีออกไปเรียกแท็กซี่ไม่ทันได้รอขับมาพอดี)

     การไปโคราชครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นการไปจัดพิธีงานศพให้คุณตา ซึ่งในคืนนี้ผมจะต้องอยู่บ้านกับพี่ผมซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาเมื่อไหร่ และบ้านที่ทุกคนรู้แต่แรกว่า มีเพียงผมและพี่ชายเท่านั้นในคืนนี้ แต่ไม่ใช่ ! ผมคิดผิด

ผมต้องขอโทษที่ทำให้เพื่อนทุกคนต้องรอนะครับ มาเริ่มกันต่อเลยดีกว่า .... อมยิ้ม08

เพื่อนๆบางคนอาจตั้งคำถามกับผมว่า ทำไม?เรื่องราวผ่านมาแล้วตั้ง8ปี ถึงมาเล่าเอาป่านนี้ ทำไมต้องตอนนี้?
จริงๆเรื่องนี้รู้กันอยู่แล้วในครอบครัวและเพื่อนๆที่รู้จักกัน เหตุการณ์ในคืนนั้นที่ผมและครอบครัวคิดว่าคงจบไปแล้ว
แต่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นกับครอบครัวผม และทุกคนเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ผิดแน่ ! เป็นสิ่งเดียวกับในคืนนั้น

  ผมมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำหัวข้อโครงงาน ทั้งในหัวยังคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่นั่งรถมา บ้านของผมเป็นตึกแถว
มีทั้งหมด11คูหา(ไม่รู้ผมเรียกถูกไหม?) ทั้ง2ฝั่งหันหน้าเข้าหากัน บ้านผมอยู่คูหาที่ 4 มีทั้งหมด 4 ชั้น ประกอบไปด้วย
ชั้นที่ 1 = ส่วนหน้าเป็นห้องรับแขก จะมีตู้ไม้ที่ไว้เป็นศาลเจ้าอากงกั้นอยู่ระหว่างส่วนหน้าและหลัง ส่วนหลังเป็นห้องครัว
ชั้นที่ 2 = ชั้นลอย ตามปกติชั้นลอยจะสามารถมองลงมาที่ชั้น1ได้ แต่พ่อผมใช้ไม้ปิดกั้นทำเป็นห้องเวลามีคนเดินตรงชั้น2 ชั้น1จะได้ยินเสียงไม้
ชั้นที่ 3 = ห้องนอนพ่อ-แม่
ชั้นที่ 4 = ห้องนอนผมและพี่ชาย - ห้องพระ

  ผมไขประตูเหล็กเข้ามาภายในตัวบ้านสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้เลยคือ ผมไม่ได้อยู่คนเดียว! มันเป็นความรู้สึกที่เวลาผมนั่งดูหนังอยู่ชั้น1
และรู้ว่ามีคนอยู่ข้างบนชั้น 2 มันเป็นความรู้สึกแบบนั้นเลยครับ ด้วยความที่เราไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนั้นในหัว  เลยไม่ได้สนใจอะไร จัดการวางกระเป๋าเดินขึ้นบ้านทั้งมืดๆอย่างนั้นเลย (พอมีแสงไฟแดงๆจากศาลอากง) หยิบN73 ขึ้นเป็นไฟฉายโดยใช้แสงแฟรชจากกล้องหลัง ผมเดินผ่านชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 แต่!ผมต้องถอยหลังลงบันไดมาที่ชั้น 3 อีกครั้ง เพราะผมเห็นแสงไฟรอดออกมาจากห้องนอนแม่ผมตรงช่องประตู
ผมไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปบิดลูกบิดกุญแจ ปรากฎว่ามันล็อคจากด้านใน แต่ไม่มีสิ่งผิดปกติอะไร ผมคิดว่าอาจจะลืมปิดไฟในห้องไว้ก็ไม่แปลก
เพราะตอนที่ออกไปกันก็รีบอยู่แล้ว ในช่วงที่ผมกำลังหันหลังกลับมีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่หลังประตูห้อง ผมรู้ได้ยังไง?

  เพราะจากตอนแรกแสงไฟที่ลอดออกมาจะเป็นสีขาว แต่สิ่งที่ผมเห็นตอนนั้นมีลักษณะเหมือนเงาดำๆเคลื่อนไหวผ่านไป(เหมือนคนเดินหลบออกจากประตูด้านใน)  สิ่งแรกที่ผมทำเลยคือการเดินไปเปิดไฟ จากนั้นผมเอาหูไปแนบกับประตูสิ่งที่ได้ยินคือ มีคนกำลังรื้อของอยู่ในห้อง
ผมเคาะประตูอยู่หลายครั้งพร้อมกับเรียกชื่อพี่ชาย แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ซึ่งในขณะนั้น มัน!ก็ยังคงรื้อของอยู่
เมื่อทำอะไรไม่ได้ผมจึงกดโทรศัพท์หาพ่อ และถามว่ามีใครอยู่ในบ้านไหมเพราะตอนนี้มีคนอยู่ในห้องชั้น3 พ่อผมบอกว่าอาจจะเป็นพี่ชายก็ได้ไปดูให้ดีดี และสงสัยว่ามีคนเข้าไปได้ยังไงเพราะก่อนออกมาพ่อผมเป็นคนล็อคประตูเองกับมือและกุญแจอยู่ที่พ่อผมด้วย

จากนี้ไปจะเป็นบทสรุปของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เจสัน

  พ่อบอกกับผมว่าให้รีบโทรหาพี่ชาย ก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงไม่มีใครพูดถึง "ตำรวจ" รวมทั้งตัวของผมเอง ผมรีบโทรหาพี่ชายทันที
ผมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนั้นให้พี่ฟัง พี่ผมยืนยันกับผมว่า มันที่อยู่ในห้องไม่ใช่พี่ผมอย่างแน่นอน (ตอนที่คุยกับพี่ผมลงมาชั้น1แล้ว)
และสั่งให้ผมอย่าทำอะไรผลีผลาม ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่อยู่ภายในห้อง พี่บอกให้ระวังตัวเองไว้ก่อน ไม่นานจะถึงบ้านให้รอจนถึงตอนนั้น
   ผมวางสายและทำการไขกุญแจบ้านเอาไว้เผื่อมีเรื่องราวที่ไม่ดีเกิดขึ้นจะได้หนีทัน เพราะทางออกมีทางเดียวเท่านั้นคือหน้าบ้าน ทางเข้าก็เช่นกัน!!บ้านผมไม่มีระเบียงยื่นออก ถ้ามันจะหนีทางหน้าต่างมันจะต้องใช้บันไดที่สูงมากเพื่อปีนลงมาจากชั้น3 และถ้ามันจะหนีจากชั้น4 ไม่มีทางแน่นอน
    ในหัวของผมตอนนั้น สิ่งเดียวที่ผมเชื่อว่าอยู่ในห้องคือ ขโมย! เพราะพ่อและแม่ผมจะเก็บของมีค่าไว้ในห้อง และเสียงที่ผมได้ยินมันเสียงคนรื้อของเหมือนหาบางสิ่งบางอย่างชัดๆ มันเปิดเก๊ะไม้ เปิดตู้เสื้อผ้า  และดูเหมือนมันจะรีบด้วย เพราะตอนที่ผมเรียกชื่อพี่ดูเหมือนจะเป็นการเร่งให้มันตะกุยหาหนักกว่าเดิม  ....................... ผมรอพี่ไม่ไหวแล้ว
     ที่หลังศาลอากงจะมีมีดเเล่มใหญ่อยู่หนึ่งเล่ม ผมหยิบมีดเล่มนั่น และมุ่งหน้าไปยังชั้น3  ไม่กลัวหรอ ! ทำไมไม่รอพี่ ! ทำไมไม่แจ้งตำรวจ !
เพื่อนๆครับถ้าหากเพื่อนๆเจอเหตุการณ์ในตอนนั้นเหมือนผม ในความเป็นจริงสถาณการณ์แบบนี้มีเวลาให้คิดคำนวณมันน้อยจริงๆ +กับวุฒิภาวะและลักษณะนิสัยของผมที่ไม่กลัวใคร ที่ได้มาจากพ่อผม และในตอนนี้ผมมีอาวุธ ประตูห้องเป็นแบบผลักเข้า ผมจะต้องเห็นมันก่อนแน่นอน

"ก๊อก..ก๊อก...ก๊อก เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย.................." ผมตะโกนพร้อมกับเคาะประตู
   ผมเองก็ไม่ทราบว่าเป็นเวลาเท่าไหร่ จำไม่ได้แต่เสียงรอบข้างมันเงียบเหลือเกิน มีเพียงเสียงของผมเท่านั้นที่ดังก้องไปทั่วบ้าน และดูคล้ายกับมีเพียงมันและผมเท่านั่นที่อยู่บนโลกใบนี้ มันอาจจะดูเกินจริงแต่ดูเหมือนกับว่าค่ำคืนนี้มันเงียบผิดปกติจริงๆ เงียบเกินไป!

"ก๊อก..ก๊อก...ก๊อก เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย .....เป็นใครวะ" ผมยืนกรานกับมันและเคาะประตูหนักกว่าเดิม มือขวากำมีดเอาไว้แน่น
.......เสียงรื้อของภายในห้องหยุดไป !!
"เป็นใครวะ ไอสั_ ว์ เปิด....................กูบอกให้เปิด" ผมตะโกนด่าทอมันมือซ้ายบิดลูกประตูอย่างรุนแรงหวังให้มันเปิด
........เสียงรื้อของดังขึ้นอีกครั้ง
    ในตอนนั้นผมก้มลงมาลอดช่องประตูเข้าไป มันทำให้ผมแน่ใจได้อย่างชัดเจนว่า มันเป็นขโมยแน่นอน เพราะอะไรหรอครับ ?
     ผมเห็น "ขา"  ขาของมนุษย์อย่างเราๆนี่แหละครับไม่ได้ผิดแปลกเลย ภาพติดตาผมชัดเจนจนถึงทุกวันนี้
"ปัง...ปัง ไอเ_ยกูบอกให้เปิด..................เปิดเปิด" ผมใช้ขาถีบประตูอย่างรุนแรง จนประตูสั่นเสียงดังลั่นไปทั่วบ้านผมมั่นใจว่าข้างบ้านต้องได้ยินอย่างแน่นอน และในจังหวะที่ผมกำลังจะเปลี่ยนนจากถีบเป็นเคาะแทน เพื่อนๆครับจากนี้ผมอยากให้เพื่อนๆคิดภาพตาม ถึงเวลาในค่ำคืนนั้นความเงียบ ความวังเวง สิ่งที่อยู่ภายในห้อง และมีเพียงเรากับมัน ยังไม่ทันที่ผมจะเคาประตู มีเสียงที่ดังสนั่นในหูของผม มันไม่ใช่เสียงของคนที่พูดแบบปกติแน่นอน เพราะมันก้องและกังวานอยู่ในหู เสียงที่ดังสนั่นนั่นพูดพร้อมกับเคาะประตูกลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยว

"เคาะทำไม......................................เคาะทำไม...........................................เคาะทำไม"
ไฟในห้องดับไป

     เฮ้อ ! เพื่อนๆครับผมอยากจะหยุดเล่าเพียงเท่านี้จริงๆ ผมไม่อยากจำภาพและเสียงในวันนั้นเหลือเกิน มันยากเหลือเกินที่จะลืมแต่ผมเริ่มแล้วผมจะต้องทำให้จบ  เสียงที่ผมได้ยิน เชื่อเถอะครับ เพื่อนๆไม่สามารถจิตนาการและเข้าใจได้อย่างที่ผมได้ยินเลยว่ามันเป็นยังไง มันทั้งดังและก้องกังวาน กรีดกลางไปในหัวใจจนถึงกับทำให้ผมใจหายและขาทรุดทันที !! ลักษณะคงคล้ายกับคำว่า "ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม" และเสียงนั่นผมขอยืนยันกับเพื่อนๆว่า มันไม่ใช่เสียงคน.......   ไม่ใช่ .........................ไม่ใช่อย่างแน่นอน
  ผมร้องเหมือนเป็นคนบ้า ฉี่แตกรดกางเกง ในตอนนั้นขาผมไม่มีแรงแล้วมันอ่อนล้าไปหมด ผมต้องคลานลงมาจากชั้น3 และในขนาดที่กำลังคลานลงบันได้ เสียงประตูห้องค่อยๆแง้มออก

       ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ หวังว่าจะอยากฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อ ผมอยากให้เพื่อนๆเข้าใจ ขอให้เช้ากว่านี้อีกหน่อยและผมสัญญาว่าต่อไปผมจะเล่าจนจบแน่นอน ตอนนี้ผมใจสั่นบอกไม่ถูก  ผมขอตัวไปอยู่ห้องแม่ก่อนนะครับ

เสียใจ 7-1 เมื่อคืนอยู่  ร้องไห้   จากนี้ไปจะจบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้น! ใครกันแน่ที่อยู่ในห้อง? และคนที่กำลังออกมาจากห้องเป็นใคร ?

       จนถึงตอนนี้หากมีเพื่อนๆคนไหนที่ยังตั้งคำถามกับผม ผมอยากให้ย้อนไปอ่านช่วงที่ 1 อีกครั้งนะครับ การที่ผมต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเร้นลับ ที่ผมไม่สามารถบอกกับตัวเองได้ว่ามันคืออะไร ผมหายใจติดขัด ขาดช่วง เหมือนจะขาดอากาศหายใจตายไปตรงนั่น ด้วยความกลัว!
ผมพยายามจะใช้ความกล้าที่มีทั้งหมด ลุกขึ้น และวิ่งไปให้เร็วที่สุดแบบไม่คิดชีวิต แต่เหมือนความกล้าในตอนนั้นจะไม่สามารถช่วยผมได้เลย
   มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมเผชิญหน้ากับมันแล้ว จนถึงตอนนี้ ประตูได้ถูกเปิดออกจนสุด...!



  ผมอยู่ในท่านอนคว่ำพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเพื่อคลานหนี ใช้ท้องตัวเอง และแรงที่แทบจะไม่มีเหลือแล้ว............
ผมทำได้ดีที่สุดแค่นั้น น้ำตาผมไหล แต่สิ่งเดียวที่ผมไม่สามารถทำได้อีกต่อไป คือการตะโกนออกมาดังๆ ดังที่สุด เท่าที่ในชีวิตจะสามารถตะโกนให้ดังได้!! เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ ! ผมไม่สามารถทำได้ พยายามร้องให้ดังยังไงก็มีแต่เสียงที่ดังอยู่ในลำคอเท่านั้น !!


มีคนกำลังจ้องมองมาจากประตูห้อง !  ที่แขนขวามีเลือดไหลพราะเผลอทำมีดบาดตัวเองจากการตกใจเสียงที่ตะโกนและทุบประตูกลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยว  มีดตกอยู่ตรงนั่น ! ผมไร้อาวุธ ! ไร้เรี่ยวแรง ! ไร้เสียง !

มันกำลังเดินเข้ามาหา...  ผมอยู่ในท่านอนคว่ำระหว่างบันใด เหมือนสัตว์ที่ไร้ทางหนี  และรอความตาย

เพื่อนๆครับผมย้ำอีกครั้งนะครับว่าผมไม่ได้หันหลังกลับไป แต่ผมมองผ่านหางตา และสัมผัสได้จากความรู้สึก มันเหมือนกับเวลาที่เรามองไปข้างหน้า และหางตาทั้ง2ข้างเราจะรู้ว่ามีคนอยู่ ผมใช้ความรู้สึกนั้น

"ฆ่ากู.. .. ฆ่ากูให้ตายไปเลย"  ผมทำได้แค่คิดครับเสียงผมไม่มีเหลืออีกต่อไปแล้ว
"อึกกกกกก....................อื้อ.............."  ผมพยายามคลานหนี ..เสียงจากลำคอและอากาศหายใจผมแทบขาดช่วงไปแล้ว
"แม่ช่วยผมด้วย   ........................พ่อช่วยผมด้วย"

แต่ผม ก็ ไม่สามารถทำได้ ตอนนั้นผมหลับตา ผมคิดถึง พ่อแแม่ คิดถึงญาติผู้ใหญ่ลุงพี่ป้าน้าอา และพูดกับตัวเองในใจ "ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย"
จนมาถึงคนสุดท้าย คือ คุณตา  !     ผมหลุดจากพันธนาการและสาวเท้าวิ่งแบบไม่คิดชีวิต  "ช่วยด้วย .......ช่วยด้วย"
ผมวิ่งจนมาถึงด้านล่าง พี่ผมมาแล้ว ...

พี่ผมเดินเข้ามากอดผมไว้ ในตอนนั้นผมร้องไห้ฟูมฟายไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว พี่ผมเหมือนจะทำตัวไม่ถูก และเหมือนจะรีบวิ่งขึ้นไปดูด้านบน
ผมรั้งมันไว้จนถึงกับทำให้มันโมโห สุดท้ายก็รั้งไม่อยู่ มันขึ้นไปชั้นบน ผมได้แต่นั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่หน้าบ้าน ไม่นานนักมันก็เดินลงมาพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับพ่อ  (อ่าว ไม่เจอใครข้างบนเลยหรอ เดินมาแบบชิวๆ และไอที่อยู่ในห้องไม่เห็นหรอ อ่าว..)

ผมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พ่อฟังอย่างไม่ได้ใจความมากนัก พ่อก็ขอสายพี่ผม มันคุยกับพ่ออีกซักพักก็วางสาย
  ผมบอกกับตัวเอง ไม่ว่ายังไงก็ตามอยู่ที่นี่ในคืนนี้ไม่ได้แล้ว ต่อให้ต้องนอนข้างถนนก็ยอม ผมจะไม่เข้าไปในบ้านอีกเป็นอันขาด ไม่มีทาง !!
พี่ผมถามว่า"เป็นอะไรวะ..ไม่เห็นมีเ_ยอะไรเลย ห้องนั่นประตูมันก็เปิดอยู่ไฟก็ไม่เปิดเลยหลอนเองป่าว" หลอนโพ่งงงงงงงงงงงงง - -"
มันพยายามให้ผมขึ้นไปดูว่าไม่มีอะไร ผมก็ได้แต่ร้องโวยวายฉุดกระชากกันอยู่ตรงหน้าบ้าน  ตอนนั้นอาม่าตรงข้ามบ้าน เปิดประตูออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นผมกับพี่ชายฉุดกระชากกันอยู่ด้วยความที่แกไม่รู้ก็เข้ามาห้าม แต่ผมไม่ได้สนใจเลย ผมเผลอมองไป ตรงหน้าต่าง ห้องพ่อแม่ !
ผมเห็นบางสิ่งบางอย่างแง้มมองลงมาอยู่ตรงมุมหน้าต่างหลังผ้าม่าน  มันเป็นลักษณะเงาดำๆ สูงใหญ่มาก น่าแปลกที่ผมไม่เห็นดวงตาของ
เงาร่างนั้น แต่ผมรู้สึกว่า ผมประสานสายตากับมัน และมันจ้องมองผมด้วยความอาฆาต โกรธแค้น ไม่รู้จะใช้คำพูดยังไง ผมหันไปบอกทุกคนและชี้ไปในทันที "นั่นไง นั่นไง" ทุกคนมองขึ้นไปพร้อมกัน จนถึงจุดนี้เพื่อนๆต้องสามารถเดาได้แน่นอนว่า เงานั้นต้องไม่อยู่แล้วแน่ๆ ใช่ครับ มันหายไปแล้ว

  ผมพยายามเรียกสติกลับคืนมา พร้อมทั้งเล่าเหตุกาณ์ให้อาม่าและอาแปะฟัง (อยู่กัน2คนเป็นเฒ่าแก่มีลูกคนเดียวแต่งงานไปอยู่อีกบ้าน) อาม่าก็ปลอบใจเหมือนกับทุกคน จนผมเห็นลุงมา ถึงแม้ลุงจะไม่ได้บอกผมว่า พ่อเป็นคนให้ลุงมาแต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าจะรู้ๆกัน ลุงขอโทษอาม่าและคนอื่นๆที่ตอนนั้นเริ่มออกมาดูกันเยอะแล้ว ความกลัวของผมจึงเริ่มลดถอยลงไป เพราะอุ่นใจแล้วว่า กูมีพวก ลุงพาผมและพี่ขึ้นไปดูที่ห้องอีกครั้ง
มันมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่หลายอย่าง อย่างเช่นประตูไม่ได้ถูกปิดและล็อค แต่มันเปิดอยู่และถูกตัวรั้งคล้องไว้เท่านั้น (ที่ไม่ให้ประตูมันปิดเอง)
ผมถามพี่ว่า เปิดประตูไว้หรอ มันบอกว่ามันเป็นแบบนี้ตั้งแต่มันเดินขึ้นมา ลุงเก็บมีดขึ้น ในตอนนั้นเลือดผมเริ่มแห้ง ลุงนำมีดไปวางไว้ข้างประตูและเดินเข้าไปในห้องพร้อมพี่ มีแต่ผมที่ยังกล้าๆกลัวๆอยู่ แต่ก็ต้องเข้าไป ผมเข้าไปในห้องก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เพราะทุกอย่างดูปกติ
เรียบร้อย ไม่มีร่องรอยของการรื้อค้น ตู้ที่ผมคิดว่ามันน่าจะถูกเปิดก็ปิดอยู่ ทุกอย่างดูปกติ ! ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ลุงผมเดินไปตรงบริเวณที่ผมเห็นเงาดำๆ และก็ก้มลงเก็บบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา สิ่งนั่นคือ "ตะกุด" ครับ
มันตกอยู่ตรงพื้น ซึ่งส่วนนั้นจะมีเก๊ะที่ไว้เก็บเสื้อผ้า มันตกอยู่ใกล้กับที่เก็บ กกน.ของน้องสาวผม ลุงบอกว่า ใครเป็นคนเอามาไว้แบบนี้
ผมเองครับ ! เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมไปหยิบมาจากหิ้งพระเห็นว่าสวยดี และคิดว่าเท่ห์ห้อยเอว  แต่ผมเดินเข้าไปทาครีมในห้องแม่และถอดทิ้งไว้
บนเก๊ะเก็บซื้อผ้านั้น จนกระทั่งมันตกลงมา ผมเล่าเหตุการณ์ให้ลุงฟังอีกครั้งตั้งแต่แรก ลุงบอกให้จัดการโทรหาพ่อซะ พอพ่อผมได้รู้เรื่องก็โกรธมาก
เพราะเคยเตือนผมหลายครั้งแล้วว่าอย่ายุ่งกับห้องพระ ในคืนนั้นพวกเราก็ไปนอนกันที่บ้านลุงครับ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก
  เรามาถึงกันที่โคราช ศพตาผมไม่ได้เก็บนะครับเผาเลย  เราจัดการพิธีงานศพของคุณตาเรียบร้อย คืนนั้นในครอบครัวผมก็นั่งกินเหล้ากัน
และหยิบยกประเด็นที่เกิดขึ้นเป็นหัวข้อพูดคุย พ่อ บอกกับทุกคนในวงว่า ตะกุดนั่น ได้มาจากปู่ ปู่ได้มาจากทวด และคิดว่าผมคงทำไม่ถูกต้องที่
เอาลงมาแล้วไม่ดูแลให้ดี เลยมาเตือน กลับไปต้องให้ผมขอขมาและไม่ให้นำไปใส่อีก

           นี่คือเรื่องราวที่เกิดในค่ำคืนนั้นครับ ขอโทษเพื่อนๆ ที่ผมทำให้รอและทำให้ผิดหวังนะครับ แต่ผมต้องการให้เพื่อนๆได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกสัดส่วน   อย่างชัดเจนและมองเห็นภาพให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ ขอบคุณที่ติดตามและสนใจเรื่องราวที่ผมเล่านะครับ
ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาอ่านมากมายถึงขนาดนี้ สิ่งที่ผมเห็นและพบเจอ ผมคงไม่สามารถบอกได้ว่า เขาเป็นใคร  ต้องขอโทษด้วยนะครับ
ในปัจจุบันพวกเราได้ย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว


   บางคนในวงเหล้าก็บอกว่าเป็นผี บางคนก็บอกว่าเป็นเจ้าของตะกุด บางคนก็บอกว่าเป็นพระ ทุกคนล้วนแต่คาดเดาในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าใช่
แต่ทุกคนก็เงียบลง เมื่อแม่ผมเริ่มพูด "ไม่ใช่คนเดียวหรอกที่เจอ  ทั้งชั้นและพ่อแกเจอกันมาแล้ว" แต่ทำไมพ่อแม่เพิ่งจะมาบอก ทำไมต้องปิดเป็นความลับทำไมถึงไม่มีใครเล่าให้ผมฟังเลยหรือกลัวว่าผมจะกลัว ไปๆมาๆคนที่ผมคิดว่าเจอหนักสุดคือผม แต่ที่ไหน เป็นแม่ของผมเอง ในคืนนั่นเป็นการเปิดใจของแม่ผมเป็นครั้งแรก แม่ผมเริ่มเล่า... ทำให้ทุกคนในวงพร้อมใจกันเงียบเพราะเป็นครั้งแรกที่แม่ผมจะเริ่มเล่าประสบการณ์ที่แม่ผมเจอ
ภายในบ้านหลังนั้น

........................................คนที่ช่วยผมให้รอดพ้นจากพัธนาการจะเป็นคุณตาหรือเปล่า หลับให้สบายนะครับ  และขอบคุณ "เขาเป็นใคร"ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเท็จจริงแล้วเป็นสิ่งเร้นลับอะไรกันแน่ สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกเพื่อนทุกคนคนว่า "ผมกลัวผีครับ"

                                                                           จบ ... "เขาเป็นใคร"
                                                                         

                                                                          แล้วพบกันใหม่คับ

ติดตามตอนต่อไป ประสบการณ์สยองขวัญ "เรื่องเล่าจากปากแม่"

เรื่องจากพันทิป ประสบการณ์สยองขวัญ "เขาเป็นใคร" ที่ผมไม่สามารถลืมได้ตลอดชีวิต !
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 1553652

เรื่องเล่าน่ากลัว " บ้านเพื่อน "


     การไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่เป็นประสบการณ์สยองที่ไม่เคยลืมไปตลอด เรื่องจริงจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 1471163 ที่ทำให้เขาหลอนจนเป็นไข้กันเลย ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดี เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ชาวพันทิปทุกคนนะครับ ^ ^ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องสยองขวัญที่เจอกับตัวที่ทำให้ผมลืมไม่ลง ( โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ ) ( การกระทำของผมในบางอย่างอาจดูไม่เหมาะสม ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย )

- ก่อนเล่าเรื่องผมขอกล่าวถึงตัวละครหลักในนามสมมุติของเพื่อนผมชื่อว่า " เอ " และ " บี (เจ้าของ ID พันทิป) "
- ขอเท้าความ 3 อย่างก่อนนะครับ
- 3. ผม กับ เอ >> " ผมเป็นเด็ก ตจว. แต่พ่อกับแม่มาทำงานที่ กทม. เลยมาเช่าบ้านอยู่ที่ กทม. ส่วนเอเป็นคนเชียงใหม่ แต่พ่อกับแม่ส่งให้มาเรียนและอยู่กับลุงกับป้าที่ กทม. บ้านเช่าที่ผมอยู่จะอยู่ซอยเดียวกับบ้านลุงและป้าของเอ ผม กับ เอ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยประถม จึงทำให้ผมและเอ สนิทกันมาก ผมไปนอนบ้านมันบ่อยครั้ง เอ มันไว้ใจผมมาก เพราะผมช่วยมันดูแลบ้านตลอด เพราะผมก็พอจะมีจิตสำนึกนิดนึงว่ามาอาศัยบ้านเค้าก็ต้องช่วยเค้าหน่อย ก็ช่วยงานบ้านนิดๆหน่อยๆ มันให้ผมพกกุญแจบ้านไว้ 1 ชุด แต่แค่ ประตูหน้าบ้าน กับ ประตูห้องของ เอ
- 2. บ้านของเอ >> " บ้านของ เอ จะเป็นบ้านชั้นเดียวเนื้อที่ไม่ใหญ่ ประตูทางเข้าเป็นลูกกรงเหล็กดัด เมื่อเปิดประตูหน้าบ้านไป ก็จะเจอ ทางเข้าบ้านซึ่งเป็นห้องโถง ที่ ลุง กับ ป้า ของ เอ เค้าจะอยู่กัน ซึ่ง เอ จะไม่ให้เราเข้าทางนั้น เพราะ ลุง ไม่ชอบให้คนนอกมาเดินผ่าน นอกจากจะเป็นแขกของ ลุง กับ ป้า พวกเราจะเดินเข้าด้านข้างคือ เมื่อเข้าประตูหน้าบ้านแล้ว ระหว่าง ประตูหน้าบ้าน กับ ประตูห้องโถง จะมีทางเดินกว้างประมาณ 1 เมตรเดินไปทางด้านซ้ายของตัวบ้าน ซึ่งด้านซ้ายของตัวบ้านก็จะมีเนื้อที่กว้างอีกประมาณ 1.5 เมตร แล้วจะเจอประตู เข้าห้องนั่งเล่น ซึ่งห้องนั่งเล่นมันสามารถทะลุกับห้องโถงได้ ซึ่งเวลาที่เราไปกันก็จะแบ่งกันเป็น 2 กลุ่ม 1. นั่งเล่นคอม เล่นเกมกันที่ห้องนั่งเล่น 2. เข้าไปนอนดูหนังในห้อง เอ ซึ่งห้องนั่งเล่นกับห้องของ เอ จะติดกับห้องนั่งเล่นเลย "
- 3. ลุง และ ป้าของ เอ >> " ลุงและป้าของ เอ แกอายุประมาณ 60+ >>> ลุงของ เอ แก ไม่สบาย ผมไม่รู้ว่าแกเป็นโรคอะไร แต่แกจะมีกิจกรรมแปลกๆที่แกทำคือ แกจะยืนกางแขนแล้ว แล้วก็ตะโกนดังๆว่า " ออกไป " เสียงดังมาก ระยะห่างของการตะโกน ประมาณ 30 วิ ยืนทำอย่างนั้นประมาณ 30 นาที ซึ่งแรก ๆ ที่พวกเราไปบ้าน เอ เราก็ตกใจว่าแกเป็นอะไร ไม่รู้ว่าเค้าไล่พวกเราหรือไล่โรค >>> ส่วนป้า ของ เอ แกเป็นอัลไซเมอร์ แกจะชอบมาถามหา เอ บ่อยครั้ง เวลาแกไม่เห็นหน้า เอ ถามจนเราแอบขำไม่ได้ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ ผมนั่งเล่น คอม ของ เอ อยู่และ เอ ก็อยู่ในห้องนอนของมัน ป้าแกจะมาถาม "เอ ไปไหน ? " ผมก็บอก " อยู่ในห้องครับป้า " แล้วแกก็เดินไปดูในห้องเอ แกก็เจอ เอ นะแล้วแกก็ถาม เอ " กินข้าวยัง ? " แล้วแกก็กลับไปนั่งห้องโถงบ้าน แล้วประมาณสัก 20 นาที แกก็จะเดินมาถามอีก " เอ ไปไหน ? " วันนึงแกจะถามแบบนี้ 5 - 6 รอบ แต่ป้าแกเป็นคนน่ารัก ตัวเล็กๆ เสียงเล็กๆ ผมเคยคุยกับแกบ่อยครั้ง แกจะชอบเล่าเรื่องสมัยสาวๆ ลุงพาแกไปเที่ยวนู้นนี่ วาเลนไทน์ก็ซื้อดอกไม้ให้นู่นนี่นั่น ผมก็ไม่เข้าใจเรื่องอื่นๆแกกลับลืมแม้แค่เพิ่งคุยไปเมื่ิอกี้ก็ยังลืม แต่เรื่องที่แกจำได้แม่นคือเรื่องลุง ส่วนตัวลุงผมไม่เคยคุยด้วยเพราะแกดูเป็นคนดุๆเลยไม่กล้าเข้าไปคุย "

ผมขอเริ่มเรื่องเลยนะครับ >>>>  ปัจจุบันผมอายุ 25 ปีนะครับ ย้อนไปเมื่อสมัย ม.ปลาย ผมเรียนอยู่ ร.ร. ชายล้วนแห่งหนึ่งใน กทม. นะครับ กลุ่มเพื่อนพวกเราก็จะเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งเวลาพวกเราโดดเรียนกัน ก็จะไปบ้าน เอ ตลอด เพราะบ้านของ เอ เค้าค่อนข้างจะฟรีสไตล์ เพราะเค้าอยู่กับ ลุง และ ป้า ซึ่งแกจะไม่ค่อยสนใจ เอ สักเท่าไหร่ ปล่อยตามสบาย แค่ให้ เอ มันเอาตัวให้รอดเป็นพอ ซึ่งบ่อยครั้งที่เวลาเราโดดเรียนกันไปบ้าน เอ ก็จะไปกันไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น ก็จะคุยกันเสียงดังรบกวน ลุง และ ป้า ของ เอ มาก จึงทำให้ทุกครั้งที่พวกเราไปบ้าน เอ ลุงแกจะชอบมาด่าเหมือนแกไม่พอใจที่ เอ พาเพื่อนมาบ้านเยอะ แต่พอ เอ ไปเคลีย แกก็จะนิ่งๆไป แต่บางครั้งก็จะมีปากเสียงกันนิดหน่อย พอมีเริ่มมีปากเสียงกันบ่อย ลุงแกก็จะล็อคประตูหน้าบ้านเพื่อไม่ให้พวกผมเข้า เวลาพวกเพื่อนมาก็จะเข้าไม่ได้ ต้องโทรให้ เอ มันมาเปิดให้ แต่ถ้าเพื่อนๆมาพร้อมผม ก็จะเข้าได้เลย เพราะผมมีกุญแจ ( นี่คือเหตุผลจากจุดเท้าความข้อ 1 ) แต่ทุกครั้งที่เราเข้าบ้าน เอ เราก็จะรีบเดินเลี้ยวซ้าย แล้วไปเข้าประตูห้องนั่งเล่นทันที ไม่แวะสวัสดีลุงและป้า เพราะกลัวจะโดนไล่ตะเพิดออก จนเวลาผ่านไปพวกจนเรียนจบมัธยม พวกเราก็แยกย้ายไปเรียนมหาลัย ตัวผมได้ไปเรียนมหาลัยที่ ตจว. ด้วยความที่พ่อกับแม่ผม แกกลับมาอยู่บ้าน ส่วน เอ นั้นเรียนต่อ มหาลัยเอกชน ที่ กทม พอเราเริ่มเรียนมหาลัย เวลาในการนัดเจอกัน ติดต่อกัน ในกลุ่มเพื่อน ก็น้อยลงจึงทำไม่ค่อยได้รู้เรื่องราวของเพื่อนแต่ละคนสักเท่าไหร่ จนเรียนถึงปี 2 กำลังจะขึ้นปี 3 ช่วงปิดเทอมผมก็มา กทม. เพื่อจะมานัดเจอกับเพื่อนกลุ่มมัธยม แต่ตอนมา กทม. ผมติดต่อใครไม่ได้เลย เพราะผมไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย แม้แต่ เอ เองเพราะผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กับซื้อโทรศัพท์ใหม่ด้วย จึงทำให้เบอร์ติดต่อเพื่อนๆก็หายไป แต่ด้วยความที่ผมสนิทกับเอที่สุด ผมจึงมุ่งไปที่บ้านเอ เป็นที่แรก เผื่อเจอ เอ จะได้ให้มันช่วยกันโทรนัดเพื่อนๆมารวมกัน เพราะมันเรียนอยู่ กทม. น่าจะยังได้ติดต่อกับเพื่อนๆในกลุ่มบ้าง พอไปถึงบ้านเอประมาณ 1 ทุ่มเป็นตรงห้องนั่งเล่นมันปิดไฟมืด เลยคิดว่า เอ มันน่าจะอยู่ในห้องนอน เมื่อเดินไปประตูหน้าบ้าน ก็จะมองเห็นห้องโถง ที่ลุงกับป้าเค้าอยู่ เห็นว่าเปิดไฟอยู่ และลุงกับป้าก็นั่งอยู่ ผมก็เปิดประตูเข้าไปแต่ว่าล็อค แต่ด้วยว่ากุญแจที่ เอ มันให้ไว้ผมยังมีอยู่ ก็ไขเข้าไป แล้วก็สวัสดี ลุงกับป้า แล้วผมก็ล็อคประตูให้แก แกก็นิ่งๆนะไม่ด่าไม่อะไรผม ผมก็เดินเลี้ยวซ้ายไปเข้าห้องนั่งเล่น แล้วก็เปิดไฟ แล้วก็ไปดูห้อง เอ ว่ามันอยู่ไหม ?? สรุปมันไม่อยู่ ผมก็เลยคิดว่าเดี๋ยวมันก็คงกลับ ผมจึงไปเปิดคอมที่ห้องนั่งเล่น แล้วก็นั่งเล่นคอม รอ เอ มันกลับบ้าน จนสักประมาณ 4 ทุ่มผมก็เห็นลุงของ เอ เดินมาที่ทางเดินหน้าทางประตูห้องนั่งเล่น แล้วก็แกทำกิจกรรมที่แกชอบทำเหมือนที่ผมเคยเห็น คือ แกยืนกางแขน หันหน้าออกไปนอกบ้านแล้วก็ตะโกน " ออกไป " ทั้งๆที่ได้ยินบ่อยจนชิน แต่ด้วยเสียงที่ดัง มันก็มีก็บางครั้งก็สะดุ้งเหมือนกัน ผมก็ไม่สนใจอะไร ก็นั่งเล่นคอมต่อ แล้วป้าแกก็เดินมาหาผม มาถามผมว่า " เอ ไปไหน ?? " ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะผมก็ไม่รู้ว่ามันไปไหน ?? จึงบอกแกไปว่า อ๋อ มันไปซื้อของข้างนอกครับป้า มันกำลังจะกลับ !! แล้วแกก็เดินกลับไปห้องโถงที่แกอยู่ ส่วนลุงก็ยังคงยืนตะโกน " ออกไป " อยู่เหมือนเดิม แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมวันนี้แกยืนนานจัง ตั้งแต่ 4 ทุ่มจนตอนนี้ประมาณเกือบ 5 ทุ่มแกก็ยังคงยืนตะโกนอยู่ ซึ่งในใจผมก็คิด ลุงไม่คิดว่าข้างบ้านจะมาด่าเลยรึไงหวะ ?? และในขณะนั้น ป้าของเอก็เดินมาหาผมแล้วถามคำถามเดิม " เอ ไปไหน ?? " ผมก็บอกเดี๋ยวมันก็กลับมาครับป้า แต่รอบนี้ป้าแกไม่เดินไปไหน แกยืนอยู่ข้างๆเยื้องๆหลังๆผมหน่อย ยืนอยู่อย่างนั้นเกือบ 10 นาทีส่วนเสียงของลุงก็ยังคงตะโกนอยู่ ด้วยความที่ผมลำคาน ผมจึงปิดคอม แล้วไปรอ เอ ในห้องมัน ก็เปิดหนังดูไปเรื่อย ด้วยความที่ห้องมันปิดทึบและบวกกับเสียงหนังที่ผมดู จึงทำให้ผมแทบไม่ได้ยินเสียงภายนอกห้อง ผมนอนดูหนัง แล้วก็เผลอหลับไป แล้วผมก็สะดุ้งตื่นด้วยเสียงเคาะประตู ผมดูนาฬิกา เวลาประมาณ ตี 2 กว่าๆ ผมก็คิดว่า เอ มันกลับมาแล้ว ผมจึงบอก " เอ จะเคาะทำไม บ้านนะเนี้ย เปิดเลย กูไม่ได้ล็อค " หลังสิ้นเสียงผม ผมก็ได้ยินเสียงเบาๆว่า " ออกไป " ผมนึกในใจ ลุงแมร่งยังไม่หยุดตะโกนอีกหรอหวะ ไม่เกรงใจข้างบ้านเลยรึไง ?? แต่รอบนี้ทำไมรู้สึกเสียงมันเหมือนอยู่ในบ้าน หลังจากสิ้นเสียงลุง เสียงเคาะประตูก็ตามมาผมจึงลุกขึ้นไปเปิด สรุปว่าเป็นป้าแต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจและรู้สึกกลัวคือ ลุง ลุงยืนอยู่ข้างหลังป้าด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด แล้วป้าก็ถามว่า " เอ ไปไหน ?? " ตามด้วยเสียงของลุงตะโกนว่า " ออกไป " แกพูดสลับกัน 2 คนไปมา " เอ ไปไหน ?? ของป้า และเสียงตะโกนว่า " ออกไป " ของลุง " ผมรู้สึกกลัวมาก  รอบๆบ้านเงียบสงัด มีแต่เสียงลุงกับป้าที่ยังคงดังอยู่ ผมทนไม่ไหว แหวกทางป้ากับลุง จังหวะที่เดินจะพ้นจากป้าและลุง ป้าก็คว้าแขนผมแล้วถามว่า " เอ ไปไหน ?? " ต่อด้วยเสียงลุงที่หันหน้ามาและตะโกนว่า " ออกไป " ผมสะบัดมือป้าออก แล้วรีบวิ่งออกจากบ้านของ เอ แต่ด้วยที่เราล็อคประตูไว้ จึงทำให้เปิดไม่ได้ทันที จังหวะที่กำลังหากุญแจจะไขประตู เสียงลุงก็ตามมา " ออกไป ออกไป ออกไป ออกไป " อยู่ข้างหลังผม แกยืนอยู่ในห้องโถงที่แกชอบอยู่ แล้วตะโกนอยู่อย่างนั้น ส่วนป้าก็กำลังเดินมาหาผมพร้อมพูดว่า " เอ ไปไหน ?? " ผมลนมาก มือไม้สั่นไปหมด เสียบรูกุญแจ แทบไม่ไหว หลังจากที่ผมก็หลุดมาจากตรงนั้น ผมก็ใส่เกียร์หมา วิ่งไปจนถึงปากซอยบ้านของ เอ ตรงปากซอยก็มี 7-11 อยู่ ผมจึงนั่งหน้า 7-11 ตั้งสติแล้วคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมป้าแกสติเลอะเลือนไปหมดแล้วหรอ ?? ทำไมลุงเค้าถึงทำแบบนั้นกับเรา หรือช่วงที่เราไม่ได้มาหา เอ 2 ปีก่อน เพื่อนเราคนอื่นๆ มาทำอะไรให้ลุงเค้าเกลียดพวกเรารึป่าว จนถึงขั้นต้องไล่ อย่างกับหมูกับหมาขนาดนี้ !! ตอนนั้นเวลาประมาณเกือบตี 4 ผมก็ไม่รู้จะไปไหนดี เนื่องจากบ้านเพื่อนที่สนิทที่สุด เพื่อนก็ไม่อยู่ แถมยังโดนไล่ออกมา ผมจึงนั่งอยู๋หน้า 7-11 จนเช้า แล้วผมก็ไปหา บี ซึ่งบ้านของ บี จะอยู่ หลัง รร มัธยม ที่เราเรียนกัน จึงเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมพอจะไปหาได้ถูก พอไปถึงบ้านบี ผมก็เจอมันช่วยแม่มันจัดร้าน ขายข้าวแกง ผมเดินเข้าไปหามัน พอมันเห็นผมมันถามผมว่า " เห้ย !! ไปไงมาไงเนี้ย แล้วทำไมสภาพดูแย่จังหวะ " ผมก็บอกเดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง มีเบอร์ ไอเอ ไหม ?? โทรหามันให้หน่อยแล้วบอกให้มันมาหาที่บ้าน กูขออาศัยนอนก่อน กูยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน !! บี มันก็บอก โอเคร ๆ ไปนอนก่อนเลย เดี๋ยวกูช่วยแม่กูขายของเสร็จ เดี๋ยวกูโทรบอก เอ มันให้ !! ผมตื่นมาตอนบ่าย 3 ก็เห็น เอ กับ บี มันนั่งคุยกันอยู่ผมก็รีบลุกขึ้นมาบอก เอ เมื่อคืนกูไปหาที่บ้านมา ลุงกับป้า ทำกูแทบบ้า และผมก็เล่าเหตุการณ์ให้มันฟัง หลังจากที่ผมเล่าเสร็จ เอ มันก็ถามผมว่า " เข้าบ้านไปได้ไง " ผมก็ตอบมันว่า " ก็ กุญแจที่ให้กูไว้ไง " เอ มันก็บอกกับผมว่า ฟังกูนะ !! ลุง กูเสียไป 3 เดือนแล้วแกเป็นมะเร็ง ส่วนป้าหลังจากที่ลุงเสีย ป้าแกก็ไม่ยอมกินข้าวกินปลา จนร่างกายแย่ แล้วก็เสียตามลุงไปหลังจากลุงเสียแค่ 2 เดือน ส่วนตัวกูเองหลังจากที่ป้าเสีย ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน กูไปนอนหอเพื่อน ด้วยที่กูไม่ค่อยอยู่บ้าน กูก็เลยเอาแม่กุญแจล็อคหน้าบ้านไว้ ซึ่งกุญแจนี้ไม่น่าจะมีนะ ผมช็อคไปแปปนึง แล้วก็บอกว่าอย่ามาตลก อำ เก่งนะไอฟาย ( แต่ใจผมนี้ตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว ) มันบอกถ้าไม่เชื่อไปบ้านกับกู ผม เอ และ บี ไปบ้านเอ พอไปถึงหน้าบ้าน ผมก็เห็นแม่กุญแจล็อคอยู่จริงๆ แล้ว เอ ก็ไขพาเข้าไปดูรูปลุงและป้า ที่เขียน ชาตะ มรณะ แขวนอยู่ที่ห้องโถง !! ผมถึงกับขาอ่อน ยกมือไหว้ รูป ลุง และ ป้า หลังจากวันนั้นผมไข้กินไป 3 วันแล้วผมก็ไม่เข้าไปเหยียบบ้าน เอ อีกเลย !!

ทุกวันนี้ ผมยังจำหน้า และ เสียง ของลุงและป้า ที่ยืนอยู่หน้าห้องของ เอ ได้ขึ้นใจ !!

ปัจจุบันนี้ เอ ย้ายกลับไปทำงานและอยู่กับพ่อกับแม่ที่เชียงใหม่แล้ว ส่วนบ้านลุงและป้า ก็ยังใช้อาศัยบ้างเวลามาเที่ยว กทม.

*ขอบคุณที่อ่านและรับฟังจนจบ ขอให้อ่านและรับฟังด้วยความบันเทิงนะครับ อย่าดราม่าเลย*

เรื่องจากพันทิป เรื่องเล่าสยองขวัญ " แฟนเก่า "
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 1471163

29 พ.ย. 2562

เรื่องเล่าสยองขวัญ " แฟนเก่า "


     เรื่องเล่าสยองขวัญ " แฟนเก่า " ประสบการณ์ชีวิตของสมาชิกพันทิปหมายเลข 1471163 เป็นกระทู้ที่มีคนติดตามมาก และมากกว่าหนึ่งพันความคิดเห็น เป็นเรื่องที่สนุกและน่าติดตามมาก ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย


สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวพันธิปทุกคนนะคับ !! ผมมีเรื่องเล่าประสบการณ์ชีวิตของผมเอง มาเล่าให้ฟัง !!

ก่อนอื่นเลย ขอให้ผู้ที่อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคับ เพราะมันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ยากจิง ๆ ถ้าพิมพ์ตกหล่นอะไร ขออภัยไว้ก่อนด้วยนะคับ

เริ่มเรื่องเลยนะคับ >> ปัจจุบันผมอายุ 27 ปี แต่เรื่องเกิดเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา >> ตอนนั้นผมมีแฟนอยู่คนนึง ซึ่งเราคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เทอเป็นคนน่ารัก ร่าเริง อัธยาศัยดี ซึ่งผิดกะผมเลย ผมเป็นคนขี้อาย โลกส่วนตัวสูง เราคบกันมาไม่เคยมีปันหาเรื่องมือที่สาม จะมีก้อแต่ทะเลาะกันเรื่องน่ารักๆ เช่น กินข้าว การทำงานบ้าน แต่ไม่ถึงขั้นด่าทอกัน ขอบอกก่อนนะคับเราอยู่ด้วยกันตั้งแต่เรียนจบ ทางที่บ้านของเรารับรู้และไม่ขัดข้อง เราอายุเท่ากัน แต่ เทอเกิดก่อนผม 2เดือน 13วัน ช่วงนั้นเป็นช่วงอายุ 24 ปีย่างเข้า 25 ปี เป็นช่วงเข้าเบญจเพศ *แต่เราสองคนก้อไม่ค่อยเชื่อหรอกนะคับ เพราะคิดว่าเรื่องซวย เรื่องร้ายมันเกิดได้ในทุกช่วงอายุ เช่นการเกิดอุบัติเหตุ ผมว่ามันเป็นเรื่องของความประมาท อะไรพวกนี้มากกว่า ส่วนเรื่องผี หรออันนี้ เราสองคนไม่เชื่อเลยเนื่องจากไม่เคยเจอ* ตอนนั้น ผมมีแผนว่าจะพาแฟนไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้วจะขอเธอแต่งงาน ผมพาเทอไปเที่ยวจังหวัดนึงทางเหนือ ซึ่งบรรยากาศดีมาก เป็นที่พักเน้นบรรยากาศธรรมชาติ เรามาพัก 3 วัน 2 คืน เมื่อที่พักช่วงบ่ายๆแฟนผมก้อบอกว่าเหนื่อยอยากพักผ่อน ผมจึงให้เทอนอน ส่วนตัวผมก้อออกไปซื้อของเพื่อจะมาทำอาหารเย็นกินกัน หลังจากที่ผมซื้อของเสร็จกลับเข้ามาที่ห้องก้อไม่เจอแฟนผม ผมก้อเอ้าหายไปไหน สงสัยอยู่ในห้องน้ำก้อเลยเข้าไปดู ไม่มีคนอยู่เลย ผมจึงออกไปหน้าล็อบบี้ ก้อเจอแฟนผมนั่งอยู่ที่หน้าล็อบบี้ ผมก้อถามว่า ทำไมนั่งอยู่นี้ แฟนผมเค้าก้อไม่ตอบอะไร บอกแค่ว่า อ่อพอดีอยากออกมาเดินเล่น ผมก้อไม่คิดอะไร เย็นวันนั้นเราก้อทำอาหารกินกัน แต่ที่ผมสังเกตุได้คือแฟนผมเปลี่ยนไป มีอาการคล้ายคนกลัวอะไรบางอย่าง แบบว่า กินข้าวไป ก้อมองซ้ายที ขวาที แต่ผมก้อไม่คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าคงมองบรรยากาศรอบๆ ตัว เพราะบรรยากาศดีมาก พอเรากินข้าวกันเสร็จก้ออาบน้ำ นอน คืนแรกผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันที่ 2 ของการพักที่นี้ เช้าตื่นมาเราก้อทำกิจกรรมกันนิดๆหน่อยๆ เนื่องจากบรรยากาศเป็นใจ แล้วก้อขับรถออกไปเที่ยวบริเวณนั้นเพราะที่พักใกล้แหล่งท่องเที่ยว เย็นนั้นบรรยากาศแสงแดดสีส้ม ๆ ทอง ๆผมขอเทอแต่งงานกลางทุ่งดอกไม้ ซึ่งเทอน้ำตาไหล แล้วก้อตอบรับผม เทอเข้ามากอดผมแล้วก้อบอกรักผม คืนนั้นเราก้อกลับมา เตรียมตัวนอนเพราะความเหนื่อย ผมก้อนอนดูทีวีไป ส่วนแฟนผมก้อนอนอยู่ข้างๆ เล่นโทรศัพท์ไปตามภาษาผู้หญิงเหมือนจะเม้ามอยกับเพื่อนว่าชั้นจะมีผัวละนะ ประมาณสี่ทุ่มเราก้อปิดไฟนอนกัน ผมหลับได้ไม่นานรู้สึกว่าทำไมข้างๆเหมือนเตียงมันยุบผิดปกติ คือจากที่แฟนผมนอนก้อยุบแล้วแต่มันยุบลงไปลึกกว่านั้นอีก ทั้งๆแฟนผมก้อไม่ได้เป็นคนที่น้ำหนักเยอะ แต่ผมก้อไม่คิดอะไร ก้อเอื้อมมือไปกอดแฟนผม แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจก้อคือทำไมรู้สึกช่วงที่มือจะถึงตัวแฟนผม มันเย็น ๆ เหมือนผ่านโรงน้ำแข็งอะไรอย่างนั้น แต่ผมก้อไม่คิดอะไรเนื่องจากห้องที่เรานอนเป้นห้องแอร์ ก้อคงเป้นช่วงที่แอร์มันสวิงเป่ามาพอดี พอเช้าตื่นมา แฟนผมบอกเมื่อคืนนอนไม่ค่อยสบายเลย แต่แฟนผมก้อไม่เล่าอะไร ผมก้อบอกไม่เป็นไรนะ เด่วไปหลับบนรถต่อตอนกลับบ้าน ระหว่างขับรถกลับบ้านแฟนผมก้อเล่าให้ผมฟังว่า จำได้ไหมวันแรกตอนที่เทอหลับอยู่ในห้องคนเดียว ที่ผมออกไปซื้อของ เทอบอกว่าหลับๆอยู่ รู้สึกเหมือนคนเปิดห้องเข้ามาก้อนึกว่าเป็นผมเลยนอนต่อ แต่เมื่อเทอนอนต่อเทอสู้เหมือนมีคนมาทับตัวจึงลืมตาดูเทอเห็นเป็น ผญ คนนึงนั่งทับบนอกเทอ แล้วก้อชี้หน้าเทอแล้วพูดว่า " ออกไปจากห้องของกู " เทอเลยรีบวิ่งออกมาหน้าล็อบบี้ ส่วนคืนที่สองนั้นที่เทอบอกว่าที่เทอนอนไม่หลับนั้น เทอบอกว่า ผญ คนเดิมมานั่งทับที่อกเทอแล้วพูดว่า " จะลองดีกับกูใช่ไหม " แล้วก้อหายไป เทอกลัวจึงนอนไม่หลับแต่ไม่กล้าปลุกผมเพราะกลัวว่าวันถัดมา ผมจะขับรถไม่ไหว >> ผมก้อบอกเทอว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่วันแรก จะได้ไม่อยู่ต่อเพราะถ้าเทอเป็นไรขึ้นมามันคุ้มกันไหม เทอก้อบอกผมว่า ก้อเห็นปกติเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้กลัวจะหาว่าเทอคิดไปเอง คิดมากไป ก้อเลยไม่บอก ผมก้อบอกไม่เปนไรเดี๋ยวถึงบ้านแล้วเรารีบไปทำบุญให้เค้า พอกลับถึงบ้านเราก้อไม่ได้ทำบุญเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง ก้อมาพักผ่อนที่บ้านคิดว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยไปทำบุญก้อได้
แต่ว่ามันสายไป !! เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมา ผมเห็นแฟนผมนอนนิ่งไป ผมจึงปลุกเทอ แต่เทอก้อไม่ตื่นครับตอนนั้นผม สติแตก ตะโกนเรียกจนแน่ใจแร้วว่าเทอคงไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว ผมเสียใจมาก

หลังจากที่เช้าที่ผมตื่นมา แล้วพบว่าแฟนผมเสียชีวิต ตอนนั้นผมเคว้งคว้างมาก รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันมืดไปหมด ผมจึงรีบโทหาทางบ้านผมและทางบ้านแฟนผม บอกให้เค้าทราบ พ่อแม่ผมและพ่อแม่แฟนผม ก็เดินทางมาหาแล้วก้อถามสาเหตุ ว่าทำไม ?? ทะเลาะอะไรกันรึป่าว น้อยใจอะไรกันรึป่าว ถามคำถามสารพัด แต่ผมไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้เลย เนื่องจากผมงง มึนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามันจะเป็นไปได้หรอ ที่พลังงานอะไรก้อไม่รู้ที่เราไม่สามารถมองเห็น ไม่เคยมีใครพิสูจน์ให้เห็นจริงๆได้ว่ามีอยู่จริงทำร้ายร่างกายคนได้จริง จะเป็นสาเหตุให้แฟนผมเสียชีวิต ทางการแพทย์บอกว่าแฟนผมเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจ สิ่งนี้ทำให้ผมเริ่มเชื่อกับสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ก็ไม่ 100เปอร์เซน เพราะแฟนผมก็สุขภาพแข็งแรง ไม่ได้มีไข้ ไม่ได้เป็นหวัดอะไร จะหายใจไม่ออกได้ยังไง หรืออาจเป็นสาเหตุจากการที่พักผ่อนไม่เพียงพอ คำถามนี้ก็ยังคาใจผมอยู่ หลังจากการพิสูจน์ศพ ก็จัดงานศพให้แฟนผมสวดเป็นเวลา 3 วัน คืนแรกของงานศพ มีการสวดอภิธรรมระหว่างสวดบทแรกอยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้ ออกมาทางลำโพงผมก็ตกใจจึงพยายามมองหาต้นเสียงนั้น ทางพ่อแม่ผมและพ่อแม่แฟนผมเห็นผมรุกรี้รุกรนจึงว่าเป็นอะไรลูก ผมบอกผมได้ยินเสียงคนร้องไห้ ท่านก็บอกไม่มีนะลูก คิดมากไปรึเปล่า ? หลังจากที่ผมพยายามหาต้นเสียงที่ไม่รู้นั้น พระท่านก็สวดจบบทแรกพอดี เสียงก็เงียบไม่มีเสียงร้องไห้ ผมก็เลยคิดว่าหูฟาด หลังจากที่สวดเสร็จนั้นมีหลวงพ่อองค์นึงท่านเดินมาหาผมแล้วบอกผมว่า " แฟนโยม เค้านั่งฟังสวดอยู่ข้างๆโยมนะ แต่เค้าร้องไห้ตลอดเวลาเลย " นี้ทำให้ผมมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่มองไม่เห็นมีจริง เพราะพระท่านคงจะไม่มุสาแน่นอน แล้วคืนนั้นก้อผ่านไป เมื่อวันสวดวันที่สองวันนี้ที่วัดไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อสวดเสร็จก่อนจะกลับพ่อแม่ผมก็บอกว่าถ้าไม่ไหวก็มานอนกับพ่อกับแม่ได้นะลูก ผมบอกท่านว่าไม่เป็นไรคับผมอยากกลับห้อง หลังจากที่ผมมาถึงห้องผมก็อาบน้ำเตรียมนอน แต่จิตใจผมนั้นยังคิดถึงวันแรกที่ได้ยินเสียงนั้น คิดถึงวันแรกที่พาเทอไปที่นั้น คิดถึงวันที่ผมขอเทอแต่งงาน คิดถึงรอยยิ้มของเทอที่ตอบรับผม ผมรู้สึกเศร้าและเหงา เหมือนโลกมันขาดอะไรไปสักอย่าง ผมจึงพูดลอยๆ ออกมาว่าเทอ ถ้าเทออยู่ใกล้ๆเรา เทอมาหาเราได้ไหม เราคิดถึงเทอนะ แล้วก้อยังรักเทออยู่เหมือนเดิม แล้วผมก้อนอนคืนนั้นผมฝัน  ผมฝันว่า แฟนผมนอนอยู่ข้างๆ แต่หน้าของเทอดูโทรมมากแต่สิ่งที่ทำให้ผมกลัวหลังจากที่มองไปที่แฟนผม ผมเห็น ผญ คนนึงนั่งทับตัวเทออยู่ แล้วก็หันมาพูดกับผมว่า " มันเป็นของกู " แล้วเค้าก้อกระโจนมาหาผม ผมสะดุ้งตื่นทันทีตอนนั้นเวลาประมานตี 2 ผมรู้สึกกลัวและเป็นห่วงแฟนผมมากทำให้ผมนอนแทบไม่ได้แต่สุดท้ายแต่หลับด้วยความง่วงและเพลีย พอเช้าผมตื่นมาเตรียมงานเผาแฟนผม เมื่อถึงเวลาเผา หลวงพ่อท่านเดิมก็เดินมาบอกผมว่า โยมมีไรจะบอกแฟนโยมก็ไปกระซิบบอกเค้าได้เลยนะ เค้ารับรู้ เพราะเค้าอยู่ข้างๆอยู่ทุกวันที่สวดศพ ผมจึงกระซิบบอกว่า " เรารักเทอนะ ถึงแม้เวลามันจะสั้นที่เราได้อยู่ด้วยกัน แต่อย่างน้อยเราก็ได้รักกัน " หลังจากนั้นก็เริ่มเผา หลังจากงานศพแฟนผมเสร็จเรียบร้อยสภาพจิตใจผมย่ำแย่มากจะบอกว่าผมกลายเป็นโรคจิตไปเลยก็ได้ จากปกติที่เป็นคนโลกส่วนตัวสูงแล้ว กลายเป็นเก็บตัวอยู่ในห้องไม่พบหน้าใคร ผมเอาแต่โทษตัวเองว่าเพราะเรา เป็นเพราะเราที่ทำให้เทอต้องตาย ผมเป็นแบบนี้อยู่ 2 อาทิตย์ ทุกคืนผมจะเรียกให้แฟนผมมาหา แต่เทอก้อไม่มาให้ผมเห็น ให้แต่ผมฝันเห็น เห็นเหมือนเดิมทุกคืน คือเทอนอนอยู่ข้างๆ และมี ผญ คนนั้นนั่งทับอยู่ จนผมทนไม่ไหวผม จึงไป ปรึกษาพระท่านนึง !! ท่านบอกว่าทางเดียวที่จะทำให้แฟนโยมหลุดพ้นได้คืนโยมต้องบวชให้แฟนโยม และผีตนนั้น >> ผมจึงตัดสินใจบวชเป็นเวลา 1 เดือนทำให้สภาพจิตใจผมดีขึ้น ทุกคืนผมสวดแผ่เมตตาให้ผีตนนั้น และขอให้แฟนผมหลุดพ้นจากบ่วงนั้น << คืนแรกหลังจากที่ผมลาสึกออกมา ผมฝันเห็นแฟนผม เทออยู่ในที่ๆนึง เป็นที่สว่างสวยงาม เทอพูดกับผมว่า " เรารักเทอนะ แต่เราต้องไปแล้ว ขอบคุณมากนะที่รักเรา และที่ช่วยเรา ถ้าหากได้เกิดใหม่เป็นคนอีก ขอให้เรายังจำหน้าเทอได้นะ " แล้วเทอก้อเดินหายไปในแสงสว่างนั้น แต่หลังจากแฟนผมเดินจากไป ผมเห็น ผญ คนเดิมเทอชี้หน้าผมแล้วพูดกับผมว่า " จะลองดีกับกูอีกคนใช่ไหม " ผมก็เลยพูดกับเทอไปว่า " คุนจะทำแบบนี้ไปทำไม แฟนผมและผมไปทำอะไรให้คุนโกดเคือง คุนถึงต้องมาจองเวรกันแบบนี้ " เค้าบอกว่า " พวกมาอยู่ในที่ที่กูตาย กูตายเพราะความรัก แต่พวกมาเสพความรักในที่ที่กูตาย กูจะพรากพวก " ผมจึงบอกเค้าไปว่า " คุนทำแบบนี้ ไม่ช่วยให้คุนรู้สึกดีขึ้นเลย กลับทำให้คุนก่อกรรมเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป " แล้วก้อเค้าก้อตอบกลับมาว่า " กูไม่สนกูจะเอาไปอีกคน " แล้วผมก็ตื่น

หลังจากที่ผมตื่นขึ้นมา ผมก้อไม่เจออะไรนะคับ ผมก้อใช้ชีวิตปกติสุข ไม่เจออะไร จนเวลาผ่านไป 5เดือน ตอนนั้นอายุผม 25 เต็มตัวแล้ว ผมได้คบกับแฟนใหม่คนนี้ ซึ่งอาจจะดูว่าเร็วไปไหม แฟนถึงขั้นเสียชีวิต ถึงขั้นคิดมากจิตตก >> แต่ผมจะบอกข้อคิดอย่างนึงนะคับ " คนเราเวลาสุขอย่าสุขเกินมันจะเหลิง เวลาทุกข์ก้ออย่ามัวแต่อมทุกข์ไม่งั้นชีวิตไม่มีวันก้าวหน้าไปไหนเลย " ผมคบกับแฟนคนนี้( ผมขอสมมุติชื่อแฟนว่าชื่อ A นะครับ เพื่อความไม่สับสนในการอ่าน ) อาทิตย์นึง A จะมานอนกับผมบ้างเป้นบ้างวัน ช่วงที่ A มาอยู่กับผมก็ไม่เจออะไรนะคับ แต่ A จะบอกผมแทบทุกครั้งที่มานอนว่า " ฝันไม่ดีเลย " แต่ A ก็ไม่ได้คิดว่าเกี่ยวกับห้องของผมหรอก A คิดว่าเป็นเพียงความเพลีย + ความเครียดเรื่องงานมั้ง จึงทำให้ฝันไม่ดี จนมาคืนนึง A มานอนที่ห้องผม เวลาตอนนั้นประมานตี 1 ผมสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยเสียงกรี๊ดของ A ที่ดังลั่น ผมถาม A ว่าเป็นอะไร ?? A บอกว่า  A ฝันว่ามี ผญ มายืนอยู่ปลายเตียงแล้วพูดกับ A ว่า " มิงจะต้องไปกับกู " แล้ว A ก็สะดุ้งตื่นแล้วเห็น ผญ คนในฝันมายืนอยู่ปลายเตียงจริงๆ
A บอกว่าไปส่งเรากลับบ้านได้ไหม เรากลัว !! ผมจึงต้องขับรถไปส่ง A กลางดึกเมื่อผมส่ง A เสร็จผมก็กลับมาที่ห้องเวลาประมาณเกือบจะตี 4
ผมก็คิดในใจว่า ผมไม่เจอ ผญ คนนี้มาตั้ง 5 เดือนแล้วนะ นึกว่าจะไปแล้วเสียอีกเพราะผมไม่เคยเจอเทอเลยสักครั้ง >> หรือว่าเทอไม่สามารถทำร้ายผมได้ เพราะเท่าที่ผมเคยเจอก็แค่ในฝัน
<< ผมจึงพูดด้วยความโมโหออกมาว่า ทำไมถึงไม่เลิกจองเวรกันสักที จะเอากันให้ตายเลยให้หมดทั้งโครตเลยไหม ? อิเห้ >>

จากนั้นไฟในห้องก็ดับ แต่ด้วยความโมโห ผมจึงพูดท้าไปอีกว่า " ทำได้แค่นี้หรอ แน่จริงก็ออกมาสิว๊ะ กูก็ไม่ไหวกับแล้วนะ ทำบุญก็ทำให้แล้ว ยังไม่ไปยอมไปสักที  " หลังจากที่พูดจบ ผมเห็นเงา เงาที่มันมืดกว่าความมืดของห้อง อยู่หน้าห้องน้ำยืนอยู่ ผมทำอะไรไม่ถูก เพราะใจนึงก็กลัว อีกใจก็โมโห จริงตะโกนด่าออกไป แล้วรีบออกจากห้องลงไปอยู่ข้างล่างกับยามหน้าตึกจนเช้า พอเช้าผมก็โทหา A บอก A เมื่อคืนเราเจอเหมือนเทอเลย A บอกผมว่าเค้าคือใคร ?? ผมเคยเจอไหม ?? ผมบอกก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับแฟนเก่าผมให้ฟัง A บอกผมว่าทำไมเค้าถึงโหดร้ายขนาดนั้น
แล้ว A จะโดนแบบนี้ไหม ?? A คงอยู่ไม่ได้นะถ้าต้องเจอแบบนี้ !!  ผมก็บอก A ว่าผมเข้าใจ A นะถ้า A จะเลิกกับผมก็ได้นะ ผมก็กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก แต่ A บอกผมว่า A ไม่เลิกกับผมหรอก แต่เราต้องช่วยกันหาวิธีทำให้เค้าหลุดพ้นจากเรา ไม่งั้นชีวิตเราคงไม่เป็นสุขแน่ " ต่อให้ A เลิกกับผมไป ผมก็ต้องมารับปันหานี้คนเดียว แล้วแบบนี้จะมาเป้นครอบครัวกันได้ไง ถ้าเมื่อเจอปันหาแล้วทิ้งกัน " !! คำพูดนี้ทำให้ผมซึ้งในความรักของ A มากแต่อีกใจก็เป็นห่วง A >> เราสองคนจึงตัดสินใจขับรถไปที่ที่ผมพาแฟนเก่าไป เพื่อไปหาประวัติของ ผญ คนที่ตามผมมา
เพื่อจะได้ ทำบุญอุทิศส่วนกุศุลให้เค้าได้ตรงตัว เผื่ออาจจะทำให้เรื่องนี้ดีขึ้นมา

 ผมกับ A ขับรถไปสถานที่ที่พักนั้น พอไปถึงผมก้อตรงไปที่ล็อบบี้ ผมบอกพนักงานว่ามาขอพบผู้จัดการที่นี้คับ พนักงานก็ถามว่ามีธุระอะไรรึเปล่าค่ะ ด้วยความอยากพบกับผู้จัดการผมจึงบอกว่ามาติดต่อเรื่องธุรกิจคับ พนักก็บอกสักครู่นะค่ะ แล้วผมกับ A ก้อได้คุยกับผู้จัดการ พอเจอผู้จัดการผมก็ยิงตรงไปที่ห้องนั้นเลย ผมถามผู้จัดการว่า ผู้จัดการพอจะทราบประวัติของห้องนั้นหรือของที่แห่งนี้บ้างไหม เพราะผมกับแฟนเก่าผมเคยมากพักที่นี้แล้วเกิดเหตุการณ์ตามข้างต้นขึ้น แต่ผู้จัดการบอกดิฉันเป็นคนแถวนี้ก็จริงแต่ว่าดิฉันเพิ่งจะมาเป็นผู้จัดการของที่นี้ไม่กี่ปีไม่ทราบหรอกนะค่ะ แต่เท่าที่รู้ก็มีแค่สิ่งที่ยายดิฉันเคยเล่าให้ฟัง ยายดิฉันบอกว่า " สมัยก่อนที่ดินแถวนี้เคยเป็นป่าทึบ ซึ่งไม่ค่อยมีใครเข้ามาหาของป่าของอะไรกันหรอก เพราะยายดิฉันบอกว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามามักจะไม่ค่อยได้กลับออกไป ส่วนคนที่ออกมาได้ก็ออกมาแบบไม่เป็นคน บ้างก็เป็นศพ บ้างก็สติสตางค์หลุด แต่พอความเจริญเข้ามาป่านี้ก็ถูกลื้อออก แต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะตอนที่เค้ามาทำการลื้อเพื่อทำถนนนั้น มีต้นไม้ใหญ่ต้นนึงมีคนงานพยามยามจะเข้าไปตัด แต่ก็ตัดไม่ได้ถึงจะทำพิธีขอเจ้าป่าเจ้าเขาแล้วก็ตาม เพราะพยายามตัดแค่ไหนเครื่องมือก็เสียหาย พังหมด จึงได้ทิ้งไว้แล้วปล่อยให้บริเวณรอบๆต้นไม้นั้นคงความธรรมชาติไว้เพราะเชื่อว่าเจ้าที่คงไม่อยากจะให้ลื้อออก จึงต้องทำถนนอ้อมไปอีกทางหนึ่ง ทำให้รอบๆที่พักนี้ ยังมีบรรยากาศที่ดี ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่ " แต่ดิฉันก็ไม่เคยเจออะไรแปลกๆนะ ซึ่งพอผมฟังจบผมก็คิดว่ามันไม่น่าจะใช่สาเหตุที่แฟนเก่าผมเสียชีวิต ผมจึงขอบคุนเค้าแล้วก็ออกมา ด้วยความสงสัย !! ผมและ A จึงพยายามมองหาแม่บ้านหรือพนักงานที่น่าจะมีพออายุอยู่บ้าง !! ก็เจอแม่บ้านคนนึงซึ่งดูแล้ว อายุน่าจะประมาณ 50 กว่า >> ผมก็เข้าไปคุยกับเค้าเลย ผมบอก ป้าครับผมขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหมคับ ? ป้าแกก็ดูงง ๆ นะแต่แกก้อมากับผม ผมลากแกมาคุย ผมถามแกว่าป้าครับ ผมอยากรู้ว่าที่นี้เคยมีเหตุการณ์อะไรไม่ดีไม่ดีไหมคับ ? ผมให้เงินป้าก็ได้นะ ผมก็เล่าเหตุการณ์ที่ผมเจอให้ป้าแกฟัง !! แล้วก้อบอกป้าว่า คิดซะว่าสงสารลูกหลานสักคนนะป้า ผมคงบ้าตายแน่ถ้ายังต้องเป้นแบบนี้ !! ป้าแกก็บอก " ป้าไม่เอาตังค์หรอกหนู แต่ป้าขอร้องอย่าไปบอกใครนะ " ผมก้อสัญญากับป้าเค้า ป้าแกก้อเล่าให้ฟังว่า " เมื่อ 8 ปีแล้ว เคยมีพนักงานคนนึงของที่นี้ เทอเป็นคนน่ารัก พูดจาไพเราะ แต่เป็นคนซื่อ ๆ ไม่ค่อยจะตามใครเค้าทันเท่าไหร่ ใครเค้าพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ป้าก็เคยๆคุยกับเทออยู่ ตามภาษาผู้ใหญ๋คุยกับเด็ก เทอมีแฟนคนนึง แฟนของเทอดูน่าจะเป็นคนดีนะ เพราะเค้าดูแต่งตัวดี หน้าตาก็ดี พูดจาดี แต่เบื้องลึกเบื้องหลังป้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น วันนั้นแฟนของเทอได้มาเปิดห้องพักห้องที่หนูนอนนี้แหละ แล้วก็ให้เทอเข้ามาหา ด้วยความที่ทางที่พักก็รู้ว่าเทอเป็นแฟนกับลูกค้าคนนี้จึงอนุญาติให้เทอเข้าไปพบกับแฟนเทอได้ แต่เรื่องที่ไม่มีใครคิดก็เกิดขึ้น แฟนของเทอไม่ได้มาคนเดียว มี ผช ประมาน 5 คนมากับแฟนของเทอ เทอถูกลุมกระทำให้สิ่งที่เลวร้ายมาก พวกมันยิ่งกว่าสัตว์นรก มันทั้งข่มขม ทำร้าย และด้วยความที่เทอไม่ยอมเทอจึงพยายามกรี๊ดส่งเสียงร้องแต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงได้เนื่องจากแฟนของเทอ ได้นำหมอนมากดที่ใบหน้าเทอไว้ แล้วเทอก็หมดลมหายใจ !! เรื่องนี้รู้เมื่อ ทางพนักงานของที่นี้ สงสัยว่า ทำไม ผญ คนนี้เข้าไปในห้องนานเกิน ทั้งๆที่แฟนเทอก็กลับไปแล้ว หรือว่าเทอกำลังเก็บของจัดห้องเตรียมรอรับลูกค้าคนใหม่อยู่ แต่ก็ไม่น่าจะนานขนาดนี้นะ จึงเข้าไปเผื่อมีอะไรให้ช่วย แต่เมื่อเค้าไปก็พบกับศพของเทอ ที่นอนอยู่พร้อมกับคราบเลือดและคราบน้ำโสโครกของพวกสัตว์นรกนั้น และทางเราก็แจ้งทางตำรวจ ก็มีการมาเก็บศพถ่ายหลักฐานไป แต่เรื่องก็เงียบไป เพราะอยากที่ป้าได้ยินพนักงานคุยๆกันว่าแฟนของเทอเป็นลูกคนใหญ่คนโต ทำให้เรื่องเงียบไป แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ไม่นาน ก็มีข่าวลือแถวๆนี้ว่าแฟนของเทออยู่ๆก็วิ่งหนีอะไรมาไม่รู้แล้วก็มากลางถนนถูกรถชนตาย แล้วหลังจากเหตุการณ์นี้ พนักงานก็มักจะได้ยินเสียงคนร้องไห้ในห้องนี้ ทางที่นี้ทำพระมาสวดเพื่อให้เทอไปสู่สุขติแต่ก้อไม่ไป แต่พนักงานที่นี้ก็ไม่เคยถูกเทอทำร้ายหรือมาหลอก ทางที่พักจึงปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ แต่ไม่เปิดห้องให้ใครพัก จนเวลาผ่านไปรู้สึกว่าเหตุการณ์จะเงียบลง จึงเปิดห้องนี้ให้พักอีกครั้ง ผมจึงเข้าใจกระจ่างแล้วว่า ผญ คนนี้เป็นใคร ทำไมเค้าถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ ผมจึงขอชื่อและนามสกุลเทอไปเพื่อจะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เทอ !!

หลังจากที่ได้ชื่อและนามสกุลของ ผญ คนนั้นแล้ว ผมและ A ก็เดินทางกลับบ้าน และไปทำบุญอุทิศส่วนกุศล และ ขออโหสิกรรม ให้ ผญ คนนั้น

และ ผมก็กลับมาใช้ชีวิตตามเดิม แต่ A ขอไม่มาอยู่ที่ห้องผมอย่างที่เคยทำ เพราะ A ยังคงมีความกลัวในเรื่องที่ A เจอที่ห้องผมอยู่ !! ผมก็เข้าใจ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน >> คืนถัดมา หลังจากเลิกงานผมก็กลับมาห้อง และโทรศัพท์คุยกับ A ตามภาษาแฟนกัน คุยกันไปจนจะบอกลากันก่อนนอน
A ก็พูดมาว่า เสียงใครอะ ?? ผมก็ถาม A ว่า เสียงอะไร ?? เสียงใคร ?? A บอกผมว่า เมื่อกี้ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ว่า " อย่ามายุ่งกับคนของกู "  และ A ก็ถามผมว่าเปิดโทรทัศน์ หรือ วิทยุไว้รึเปล่า ?? ตอนนั้นผมคิดในใจ " ยังไม่ไปอีกหรอ " หลังจากสิ้นความคิด สายโทรศัพท์ก็ตัดไป
ผมจึงโทรกลับไปหา A แต่ก็ได้ยินเสียงของ ผญ คนนึงบอกว่า " เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ " แสดงว่าปิดเครื่อง
ผมก็คิดว่า A คงจะแบตหมดผมจึงเตรียมตัวนอน !! เมื่อผมปิดไฟนอน ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนไม่ได้นอนคนเดียว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร !!
ผมพยายามข่มตานอน แต่ก็นอนไม่หลับเวลาตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่ม ผมจึงคิดว่าปกติเรานอนดึกกว่านี้ สงสัยร่างกายมันคงยังไม่ถึงเวลานอน ผมจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หาอะไรดูอ่านไปเรื่อย เผื่อจะทำให้ง่วง แต่ขณะที่ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือนั้น !! หางตา !! หางตาผมมันเห็นเหมือน เงาดำๆ อยู่ปลายเตียง ผมจึงรีบหยิบมือถือมาส่องไฟ !! แต่ก็ไม่พบอะไร !! ผมก็คิดว่าคงตาฟาด จากนั้นผมก็นอนเล่นโทรศัพท์ไปสักพักก็เผลอหลับไป จนตื่นเช้ามาผมก็เตรียมไปทำงาน ผมโทรหา A และถาม A ว่าเมื่อวานยังไม่ได้บอกฝันดีกันเลยนะ แบตหมดซะงั้น !! A บอกหมดอะไร ?? ของผมหรือเปล่าที่หมด ผมก็บอกว่าไม่หมดนะ ?? สงสัยโทรชนกัน!!  แล้ว A ก็บอกผมว่า A โทรมาหาตอน 5 ทุ่มกว่าติด รับสาย แต่ทำไมรับสายแล้วไม่พูดและทำไมนอนไม่ปิดโทรทัศน์? ผมก็งงเลยคับ !! ผมบอกกับ A ว่า  A ผมหลับตั้งแต่ยังไม่ถึง 5 ทุ่มเลย หลับคาโทรศัพท์ ไอเรื่องรับสายอาจจะเป็นเพราะกลิ้งไปโดนได้ !! แต่เสียงโทรทัศน์ คืออะไร ? เราไม่ได้เปิดทีวีก่อนนอนนะ !!  A บอกได้ยินเสียงจี่ๆแต่จับใจความไม่ได้หรอก จึงคิดว่านอนไม่ได้ปิดทีวีแล้ว A ก็วางสายแล้วนอน กะจะโทรมาถามตอนสายๆเหมือนกัน !! ผมก็บอก A ว่าสงสัยคงจะมือไปโดนและเสียงจี่ๆอาจจะเป็นเพราะโทรศัพท์มันถูกนอนทับอยู่ก็ได้ !! อย่าคิดมากเลย เราก็ไปทำบุญและขออโหสิกรรม ผญ คนนั้นแล้วหนิ !! แล้วก็ผ่านไป >>

>>> คืนวันนี้ ผมไม่ได้คุยโทรศัพท์กับ A เพราะผมบอก A แล้วว่าผมขอเคลียร์งานก่อนนะ ไว้คุยกันพรุ่งนี้ !! ขณะที่ผมกำลังนั่งเคลียร์งานอยู่นั้น
ผมก็ส่งข้อความไปหา A ว่า "ฝันดีนะ คิดถึงมากๆ" หลังจากที่ผมส่งข้อความเสร็จผมก็นั่งเคลียร์งานต่อ แต่ทำงานไปได้สักพักไฟในห้องก็ดับอีกละ >>> หลังจากไฟดับ อีกแล้วคับ หางตาผมเห็น เงาดำๆ ยืนอยู่ข้างๆเตียงคราวนี้ผมพูดเลยคับ " ไปได้แล้ว เราไม่มีอะไรกันแล้ว ขอให้ไปอยู่ในที่ที่ดี " แล้วเงาก็หายไป ผมจึงลุกไปกดสวิทไฟปิดและเปิดใหม่ ไฟก็ติดตามปกติ ผมจึงเคลียร์งานให้เสร็จแล้วก็นอน ZZZzzz เช้าวันถัดมาผมตื่นเพราะ A โทรหาผม และบอกกับผมว่า เมื่อคืน A ฝันถึง ผญ คนนั้นอีกแล้ว แต่คราวนี้มาอยู่ข้างๆเลย แล้วเธอก็ก้มลงมาพูดกับ A ว่า " อย่ามายุ่งกับคนของกู "  A จึงสะดุ้งตื่นและรีบไปนอนกับแม่ของ A >> วันนั้นผมจึงลางานเลยคับ !! ผมคิดในใจว่าทำไมถึงตามจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้ >> ผมพา A ไปวัด ไปทำบุญแล้วก็ไปหาหลวงปู่ท่านนึง ซึ่งแม่ของ A บอกว่าให้ลองไปหาท่านดู ว่าทำไมเค้ายังไม่ไปสักที !! สิ่งที่หลวงปู่บอกกลับมา ผญ คนที่โยมพูดถึง เค้าเลิกตามโยมตั้งแต่ที่โยมลาสึกมาแล้ว เพราะโยมมีบุญมากพอที่เค้าจะไม่สามารถตามมาได้  ส่วน ผญ คนนี้เป็นคนที่โยมและแฟมโยมเจอ เป็นคนที่โยมรู้จักดี เค้าหวง และห่วงโยมมากนะ >> ซึ่งผมรู้เลยเมื่อหลวงปู่บอกมาว่าคนที่หวงและห่วงผม ต้องเป็นแฟนผมแน่ๆ  !! แต่ !! แฟนผมเค้าไปดีแล้วไม่ใช่หรอ ?? ผมจึงถามหลวงปู่ไปว่า แต่แฟนผมเค้าไปดีแล้วหนิครับหลวงปู่ !! หลวงปู่บอกว่าสิ่งที่เค้าให้โยมเห็นคือเค้าหลุดจากบ่วงที่ผูกกับ ผญ คนที่อาฆาตเธอ !! แต่เธอยังไม่ได้ไปสู่สุขติ เพราะเธอยังมีบ่วงสัญญากับโยมอยู๋ !! เธอเป็นดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์นะ แต่สามารถกลายเป็นวิญญาณที่ชั่วร้ายได้ ถ้าเธอก่อกรรมชั่วในขณะที่เป็นวิญญาณนี้ ดวงวิญญาณของเธอจะชั่วร้ายไม่ต่างจากผีที่โยมเจอ >> เมื่อผมได้ฟัง ผมจึงขอแนวทางการแก้ไขจากหลวงปู่ !! หลวงปู่บอกให้โยมนั้น ปลดบ่วงกรรม บ่วงสัญญาที่เคยให้ที่เคยพูดที่เคยรับปากกับเธอไว้ >> และให้ อโหสิกรรมให้แฟนเก่าโยม และเค้าจะสามารถไปให้ภพภูมิที่ดี >> หลังจากนั้นผมก็ไปทำการปลดบ่วงกรรม ตามที่หลวงปู่บอก

หลังจานั้นผมก็ไม่เคยเจอเงานั้นอีกเลย !! ห้องที่เคยอึดอัด ก็รู้สึกเหมือนปกติ !! ส่วน A ก็ไม่ฝันเรื่องแปลกๆแบบนั้นอีกเลย !!

นี้คือที่มาของเรื่อง " แฟนเก่า " เพราะสรุปแล้วสิ่งที่ผมและ A เจอคือ " แฟนเก่า " ผมเอง

ปัจจุบันผมยังคบกับ A อยู่แต่ผมยังไม่ได้ขอเธอแต่งงาน แต่ผมก็มีแผนไว้แล้วหละ !! แต่คงจะขอเลย ไม่ต้องไปเซอร์ไพรส์อะไรที่ไหน  ^^
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับ ขอบคุณที่รับฟังเรื่องราว ขออภัยคนที่ไม่ถูกใจด้วย ขอบคุณอีกทีคับ

ฝันดีครับทุกคน ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เหมือนที่ผมเคยบอก " เวลาสุขอย่าสุขจนหลง เวลาทุกข์ก็อย่ามัวแต่อมทุกข์เพราะจะทำให้ชีวิตไม่ก้าวหน้าไปไหนเลย "

เรื่องจากพันทิป เรื่องเล่าสยองขวัญ " แฟนเก่า "
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 1471163

เจอดีตอนล่องแก่ง


     เหตุการณ์หลอนเกิดขึ้นกับสมาชิกพันทิปหมายเลข 4021247 เมื่อเขาและเพื่อนๆ ไปเที่ยวล่องแก่งกัน และเป็นประสบการณ์ที่หลอนไปจนไม่มีวันลืม ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

     สวัสดีครับ วันนี้ผมมีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังครับ (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หากผิดพลาดประการขออภัยด้วยนะครับ) (ภ ช จ ม ท ด ต นี่คือชื่อแทนของเพื่อนและพี่ของผมครับ)

     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วครับ ไอ้ ภ. ได้มาชวนผมและเพื่อนๆ ไปเที่ยวแกร่งกระจานกลับแม่ของมัน ก็นัดกันว่าจะไปโดยรถตู้ครับ ก่อนวันไป 1 วัน ผมได้ไปนอนบ้านไอ้ ท. ครับ แล้วพี่ ด. ไปค้างบ้าน ไอ้ ช. ครับ พี่ ม. ไปค้างบ้านไอ้ ภ. ครับ คืนนั้นผมไม่ได้นอนเลย คืนนั้นผมกับไอ้ ท. ไม่ได้นอนเลย ก็ชวนกันเล่นเกม พอเล่นกันเสร็จก็ชวนกันออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงข้างนอก ตอนที่กำลังจะไปสูบบุหรี่ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เรื่องผีๆ ที่บ้านไอ้ ท. มันก็มีเยอะ สงสัยผมจะคิดมาก แต่ผมก็ไม่ได้บอกอะไรมันนะ พอดูดเสร็จมันก็เล่นเกม ส่วนผมก็คุยกะแฟนครับ ผมได้บอกแฟนไปว่า มาค้างบ้านเพื่อนนะอยู่กัน2คน ผมนอนอยู่บนเตียงที่ติดกะกำแพงบ้าน ส่วนมันนั่งเล่นอยู่หน้าโต๊ะคอมใกล้ๆ ห้องน้ำครับ (ลักษณะห้อง เปิดประตูห้องเข้ามา มองตรงไปจะเห็นโต๊ะคอม ทางขวาจะเป็นห้องน้ำ และจะมีกระจกบานใหญ่ติดอยู่ข้างกำแพงห้องน้ำ มองทางขวาจะเป็นเตียงนอน3เตียงครับ) คุยไปคุยมาผมกะแฟนก็เปิดกล้องกัน สักพักนึงก็มีเสียงเคาะประตู 3 ครั้ง ผมก็เดินไปเปิดแล้วผมก็หันหลังจะเดินไปที่เตียง แล้วพูดว่าเข้ามาเลย แต่ไม่มีใครเข้ามา เลยไปปิดประตู ผมหันไปมองหน้าไอ้ ท. มันก็มองก็หันมามองเหมือนกัน ผมก็กับมาคุยกะแฟนต่อ ก็มีเสียงเคาะอีกเหมือนเดิมเลยครับ ผมก็เดินไปเปิดก็ไม่เจอใคร ผมก็ปิดประตูแต่ยังปิดไม่สนิท ก็เหมือนมีคนดึงออกไปครับ ผมตกใจมากเลยวิ่งมากลางห้อง

ท : เป็นไรว้ะ
ผม : ตอนไปปิดประตูมันเหมือนมีคนดึงประตูออกไปหว่ะ
ท : เองคิดไปเองอะดิ บ้าาา
ผม : ก็ขอให้เป็นแบบนั้นอะ

     ตอนนั้นผมลืมไปเลยครับว่าผมคุยกับแฟนค้างเอาไว้ แต่พอไปหยิบมือถือที่วางไว้บนเตียง แฟนผมก็วางสายไปแล้วครับ ผมโทรไปแฟนผมก็ไม่รับสาย ผมก็ทักแชทไปว่า วางสายทำไมแล้วโทรไปก็ไม่รับ งอนอะไรหรือป่าว แฟนผมก็บอกว่า อะแกล้งกู ขยับตุ๊กตาทำไม แล้วเอาตุ๊กตามาหน้ากล้องทำไม ผมงงมากครับ แล้วบอกแฟนว่า ป่าวนะไม่ได้ทำ แล้วก็ลองเปิดกล้องกันใหม่ ตอนนั้นผมไม่กล้านั่งคนเดียวเลยมานั่งข้างๆ เพื่อน (ลักษณะจะเป็นหันหลังให้ประตู ข้าวขวาเป็นห้องน้ำ) ก็คุยกันปกติครับ สักพักนึงแฟนก็บอกว่าไหนอยู่กัน2คนไงแค่นี้ต้องโกหกเหลอ เมื่อกี๊กุเห็นคนเดินเข้าห้องน้ำ ผมกะไอ้ ท. หันมามองหน้ากันแล้วหันขวาไปทางห้องน้ำก็ไม่มีใคร ผมก็เลยตัดสินใจถือกล้องเข้าไปในห้องน้ำให้แฟนดู มันก็ตกใจเลยครับ มันบอกว่าเห็นจริงๆ แล้วผมก็เลยบอกให้แฟนผมนอนเพราะมันก็ดึกมากแล้ว สักพักก็ชวนไปดูดบุหรี่ครับ ก็ได้คุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มันบอกให้ไปตอนเช้าเถอะ กับมาในห้องก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก พอถึงเช้าปุ๊บประมาณเกือบ 6 โมงเช้า ก็มีคนมาเคาะประตู ปัง ปัง ปัง ผมคิดในใจเอาอีกแล้วเหลอ แต่เช้าเลย ผมกะไอ้ ท. เดินไปเปิดประตูด้วยกันครับ เปิดไปไม่เจออะไรเลยครับ พอกำลังจะปิด ก็มีเสียงแฮ่ พร้อมหน้าพี่ ต. มาโผล่ตรงประตู ผมกะไอ้ ท. สะดุ้งเลยครับ

     แล้วก็มาโวยวายใส่พี่ ต. ว่าจะมาแกล้งทำไมเนี่ยใจหายหมด สักพักนึงไอ้ ภ. โทรมาบอกว่าเห้ยเตรียมตัวได้แล้ว ผมกับไอ้ ท. ก็ผลัดกันอาบน้ำเสร็จสับเรียบร้อย ก็โทรไปหา พี่ ด. กะไอ้ ช. แต่ไม่รับสาย ซึ่งผมโทรไปหลายรอบมาครับ จนตัดสินใจว่าไปปลุกมันที่บ้านเลยล้ะกัน แต่ระยะทางจากบ้านไอ้ ท. ไปบ้าน ไอ้ ช. มันไกลมากครับ แต่ก็ไปกันโดยจะมีรถ2คันครับ พอไปถึงบ้านไอ้ ช. ก็ประมาณ 7 โมงครึ่งแล้วครับ รอมันอาบน้ำแต่งตัวก็ประมาณ 8 โมง แล้วไอ้ ภ. โทรมา มันบอกว่าให้มารอตรงปั๊มแถวๆ บ้านไอ้ ท. เลย ผมไอ้ ช. และพี่ ด. นั่งรถผมอัด3ไป ส่วนอีกคันนึงก็จะมี พี่ ต. กับไอ้ ท. ได้ขับนำไปก่อนแล้ว ผมและพี่ ต. ได้นำรถไปจอดไว้ที่บ้านของ ไอ้ ท. พอไปถึงปั๊มที่นัดกันไว้ ก็รอกันแปปนึง ไอ้ จ. ก็เดินมาหาพวกผม แล้วก็บ่นมันว่ามาสายเนอะ รถตู้แม่ของเพื่อนก็ขับมาจอดข้างๆ พอดีก็ขึ้นรถกัน บนรถก็จะมี แม่ พี่ ไอ้ ภ. และพี่ ม. ผมก็ได้พูดคุยถึงเรื่องเมื่อคืนกันครับ แต่เพื่อนๆ ที่ผมเล่าให้ฟังกับไม่เชื่อผม (เพราะผมเป็นคนชอบปั่น) คุยไปคุยมาผมก็เผลอหลับไป จำลางๆ ได้ว่าผมฝันว่าถึงแกร่งกระจานแล้ว ผมและเพื่อนๆ ก็เล่นน้ำกัน แล้วเหมือมมีคนมาดึงขาผม จนผมจมน้ำ และก็สดุ้งตื่นขึ้นมา เจอหน้าเพื่อนๆ ที่กำลังมองมาที่ผม

เพื่อน : เป็นไรว้ะ หน้าซืดๆ แล้วก็ทำท่าทางเหมือนหายใจไม่ออกเลย
ผม : ผมก็มันเรื่องที่ผมฝันว่าถึงแกร่งกระจานแล้ว ก็เล่นน้ำกันปกติ จนมีเหมือนมีคนมาดึงขาแล้วจมน้ำ
เพื่อน : แล้วไป เป็นแค่ฝันก็ดีละ (มันพูดมาทำนองนี้)

     จนไปถึงแกร่งกระจาน ประมาณ10โมงกว่าได้ ก็จอดรถขนของไปหาที่พักของญาติที่จองไว้ ซึ่งเขามาถึงก่อนแล้ว ผมและเพื่อนไปเช่าชูชีพ และเตรียมตัวเล่นน้ำกัน แต่เพื่อนก็พูดขึ้นมาว่า มาถ่ายรูปกันก่อนค่อยไปเล่น พอถ่ายเสร็จก็เดินไปเล่นสไลเดอร์กันครับ เล่นอย่างเมามัน ผมและเพื่อนเล่นน้ำกันนานมาก จนหมดแรง เลยจะไปหาอะไรกินกัน พอกินเสร็จแล้ว แม่ของเพื่อนก็พูดขึ้นมาว่า ล่องแกร่งกันมั้ย ไปกัน7คนนี่แหละ ก็ตกลงกันว่าไป ระหว่างที่รอนั้น ผมกับเพื่อนก็ไปเล่นสไลเดอร์อีกที่นึง (ลักษณะจะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ครับ)

      และแล้ว แม่ก็เดินมาบอกว่า เรือมาแล้ว พวกผมเลยขึ้นออกจากสระแล้วเดินไปที่เรือ ตอนนั้นผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย มันอึดอัดยังไงไม่รู้อธิบายไม่ถูก แล้วผมกับเพื่อนก็ขึ้นเรือกันหมด บนเรือก็จะมีเพื่อนผม และคนพายเรือ รวมกัน8คน ระหว่างที่ล่องแกร่งอยู่นั้น ข้างทางจะเป็นป่าทึบหมด มีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย จนสายตาผมเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึง ยืนเอาแขนเกาะต้นไม้อยู่ ผมก็พูดคนเฮียอะไรว้ะมายืนตรงนี้ มีแต่ต้นไม้แล้วแถวนี้ก็ไม่มีใครเลยเพื่อนๆ ก็หันมาทำหน้างงๆ ผมก็ชี้ให้มันดูครับ แต่พอมองไปอีกทีก็ไม่มีแล้ว เพื่อนผมคนนึงก็ถามคนพายเรือขึ้นมาว่า แถวนี้มีผีมั้ยพี่ เขาก็บอกว่ามีสิ เยอะด้วยนะโดนมาหลายคนแล้ว มันก็ถามต่อว่ามีตรงไหนเหลอครับ คนพายเรือก็ชี้เลยครับผม มองหันหลังมาทางผมแล้วชี้ไปแถวๆ ที่ผมเห็นผู้หญิงคนนั้น ผมใจสั่นเลยครับตกใจมาก แต่ผมก็เงียบไปไม่พูดอะไร เพื่อนๆ ผมเหวอกันหมด (ตอนที่ผมเจอผู้หญิงคนนั้นแล้วผมพูดอะคนพายเรือไม่ได้หันมามองที่ผมเลย) แต่ก็ช่วยกันพายเรือไปเลื่อยๆ ก็มีการกลั่นแกล้งกันเกิดขึ้นในหมู่เพื่อน โดนถีบโดนผลักตกน้ำมั่ง แกล้งกันขำๆ เล่นๆ กัน ตกน้ำกัน4คน และลอยตามน้ำไปเลื่อยๆ จนผมและเพื่อนๆ มองเห็นศาลเล็กๆ ตั้งอยู่กลางป่าเลยครับ ผมอุทานขึ้นมาว่า ศาลไรว้ะทำไมมาตั้งตรงนี้ (แต่ตรงศาลที่ผมเห็นของไหว้เต็มเลยครับ) พูดจบปุ๊บก็โดนตบเลยครับ ต่างคนต่างกระโจนขึ้นเรือกันยกใหญ่ ล่องเรือไปตามทางก็จะเจอต้มไม่ใหญ่ผูกผ้า3สีบ้าง เจอบ้านล้างบ้าง แต่นานๆ ทีก็จะเจอรีสอร์ทบ้าง ผมและเพื่อนเฮฮากันสนุกมากครับ จนล่องเรือมาเกือบถึงที่พัก ผมก็กระโดดลงจากเรือแล้วล่องไปตามน้ำครับ ก็มีเพื่อนกระโดดตามมา 2 คน แล้วผมก็รู้สึกว่าที่ขาเนี่ยมันเหมือนไปโดนพวกหญ้าใต้น้ำพวกตะไคร่น้ำครับ ก็ไม่ได้สนใจอะไร ล่องไปจนเกือบถึงฝั่งล้ะ มันมีคนมาจับขาผม แล้วกระตุกขาอะครับ ผมเอาหน้าจุ่มลงไปในน้ำเพื่อมองดู ก็ไม่เห็นอะไร คิดในใจอาจจะคิดไปเองหรือป่าวโดนหญ้าหรือป่าว แล้วผมก็ว่ายน้ำขึ้นฝั่งพร้อมเพื่อนๆ ที่อยู่บนเรือครับ แล้วต่างคนต่างแยกย้ายไปเล่นน้ำบ้าง ไปสไลเดอร์บ้าง จนเย็นมากแล้วครับ แม่ก็บอกว่าแม่ไปอาบน้ำก่อนนะ ไปเล่นกันก่อนใกล้จะกลับแล้ว ผมบอกเพื่อนว่าไปเล่นสไลเดอร์ที่สระทิ้งท้าย ก็ไปกัน สลับกันเล่น ในสระก็มีคนเยอะมากไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างคนต่างเล่นกัน ตอนนั้นผมและพี่ ม. ได้ขึ้นไปเล่นกัน ผมจะเป็นคนไหลลงมาก่อนแล้วผมก็ลอยอยู่ในน้ำแหละครับ แล้วพี่ ม. ก็หันหลังลงมาอะครับ แผ่นหลังของเขาเข้าดั้งจมูกผมหัก น๊อคคาสระน้ำ เลือดไหลเต็มสระ (เพื่อนมาเล่าให้ฟัง) จนผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ตอนนั้นผมอยู่ข้างสระแล้วครับ มีคนมามุงดูหลายคนมาก แล้วก็มีเสียงเรียกชื่ผม ตอนนั้นผมมึนหัวและปวดหัวมาก แล้วเสียงพี่ ม. เขาพูดขึ้นมาว่า ถ้ารู้สึกตัวให้บีบมือพี่ไว้ ผมก็บีบครับ แต่ที่ผมเห็นเนี่ยพี่แกยืนปรบมืออยู่ แต่แกเอาเท้ามาให้ผมบีบ-..- รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่ รพ. แล้วครับ มีไอ้ ภ. กะพี่ ม. นี่แหละครับที่เฝ้าผม
(ต่อไปนี้คือเรื่องที่เพื่อนผมเล่าให้ฟังนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

     เพื่อนผมเล่าว่า ตอนที่ผมนอนอยู่แล้วนั่งรถมาหาหมอเนี่ยผมส่ายหัวตลอดเวลาเลย แล้วพอถึงมือหมอ หมอก็บอกว่าเคสแบบนี้เจอมาหลายลายแล้ว ไปลบหลู่เขามาล่ะสิ ถึงได้โดนมาขนาดนี้ ดีนะที่น้ำไม่เข้าสมองไม่งั้นก็ความจำเสื่อมไปแล้ว ส่วนแม่และเพื่อนๆ ที่เหลือก็กลับบ้านกันไปครับ เพื่อนที่เฝ้าผมเล่าอีกว่า ตอนที่แม่กลับไปบ้าน เขาไปจุดธูปไหว้ศาลที่บ้าน ขอให้ปกปักรักษาผมที ขอให้ผมตื่น พอแม่พูดเสร็จก็ปักธูปครับ แต่ไม่ลง พยายามอยู่นาน สุดท้ายคนที่บ้านแม่เขามาท่องคาถาอะไรไม่รู้แล้วปักธูปลง แล้วแม่ก็โทรไปบอกเพื่อนที่เฝ้าผมว่าแม่จุดธูปบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว แม่ยังไม่ทันพูดจบ ลมที่จู่ๆ ก็พัดแรงขึ้นมาพร้อมเสียงต้นไม้กระทบกัน ไฟที่ รพ. ดับเลยวุ่นวายกันใหญ่ แล้วมันก็เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่บนกิ่งไม่ชี้มาทางห้องที่ผมนอนอยู่ แล้วไฟก็ติด ผมก็ลืมตาขึ้นมา (นี่คือเรื่องที่เพื่อนผมเล่านะครับ)
ผมตื่นมากลางดึก เพื่อนและพี่ที่เฝ้าผมก็รีบวิ่งเข้ามาหา ผมก็ถามว่าผมเป็นไรมากมั้ย เขาก็ไม่ตอบ จนผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คุยกับแฟนเลย ผมก็ขอมือถือเพื่อนมายืมคุยกะแฟนหน่อย มันไม่ให้ แล้วบอกให้พักไป (ในห้องที่ผมพักอยู่จะเป็นห้องรวมครับ ไม่ใหญ่มาก มีคนไข้อีก 3 คน นอนอยู่ฝั่งตรงข้ามผม) จังหวะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ผมเห็นผู้หญิงคนนึงยืนอยู่หน้าประตูห้องแล้วมองมาทางผมและเพื่อนๆ ผู้หญิงคนนั้นเหมือนคนที่ผมเจอตอนล่องเรือมาก ซึ่งระยะทางระหว่างเตียงผมกับที่ที่ผู้หญิงคนนั้นยืน ห่างกันไม่กี่เมตร ผมไม่ได้ตาฝาดแน่นอน ผมหันหน้ากลับมา เพื่อนก็ถามว่าเป็นไรหน้าซืดๆ ผมก็บอกว่าป่าว พอพูดจบแล้วเลือดที่จมูกผมก็ไหลออกมาเยอะมาก ก็เรียกหมอมาดูครับ หมอก็พูดว่าเลือดน่าจะหยุดไหลไปแล้วนี่นา ผมก็คิดว่าเพราะผมลุกมานั่งหรือเปล่า หมอก็ได้เอาผ้าเย็นมาประคบที่จมูก พอเลือดเริ่มหยุดแล้วผมก็เอาผ้าออกครับ แล้วก็นอนหลับไป ผมจำได้ว่าผมฝันเห็นผู้หญิงคนนั้นมายืนชี้หน้าผมที่หน้าห้องที่ผมนอนอยู่ ผมตกใจมากเขาชี้แล้วเดิมมาเลื่อยๆ แล้วมาหยุดที่ระหว่างกลางพี่และเพื่อนผมที่นั่งคุยกันอยู่ แล้วก็สะดุ้งตื่น พอผมตื่นพี่ที่เฝ้าผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ สักพักนึงพี่ก็วิ่งออกมาแล้วบอกว่า พี่เจอหว่ะ ตอนพี่ไปเข้าห้องน้ำมีคนเดินตามมาด้วยพี่ก็นึกว่าไอ้ ภ. พี่ก็เปิดประตูเข้าไปจู๊ดๆๆ อยู่ แล้วมีเสียงปิดประตูดังมาก ดังมาจากห้องข้างๆ เลย แล้วมีเสียงเหมือนท่องอะไรสักอย่างแปลไม่ออก พี่ตกใจเลยรีบวิ่งออกมาเนี่ย ผมและเพื่อนก็มองไปที่ห้องน้ำ มันมีห้องที่ปิดประตูไว้ห้องนึง ผมกะเพื่อนหันมามองหน้ากัน แล้วบอกพี่ว่า พี่เข้าไปคนเดียวนะ ไม่มีใครตามไปเลย พี่กะไอ ภ. เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วผลักประตูออกไป ก็ไม่มีใครอยู่ คืนนั้นก็ไม่ได้มีใครนอนเลย หมอก็เดินมาดูอาการเรื่อยๆ จนตอนเช้า น้าผมก็ขับมารับที่ รพ. ขากลับก็จะมา พี่ ม. ไอ้ ภ. ผม แล้วก็น้า น้าผมก็ถามเพื่อนว่าบ้านอยู่ไหนเดี๋ยวไปส่ง พอไปส่งปุ๊บ คนที่บ้านก็มาสวัสดีน้าผมที่กำลังจับพวงมาลัยรถอยู่แล้วหันไปสวัสดีเบาะหลังคนขับ ผมก็งง หันไปมองน้าเขาไม่พูดอะไร จนมาถึงบ้าน คนที่บ้านก็ทักขึ้นมาว่า แล้วผู้หญิงคนนั้นไม่ลงมาเรอะ เห็นกันหลายคนเลยครับ ผมก็เดินก้มหน้าเข้าบ้านไม่สนใจอะไรเลย จนน้าผมไปบอกคนที่ทักว่ามากันแค่ 2 คน พอผมหายดีไปซ่อมดั้งใหม่ ผมก็เข้าวัดบ่อยๆ ก็ไม่ได้เจออะไรอีกเลย


เรื่องจากพันทิป เจอดีตอนร่องแก่ง
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 4021247



27 พ.ย. 2562

เรื่องหลอนๆ ของสาวแอร์โฮสสะเตส


     ประสบการณ์สยองต่างแดนจากสมาชิกพันทิปนามว่า Sun Thou จากประสบการณ์การเดินทางที่ต้องพักค้างคืนหลายๆที่ทำให้เธอพบกับ ค่ำคืนสุดหลอนจากประเทศเนปาล ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีค่า ชื่อ ตาวนะคะ แอร์โฮสสะเตสสายหนึ่ง มาจากห้องแป้ง มาฝากเนื้อฝากตัวด้วยคน


วันนี้มาเล่าเรื่องน่ากลัวๆ กันดีกว่า คำถามแรกๆ ที่คนเป็นแอร์มักชอบโดนเลยก็คือ "เคยเจอผีมั่งป่ะ??" เพราะแต่ละวันเรานอนพักโรงแรมไม่ซ้ำที่ ค่ำนี้นอนปารีส ค่ำหน้านอนญี่ปุ่น คำนู้นนอนอินเดีย... เดินทางกันจนหน้าย่นหน้าเหี่ยวไม่เคยบ่น แต่มีอยู่เพียง Destination เดียวที่สาวๆ ที่นี่กลัวกันมาก หลายคนพอตารางออกแล้วเห็นมีไฟลท์ไปที่นี่ถึงกับขนลุกขนพอง ขอแลกไฟลท์กันจ้าละหวั่น ยอมแม้แต่จ่ายเงินเพิ่มเพื่อที่จะไม่ไป ลาป่วย หรือทำแม้แต่ขอ(แกมบังคับ)แลกไฟลท์เหียกๆ กับคนอื่น ไปเจอผู้โดยสารโหดๆ ดีกว่าเจออะไรหลอนๆ นะ!!

ที่ว่านั่นก็คือเมือง Kathmandu (กาฐมาณฑุ) ประเทศเนปาล นี่เอง... ไม่ต้องบอกว่าน่ากลัวขนาดไหน แค่เล่าประวัติโรงแรมก็ทำเอาขนลุกตามๆ กันละ ที่นี่(ใจกลางเมือง เรียกว่าโรมแรมที่ดีที่สุดในเมืองเลยนะ) เคยเป็นโรงพยาบาลเด็กมาก่อน และเจอไฟไหม้ครั้งใหญ่ มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก และในจำนวนนั้นแน่นอนว่าเป็นเด็ก และเค้าก็รีโนเวทใหม่ทำเป็นโรงแรม (เอิ่มมม คิดได้ T^T) ความหลอนเลยมาเยือนผู้พักอย่างเราเป็นระยะๆ


พอไปถึง... โรงแรมสวยงามใหญ่โต ตั้งอยู่ในเมือง มีสวยหย่อมมากมายเป็นระยะ แต่พอได้เริ่มหย่อนเท้าเข้าไปเท่านั้นแหล่ะ จะเสียวสันหลังเป็นช่วงๆ ไม่รู้ทำไม ... ยิ่งถ้าได้คีย์การืดเข้าห้องแล้วนะ เดินลากกระเป๋าไปตามทางเดินนี่ยิ่งน่ากลัว เพราะไฟมันสลัวมาก ไม่รู้จะประหยัดไฟไปถึงไหน!! พอเข้าไปในห้องเท่านั้นแหล่ะ ดูก่อนเลยว่าเตียงเดี่ยว หรือ เตียงคู่ ถ้าได้เตียงคู่ก็เตรียมตัวเลยค้า เอาของออก วางของลงบนไอ้เตียงที่ไม่ได้ใช้ให้เต็มๆ ไว้ก่อน 55555555+ เดี๋ยวตอนกลางคืนจะมีเพื่อนมานอนด้วย - -"


เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างทำด้วยไม้ แม้แต่ตรงหน้าต่างระเบียงก็เป็นไม้แกะสลัก... มันจะสวยอยู่หรอกถ้าห้องไม่หลอนขนาดนี้ ทีวีก็เล็กๆ ทุกอย่างดูเก่าคร่ำครึ กลิ่นอับลอยอยู่รอบตัว ปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความขนหัวลุกของที่นี่อีกอย่างคือ "ไฟชอบดับ!" ไฟมันดับได้ดับดี!! แถมไม่ใช่ครั้งเดียว เคยนับทีนึงดับๆ ติดๆ อยู่ 13 ครั้งในคืนเดียว!! เจ้ยยย ไหวม้ายยย เปลี่ยนเครื่องปั่นไฟด้วยยย =[]=!!

แต่เค้าบอกว่าที่นี่ก็แบบนี้แหล่ะ จะเอาอะไรมาก ได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว เหวยย เราเคยครั้งนึงอาบน้ำอยู่แล้วไฟดันดับ!! ทำอะไรได้ค้าบบบ สะดุ้งแล้วหลับตาดิ (เดี๋ยวเจอ555) ท่องพุทโธๆ ไม่เป็นไรๆ แผ่บุญให้นะค้า ไฟรีบติดนะค้า อย่ามาแตะตัวหนูน้า วิ่งออกไปตอนนี้ได้อายถึงรุ่นลูกแน่ค้า ประเทศนี้ตรูคงไม่มาเหยียบแล้วค้า... 2 นาทีที่ไฟดับนั้นมันช่างแสนทรมาน สัญญากับตัวเองอีกเลยว่าจะไม่อาบน้ำตอนค่ำอีกแล้วถ้าได้ทำไฟลท์นี้ T___T สักพักไปนอน เปิดไฟทิ้งไว้ ไฟดับอีกละ!! หายไป 10 ก็ติดใหม่! แล้วก็ดับอีก! แล้วก็ติดใหม่! จนตอนหลัง เออ ช่างแกเหอะ ชั้นง่วงไม่ไหวแล้ววว ติดๆดับๆ จนชินหลับไปเฉยเลย555


แถมเค้ายังเล่าลือกันอีกด้วยว่า บางที นอนอยู่ดีๆ จะมีคนมาเคาะที่หน้าต่างด้านนอก ซึ่งอยู่บนชั้น 4 ตื่นมาตอนเช้าบนหน้าต่าง หรือ กระจกโต๊ะเครื่องแป้งมีรอยมือเท้าเด็กติดอยู่ หรือแม้แต่ตอนกลางคืน ใครที่ชอบนอนเปิดทีวีดูแล้วหลับไปอย่าเผลอเปิดช่องการ์ตูนเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวจะมีน้องมานั่งดูด้วย... ทำไงได้ค้า แอร์ตัวน้อยก็ได้แต่ทำตามทุกอย่าง ไม่กลัวนะ แต่กันไว้ก็ดี 555555555 (นี่ยังกล้าพูดว่าไม่กลัวอีกเหรอ!!)


ส่วนตัวแล้วยังไม่เคยเจอ และไม่อยากจะเจอ แต่มีเพื่อนสาวชาวเซอร์เบียคนนึง ชีกลับจากบินแล้วรีบมาเคาะห้อง "ก๊อกๆ ตาวววววว มีไรจะเล่าให้ฟังงง" ลากเราออกมาจากเตียงแล้วบอกว่า เนี่ยๆ ไป Kathmandu มาล่ะ เธอรู้ใช่มั้ยว่ามันน่ากลัวยังไง แล้วตอนกลางคืนนะๆ คือแบบ กรี๊ดดดด (ตาโต อิเพื่อนชั้นมันโดนแล้วแน่ๆ!) ชีบอกว่าได้ยินเสียงมาจากห้องข้างๆ ตอนนอน ชีเลยรีบลุกขึ้นมามองไปรอบๆ แล้วรีบมุดตัวลงเตียง เสียงก็ยังไม่ไปอีก เป็นเสียงผู้หญิงร้องครวญคราง มันมาแล้ว หลอนแล้วววว ต้องเป็นผีเด็กผู้หญิง ไม่ก็นางพยาบาลแน่เลย! กำลังจะเตรียมตัวเผ่นออกจากห้อง ...ที่ไหนได้ ผ่านไปสักพัก เริ่มมีเสียง ตึง ตึง ตึง เหมือนหัวเตียงชนผนัง... เอ่อ ไม่ใช่ละ พอเสียงครางผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นมา คุยกันเป็นภาษาเนปาล และมีเสียงเปิดประตูแอ๊ดดด...ปัง

จบ...ชีตื่นเต้นมาก จ้ะ เจอผีจ้ะ!! คราวหน้าอย่าลืมอัดวิดิโอไว้ด้วยนะ จะได้เอาไปออกรายการคนอวดปี๋! - -"


เรื่องจากพันทิป  >> เรื่องหลอนๆ ของสาวแอร์โฮสสะเตส มาหลอนด้วยกันค่าาา
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปนามว่า Sun Thou

"ใครมาเล่นกับเรา"


     เรื่องสั้นจากประสบการณ์จริงของสมาชิกพันทิปหมายเลข 1097738 ครั้งหนึ่งที่โรงเรียนเตรียมทหารแห่งหนึ่งในค่ำคืนหลอนคืนหนึ่ง ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีครับทุกท่าน ในวันนี้ผมว่างๆผมจึงอยากเล่าเรื่องผีๆให้ทุกๆท่านอ่านนะครับ(เป็นเรื่องจริง)
จริงๆผมอยากเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์และผู้กำกับภาพยนตร์หนังแนวผีๆ ยังไงช่วยตำหนิเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ด้วยนะครับ
ว่าพอจะเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ได้ไหม อิอิ

ผมเริ่มเรื่องของผมเลยแล้วกันนะครับ
ผมขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า "ใครมาเล่นกับเรา" (เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับผม)

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 4 ปีก่อน ตอนที่ผมเรียนกวดวิชาเพื่อสอบเข้า รร เตรียมทหาร(สภาพคล้ายๆ รร ประจำแต่ยึดกฎทหาร)
ผมเลือกลงคอร์สประจำปี คือ ผมจะกินอยู่ เรียน นอน ที่นี้เลยเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยที่ผมดรอปเรียน ม4 เอาไว้
พอผมอยู่ไปได้ประมาณครึ่งปี ก็จะมีคอร์สเดือนตุลาคมจะเปิด(เป็นคอร์สที่นักเรียนทั่วไปมาเรียนในช่วงปิดเทอม)
เมื่อถึงคอร์สตุลาคม พวกผมเด็กประจำปี ก็ต้องไปเรียนรวมกับเด็กคอร์สตุลาคม ในตอนนั้นมีนักเรียนรวมทั้งหมดมีประมาณ 50 คน
ผมก็มีเพื่อนที่สนิทมากๆในตอนนั้นอยู่ 4 คน เรียกว่าเป็นแก็งค์เดียวกันเลย ก็จะมี ต้า ดาริ่ง(ผมเรียกว่าดา) หมู และผมเอง
ซึ่งใน 4 คนนี้ผมสนิทกับคนชื่อ หมู มากที่สุดเพราะเป็นคนกวนทีนเหมือนกัน

กลับมาที่เรื่องคอร์สตุลาคมนะครับ เมื่ออยู่กันไปได้ประมาณกลางเดือนตุลาคม ทุกๆคนต่างสนิทกันมากขึ้น
รวมไปถึงแก๊งค์พวกผมด้วย

มีคืนหนึ่งประมาณ 5 ทุ่มบางคนก็เริ่มเข้านอนแล้ว (ตึก 4 ชั้น เด็กคอร์สตุลาคมจะนอนชั้น 4 ประจำปีจะนอนชั้น 2 )
ผมก็คิดอยากทำอะไรๆสนุก ก็เลยพูดคุยกันในห้องนอนว่า "เราไปบุกชั้น 4 กันดีกว่า"
ผมกับเพื่อนก็หยิบหมอนข้างคนละอันถือ ขึ้นไปชั้น 4 พอไปถึงผมก็ "บอกว่า ห้องนี้ใครเจ๋งสุด! กูมายึดแล้ว 5 5 5 "
หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ พวกผมทั้ง 4 คนก็ไม่รอช้าเอาหมอนข้างที่ถือมา ตี ตี ตี ทุกคนในห้องที่มืดสนิท
แล้วคนในห้องนั้นก็สุ้ด้วย สู้กันอย่างเมามันส์จินตนาการไปถึงสนามรบ จากนั้นประมาณ 5 นาที
ก็มีเสียงบอกว่า "หยุด! หมอบบบบบ!" ซึ่งนั้น เป็นเสียงของผู้คุม พวกผมทั้ง 4 ไม่รอช้าที่จะวิ่งหนี
ในขณะที่วิ่ง ออกมาผมเห็น ไอ้ต้า กับไอ้ดา วิ่งลงไปชั้นล่างด้วยกัน
แต่ผมเห็นไอ้หมูวิ่งไปบนดาดฟ้า ผมจึงตัดสิ้นใจวิ่งตามไอ้หมูไปดีกว่าเพราะสนิทที่สุด

พอผมวิ่งตามไปผมก็ตะโกนเบาๆว่า "หมู..หมู..รอกูด้วยยยยย!"
หมู เงียบบ

แต่พอมาถึงดาดฟ้าผมก็เดินไปหาไอ้หมูก็ไม่เจอใคร ผมก็ตะโกนแล้วตะโกนอีกก็ไม่เจอ
ผมก็คิดว่ามันคงจะแอบที่ไหนสักที่หนึ่งบนดาดฟ้า แต่ผมก็หาไม่เจอ ตะโกนแล้วก็ไม่มีเสียงตอบรับ
ผมจึงตัดสินใจลงแล้วตะโกนทิ้งท้ายว่า "ถ้าไม่ออกมากูลงละนะ"

จากนั้นผมก็เดินลงมา ทันใดนั้นก็เจอผู้คุมพอดี
ผู้คุมพุดว่า "เนะ ไม่ต้องหนีเลย ไป ไป๊ เพื่อนโดนลงโทษอยู่ชั้นล่าง"

แล้วผมก็เดินลงมากับผู้คุม เห็นเพื่อนกำลังโดนลงโทษอยู่ ผมถึงกับตกใจเพราะ 1 ในคนที่โดนลงโทษมีหมูด้วย

ในขณะที่โดนลงโทษอยู่นั้นผมคิดในใจเสมอว่า "หมูลงมาตอนไหนทำไหมผมไม่เจอ ทั้งๆที่ทางขึ้นลงมีแค่ทางเดียว"
พอโดนลงโทษเสร็จแล้วก็อาบน้ำนอน ผมก็ถามหมูว่า

ผม "หมู ลงมาตอนไหนว่ะทำไหมกูไม่เจอเลย"
หมู งง แล้วก็ตอบมาว่า "ลงอะไรของว่ะ"
ผม "เอ้า! ก็ตอนวิ่งหนีอ่ะ กูวิ่งตามไปบนดาดฟ้า แต่ไปถึงก็ไม่เจอ แอบบที่ไหนว่ะ"
หมู "แอบไร กูวิ่งตามพวกไอ้ต้า ไอ้ดา ลงมาข้างล่างนี้แหละ"
ผมถึงกับอึ้ง...
หมู "กูก็ งง อยู่ว่าทำไหมวิ่งไปข้างบนทั้งๆที่พวกกูลงข้างล่างหมดเลย"
ดาริ่ง "ใช่ๆกูก็เห็นวิ่งไปชั้นบนคนเดียว"
ผม " เห้ยยย....ตลกแล้วเป็นไปได้ไงอ่าาา"

หลังจากนั้นทุกคนก็เงียบ แล้วค่อยๆขยับเตียงนอนมาชิดๆกัน

แล้วต้าก็กล่าวขึ้นมาว่า"หรือผีหลอกแล้วว่ะ ฮือ ๆ น่ากลัววะ"
ดาริ่ง " กูว่าแน่ๆเลย เพราะตอนที่เราเล่นกันนี้ อาจจะมีบางสิ่งที่มาเล่นกับเราด้วยก็ได้"

จบประโยคที่ดาริ่งพูด ผมถึงกับขนลุกเลย
เพราะผมคิดว่า ในตอนที่เรากำลังเล่นกัน ต้องมีบางสิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่ามาเล่นกับเราด้วย
และรู้สึกว่าสิ่งนั้นกำลังเล่นกับผมต่อ.....

จบลงไปแล้วนะครับสำหรับเรื่องนี้ฝากตำหนิด้วยนะ ว่าพอจะเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ได้ไหม อิอิ
สำหรับใครที่มีเรื่องราวหลอนๆฝากมาแชร์กันด้วยนะครับ

เรื่องจากพันทิป แชร์เรื่องผีๆ สยองขวัญ หลอนสุดๆ
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 1097738

26 พ.ย. 2562

เด็กวัด กับ เท้าปริศนาหน้าส้วม


     เรื่องสยองที่สมาชิกพันทิปหลายท่านยกย่องให้เป็นกระทู้ที่สยองมาก เล่าได้สนุกมากเข้าใจง่าย จากสมาชิกพันทิปหมายเลข 2876380 ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

...เรื่องนี้  เป็นเหตุการณ์เมื่อนานมาแล้ว  แต่ผมจำฝังจิต  ภาพยังติดตา
หากใครมาถามว่า  มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้คุณเชื่อว่าผีมีจริง  ผมก็จะยกเหตุการณ์นี้มาเป็นคำตอบตลอด
เรื่องมันไม่ยาวนักหรอก  ผมจะขอเอามาเล่าและยืนยันหนักแน่นว่า ผี ไม่ใช่เรื่องมโนขึ้นเอง  เพราะผมเห็นมากับตา จนขี้หดตดหาย เรื่องมันเกิดเพราะ "ส้วม"

...ผมจำปีได้แม่น ว่าตอนนั้นปี2541  บ้านผมฐานะยากจนและอยู่ใกล้วัด
ที่บ้านเห็นว่าผมชอบมาขลุกคลีในวัด  ชื่อ วัดหนองป่าตอสามัคคีธรรม  อยู่ที่ อ.สวรรคโลก  จ.สุโขทัย
ตอนนั้นผมก็เป็นเด็กๆเลย  ยายผมก็พามาฝากให้อยู่วัด  เป็นเด็กวัด
ก็ได้อาศัยข้าวก้นบาตร  และกับข้าวขนมนมเนย ประทังชีวิตแหละนะ

...หน้าที่ของผมก็ไม่มีไรมาก  ที่วัดจะมีรถเข็นใส่ปิ่นโต หม้อใส่ข้าวใบใหญ่ๆ  ผมก็จะเข็นมันตามหลังพระทุกเช้าไปรับบิณฑบาตร
ก็จะเดินตรงจากวัด ไปเริ่มรับบาตรที่ท้ายหมู่บ้านก่อนแล้ววนรอบหมู่บ้านกลับมาถึงวัด
พอพระหงายบาตรรับถุงแกง ปิ่นโต  ผมก็จะเป็นคนคอยจับรับต่อ เอาของมาใส่รถเข็น
พอข้าวเต็มบาตร พระก็จะเอาข้าวมาเทใส่หม้อ
เรียกว่าเช้าๆนึง  ของกินเต็มรถเข็นเลย
เพราะวัดมีวัดเดียว  และเป็นหมู่บ้านที่จัดว่าค่อนข้างใหญ๋
ชาวบ้านก็ใฝ่ในการทำบุญตักบาตร

....ผมก็พลอยมีของกินดีๆหรูๆไปด้วย  ใครว่าเด็กวัดลำบาก  ผมเถียงขาดใจว่าอยู่ดีกินดีกว่าเด็กตามบ้านอีกนะ
เวลาพระใช้ไปซื้อของกินของใช้ เราก็ได้ค่าจ้างทีละ5บาท10บาท
เวลาหลวงพี่บวชใหม่ ทนหิวไม่ไหว  ก็ได้ผมช่วยต้มมาม่าให้ฉันกลางดึก  (อุ๊ย อิอิ ก็มันเรื่องจริง)
พอดึกๆหลวงพี่บวชใหม่ปวดท้อง  ก็ได้ผมลงไปเป็นเพื่อนหน้าส้วม แลกกับค่าจ้าง

....ผมมีความสุขดีนะกับการเป็นเด็กวัด  ถึงคนภายนอกจะมองว่าต่ำต้อย   แต่ผมมองว่ามันคือโอกาสที่เราจะใกล้ชิดธรรมะคอยกล่อมใจ
และเราก็ได้กินอิ่มไม่ต้องหิวโหย
ในวัดนี่ผลไม้รากไม้ก็มาก มะม่วงผมไม่เคยอด
เด็กข้างนอกคนไหน  ตามพ่อแม่มาวัด แล้วคิดจะมาสอยมะม่วงวัดกิน
จะเจอผมขวางตลอด  ถือว่าเราคือเจ้าถิ่นไง

....ทีนี้ไอ่การเป็นเด็กวัด  สิ่งที่ต้องเจอคืองานศพ
คนบ้านหนองป่าตอ  เวลามีคนตาย  นิยมเอาศพมาตั้งที่บนศาลาการเปรียญของวัด
เพราะมันกว้างขวาง  สถานที่สะดวกสบาย  ก็แค่ถวายค่าน้ำค่าไฟวัดเท่านั้นจบ

....ในช่วงของการตั้งศพ  มันก็ไม่ค่อยอะไรหรอก  เพราะญาติๆเขาจะมาอยู่กันเต็มศาลา
พอดึกๆ ก็จะมีวงไฮโลอยู่เป็นเพื่อนเจ้างาน
ผมก็ไปยืนลุ้นจนดึกดื่น  แทงบ้าง5บาท10บาท  หมดก็เลิก  เพราะถ้าเล่นมากเกิน  หลวงพี่ที่ดูแลผมรู้  จะโดนสายไฟถักได้ โดนตีด้วยสายไฟถักบอกเลยว่าเจ็บมากๆ

....แต่พอหลังจากวันเผาสิ  เขาจะเผาศพช่วงเกือบๆเย็น  บ่าย4โมงเย็นกว่าๆ  นัยว่าเขารอให้โรงเรียนเลิกก่อน
เพราะเมรุวัดหนองป่าตอ  อยู่ใกล้อาคารเรียนมากๆ
ผมเลิกเรียน ก็ทันไปแย่งเก็บที่เขาโปรยทานหน้าเมรุพอดี

...แล้วผมเหมือนโรคจิตนิดๆคือ  กลัวผี  แต่ชอบมุดไปเกาะขอบโลงดูศพ  ตอนที่เขาเปิดฝาโลงแล้วผ่ามะพร้าวเอาน้ำล้างหน้า
พอดูเสร็จก็จำติดตา   พอกลับถึงวัดก็จะรีบอาบน้ำก่อนค่ำ  พอกลางคืนผมจะไม่ลงจากกุฏิรวม  ที่ผมนอนเลย
ถ้าปวดฉี่  ก็จะยืนฉี่จากหน้าต่างเลย แบบนี้จริงๆ

...ห้องที่ผมนอน  คืนไหนที่เขามีการเผาศพ  ผมจะล๊อคกลอนทุกบาน  ร้อนก็ยอม
แต่จำได้ว่าคืนนั้น  เป็นคืนของวันที่เมื่อตอนบ่าย  มีการเผาศพของชายคนนึง
จำไม่ได้ว่าแกชื่ออะไร  แต่แกเป็นคนคุ้นเคยของพระทั้งวัด  ผมเคยเห็นบ่อยๆ  แต่ไม่กล้ายุ่งด้วย
เพราะแกพูดจาดุๆ  แกชอบมาที่วัด  ช่วยวัดแทบทุกงาน  งานอะไรที่ใช้แรง เห็นแกตลอด
วันพระแกไม่เคยพลาด

....ทีนี้แกไม่รู้ไปทำอิท่าไหน  โดนยิงตายคารถ  ตายโหงเลย  ญาติก็พาศพมาตั้งที่วัดแหละ
พอคืนวันเผา  พระท่านก็พากันปิดกุฏิเงียบเลย   ผมก็ถามแหละว่าทำไมหลวงพี่จำวัดกันไวจัง
ท่านก็บอก  คืนนี้ เผา ไอ่....ไป  มันตายโหง  แล้วแกสนิทกับพระทุกองค์  ท่านเลยพากันกลัว  กลัวแกคนที่ตายจะมาหา

...ผมก็ลงไปนั่งเล่นกับหมา  ที่ตะพักปูนด้านล่างบันไดขึ้นกุฏิแหละ  เราก็ยังอุ่นใจไง  เพราะที่เมรุ จะมีลุงสับปะเหร่อ กับพวกอีก2-3คน  นั่งก๊งเหล้าเฝ้าเตาเผาศพอยู่  ก็จะเห็นแกเปิดประตูที่ปิดช่องใส่โลง  เอาเหล็ก2ง่าม  กระทุ้งศพเป็นทีๆ ผมก็เคยเข้าไปดูใกล้ๆหลายทีเหมือนกัน
แต่ภาพในช่องเผามันสยองเกิน  ศพจะดำๆบิดๆเบี้ยวๆหงิกหงอตามแรงไฟ   ได้กลิ้นไหม้ๆชวนอ้วกมากๆ
พอศพไหม้หมดแล้ว พวกแกถึงจะพากันกลับ  แล้วจะมาแปรธาตุเถ้ากระดูกตอนเช้า

.....ผมก็ไม่ได้รอจนลุงแกกลับหรอก  ก็ขึ้นกุฏิไปนอนก่อน  แต่คืนนั้นผมปวดท้องหนักมาก  พยายามจะกลั้นแล้ว  แต่ก็ไม่ไหวแล้ว คุณคงเข้าใจอารมณ์คนท้องเสียดี   แล้วกุฏิพระมันไม่มีส้วม  จะเข้าส้วมคือ  ต้องเดินไปเข้าส้วมที่อยู่ใต้ศาลาการเปรียญ สถานที่ตั้งศพนั่นแหละ
ผมไม่มีทางเลือกแล้วไง  เคาะประตูห้องพระองค์ไหน ก็ไม่มีใครหืออือ

"ก๊อกๆๆหลวงพี่ ผมปวดท้อง ไปเป็นเพื่อนหน่อยครับ"
-----เงียบกันหมด---------
ผมก็่อ่ะไม่ไหวแล้วไง  เลยวิ่งไปเข้าส้วม  พอกำลังเบ่งๆ หมาแมงเห่าหอน บู๊วววๆๆๆบร็วววววววว ระงมวัดเลย
หนังหัวลุกเลยผมตอนนั้น  ก็ใจเสียเลย แต่เบ่งต่อ  พอสุด ก็จะตักน้ำล้างก้นแหละ  พอเอี้ยวตัวไปคว้าขันในอ่างข้างๆจะล้างก้น
หันกลับมา  โอ้ย ใจผมตกวูบไปอยู่ที่ก้น  หน่วงไปทั้งพุง ใจหวิวๆ  ก็ประตูส้วมวัด  ด้านล่างมันจะมีช่องเล็กๆ เพราะซี่พลาสติกมันหัก เลยจะมองเห็นด้านนอกประตู  ไฟหน้าส้วมมันก็มัวๆ แมง  เท้าใครก็ไม่รู้ครับ  เขียวๆคล้ำๆ รองเท้าไม่ใส่  มายืนอยู่หน้าส้วม แบบเห็นด้านข้างเท้า

....ผมแทบร้องไห้  แต่มันกลัวมากๆไง  ก็แทบหยุดหายใจ  เลยทำตัวนิ่งๆ ไม่กระดุกกระดิก  ผมหลับตานั่งขี้คาตูด หายปวดท้องสนิทเลย
หลับตาอยู่พักนึงเลยลืมตา  เท้าหายไปแล้ว  ผมรีบล้างก้นใส่กางเกง  แต่ยังไม่กล้าเปิดประตูส้วม  กลัวเปิดออกไปแล้วเจอแต่เท้าคู่นั้นผมจะทำไงล่ะ
ทำใจอยู่พักใหญ่  ก็ค่อยๆแง้มๆดูซ้ายขวา ไม่มีอะไร  แต่ภาพเท้านั่นโคตรติดตาเลย  พอออกจากส้วมได้ ผมก็ซอยเท้ายิกๆขึ้นกุฏิเลย

...คุณลองนึกภาพว่าคุณเป็นผม  แล้วเห็นแบบผมดูสิ  คุณจะทำยังไง  จะกล้าเปิดประตูออกมาดูวัดใจไปเลย  หรือจะเลือกนั่งนิ่งๆแบบผมล่ะ.....

ตอนเช้ามาก็ได้ยินลุงสัปปะเหร่อ มาบ่นให้พระฟังว่า  ศพที่พึ่งเผาไปเมื่อคืน  ส่วนของเท้าข้างนึงดันไหม้ไม่หมด  เหลือเนื้อติดกระดูกเป็นก้อนอยู่
แกก็ถามรองเจ้าวาสว่าจะให้ทำยังไง  ท่านก็บอกเอาโยนลงสระวัดไปเลย
โอยยยยยยยยย ผมเห็นเต็มตาตอนเขาเอาเศษเท้าที่ไหม้ไม่หมดโยนลงสระวัด  ที่มีกุฏิเจ้าอาวาสอยู่กลางสระ โดยมีสะพานเดินข้ามไป
ปลาดุกในสระตัวใหญ่ๆ แมงรุมกินเศษเนื้อจากเท้าศพ    ใครบัด--ซบ..มาชวนผมตกปลาดุกในสระวัดหนองป่าตอมากิน  บอกเลยว่าเชิญเอาคนเดียวเถอะ
ถึงว่าทำไมปลาดุกในสระวัดตัวใหญ่ๆทั้งนั้น  สงสัยจะหลายรายแล้วมังที่ลงไปเป็นอาหารปลาวัด....หรือใครอยากจะลองเปิบพิสดารก็ไปลองได้นะ
แต่ผมคนนึงล่ะที่ไม่เอาด้วย   ภาพเท้าหน้าส้วม  ยังติดตาลืมไม่ลงมาจนวันนี้เลยครับ.....

เรื่องจากพันทิป เด็กวัด กับ เท้าปริศนาหน้าส้วม ..ถ้าคุณเจอแบบผม คุณจะทำยังไงล่ะ
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 2876380

เรื่องเล่า ของจ่าทหารเรือ


     เป็นประสบการณ์จากจ่าทหารเรือสมาชิกพันทิปหมายเลข 2876380 เล่าถึงคร้งที่ถูกส่งลงมาประจำการที่ฐานทัพเรือพังงา เรื่องราวจะเป็นอย่างไรเชิญติดตาม ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

…ผมเคยเป็นทหารเรือ  สังกัดกองบัญชาการนาวิกโยธิน  ฟังดูเท่ห์ล่ะสิ  โอโห้  ทหารเรือ น.ย.หน่วยรบนะนี่
รบกับผีน่ะสิ ไม่ได้ยิงอะไรสักแปะ   วันๆถือปืนเอาแต่ยืนยามเฝ้าหน้าบล็อกทางเข้าฐานทัพ คอยตะเบ๊ะและตรวจรถที่เข้าออก   ว่างๆก็เดินตัดหญ้าริมถนน...พุ่งหลัง วิดพื้น  แบกโลก  บางทีก็เอามือไพล่หลัง ปักหัวลงดิน  เอาให้เหนื่อยกันไปข้างนึง
จนบางทีโดนสั่งทำโทษ  จนอยากจะลุกขึ้นมาไล่เตะปากจ่าๆที่สั่งนักสั่งหนา  เหนื่อยนะเว้ย    แต่ก็ได้ลาบานูน (คิดในใจ)
ก็ทนๆกันไป  เพราะเราเป็นทหาร  ต้องมีระเบียบวินัย  เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา  เนอะ..

....ตอนนั้นหลังจากฝึกเสร็จที่ชลบุรี  ฐานทัพใหญ่ของกองทักเรือ  ผมก็โดนส่งลงมาประจำการที่ฐานทัพเรือพังงา  ข้างบ้านทับละมุ   ทหารหน้ามนคนจนชาวเหนือที่มาใช้ชีวิตอยู่ปักษ์ใต้น๊านนาน จนคำพูดติดทองแดง พูดเหนือปนปักษ์ใต้จนกลายเป็นคนแปลกๆเพราะคุยกับญาติๆทางเหนือเค้าก็บอกอู้อ๊ะหยังฟังบ่าฮู้เรื่อง    คุยกับคนใต้เค้าก็บอก แหลงภาษาไอ่ไหร๊ว๊า  แล้วก็หัวเราะบอกทองแดงหล่นแล้วเดรพี่บ่าว

....กระผ๊ม พลทหารหน้ายิ้ม  นามสกุลติงต๊อง ขอรายงานตัวครับ   ยิ้มมาเลยนะตอนต้อนรับ  เจอกันครั้งแรก  เราก็อุ้ย   จ่าที่ฐานทัพเรือพังงาน่าจะใจดีกว่าจ่าที่ชลบุรีแฮะ แบบนี้เดี๊ยน เอ้ย ผมปลื้ม   พอหลังจากวันแรกเท่านั้นแหละ  เสียงตะคอก คว่ำหน้าลงไป  พุ่งหลัง100ยก  วิดพื้น50ยก  เจอแมงทู๊กวัน  เว้นๆบ้างก็วันที่จ่าอารมณ์ดีหรือถูกหวย

....ผมก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยม   ผมเองช่วงนั้นก็ไม่มีแฟน  ก็เพราะไม่มีแฟนนี่แหละถึงสมัครไปรับใช้ชาติ  เพราะไม่มีอะไรต้องกังวลหรือกลัวเมียหนีไปเอาคนอื่นแบบเพื่อนๆในทัพหลายคน (น่าสงสารมันมาก ไว้วันหลังจะเขียนเรื่องชีวิตทหารเรือให้อ่านเนอะ)   โชคดีที่ผมไม่ใช่คนเที่ยว กินเหล้าหรือเมายา  กลางค่ำกลางคืน เพื่อนๆพากันไปเที่ยวสาวๆ ตรง3แยกหน้าถนนทางเข้าฐานทัพ  แหล่งกินตับของทหารชายกลัดมัน  ส่วนตัวผมนั้นขี้อายจะให้ไปล่อนจ้อนต่อหน้าคนที่ไม่ได้เป็นคนรักคงไม่ไหว  เลย ว้าว!!  อยู่ที่ฐานแทน  ก็ยอมรับแบบแมนๆ ก็ผู้ชายเนาะ


......ช่วงนั้นเป็นเหตุการณ์หลังสึนามิได้3ปี   ที่ทับละมุนั้น  ผมก็เคยได้ข่าวมาว่าคนตายเป็นเบือ  ศพเต็มหาด  บางศพไปเกยค้างอยู่กับต้นสน  ท่านนายพลกำลังตีกอล์ฟ ก็ยังโดนคลื่นกวาดจมหายไปพร้อมกับพริตตี้สนามกอล์ฟ (แคทดี้ละมั้ง)  ไม่รู้จะไปตีกอล์ฟกันต่อที่ก้นทะเลหรือเปล่า   นัยว่าก็ตายโหงกันเยอะเลยบริเวณนั้น (จ่าคนเล่าแกว่างั้น)

….ทุกเย็นผมจะขอไปเตะบอล เตะฟุตซอล กับทหารหน่วยกองเรือ   ก็ที่นั่นจะมีท่าเรือของทหารเรือหน่วยเรือ  จะมีเรือรบหลายลำ  พอผมไปเตะเป็นประจำ ก็ได้รู้จักกับจ่าหน่วยเรือคนนึง  ขอไม่เปิดเผยชื่อแล้วกัน  ไม่ได้ขออนุญาตแกมาเล่า  เดี๋ยวแกโทรตามมาสั่งพุ่งหลังผมที่ทำงาน จะแย่
....พอเตะบอลกับจ่าบ่อยๆ ก็เริ่มคุ้นเคย และเริ่มสนิทกันเพราะนิสัยใจคอคล้ายๆกัน ธรรมะ ธรรมโม ว่างก็วางลอบ จับปูม้าในทะเลข้างฐานทัพ ต้มแดรกแมงเลย  ไงล่ะธรรมมะธรรมโมฝุดๆ   พอผมว่างแกก็มาชวนแหละ แถวนั้นมันเป็นเขตฐานทัพไง  พวกสัตว์น้ำชุกชุม  วางลอบเอาไว้ตอนเช้า  เย็นๆไปเก็บ  มีปูสดๆกินฟรีทุกที  แกจะเอาเนื้อปลามาหมักๆไว้ให้เกือบเน่า แล้วเอาใส่ลอบดักปูไปวาง  แกว่ากลิ่นเน่าๆของปลา มันจะล่อให้ปูม้าเข้ามากินแล้วออกไม่ได้  แล้วเราก็จะกินมัน

….ผมก็เดินลุยทะเล เป็นลูกมือแกไป เพราะแกก็อายุมากแล้ว แต่สอบขึ้นพันจ่าไม่ได้สักที   แกบอก สู้พวกจ่าหนุ่มๆไม่ไหว  พวกนี้เค้าฉลาด  แกก็เลยว่า  อยู่แบบนี้ไปจนเกษียณหรือลาออกก่อนก็แล้วกัน  ผมก็คุยกับแกนะ พอเอาลอบขึ้นมาแต่ละอัน จะเจอปูม้า บางทีก็มีปูดำตัวใหญ่หลายตัวติดอยู่    อยู่ๆแกก็พูดขึ้นมาว่า

   “นี่ถ้าเป็นช่วงหลังสึนามิเนี่ย   ไม่มีใครกล้ากินปูปลาแถวนี้ร้อก”

   “ทำไมครับจ่า”

   “ขนาดปลาเน่าที่เอามาทำเหยื่อ ปูยังเข้ามาแดรกตรึม  ลองคิดถึงศพเน่าเต็มทะเลแถวนี้สิ”

   “จ่าอย่าพูดเลยครับ  เดี๋ยวผมจะแดรกไม่ลง”

    “นั่นล่ะที่กูต้องการ กูจะได้แดรกคนเดียว ฮ่าๆๆๆ”

     “จ่าอย่าว่าผมงั้นงี้เลยครับ  จ่าติงต๊องกว่าผมอีกเนอะ  จ่าเป็นตลกหรอ”

     “ใครอยากเป็นเศรษฐี”

     “ฉันน่ะสิ  ฉันน่ะสิ แฮร้!!”

     “จ่าครับ ตอนสึนามิมา  จ่าอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า”

       “ กูนี่แหละ  ที่ออกเก็บศพพวกที่ตายขึ้นเรือ”

       “วันนั้นเป็นยังไงบ้างครับ  ผมอยากรู้ แล้วจ่ารอดมาได้ยังไง ไม่น่าจะรอดมาได้ เห็นเขาบอกแถวนี้ตายเยอะ”

       “วันนั้น พ.ศ.2504 ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม  สึนามิต่างมาชุมนุม  ถถถถถถถถ”..    -  -“

       “จ่า อย่าเอาฮาดิ  คนอ่านเขาจะด่าคนเขียนแบบผม  ขอเนื้อๆ น้ำทะเลไม่ต้อง ว่าจะเล่าสั้นๆ ทำท่าจะยาวอีกแล้วเนี่ย”

.”งั้นจะเล่าให้ฟัง”

......วันนั้นจ่า  นั่งเต๊ะท่าวางมาดเป็นนายยาม  อยู่บนเรือ  ไม่มีการเตือนหรือแจ้งล่วงหน้าใดๆ  อยู่ๆก็รู้สึกว่าเรือมันไหวๆวูบๆ  สักพัก พลทหาร ที่เข้ายามคู่กัน  ก็วิ่งหน้าตาตื่นมาจากหัวเรือ  เพราะเรือหันหน้าออกไปทางทะเล

    “จ่าๆคลื่นสูงเทียมยอดไม้เลยกำลังตรงมาทางนี้ครับ”

แต่มันช้าเกินไป  ทำอะไรไม่ได้แล้ว  จ่าได้แต่บอกให้พลทหารคู่ยาม หาที่กำบังและเกาะแน่นๆ  พอคลื่นมาถึงตัวเรือ   เชือกที่ผูกเรือกับพุก ก็ขันเกลียวแน่น เสียงเชือกเรือลั่นเปรี๊ยะๆปริ่มๆจะขาด  เรือเคลงไปเคลงมาอย่างหนัก  เราเป็นเรือขนาดกลาง
พอคลื่นมา  สิ่งเดียวที่จะรักษาชีวิตคนบนเรือได้ คือ เชือกหัวเรือ  กลางลำ และท้ายเรือ  ที่ก็ไม่ได้เส้นใหญ่อะไร   คือถ้าเชือกขาด  ทุกอย่างจบแน่ๆ  ชีวิตของทหารบนเรือด้วย
ดูอย่างเรือใกล้ๆกัน  อย่าง ต.215  โดนกระชากหลุดจากท่า  จมไปอยู่ก้นทะเล  ขนาด เรือหลวงกระบุรี  ลำใหญ่ๆคลื่นยังกระชากจนเชือกขาด  ลากขึ้นไปอยู่บนบก  จนต้องเอาแบ๊คโฮมาขุดแล้วชักลากกลับลงน้ำ


....จ่าแกชี้ให้ดูซากต้นสน  ที่กองอยู่เต็มบริเวณนั้น  แกบอกตอนก่อนสึนามิ  ต้นส้นต้นใหญ่ๆพวกนี้เคยยืนต้นเต็มบริเวณนี้  แต่พอคลื่นมา  ต้นสน ก็โดนถอนรากหมด  จนเป็นแบบที่เห็น   ตอนคลื่นมา มันสูงประมาณคาคบต้นสน   แล้วแกก็ชี้ให้ผมดู  แกบอกเสียงตอนมันปะทะต้นสนดังสนั่นหวั่นไหว


.....พอหลังเหตุการณ์ผ่านไป  มีการออกสำรวจติดตามค้นหาศพ  แกบอกเฉพาะฐานทัพนั่นออกข่าวว่า7-8ศพ  แต่จริงๆแล้วไม่ต่ำกว่า100  เพราะ วันที่เกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ที่เกิดเหตุส่วนใหญ่ลูกหลานทหารเรือจะวิ่งเล่นกันหน้าบ้านพักซึ่งตั้งเรียงรายกันอยู่นับสิบอาคาร ขณะที่บรรดานายทหาร นักท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง กำลังออกรอบตีกอล์ฟในสนามกอล์ฟ“ศูนย์พัฒนากีฬาทับละมุ” ของฐานทัพ ซึ่งอยู่ติดกับทะเลรับคลื่นยักษ์ตรงๆ โดยที่มีลูกหลานทหารเรือทำงานเป็นแคดดี้

   
       “วันนั้นมีรถที่เข้ามาตีกอล์ฟประมาณ 50 คัน คนที่อยู่ในสนามกอล์ฟวันนั้นคาดว่าประมาณ 200 คน เพราะเป็นวันหยุด แขกเยอะ ก็คงไม่มีเหลือ”
….พอออกตามค้นหาศพ  ก็เจอแค่บางศพ ติดอยู่ตามต้นไม้บ้าง  โขดหินบ้าง  และที่น่าจะโดนลากลงก้นทะเลก็อีกมาก ตามหาไม่เจอ    ........

    “แล้วมีผีไม๊ครับหลังจากนั้น”

    “บ๊ะ!!! มันก็ต้องมีผีอยู่แล้วสิ นี่ห้องเรื่องเล่าสยองขวัญ คนอ่านเค้าต้องการเห็นผีอยู่แล้ว เอ้า..ผีมา”

    “แมน แมน แมนเชสเตอร์ ยู๊น๊าย เต็ด “   “คนละผีแล้วครับ”

....พอหลังเหตุการณ์  เรือที่จ่าประจำการอยู่  ก็ได้รับคำสั่ง  ให้ออกทำการสนับสนุนการค้นหาศพผู้เสียชีวิตในทะเล  ก็มีทีมกู้ภัย ประดาน้ำ  ออกติดตามกันหลายหน่วย  จ่าและพลทหารบนเรือก็คอยอำนวยความสะดวกให้  แกบอก สภาพศพแต่ละคนเริ่มเปื่อย  บ้างก็มีรอยขาดรอยแหว่งเหมือนถูกกัดกิน มีทั้งไทยและเทศ  เพราะแถวนั้นมันเชื่อมกับหาดบางเนียง ที่ฝรั่งเยอะ  พอออกไปเก็บก็เลยได้เต็มท้ายเรือ


....สภาพศพคือน่าสงสารมากๆ  ยังกับซอมบี้ในหนังเละๆพังๆ  ทำเอาทหารเรือจ่าที่ร่วมเหตุการณ์  กินเนื้อไม่ได้กันไปนาน  ต้องหันมากินผักแทน  พวกอาหารทะเลอย่าได้มาวางขายเชียว  ไม่กล้ากิน
เก็บๆแล้วก็ห่อด้วยผ้าขาว  วางๆเรียงๆกันเต็มท้ายเรือ  น้ำเลือดน้ำเหลืองไหลเยิ้ม แล้วเรือจ่า เป็นเรือหลวง1ใน2ลำ  ทีท้ายเรือปูด้วยไม้ปาเก้  น้ำเลือดน้ำหนอง หยดลงสู่ไม้  จะเกิดอะไรล่ะ  กลิ่นคาวคลุ้ง ที่แม้ศพจะเอาออกไปแล้ว  แต่กลิ่นมันคาวติดไม้อยู่แบบนั้นน่ะสิ  ขนาดขัดล้างกันด้วยโซดาไฟผสมแฟ้บ ไม่รู้กี่รอบ ก็ไม่หายขาด  น้ำมันจากร่างกายคนนี่นะ คาวมาก

    “แล้วผีมาตอนไหนครับ”

    ...ก็นี่เลย   ขับรถออกไปกลางคืน จะไปนอนบ้านเมียน้อย  ตรงทางเข้าลำเหมือง
พอขับออกจากด่านนาวิกไป ใกล้ๆสนามกอล์ฟ  ทางมันมีแต่ป่า ดงกระถิน แสม ไรพวกนี้ มืดๆเลย
เห็นฝรั่ง3-4คนยืนโบกรถ  ตอนแรกก็กะว่าจะจอดถาม แต่ก็เอะใจ  ในนี้มันฐานทัพ  พวกทหารยามคงไม่ปล่อยให้ชาวต่างชาติมาเดินเพ่นพ่านหรอก  แล้วก็จริงดังคิด พอไม่ยอมจอด ขับเลยมา มองกระจกข้าง  ถึงกับอุทาน  ..เสด็จเตี่ยช่วยด้วย   ตะกี้เห็นชัดๆไฟหน้ารถส่องเต็มตาว่าฝรั่งโบกรถอยู่  พอขับผ่านมาไม่กี่เมตร  กลับหายไปเหมือนไม่เคยมีใครตรงนั้น  เพื่อนจ่าก็เหยียบเต็มตีนเลย

……อีกคนที่โดนคือ  พลทหารยามบนเรือ  ช่วงนั้นพอขนศพเสร็จ  เขาลำเลียงศพออกไปหมดเรือแล้ว ทหารในเรือก็ช่วยกันล้างคราบน้ำเลือดน้ำหนองที่นองท้ายเรือ  แต่กลิ่นยังคงอยู่   ทหารยามจะเข้ายามกันผลัดละ2ชม. กลางวันกับหัวค่ำไม่เป็นไรหรอก  แต่พอสิ้นนกหวีดเรือที่โหยหวนกรี๊ดร้องเหมือนเสียงเปรตที่เป่าออกลำโพงเรือ  ดังไป7คุ้งน้ำ พร้อมประโยค  “นอน นอนหมดคน”

...ทุกคนก็พากันพักผ่อน  เหลือไว้แต่พลทหารที่เข้ายาม ผลัดละ1คนสะพายเอ็ม16 ประจำอยู่ที่กลางลำ
แกว่าไอ่พลทหารคนนี้ มันเข้าช่วง ตี2 ถึงตี4  แกเป็นนายยามกำลังหลับสนิท  อยู่ๆมันก็มาเขย่าตัวจ่าที่เตียง

   “จ่า  จ่า จ่าครับ”

   “หืมมม มีรายวะ (อารมณ์เมาขี้ตาเลย)”

    “จ่าไปดูท้ายเรือหน่อยครับ”

    “อะไรของมืง  ท้ายเรือมีอะไร”

    “มีคนมานั่งอยู่ท้ายเรือครับ ไม่รู้พวกไหน  จ่าไปดูหน่อย”

....พอจ่าแกลุกขึ้นไปดู  ก็ไม่มีใคร  แต่พลทหารคนนั้นก็ยืนยันว่าเห็นจริงๆ จ่าแกก็หงุดหงิดเพราะมากวนเวลานอนโดยที่ไม่มีอะไร  แล้วก็ไม่ใช่แค่คนเดียว  ยังมีอีกคนเข้ายามตอนดึกเหมือนกัน  แต่คนละเรือ บอกว่าเรือของจ่าเป็นเรือผีสิง  เพราะพลทหารที่เป็นยามอยู่เรืออีกลำบอกว่าดึกๆเดินตรวจมาทางหัวเรือ  มองไปทางเรือที่ใช้ขนศพ  ก็เห็นเงาคนนั่งเต็มท้ายเรือ  บางเงาก็นั่งห้อยขาข้างเรือ เป็นที่สยองขวัญมาก  จนมีการแซวเล่นว่า  เรือจ่าไม่ต้องมีทหารยามก็ได้มั้ง  มียามพิเศษมาช่วยเฝ้าแล้วนั่น   เรื่องผีท้ายเรือ ทำเอาพลทหารที่ต้องเข้ายามตอนดึกๆหวาดกลัว  เพราะการจัดยามจะรู้ล่วงหน้าว่าใครอยู่ผลัดไหน  แต่ก็ทนกันมาได้  จนไม่มีมาให้เห็นอีก  คงจะเพราะการทำบุญใหญ่เรือด้วยละมัง

…อีกพวกที่เจอ คือ นาวิกเฝ้าด่าน  ยืนเฝ้าด่านตอนดึกๆ ทางที่พ้นจากด่านท่าเรือไปทางสนามกอล์ฟมันมืดๆมีไฟแค่เสาไฟบางต้น   พอดึกๆ ก็เพ่งมองไปตามถนนที่มันมืดๆ เห็นคล้ายๆเงาคนหลายคนกำลังเดิน  ก็ไปสะกิดเพื่อน..บอก  ใครเดินบนถนนวะ  พอช่วยกันเพ่ง2คน ก็เห็นจริงๆ ว่าคล้ายมีเงาคนเดินอยู่บนถนนหลายเงา  เคลื่อนไปทางสนามกอล์ฟ  เดินไปเดินมาอยู่แบบนั้น

“สงสัยท่านนายพลตีกอล์ฟที่หายไปตอนสึนามิจะออกรอบตอนดึกว่ะ”

“หึ้ย  อย่าออกรอบเดินมาทางนี้แล้วกัน”

.....เรื่องผีตอนสึนามินี่  เรียกว่าเป็นที่กล่าวขานกันมาก  ลือไปต่อๆกันทั่วอันดามัน  ช่วงนั้นตอนกลางคืน  อย่าได้มีฝรั่งกลุ่มไหนมายืนโบกรถเชียว  จะว่าคนไทยแล้งน้ำใจก็ไม่ใช่  แต่เพราะกลัวจะเจอเหมือนพวกรถโดยสารที่วิ่งกลางคืน  หรือคนอื่นๆที่จอดรับ จะชะโงกหน้าไปคุย อ้าว...หาย  เหยียบรถบิดรถกันขนลุกไปแล้วก็เอาไปเล่าต่อๆกันไป  เพราะกลิ่นความตายมันกระจายไปทั่วในช่วงนั้น  บางคนก็เจอ  บางคนแค่ได้กลิ่น  บางคนแค่ได้ยินเสียงร้องไห้น่าเวทนาลอยมาตามลม  บางคนก็มองเห็นไกลๆเป็นแค่เงาคนในทะเล
บางคนอาจจะเห็น แต่ไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังเจอผีก็มี  เพราะก่อนตายพวกเค้าคงจะทรมานน่าดู  บางทีวิญญาณที่ออกมาให้คนเห็นช่วงนั้น  อาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองสิ้นลมหายใจไปแล้ว ..... จบครับจบ

เรื่องจากพันทิป เรื่องเล่า ของจ่าทหารเรือ
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 2876380

25 พ.ย. 2562

เรื่องที่สยองหลอนที่สุดในชีวิต!! ไม่เคยคิดว่าจะเจอกับตัวเอง เมื่อปากพาซวยพาแขกที่ไม่ได้เชิญเข้าบ้าน


     เรื่องราวของพาซวยแท้ๆจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 1828870 เล่าถึงเหตุการณ์สุดหลอนจากสาเหตุที่ปากพาซวย จะซวยอย่างไร ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่าน นี่เป็นกระทู้แรกของ จขกท นะคะเป็นเรื่องจริงที่เจอมากับตัว อาจเขียนตกหล่นบ้างต้องขออภัยไว้ด้วย
*****เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน


เมื่อตอนประมาณ ปี2552 ตอนนั้นจขกท.อยู่ม.6 แล้วที่บ้านกำลังหาซื้อบ้านใหม่ เนื่องจากว่าบ้านเดิมเป็นทาวน์เฮา ป๋าเราเลยอยากได้บ้านเดี่ยวสวยๆซักหลัง ราคาเบาๆ เลยตัดสินใจไปดูบ้านหลังนึงที่ไม่ห่างจากบ้านเก่าเราเท่าไหร่ วันนั้นตอนเย็นๆเลิกเรียน เรา กับที่บ้านเลยขับรถไปดูบ้านหลังนั้น ขออธิบายนะคะว่าบ้านหลังนั้นสวยมากก เป็นบ้านชั้นครึ่ง ตอนแรกเดินเข้าไปโอ้โหหห พื้นที่ใช้สอยเหลือเฟือ มีเฟอร์ฯครบอิมพอร์ตจากเมืองนอก เพราะเป็นบ้านของภรรยาคนต่างชาติ ซึ่งน้าเค้าจะย้ายไปอยู่กับสามีที่อังกฤษ เราก็แบบชอบมากนะแต่ติดตรงที่เป็นบ้านมือสองเลยไม่โอเค ม๊าเราไม่ค่อยว่าอะไรเพราะใกล้ที่ทำงานม๊ามากกว่า หลังจากดูบ้านเสร็จเราก็กำลังจะขับรถกลับกัน แต่ทางหน้าบ้านคุณน้าคนนั้นเป็นทางเดินรถทางเดียวซึ่งกลับรถไม่ได้ ป๋าเราเลยขับไปข้างหน้าก่อนเพื่อหาที่กลับรถ สองข้างทางเปลี่ยวมาก เราคิดในใจ ทำไมทางกลับรถมันไม่มีเลยนะ ทั้งๆที่1ทุ่มกว่าๆ มืด เปลี่ยวและน่ากลัวมาก
 ทางซ้ายมือคล้ายๆเป็นโรงงานเล็กๆทำอะไรซักอย่าง พอเห็นทางข้างหน้าเป็นทาง4แยกเล็กๆ ซึ่งแน่นอนไม่มีรถเลย มีแต่คันของที่บ้านเรา ป๋าเราก็หักท้ายมาซ้ายมือ ปรากฏว่า. ทางขวามือเป็นหอพัก! เรามองครั้งแรกตกใจมากจากลักษณะของหอคือ เป็นหอ2ชั้น และไม่มีห้องไหนเปิดไฟเลย มันแปลกอ่ะแปลกมากที่สำคัญ มีต้นโพธิ์ใหญ่กลางซอยเข้าหอ บ้าไปแล้วด้วยความที่ปากไวกว่าความคิดเลยพูดขึ้น"หอบ้าอะไรอยู่ทางสี่แพร่ง มืดก็มืดน่ากลัวอ่า" พี่เรา ป๋าม๊าเราเงียบหมดไม่มีใครพูดอะไร เราชะงักเพราะคิดว่า อ้าวชิหายล่ะตรูทำไมทักแบบนี้วะปากเสียจริงๆ ปกติเราจะเป็นคนเห็นอะไรแปลกๆตอนกลางคืนบ่อยมากกกกกก แต่ละครั้งทำเราสยองหลอนไปหลายวัน และหลังจากนั้น เราก็เริ่มเจอเหตุการณ์แปลกไม่รู้ว่าเราคิดไปเองรึว่าอะไร วันนึงเราโดดเรียนไปกับเพื่อนๆ(ฮี่ๆตอนสมัยนั้นเกเรมาก) เราไปกับเพื่อนประมาณ5 คนรวมเราด้วย นั่งรถเมล์ไปวังหลัง ระหว่างที่เพื่อนเรากำลังจ่ายตังค่ารถเมล์ ยื่นแบงค์50ให้ กระเป๋าทอนมา2บาท พวกเรางงมาก มันถามเรามากันกี่คนวะ?  เราบอก5คนนะทำไมหรอ มันเลยทวงตังทอนอีก8บาทจาก กระเป๋ารถเมล์ และ
พี่กระเป๋านางบอกว่า "อ้าว ก็6คนไง ถูกแล้วนิ "
เพื่อนเราเถียง " พี่6คนที่ไหน หนูมา5คน"
พี่กระเป๋า "น้องผู้หญิงผมหยิกเสื้อพละนั่นไง"

พวกเรามองหน้ากัน แล้วเงียบไม่พูดอะไรอีกเลย เพื่อนที่นั่งเบาะข้างหลังคนเดียวรีบวิ่งขึ้นมานั่งข้างหน้าพวกเรา และเราก็ไปเดินเล่นวังหลังกัน เราก็ตะหงิดๆแล้ว เอ๊ะ!ไอ่กระเป๋ามันอำป่ะหว่ะ ช่างเหอะๆ แค่8บาทเอง

วันต่อมา เราก็คุยกะเพื่อนเพราะในตอนนั้นธุรกิจขายโปรตีนเชคๆ กำลังมา เราบอกเพื่อนว่าจะไปสัมนาเผื่อจะหารายได้เสริมบ้าง เราก็นั่งเล่นกันอยู่ประมาณ 4-5ชะนีแอนด์เดอะแก็ง ตอนนั้นพักเที่ยง โรงเรียนเรามีห้องเรียนประจำเดินเรียนบ้างบางวิชา เราเรียนศิลญี่ปุ่น ห้องอยู่ชั้น3 พอดีมีเพื่อนห้องวิทย์มาคุยกะเพื่อนเก้งในห้องเรา และหันหน้ามาทางพวกเราแบบแปลกๆ พวกเราก็ไม่ได้อะไร หลังจากเพื่อนห้องวิทย์คนนั้นกลับห้องไป เพื่อนเก้งนามสมมุติ เก่ง ก็เดินมาหาพวกเราที่นั่งคุยกันอยู่และยิงคำถาม
เก่ง "พวกเอ็งมีกันแค่นี้หรอ เมื่อกี้ใครใส่ชุดพละผมยาวๆหยิกๆว่ะ นั่งหันหลัง? ใช่ไอ่ เอ้(นามสมมุติ) ป่ะ?พวกเอ็งรู้จักมันด้วยหรอ?"
อ้าวงงเป็นไก่ตาแตก เอ้นี่ห้องวิทย์ ซึ่งพวกเราไม่รู้จัก ตรูอยู่ของตรูแค่นี้
เรา "เ มิงบ้าหรอ ตรูอยู่กันแค่นี้ ไม่มีใครมานั่งด้วย"
เก่ง "เมื่อกี้ บี(นามสมมุติ) เห็นว่ามานั่งตรูก็เห็นมานั่งด้วยเลยงง "
เพื่อนเรา "และเอ้นี่นั่งข้างใคร?"
เก่ง "ข้าง เอ็งอ่ะ e....(ตรูเองงง)" มานั่งกะตรูทำไม
เพื่อนเรา "และตอนนี้เห็นป่ะล่ะ"
เก่ง "เออ มันหายไปไหนวะ"
เพื่อนหันมามองเรา แบบสยองๆ เรานี่เงิบเลยจ้า เก่งเลยเดินจากไป ทิ้งพวกเรางงและสยองๆ มันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อวานกับวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เราไม่ชอบเลยนี่มันกลางวันนะเว้ยย!!
จะบอกว่าที่เกิดขึ้นกับเรามันเป็นเวลา 1อาทิตย์เท่านั้น ตั้งแต่ไปดูบ้าน พอวันเสาร์เรานั่ง btsไปลงเพลินจิต สัมนาเสร็จเกือบ3ทุ่ม เราเขว้งเลยไม่รู้ว่ากลับบ้านยังไง บ้านต้องกลับทางสายใต้ใหม่ เราเลยนั่งรถเมล์ไปแถวๆถนนเส้นนึงแถวๆจุฬา เราจำไม่ได้ว่าที่ไหน ตอนนั้นเราโทรถามทางเพื่อนและเพื่อนบอกเรานั่งรถผิดฝั่ง ให้ลงรถและข้ามสะพานลอยมาฝั่งตรงข้ามนั่งรถสายเดิมกลับ ระหว่างลงรถเราเดินขึ้นสะพานลอยมาเราเห็น ผู้ชายคนนึงใส่เสื้อสีน้ำตาลกางเกงสียืนๆหน่อยเดินตามขึ้นมา เราเลยกลัวว่าจะอันตรายรึป่าวเลยหันไปมองอีกที ตอนนั้นเราได้ยินเสียงคนเดินตามมาติดๆ หันหลังไป
..... ว่างเปล่าไม่มีใครเลย!!! เรากลัวมากวิ่งลงให้เร็วที่สุด เพื่อนเราบอกใจเยนๆ เป็นอะไร เราบอกขอวางก่อนนะถึงบ้านเดี๋ยวโทรหา ระหว่างทางที่เรานั่งรถตู้กลับบ้านซึ่งมันดึกแล้ว เรารู้สึกมีคนนั่งข้างหลังตลอดเวลา เราระแวงหันไปมองบ่อยมากแต่ไม่เจอใคร รถตู้มีคนน้อยมาก เหตุการณ์ทุกอย่างเราจำได้ไม่มีวันลืม

ตอนนั้นที่บ้านเราป๋าม๊าเค้าเจาะผนังบ้านซึ่งบ้าน
เป็นทาวน์เฮาส์ทำอะไรได้ยินเสียงหมด เรากลับมาก็อาบน้ำ ตอนนั้นเราเลี้ยงหมาด้วยเอาหมามานอนในห้องทุกวัน อายุ2ดือนพันธุ์เทอร์เลีย เราเพลียมากไม่ได้โทรหาเพื่อนเลยหลับไป
เราตื่นขึ้นมาอีกที หมาเรามันร้องเอ๋งๆหิ้วน้ำเลยเติมน้ำให้มัน ปกติมันไม่เคยตื่นมาเอ๋งอ๋างอะไรเลย เราเดินมาเอาน้ำให้มันไฟข้างล่างปิดหมดแล้ว เอาน้ำให้มันเราก็นอนต่อ อธิบายลักษณะห้องเรานิดนึงนะคะ เป็นห้องเล็กๆเปิดประตูเข้ามาตู้เสื้อผ้าอยู่ซ้ายมือเรียงจนถึงกำแพงอีกฝั่ง ขวามือใกล้ประตูเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง เตียงเราอยู่ทางขวามือติดหน้าต่าง ทีวีอยู่ปลายเท้า หมาเรานอนใกล้ๆกับโต๊ะข้างเตียง เตียงเราขนาด3.5ฟุต พอนอนคนเดียว เราเป็นคนนอนตะแคงข้างซ้ายซึ่งจะหันหน้าไปทางหน้าต่าง หันหลังให้ประตู พอกำลังจะหลับเคลิ้มๆกึ่งหลับกึ่งตื่น เรารู้สึกว่าปลายเตียงเรายุบ ฟุบบ! เราคิดว่าทำไมเตียงยุบวะ อ้ออ ม๊าคงเข้ามานั่งห่มผ้าให้เรารึป่าวแต่.... เราเป็นคนล็อคกลอนทุกครั้งที่ปิดประตูห้อง
เอ๊ะ! รึว่าเจ้าหมู(หมาของเรา)มันกระโดดขึ้นมาขอนอนด้วยแต่.... มันแค่2เดือน เดินยังไม่แข็งกระโดดนี่ไม่มีทางเพราะเตียงนี่สูงกว่ามันมาก ระหว่างที่คิดนั้น ฟุบบ! เห้ย ..ขยับมากลางเตียงแล้ว คิดว่าในห้องนี้มีแค่เรากับหมาเท่านั้นถ้าจะมีอะไรก็ไม่ใช่คนแล้วหล่ะ ฟุบบ! คราวนี้ครึ่งเตียงยุบลงไปหมดเลยรวมถึงหมอนด้วยเหมือนมีคนนอนข้างๆเรา เรากลัวมากเรายังนอนตะแคงไปทางหน้าต่าง เรารู้แล้วว่าเราเจอเข้ากับอะไร เลยท่องบทสวดมน "นะโมตัสสะ.." กำลังจะท่องต่อ มีเสียงนึงพูดข้างๆหูเราขึ้นมาว่า "ไม่ต้องท่องหรอกไม่ได้ช่วยอะไร"  และมีเสียงหัวเราะในลำคอเสียงเย็นน่ากลัวมาก เราแยกไม่ออกว่าเสียงผู้หญิงรึว่าผู้ชาย
พิมพ์ไปขนลุกไปเมื่อคิดถึงตอนนั้น นอนน้ำตาไหล กระดุกกระดิกไม่ได้ กลัวจนทำอะไรไม่ถูก เค้าตนนั้นนอนข้างหลังเรานานเท่าไหร่ไม่รู้ เรารู้อีกทีก็ประมาณตี4 กลัวมากนั่งร้องไห้ ผวา คิดทบทวนว่าเมื่อกี้คืออะไรเรากำลังนอนๆอยู่ ได้ยินเสียงทุบกำแพง ข้างๆหน้าต่างที่เรานอน ทุบแรงมากกกก เลยมาทุบทั่วห้องเลย ทุบอยู่นั่น เราคิดว่าป๋าม๊าเราทำที่แขวนรูปเจาะผนังข้างล่างรึป่าวแต่นี่มันตี4 คงหลับกันไปหมดแล้ว เราผวาเปิดไฟเลยทีนี้ อยากวิ่งไปห้องป๋าม๊าข้างๆ แต่เกรงใจเพราะมันจะเช้าแล้วข่มตานอนให้หลับ
พอตอนเช้า ไม่ได้เล่าให้ใครฟังกลัวเค้าหาว่าคิดไปเอง  ตกเย็นไฟดับจ้าาา!!เราเลยเล่าให้ม๊าฟังจะ ม๊าบอกเพ้อเจ้อที่บ้านมีพระ ใครจะเข้ามาได้ อ้าว!! เราก็คิดตรงนี้แต่เราไม่รู้เค้ามาได้ไง ไม่สบายใจมากกลัวบ้านตัวเองไปเลยช่วงนั้น ม๊าเราเลยโทรหายาย เราเลยบอกยายว่าเราโดนผีหลอก เกิดมาเพิ่งโดนหลอกแบบสยองขนาดนี้ปกติจะเจอ ..แกว่งขาบนต้นไม้ กับยืนริมถนนนี่ก็น่ากลัวแล้วนะ อันนี้นี่แนบชิดห่างจากเราไม่ถึงฟุต ยายเราเลยให้ท่องอิติปิโสตามอายุ+1ก่อนนอนทุกคืน แล้วเราก็ไม่เคยโดนแบบนี้อีก

ทุกวันนี้เราก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเค้าถึงเข้าบ้านเราได้ หรือเพราะเราปากพร่อยก็ไม่รู้ เดี๋ยวนี้ก็เจอบ้างเป็นเสียงบ้าง เงาบ้าง  แต่ที่เจอมาเรื่องนี้เรากลัวที่สุดในชีวิตเลย
ใครที่เห็นอะไรตอนกลางคืนแนะนำนะคะ อย่าทัก!!! อันนี้เรื่องจริง
ถ้าเขียนอะไรชวนงงก็ขออภัยนะคะจริงๆ จขกท เจอผีบ่อยมากกกกแต่ก็ยังกลัวอยู่ เพราะมาแต่ละครั้งไม่ซ้ำเลย เรามีเรื่องของเราที่เราเจอเยอะมาก วันหลังจะเอามาเล่าให้ฟังอีกนะ เป็นกระทู้แรกของเรา ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ใครมีเรื่องราวหลอนๆ มาแชร์กันได้นะ

เรื่องจากพันทิป เรื่องที่สยองหลอนที่สุดในชีวิต!! ไม่เคยคิดว่าจะเจอกับตัวเอง เมื่อปากพาซวยพาแขกที่ไม่ได้เชิญเข้าบ้าน
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 1828870