เรื่องสั้น: ไฟ
เธอมีพี่น้องแปดคน รวมถึงตัวเธอเองซึ่งเป็นลูกคนที่หก เด็กทั้งแปดอาศัยอยู่กับคุณแม่อย่างโดดเดี่ยวในหมู่บ้านชนบทห่างไกล หมู่บ้านที่ถ้ามองลงมาจากบนฟ้า จะเห็นเป็นสีขาวเหมือนน้ำนมอย่างน่าประหลาดใจ
จะเรียกว่าเธอเป็นลูกคนโปรดของคุณแม่ก็ไม่ผิด ความสนิทสนมระหว่างเธอกับแม่นั้นอยู่ในระยะที่พอดี ไม่ใกล้ชิดหรือห่างเหินจนเกินไป ไม่เหมือนน้องชายสองคนของเธอที่ไม่เคยห่างจากแม่เลย และก็ไม่เหมือนพวกพี่สาวคนโตที่ไม่เคยได้รับความอบอุ่นเท่าที่ควร
ในตอนแรกความสนิทสนมนี้ก็ดูเหมือนจะส่งผลดีกับเธอ ความอบอุ่นจากแม่ทำให้เธอเติบโตมีพัฒนาการเร็วกว่าเด็กคนอื่น ๆ เธอกลายเป็นเด็กสาวสวยสะพรั่ง ผิวงามเปล่งปลั่งและดูอุดมสมบูรณ์เมื่อมองจากภายนอก นัยน์ตาข้างขวามีสีฟ้าครามดั่งน้ำทะเล ส่วนนัยน์ตาข้างซ้ายมีสีเขียวราวกับใบพืช ลักษณะทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ครอบครองมัน
หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป อยู่ดี ๆ เธอก็ล้มป่วยลงแบบกะทันหัน เด็กสาวมีไข้สูง และดูเหมือนอุณหภูมิร่างกายของเธอจะสูงขึ้นทุกวัน เธอเอาแต่นอนตัวสั่นอยู่บนเตียง โดยมีคุณแม่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
คนเป็นแม่รู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร การที่เรามีไข้สูงเป็นสัญญาณแรกของการติดเชื้อ คุณแม่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการให้ความอบอุ่นกับลูกคนนี้เป็นลำดับที่สาม คือไม่มากหรือน้อยจนเกินไป จะทำให้ภายในร่างน้อย ๆ ของเด็กสาวคนนี้ ก่อกำเนิดเป็นสภาพแวดล้อมเหมาะสม สภาวะที่ยอมให้สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ถือกำเนิดขึ้น อาศัยอยู่ และเพิ่มจำนวน ตลอดเวลาที่เลี้ยงดูเธอมา คุณแม่ได้แต่หวังว่าสิ่งมีชีวิตพวกนั้น จะไม่หันมาทำร้ายลูกสาวอันเป็นที่รักของเธอ
...แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว
การติดเชื้อเริ่มลุกลามไปทั่วร่าง ทุก ๆ วันเด็กสาวได้แต่นอนร้องโอดโอยด้วยความทรมาน ภูมคุ้มกันอันบอบบางไม่อาจทำอะไรเชื้อโรคพวกนั้นได้เลย แต่กลับยิ่งทำให้มันปรับตัว พัฒนา วิวัฒนาการจนแข็งแกร่งขึ้น พวกมันผลาญทุกสิ่งทุกอย่างจนแทบสิ้น สวาปามแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่มาอยู่ก่อนแล้ว ทั้งหมดเพื่อให้เผ่าพันธุ์ดำรงอยู่ในร่างนี้ต่อไปตราบนานเท่านาน
สำหรับคนเป็นแม่นั้น สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียวคือการเฝ้ารอ รอให้เชื้อพวกนั้นหันมาทำลายกันเองเมื่อไม่มีสิ่งใดเหลือให้ผลาญแล้ว ซึ่งคุณแม่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าต้องรออีกนานเพียงใด และลึก ๆ คุณแม่ยังมีความกลัวอีกว่า เมื่อเชื้อเหล่านั้นวิวัฒนาการจนสุดแล้ว มันจะแพร่กระจายไปสู่ลูกคนอื่น ๆ หรือไม่ก็คนทั้งหมู่บ้าน
เวลาล่วงเลยผ่านมาโดยไร้ซึ่งหนทางรักษาใด ๆ วันหนึ่งเด็กสาวอ้อนวอนต่อแม่ของตนว่าให้ช่วยปลดปล่อยเธอเสีย อย่าให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้อีกต่อไปเลย คนเป็นแม่ได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ่งหดหู่ใจ แต่ที่น่าเวทนาที่สุดคือทุกคนในครอบครัวได้รับเชื้อร้ายนี้กันหมดแล้ว เพียงแต่ภูมิคุ้มกันที่ได้มาทำให้คนอื่น ๆ ยังไม่แสดงอาการเท่านั้นเอง
คนเป็นแม่เริ่มโทษตัวเองที่ทำให้ลูกทุกคนต้องเป็นแบบนี้ และทุก ๆ วัน การได้ยินเสียงของลูกสาวคนเล็กคอยอ้อนวอนขอร้องให้ช่วยปลิดชีวิตเธอ ด้วยน้ำเสียงที่มีแต่ความทุกข์ทรมานแสนสาหัสแบบนั้น มันทำให้คุณแม่จมอยู่ในความสิ้นหวังอย่างหาทางออกไม่ได้
จนในวันหนึ่ง คุณแม่ได้ตัดสินใจแล้ว มันเป็นหนทางสุดท้าย ทางเดียวที่จะหยุดการแพร่กระจายของเชื้อได้
ไฟ…
บ้านทั้งหลังต้องถูกเผาจนวอด และต้องไม่มีใครรอดชีวิตออกไปได้ ไม่แม้แต่คนเดียว
………
วันนี้เป็นวันธรรมดา ๆ ของหนุ่มออฟฟิศคนหนึ่งที่กำลังจะกลับบ้าน แต่ทันใดนั้นเอง เมื่อเพื่อนร่วมงานทั้งหมดต่างพากันวิ่งออกไปมุงดูบางอย่างที่หน้าต่าง เขาได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาหลายเครื่องพร้อมกัน แล้วจู่ ๆ ไฟในตึกก็ดับลง แต่ชายหนุ่มกลับเห็นแสงสว่างจ้า เล็ดลอดผ่านหน้าต่างออฟฟิศเข้ามา
เขาค่อย ๆ เดินไปที่หน้าต่าง แทรกตัวผ่านเพื่อนร่วมงานที่มุงดูอยู่ ก่อนจะชะเง้อมองออกไปข้างนอกเพื่อดูว่ามีอะไรกันแน่
ไม่มีใครเชื่อสายตาตนเอง ทุกคนในออฟฟิศเห็นภาพเดียวกัน มันคือภาพที่ ณ ขณะนั้นกำลังถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ภาพของดวงอาทิตย์ยามเย็น ดาวฤกษ์ยักษ์สีแดงส้ม ที่กำลังค่อย ๆ ขยายตัวใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย
จบ…
---
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับเรื่องสั้นเรื่องที่สิบเจ็ดของผม เรื่องนี้อาจเข้าใจยากนิดนึงนะครับ แต่ถ้าไม่เข้าใจจริง ๆ อยากให้ลองอ่านดูหลาย ๆ รอบแล้วตีความตามที่ตัวเองคิดว่าเข้าใจครับ ไม่มีถูก ไม่มีผิด คิดเห็นติชมอย่างไรสามารถคอมเมนต์ได้เลยนะครับ ขอบคุณทุกท่านจริง ๆ ที่เข้ามาอ่านกันจนจบ สวัสดีครับ
เรื่องจากพันทิป เรื่องสั้น: ไฟ
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 5347947
ขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย
Post a Comment