เรื่องหลอนหอพักในมหาลัย
หอพักในมหาลัยราคาประหยัดนั้น มีเรื่องต่อๆมาจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้องถึงประวัติ และเรื่องที่หนีไม่พ้นคือเรื่องของวิญญาณหลอน ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี้ยงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่เราก็สามารถอยู่จนเรียนจบได้ เรามีเรื่องประสบการณ์จริงของคุณต้น ในครั้งที่เค้าต้องพักอาศัยอยู่ที่หอพักในมหาลัย น่าสนใจมากครับว่าเขาและเพื่อนๆ มีวิธีการอาตัวรอดจากการอยู่ร่วมกับผีวิญญาณกันได้อย่างไร เราลองไปฟังเรื่องของเค้ากันเลยครับ
สวัสดีครับพี่ๆทีมงานเดอะช็อค ผมมีเรื่องจากประสบการณ์ของตัวผมเองจะมาเล่าให้ฟังครับ เรื่องมันเริ่มจากเมื่อผมเรียนจบ ม.6แล้วผมก็เตรียมตัวจะเข้ามหาวิทยาลัย ตัวผมเองสอบได้ที่มหาลัยแห่งหนึ่งใน จ.พะเยา และได้เข้าไปเริ่มศึกษาในปี 2551 เรื่องมันเกิดที่หอพักของ นศ.ปี 1 ทุกคนต้องมารวมตัวกันอยู่ภายในมหาลัย หอหญิงส่วนใหญ่จะได้หอใหม่ที่เป็นตึกสูงประมาณ 5-6 ชั้น ส่วนของผู้ชายนั้นมีตึกใหม่
ให้แค่ 2 ตึก ผมก็ได้หอเก่าซึ่งเป็นหอพักชั้นเดียว เป็นห้องยาวติดๆกัน และจะมีโซนรับรองอยู่ช่วงกลางอาคาร จะเป็นที่สำหรับนั่งดูทีวีกินข้าวกัน และผมก็จะชอบเอางานมานั่งทำอยู่บริเวณนี้คนเดียวดึกๆ ผมเรียนออกแบบผลิตภัณฑ์ ต้องมีการเขียนแบบที่ใช้ไฟเยอะๆ ผมจึงไม่ทำในห้อง เพราะไฟจะไปรบกวนเพื่อนที่นอนอยู่
ปกติผมนั่งทำงานอยู่ก็ไม่ค่อยจะเจออะไร แต่มีอยู่คืนหนึ่ง คืนนั้นงานผมเยอะและผมไม่ค่อยได้นอน ได้นอนวันนึงประมาณ 3 ชม. เท่านั้น ในขณะที่ผมนั่งทำงานอยู่ช่วงหัวค่ำเพื่อนๆก็มานั่งคุยนั่งเล่น ดูทีวีเป็นเพื่อน พอเริ่มดึกเพื่อนๆก็ทิ้งผมไปเข้านอนกันหมด เหลือผมคนเดียวผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนช่วงประมาณตี 2 ผมรู้สึกง่วงๆ ปวดตามากๆ ผมจึงพักสายตา ก้มหน้าลงไปหลับที่โต๊ะทำงาน แต่ผมไม่ได้ฟุบลงไปกับโต๊ะทั้งตัว ผมหลับไปได้ประมาณ 10 นาที ก็รู้สึกตัวแบบกึ่งหลับกึ่งตื่น มองไปที่ใต้โต๊ะ ผมเห็นเด็กตัวดำๆ แบบว่าดำสนิทเลยครับ นั่งมองหน้าผมอยู่ใต้โต๊ะ พอเห็นแบบนั้นผมก็ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งมองอีกที แต่ก็ไม่มีแล้ว ในขณที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าฝันอะไรรึเปล่า ก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆ เหมือนเป็นเสียงเท้าของ รปภ.ในมหาลัย ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมากว่ามีคนเดินมา ผมก็ยังคงนั่งทำงานต่อ และฝีเท้านั้นเดินเข้ามาใกล้หางตาผมสังเกตุเห็นแล้วว่าเขากำลังเดินมาที่หอ ผมกำลังจะหันหน้าไปทักทายกลับไม่เห็นใครเลย เลยลุกดูบริเวณรอบๆว่าพี่เขาเดินไปไหนใกล้แถวนี้หรือเปล่า ผมไม่เห็นมีใคร ในจังหวะนั้นผมเลยรีบเก็บของเข้าห้อง เปิดไฟนั่งทำงานในห้องจนเช้า
พอเช้าผมทำงานเสร็จ อาบน้ำแต่งตัวไปเรียน กลับมาที่ห้องเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็ไม่มีใครเชื่อว่าผมหลอนไปเองมองเป็นเรื่องสนุกสนานไป มันก็ล้อผมแกล้งผมเรื่อยๆ จนมีอยู่คืนหนึ่ง เพื่อนที่ชอบแกล้งผมมันเอาโทรศัพท์ผมไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าแกล้งผมตอนจะนอน มันเปิดเสียงผู้หญิงพูดว่า "ช่วยด้วย ช่วยด้วย" แกล้งผมตลอด ความจริงผมก็รู้ว่ามันแกล้ง แต่ก็เฉยๆ นอนไป ก็ไม่ได้สนใจ
ในขณะเพื่อนๆแกล้งอยู่นั้นเพื่อนอีกคนก็เดินมาบอกว่า "พอแล้ว ปิดได้แล้ว" ไอ้คนเปิดมันก็สวนกลับไปว่า "ปิดไปตั้งนานแล้ว" เท่านั้นแหละครับเสียงพัดลมที่ไม่เคยดังอยู่ดีๆก็ดัง วิ้ววว วิ้วว.. เสียงแหลมขึ้นมา จังหวะนี้เองผมลุกเลยครับ พวกเรา 4 คนในห้องก็ออกมาพร้อมกัน มานั่งอยู่กับเพื่อนๆที่นั่งดูทีวีอยู่ แต่ละคนก็เอะอะโวยวายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังคงหัวเราะสนุกสนานกันอยู่ จนดึกมากแล้ว เพื่อนคนที่เปิดโทรศัพท์ก็รู้สึกง่วงนอน มันบอกว่า "ไปละ ไม่สน ขอนอนก่อน ง่วง จะนอน" พวกผมก็เลยไปนอนกัน เพราะอยู่กันเยอะเลยไม่มีความรู้สึกกลัวเท่าไหร่ก็เลยกลับเข้าไปนอนกัน ก่อนนอนก็ยังหยอกล้อคุยกันอยู่
พอพวกเราเริ่มหลับความเงียบก็เข้ามาเยือน สักพักเพื่อนที่เปิดโทรศัพท์แกล้งผมก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วเอามืออุดหู เพื่อนผมอีกคนนึงเห็นเหตุการณ์ในตอนนั้นก็เลยปลุกพวกผมขึ้นมา แล้วถามเพื่อนว่าเป็นอะไร มันบอกว่าแสบแก้วหู มันบอกว่าเสียงวี๊ดๆแหลมเข้าหูตลอดเวลาแล้วมันทำท่าจะลงจากเตียงมันบอกว่าลุกไม่ขึ้น เหมือนมีคนมาถีบอกมันอยู่ พอมันลุกขึ้นได้มันก็มาขอนอนกับเพื่อนอีกคนที่อยู่อีกเตียงนึงแต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เพราะไอ้คนที่มันไปนอนด้วยนี่มีพระ มีของดี
พอเช้าผมตื่นขึ้นมา เพื่อนคนที่แกล้งผมก็เก็บของกลับบ้านเลย กลับบ้านหายไป 1 วัน เช้าวันใหม่มันกลับมาอีกที คราวนี้เอาผ้ายันต์มาแปะกลางห้องนอน พร้อมกับเอาพระมาวางที่หัวเตียงของเพื่อนในห้องทั้ง 4 เตียงเลย หลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก จนช่วงใกล้ปิดเทอม หลายๆคนก็มีที่อยู่ใหม่ ย้ายออกไปอยู่หอนอกมหาลัยบ้างแล้ว เพื่อนผมบางคนก็ออกไปอยู่กับแฟนบ้าง แต่ผมเองยังคงอยู่หอเดิมไม่ได้ย้ายออกไปเพราะว่าค่าห้องที่นี่ถูก และไม่ได้เก็บค่าน้ำค่าไฟ เลยประหยัดเงินดี ผมก็อยู่กับเพื่อนเหมือนเดิม
เหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้นที่หอนอก เป็นหอของเพื่อนในคณะ คราวนี้ผมไปกับเพื่อนที่คณะคนหนึ่ง มันชวนผมไปเอาของกับเพื่อนที่อยู่หอนอก ผมก็ไปเป็นเพื่อนมัน พอไปถึงผมก็ยืนคุยกันหน้าห้องไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะเกรงใจแฟนเพื่อน ลักษณะห้องของเพื่อนจะมีห้องน้ำอยู่หน้าห้อง พอเดินเข้าไปอีกหน่อยก็จะเห็นเตียงนอน แต่จากจุดที่ผมยืนจะเห็นเตียงแค่ครึ่งเดียว บนเตียงผมเห็นขาแฟนเพื่อนผมยื่นมาผมรู้เลยว่าเป็นเฟนเขา แต่ผมเห็นผู้หญิงอีกคนนึงนั่งอยู่ตรงเข่าของแฟนเพื่อนผม มองหน้าเห็นไม่ค่อยชัดแต่รู้ว่าเขาเป็นผู้หญิงผมยาว พอผมมองเข้าไปเขาก็ขยับเข้าไปด้านในหลบสายตาผม ผมก็ไม่ได้คิดอะไร จนคุยกันเสร็จ พอกลับผมก็คุยกับเพื่อนที่มาด้วยว่า "เห็นผู้หญิงบน
เตียงป่ะ น่ารักดี" เพื่อนผมก็ด่าเลย "แฟนเพื่อน เมิ งคิดอะไรเนี่ย" ผมก็บอกไปว่า "ไม่ใช่แฟนมัน กรุรู้จักแฟนมันดี ก็แฟนมันอ่ะนอนอยู่บนเตียง ยังเห็นขายื่นออกมาอยู่เลย คนที่นั่งอยู่ตรงหัวเข่าแฟนมันอ่ะ" เพื่อนผมก็บอกว่า "ไม่เห็นมีใครเลย" เดินเถียงกันมาตลอดทาง ผมจึงตัดสินใจ
โทรถามเพื่อนทันทีเลยว่าตอนนี้อยู่กับใคร เพื่อนก็บอกว่าอยู่กับแฟนแค่ 2 คน ผมก็เลยรู้ว่าสิ่งที่ผมเห็นนั้นไม่ใช่แฟนเพื่อนผมแน่นอน แล้วผู้หญิงคนนั้นคือใคร และนี่คือเหตุการณ์ที่เกิดทั้งหมดตอนที่ผมไปเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใจ จ.พะเยา เชื่อไหมครับตั้งแต่นั้นมาผมต้องคล้องพระนอนอยู่ตลอดเวลาจนผมย้ายออกมาอยู่หอนอก และเช่าบ้านอยู่ข้างนอกก็ไม่เจอเหตุการณ์อะไรอีกเลย...
Post a Comment