หลอนเล่นซ่อนหา


     ในวัยเด็กก่อนที่จะมีสมาร์ทโฟน มีการเล่นไม่กี่อย่างเช่น เล่นซ่อนหาซึ่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่จะเตือนเชิงขู่เราว่า "ระวังผีจะเอาไป" หรือ "ระวังผีจะไม่ให้ใครมองเห็น" บางครั้งอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย ลองมาฟังเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่จะนำเสนอเรื่องสยองนี้ได้เลย

     เป็นเรื่องของตัวเราเองเมื่ออายุประมาณ 8-9 ขวบ มีครั้งหนึ่งที่บ้านเราต้องไปงานศพที่ต่างจังหวัดกันหมด แม่เลยเอาเราไปฝากไว้ที่บ้านลุง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ บ้านลุงเป็นบ้านใต้ถุนสูงหลังใหญ่ อยู่กันหลายคน มีเด็กรุ่นๆ เดียวกันก็หลายคน เป็นลูกของลุง คือ พี่หวาน เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 15 ปี แล้วก็ นิด กับ น้อย อายุพอๆ กับเรา นิดเป็นผู้ชาย ส่วนน้อยเป็นผู้หญิง ที่เหลือก็จะเป็นลูกคนงานที่มารับจ้างทำสวน

ตอนกลางคืนเรานอนกับพี่หวาน เอาฟูกปูพื้นนอนแล้วกางมุ้งคลุม ส่วนอีกมุ้งหนึ่งเป็นย่าวัน (แม่ของลุง) ย่านอนกับนิดและน้อย ส่วนลุงกับป้านอนอีกห้องหนึ่ง ด้วยความที่ตอนกลางวันเราเล่นมาเยอะเลยหลับเร็ว แล้วมารู้สึกตัวอีกทีตอนกลางดึกเพราะปวดฉี่ ปกติตอนอยู่บ้านเราจะนอนกับยาย ยายจะเป็นคนพาไปฉี่ อยู่ที่นี่เราเลยสะกิดพี่หวาน ‘พี่หวานๆ พาหนูไปฉี่หน่อย..’ แต่พี่หวานไม่ยอมตื่น ตอนนั้นคือปวดฉี่มากเลยลุกขึ้นมานั่ง แต่ก็ยังไม่กล้าไปคนเดียวอยู่ดี สักพักเหมือนมีคนมาสะกิดเราจากนอกมุ้ง มองออกไปเห็นนิดนั่งยองๆ อยู่ ถามเราว่า ‘ปวดฉี่เหรอ ปะเดี๋ยวไปเป็นเพื่อน..’ เราก็รีบเปิดมุ้งเลย เดินตามนิดไปฉี่ เสร็จแล้วก็เดินกลับห้องบอกนิดว่า ‘ขอบใจนะที่ไปเป็นเพื่อน’ นิดก็ตอบ ‘อื้อ’ แล้วเราก็เข้ามุ้ง เก็บชายมุ้ง กำลังจะล้มตัวลงนอน หันไปมองนิดปรากฏว่านิดหายไปแล้ว มองไปที่มุ้งของย่า ก็เห็นนิดนอนแล้ว ตอนนั้นเราก็คิดในใจว่าทำไมเดินไปเร็วจัง? แล้วเราก็ล้มตัวลงนอน พลิกตะแคงหันหน้าออกไปทางมุ้ง แล้วก็ต้องตกใจ! เพราะเราเห็นนิดนอนตะแคงอยู่นอกมุ้ง หันหน้าเข้ามาหาเรา สายตานี่จ้องมาสบเราเขม็ง เรากระเถิบถอยไปหาพี่หวานแล้วหลับตาปี๋เลย.. สักพักใหญ่ๆ ถึงค่อยลืมตา นิดไม่ได้อยู่นอกมุ้งแล้ว.. แต่เข้ามายืนอยู่ในมุ้งเราเลย! ตรงปลายเท้าพี่หวาน นิดยืนมองลงมาที่เรากับพี่หวาน ตอนนั้นเรากลัวมากตัวนี่สั่นเลย หลับตาปี๋ จนพี่หวานมาเขย่าตัว เราถึงลืมตา มองไปทั่วมุ้งแต่ไม่เห็นนิดแล้ว สรุปคืนนั้นเรานอนกอดพี่หวานจนหลับไปยันเช้าเลย

วันรุ่งขึ้น ลุง ป้า และพี่หวาน ออกไปสวนกันตั้งแต่เช้า ที่บ้านก็จะเหลือแค่ ย่า เรา นิด กับน้อย นิดก็ดูเหมือนปกติ เราเลยไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อคืน ก็ออกไปเล่นกันเหมือนปกติ จนตอนบ่ายลูกของพวกลูกจ้างมา มีคนหนึ่งชวนเล่นซ่อนหา ก็เลยเล่นกัน เล่นกันอยู่หลายตา จนย่าเรียกกินข้าวเย็น น้อยตะโกนบอกย่าว่าขอเล่นอีกตา โดยตานั้นน้อยได้เป็นคนหา ทุกคนก็แยกกันไปซ่อน ระหว่างกำลังหาที่ซ่อน นิดก็จับมือเราวิ่งไปซ่อนที่ใต้ถุนบ้าน ตรงนั้นมีเข่งซ้อนๆ กันอยู่หลายแถว สูงกว่าตัวเราอีก สามารถบังเราสองคนมิด.. ได้ยินเสียงน้อยเริ่มหาละ แต่รอเกือบชั่วโมง น้อยก็ยังหาพวกเราไม่เจอ นิดบอกให้เรารออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวจะออกไปดูให้ เราก็รอไป รอจนหลับเลย

ตื่นมาอีกทีมันมืดแล้ว เราเลยเดินออกมาจะขึ้นบ้าน แต่บ้านกลับปิดไฟมืดหมด ไม่เห็นใครเลย เราก็นั่งรอ ทั้งหิวข้าว ทั้งกลัว ตะโกนเรียกย่า เรียกทุกคนก็ไม่มีใครตอบกลับ สักพักใหญ่ๆ เราได้ยินเสียงคนเรียกเรา แล้วก็เห็นหลวงปู่ ที่เป็นพ่อของลุง ซึ่งท่านออกบวชน่าจะเป็น 10 ปีแล้ว เราเคยเจอหลวงปู่ท่านเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ยังคงจำได้แม่น หลวงปู่ท่านพูดว่า ‘อีหนูๆ ตามหลวงปู่มานี่..’ ตอนนั้นดีใจมาก อย่างน้อยก็ยังมีหลวงปู่ หลวงปู่พาเรามาตรงลานบ้าน มีต้นมะขามใหญ่ ใต้ต้นมีที่นั่ง เราบอก ‘หลวงปู่อย่าทิ้งหนูนะ..’ หลวงปู่บอก ‘ไม่ทิ้งหรอก รอตรงนี้นะ เดี๋ยวหลวงปู่จะไปตามย่า’ แล้วหลวงปู่ก็เดินหายไปในบ้าน

สักพักเราหันกลับไปมองบ้านที่ก่อนหน้านี้มืดสนิท ตอนนี้เปิดไฟสว่างจ้าเลย เห็นย่าเดินตรงมาหา ลุงกับป้า และอีกหลายคนก็ตามมา ‘หนูไปอยู่ไหนมาลูกเอ๊ย’ ย่าถามพร้อมกับกอดเราแน่น พาเราขึ้นบ้านให้อาบน้ำ แล้วเอาน้ำมนต์มารดหัวให้ คืนนั้นเรานอนห้องพระกับย่าจนเช้า ทุกคนถามเราว่าไปไหนมา เราบอกว่า ‘เล่นซ่อนหา ก็นิดยังไปซ่อนกับหนูที่ใต้ถุนเลย พอเห็นว่านาน นิดเลยบอกจะออกไปดู แล้วก็ไม่กลับมา หนูเลยหลับไป..’ นิดก็งง บอกว่าไม่ได้ไปซ่อนกับเรานะ เค้าไปซ่อนกับ เต้ย ลูกคนงานตั้งแต่แรกเลย น้อยหาทุกคนจนครบ ขาดแต่เรา หาอยู่นานจนเริ่มมืดถึงได้ไปบอกย่า พอดีลุงกลับจากสวนเลยเกณฑ์คนช่วยกันหา แต่หายังไงก็ไม่เจอ.. ย่าถามว่า แล้วเราไปอยู่ตรงต้นมะขามได้ยังไง? เราก็บอกเราเจอหลวงปู่ หลวงปู่ให้รอตรงนั้น พอเราพูดจบ ย่าก็มองหน้าลุงกับป้า แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ..

จนถึงวันที่แม่มารับเรากลับบ้าน ย่าก็คุยกับแม่อยู่นาน จำได้ว่าหลังจากนั้นแม่พาเราไปรดน้ำมนต์ที่วัด และหาพระมาให้ห้อยคอ จนเหตุการณ์นั้นผ่านไปหลายปี.. วันหนึ่งมีโอกาสได้นั่งคุยกันถึงเรื่องคราวนั้น แม่บอกเราว่า ย่าเล่าว่าตอนนั้นที่เราหายไป เป็นช่วงตั้งแต่เกือบๆ 6 โมงเย็น จนเจอตัวอีกทีก็เกือบ 5 ทุ่มแล้ว.. ซึ่งในความรู้สึกเราตอนนั้น เหมือนเราไม่ได้หลับไปนานขนาดนั้นเสียหน่อย จนย่าคิดว่าเป็นผีลักซ่อน นิดที่ไปซ่อนกับเรา ย่าบอกว่าน่าจะเป็นแฝดอีกคน จริงๆ แล้วลุงมีลูกแฝด 3 คน คือ นิด น้อย แล้วก็อีกคนหนึ่ง แต่เขาตายตอนคลอด เลยเหลือ 2 คน นิดกับน้อยเวลาอยู่ตามลำพัง บางทีก็ทำเหมือนกับเล่นกับใครอีกคนอยู่.. ซึ่งป้าเขายังเก็บร่างลูกแฝดที่ตายเอาไว้ อยู่ในห้องลุงกับป้านั่นล่ะ คอยเอาข้าวเอาน้ำให้กิน และก็ซื้อของเล่นให้ ป้าแกเชื่อว่าลูกแกยังอยู่ แกรักของแก.. แม่บอกเราอีกว่า เราไม่ค่อยได้ไปบ้านลุง เขาคงมาหยอก มาหาเพื่อนเล่นน่ะ..

     แล้วอีกเรื่องหนึ่ง แม่ว่าตอนนั้นที่เราบอกหลวงปู่มาหา มาพาเราไปนั่งรอน่ะ จริงๆ ตอนนั้นหลวงปู่ท่านมรณะภาพไปเกือบ 2 ปีแล้วนะ แต่เราไม่รู้ ตอนที่หาตัวเราไม่เจอ ย่าแกจุดธูปบอกหลวงปู่ให้ช่วยหาเราช่วยคุ้มครองเราเอง.. พอเราได้ฟังแบบนั้น ถามว่าตอนนั้นกลัวไหม? ก็คงกลัวการอยู่คนเดียวมืดๆ แล้วไม่เห็นใครมากกว่า เพราะตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นผีจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น