ประสบการณ์เงินปากผี
เงินปากผีเนี่ยะมันเป็นสิ่งที่เกือบทุกชนชาติทำกันหมดเลยครับ ตั้งแต่ เอเชียไปจนยุโรป โดยอยากจะขอเล่าของกรีกก่อนครับ เวลาตายลงในอดีตก่อนที่จะนำศพเข้าโลงก็จะมีการใส่เงินไว้ในปากเหมือนกัน โดยจะนำเงินพดด้วงใส่ผ้าขาวแล้วผูกให้ปลายเชือกยาวออกมานอกปาก ถ้าเป็นสมัยนี้ก็จะใส่เปลี่ยนเป็นเงินเหรียญ ซึ่งหลังจากเผาแล้วบางคนก็จะเก็บเงินนี้มาเป็นอนุสรถึงคนที่จากไปเป็นกุศลบายด้วยคนตายแม้เงินอยู่ในปากก็เอาไปไม่ได้ แต่มันก็ยังมีอาถรรพ์ของเงินปากผีอยู่เหมือนกัน เพราะเงินนี้มันได้อยู่ในปากของศพซึ่งถ้าบางศพไม่เผาก็จะนำไปฝั่ง ซึ่งตามความเชื่อแล้วศพที่นำไปฝั่งคือศพที่ตายโหง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เรานี้การเป็นวัตุถุอาถรรพ์ของขลังทันที โดยคนที่จะเอามาทำได้ก็จะต้องเป็นหมอผีที่มีวิชาอาคมแก่กล้าเท่านั้น เช่นเดียวกับเรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันกับเงินปากผี และยังเป็นเรื่องจริงอีกด้วย
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ร่วมของข้าพเจ้ากับผองเพื่อน สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่ควรนำเป็นเยี่ยงอย่าง
เรื่องเกิดมาจากความคะนองตามประสาวัยหนุ่มอายุ 18-19 ปี อยู่แถวๆห้วยขวางเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา
บรรยากาศแถวชานเมือง ไม่แออัดเหมือนทุกวันนี้ เพื่อนของข้าพเจ้าเป็นเด็กวัดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวางนี้เองตัวข้าพเจ้าเป็นคนเขตดินแดง แรกๆที่ไปหาเพื่อนช่วงกลางวันยังได้ช่วยเขาปัดกวาดเช็ดถูกุฎิพระ กุฎิเณรระยะหลังๆไปพักผ่อนนอนที่วัดบ้าง บ่อยครั้งที่ท่านพระครูจะใช้ให้เด็กวัดไปหยิบของในศาลาพักศพ
พอกลับออกมาคล้องแต่แม่กุญแจเอาไว้โดยที่ไม่ได้ล็อก แล้วเอาลูกกุญแจไปคืนท่านพระครูพร้อมกับของที่ท่านใช้ให้ไปหยิบให้กลางคืนเด็กวัดจะได้แอบไปขโมยเงินปากผีได้สะดวก ญาติๆของศพถ้าฐานะดีจะโปรยเงินไว้รอบๆศพมากพอสมควรเมื่อมีเงินแล้วหนุ่มๆทั้งหลายก็จะแอบปีนรั้ววัดออกไปฟอกเงิน โดยวิธีหยอดตู้ม้า ถ้าเล่นได้ตู้ก็จะคายเหรียญออกมาส่วนเหรียญดำเงินปากผีจะถูกส่งลงไปในช่องรับเหรียญนั่นเอง
กลางดึกคืนหนึ่ง ท่ามกลางความมืดที่เงียบเชียบ มีเสียงกุกๆกักๆของตู้ม้า พยายามหาต้นตอของเสียงนั้นจะเป็นเสียงหนูหรือแมวก็ยากจะคาดเดา ฟังจากเสียงน่าจะมาจากตู้ม้า
น่าจะมีอะไรที่ตัวใหญ่กว่าแมวเป็นแน่ วิเคราะห์จากเสียง เป็นเสียงที่แรงมากและมีน้ำหนักมาก จึงต้องเปิดตู้ม้าดูให้รู้ดำรู้ดีกันไปเลยพอเปิดออกมาปุ๊บ ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า มีแต่เพียงเหรียญดำๆในช่องรับเหรียญมากมายเข้าใจได้เลย ใครกันที่เอาเงินปากผีมาหยอดตู้ม้า ทำเอาเจ้าของตู้ม้าขนลุกซู่กับเหตุการณ์นี้
แล้วคืนที่ต้องจดจำไปจนวันตายก็มาถึง ช่วงค่ำพระเณรต่างๆก็ทยอยกลับกุฎิจำวัดหลังจากทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้วหัวโจกก็นัดหมายเพื่อนไว้ 5 คน เมื่อเห็นเข้าทางตามแผนที่วางเอาไว้ก็มารอกันอยู่ที่หน้าศาลาพักศพข้างเมรุเผาศพเมื่อมากันครบแล้วก็ช่วยกันเปิดฝาโลงศพที่หมายตาเอาไว้ ศพนี้เป็นศพหญิงสาวหน้าตาสวยในสมัยนั้นข้าพเจ้าเหลือบไปเห็นป้ายบอกวันชาตะ-มรณะ จึงคำนวนว่าตายมาแล้วประมาณ 2 เดือน แต่ทำไมศพยังอุ่นเหมือนคนตายใหม่ๆ หรือข้าพเจ้าอุปทานไปเองก็ไม่ใช่ เพราะว่าเพื่อนๆต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันเพื่อนหัวโจกขอจับหน้าอกศพ มือไวพอๆกับปาก ซึ่งข้าพเจ้าก็ห้ามไม่ทันซะแล้ว จึงรีบหยิบเหรียญที่อยู่ด้านข้างศพเมื่อได้เงินพอสมควรก็ต่างแยกย้ายกันไปตามกุฏิที่ตนพักกับเณรและพระ
ช่วงดึก ขณะที่ทุคนหลับได้ไม่นาน หูก็ได้ยินเสียงร้อง โอย.. โอย... ลอยมาตามลม
ตามมาด้วยเสียง ช่วยด้วย... ช่วยด้วย... เบาๆแต่ก็พอได้ยิน เด็กวัดออกมาดูตามเสียง เสียงนั้นออกมาจากกุฏิข้างเมรุ 2 ชั้น มีลูกกรงชั้นบนเป็นเหล็กเส้นตรงมีเหล็กดัดเป็นวงกลมคั่นระหว่างเหล็กเส้นตรง เด็กวัดต่างตกตะลึงกับภาพที่อยู่ข้างหน้ามีหัวคนโผล่พ้นเหล็กดัดช่องวงกลมนั้นพอดีคอ แล้วเอาหัวที่ใหญ่กว่าคอมาก ลอดช่องวงกลมไปได้ยังไงแขนซ้ายและขวาของหัวโจกก็ลอดพอดีถึงต้นแขน ขาทั้ง 2 ข้างสอดถึงหัวเข่าที่ห้อยลง มีเหล็กดัดวงกลมนั้นรองรับอยู่หัวโจกเด็กวัดคนนี้จะละเมอหรืออย่างไรเป็นคำถามเอาไว้ในใจ ข้าพเจ้าคิดเพียงว่า ดีแล้ว ถ้าไม่มีเหล็กดัด เพื่อนคนจะตกลงไปตายแล้ว
ข้าพเจ้าและเพื่อนต่างหาเลื่อยตัดเหล็กให้ง้างออกจากคอเพื่อนอย่างเบามือ พยายามช่วยอย่างเงียบที่สุดเพราะไม่อยากให้เรื่องถึงท่านพระครู กว่าเหล็กดัดัจะง้างออกได้ก็เล่นซะเหงื่อตก และทำเอาคนที่ช่วยหายใจไม่ทั่วท้องกันเลยเพราะความกลัวว่าความผิดที่ทำเอาไว้จะทำให้เดือดร้อนกันถ้วนหน้า ข้าพเจ้าเองไม่อยากยุ่งกับสิ่งเร้นลับอีกจึงเริ่มออกห่างจากเพื่อนกลุ่มนี้ และขาดการติดต่อกัน เพราะว่าเหตุการณ์ที่เพื่อนหัวโจกประสบพบเจอเราทุกคนช็อคกับเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ ความคึกคะนองแท้ๆ ขออย่าได้เอาเป็นเยี่ยงอย่างเลย...
Post a Comment