ทางผ่านวิญญาณ
ทางสามแพร่งเรื่องราวที่ทุกคนรู้จักกันดีว่าเป็นทางวิญญาณผ่าน โดยเรื่องต่อไปนี้จะนำเสนอเรื่องของคุณกีกี้ ที่เธอเจอมากับตัวเรื่องของบ้านหลังนึง แถวย่าน ม.หอการค้า เมื่อประมาณห้าปีที่ผ่านมา เป็นบ้านตั้งแต่สมัยรุ่นคุณปู่คุณย่า สมัยก่อนบ้านหลังนี้แบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งหน้าคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณกีกี้จะอาศัยอยู่ แล้วคุณปู่คุณย่าก็จะอาศัยอยู่ฝั่งหลัง
ซึ่งถนนหน้าบ้านจะเป็นลักษณะของทางสามแพรง มักจะเกิดอุบัติเหตุรถชนเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ที่หนักๆก็ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล แต่ไม่ได้เสียชีวิตที่ทางสามแพรง ปัจจุบันนี้คุณปู่คุณย่าเสียชีวิตแล้ว จึงทุบบ้านรวมกันแล้วสร้างเป็นหลังเดียว
คุณกีกี้อาศัยอยู่บ้านหลังนี้ตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร จนกระทั่งช่วงประมาณเจ็ดปีที่ผ่านมา คุณแม่ได้สร้างบ้านใหม่ และได้ทำพิธีลงเสาเอก แต่ตัวคุณกีกี้เองไม่ได้อยู่ด้วยในขณะที่ทำพิธี จึงไม่รู้ว่าตรงไหนที่เค้าเรียกว่าเสาเอก พอสร้างบ้านเสร็จแล้วเข้าอยู่ กลางคืนก็จะมีเสียงคนมาเคาะกระจกบ้าง มาเคาะประตูบ้าง และเสียงคนเดินอยู่หน้าห้อง ซึ่งมักจะเป็นช่วงเวลาประมาณห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน ทุกคืน
จนมีอยู่คืนนึง น้องของคุณกีกี้มานอนด้วย น้องได้ยินเสียงคนเคาะประตู ก๊อกๆๆ แล้วน้องก็พูดกับคุณกีกี้ว่า ยายเรียกหรือเปล่า ไปเปิดประตูสิ แต่คุณกีกี้เองรู้แล้ว ว่ามันเป็นเสียงแบบนี้ทุกคืนอยู่แล้ว คุณกีกี้เลยบอกกับน้องว่า ออกไปดูสิ น้องจึงเปิดประตูออกไปดู แต่ก็ไม่พบใคร น้องก็เลยไปเคาะเรียกคุณยายที่ห้อง แล้วถามว่า ยายเรียกเหรอ มีอะไรหรือเปล่า คุณยายก็ตอบกลับมาว่า ไม่ได้เรียก นอนแล้ว ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรต่อ แต่น้องคุณกีกี้เป็นคนไม่ค่อยกลัว
แล้วมีอยู่คืนนึง คุณกีกี้นอนคนเดียว แล้วคืนนั้นคุณกีกี้คุยโทรศัพท์กับแฟน ประมาณตีหนึ่ง แล้วได้มีปากเสียงกัน พูดจาไม่เพราะ และวางสายแล้วนอน คุณกีกี้รู้สึกว่าคืนนี้อากาศร้อนมาก อยากจะเปิดแอร์นอน จึงลุกขึ้นจะไปเปิดแอร์ แต่กลับคิดในใจว่า ไม่เอาดีกว่า ขี้เกียด ช่างมันเถอะ แล้วก็นอนต่อ
แต่สักพักคุณกี้รู้สึกเย็น เย็นเหมือนเปิดแอร์ จึงลืมตาขึ้นจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่ม จังหวะที่ลืมตาขึ้นมา เห็นคนนั่งอยู่ด้านบนหัวของคุณกีกี้ ไม่เห็นเท้าหรือลำตัวใดๆ เห็นแต่ผมยาวปิดตัวทั้งตัว ยาวจนมาถึงที่นอน คุณกีกี้คิดในใจว่า ใครว๊ะ แล้วสังเกตุดูดีๆ แล้วเริ่มรู้สึกว่าคงไม่ใช่คนแล้ว และก็เริ่มมีเสียงคนหัวเราะ สิ่งแรกที่คุณกีกี้นึกขึ้นได้คือ นะโมตัสสะ แล้วก็เริ่มท่อง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ เค้าท่องตามแล้วหัวเราะไปด้วย คุณกีกี้คิดในใจว่าไม่ไหวแล้ว อยู่ไม่ได้แล้ว และคิดว่าถ้าเกิดเดินไปเปิดประตูเนี่ย แล้วประตูมันเปิดไม่ออกหละ แล้วจะทำยังไงดี แต่เสียงหัวเราะก็ยังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง คุณกีกี้ทนไม่ไหว จึงรีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วเข้าไปนอนในห้องพระ แล้วนอนอยู่ในห้องพระอยู่แบบนั้นจนเช้า
คุณแม่ตื่นมาเห็นเข้าก็ถามว่ามานอนทำไมในนี้ คุณกีกี้จึงเล่าเหตุการณ์ของเมื่อคืนให้คุณแม่ฟัง คุณแม่ได้แต่บอกว่าคิดมากไปหรือป่าว ได้ไปทำอะไรไม่ดีมาหรือป่าว คุณกีกี้บอกว่าสงสัยจะพูดไม่เพราะมั้ง คุณแม่จึงบอกว่า ห้องที่คุณกีกี้นอน ทางด้านหัวนอนจะมีเสาอยู่ เสานั้นคือเสาเอกของบ้าน
หลังจากนั้น คุณป้าที่อาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามของบ้าน เค้าเป็นเหมือนคนทรง พอรู้เรื่องราวจึงมาบอกว่า บ้านหลังนี้เจ้าที่แรงมาก ตั้งแต่สมัยตอนสร้างบ้านแล้ว แถมยังอยู่ทางสามแพรงด้วย แล้วเดิมที สมัยคุณปู่คุณย่าอาศัยอยู่ เวลามีงานศพจะจัดงานศพกันที่บ้านมาตั้งแต่สมัยก่อน
แล้วช่วงกลางวัน ห้องนอนของคุณกีกี้จะไม่สามารถปิดประตูได้ ประตูจะต้องเปิดออกเองตลอดเวลา เหมือนเป็นทางเดินเข้าเดินออกของเค้า ทุกวันนี้คุณกีกี้ก็ยังเจออยู่บ้าง เช่นกลับมาบ้าน ประตูบ้านมันจะเปิดออกมาเอง และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment