เตียงข้างๆหายไป
เคยไหมที่ต้องนอนโรงพยาบาล เหตุการณ์ประหลาดเคยเกิดขึ้นกับคุณไหม เตียงมีกี่คนที่ตายมาแล้ว เรื่องราวจากประสบการณ์จริงของคุณเอ กับคืนหลอนสั่นประสาทในโรงพยาบาล เมื่อสิ่งที่เขาเห็นกับความจริงที่เขาได้พบ ลองไปติดตามชมกันเลยครับ
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นที่เช้าวันหนึ่ง เอรู้สึกไม่สบาย ตัวร้อน และไอไม่หยุด จนเอทนไม่ไหวก็้เลยตัดสินใจเดินออกมาจากบ้านไปที่หน้าปากซอยเพื่อที่จะไปรอรถประจำทางมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง นั่นก็เพราะว่าเอช่วงนั้นต้องยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียวคุณพาอและคุณแม่ไปทำงานต่างจังหวัด พอเอไปถึงที่ รพ.ก็ไปหยิบบัตรคิวและไปนั่งรอที่โต๊ะสีฟ้าที่ทาง รพ.จัดไว้ให้คนป่วยนั่งรอคิวสักพักก็มีพยาบาลคนหนึ่งเดินไปหาเอและถามว่า "เป็นอะไรมาหรอคะ" พอได้ยินเสียงพยาบาลถามจังหวะนั้นเอกำลังก้มลงหยิบยาดมในกระเป๋าพอเงยหน้าขึ้นมาจะตอบคำถามเอก็ไม่เจอพยาบาลคนนั้นแล้ว ตอนนั้นเอไม่ได้คิดอะไรเนื่องจากว่าคนไข้เยอะอาจจะรีบ แต่ก็งงๆนิดๆสักพักเดียวเอก็มีอาการง่วงๆ เหมือนจะหลับแต่ว่ายังมีสติครบดีอยู่ แล้วก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนสะกิดที่ตัวและพูดว่า "ถึงคิวคุณแล้วค่ะ"เสียงนั้นเป็นเสียงที่คุ้นหู เป็นเสียงเดิม พอเอจะหันไปมองที่มาของต้นเสียงก็ได้เห็นนางพยาบาลคนเดิมที่ตอนแรกเธอเดินมาถามเอนั่นเองเอก็เลยเอ่ยปากตอบเธอกลับไปว่า "ครับ เดี๋ยวผมจะเดินไป" แล้วเอก็เดินมุ่งหน้าไปตรงห้องตรวจโรค หลังจากคุยอาการต่างๆกับคุณหมอแล้วคุณหมอก็สรุปและลงความเห็นว่าเอเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรจะนอนดูอาการที่ รพ.สักคืนหนึ่งก่อน เอก็ตอบว่าครับ และหมอก็ยังถามอีกว่า
เดินไหวไหม เอตอบกลับไปว่าพอเดินไหว หมอท่านนั้นก็เลยเดินออกไปเรียกบุรุษพยาบาลท่านหนึ่งเข้ามา ให้มาพาเอไปที่เตียงที่จะนอน
ห้องผู้ป่วยที่เอได้ไปนอนรอดูอาการนั้นเป็นห้องรวม เตียงทั้งหมดมี 10 เตียง ในขณะนั้นในห้องก็มีคนป่วยอยู่ไม่ถึง 5 คนเตียงที่เอได้นอนนั้นเป็นเตียงที่ 5 ซึ่งเตียงที่ 4 กับ 6 นั้น มีคนป่วยนอนอยู่แล้วขนาบทั้งสองข้าง เอเห็นดังนั้นก็นึกดีใจที่จะได้มีเพื่อนคุยพอเอเดินไปถึงที่เตียงแล้วเริ่มนอนลงเพื่อนจะหลับ แต่ว่าตอนนั้นเอหลับไม่ลง เพราะเอได้ยินเหมือนมีใครกำลังเรียก พอหันไปดูก็คือพี่คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงที่ 4 เรียกเอนั่นเอง พี่คนนั้นก็ถามกับเอว่า "เอ็งชื่ออะไร" เอก็ตอบว่า "ชื่อเอครับ" แล้วพี่เขาก็เริ่มเล่าเรื่องต่างๆให้เอฟัง ประมาณชวนคุยนั่นเอง เหมือนกับว่าแกเบื่อ และในระหว่างที่กำลังนอนคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งพูดสวนขึ้นมาว่า"ไอ้หนูๆ หยิบน้ำให้ตากินหน่อยสิ" เอได้ยินดังนั้นก็เลยหันกลับไปดูว่าเสียงนั้นมาจากไหน พอเอหันไปก็มองเห็นคุณตาคนหนึ่งนอนอยู่ที่เตียง 6 ตาคนนั้นกำลังเรียกเออยู่ เอก็ถามว่า "อะไรนะครับตา" ตาก็บอกว่า "เอ็งเอาน้ำให้ตากินหน่อยสิ" แล้วเอก็ขยับตัวไปหยิบน้ำให้กับคุณตาเตียงที่ 6 แล้วตาก็ถามอีกว่า "เอ็งชื่ออะไร" เอก็ตอบเหมือนเดิมว่า "ชื่อเอครับ" พอตาดื่มน้ำเสร็จก็ตอบรับคำ "อืมๆ" แล้วก็ล้มตัวลงหลับตา นอนต่อไป เอจึงล้มตัวนอนบ้าง แล้วก็เอาผ้าห่มมาคลุมโปง
เวลาไล่เลี่ยกันนั้นก็มีเสียงเหมือนกับมีคนเดินมาที่เตียงที่เอนอนอยู่ เอได้ยินดังนั้นก็เลยค่อยๆแง้มผ้าห่มที่คลุมโปงอยู่ออกมาดูสิ่งที่เห็นกก็คือ คุณหมอ มาดูอาการว่าเอเป็นยังไงบ้าง เอจึงเอาผ้าห่มออก คุณหมอดูอาการของเอแล้วก็ถามว่า "เป็นยังไงบ้าง นอนได้ไหม"เอก็งงๆ ตอบกลับไปว่า "ก็นอนได้ครับ" แล้วหมอท่านนั้นก็เดินออกจากห้องผู้ป่วยไป สักพักนึงพี่ที่นอนอยู่เตียงที่ 4 ก็หันมาคุยกับเออีก
เอก็เลยนึกขึ้นได้ เล่าเรื่องที่เจอพยาบาลแปลกๆให้ฟัง พี่เตียง 4 ก็พูดว่า "เอ็งอย่าไปคิดมากน่ะ มันธรรมดาอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้กับโรงพยาบาล"แล้วพี่เตียง 4 ก็ยังพูดอีกว่า "เอ็งว่างๆก็หัดทำบุญซะมั่ง" เอได้ยินแบบนั้นก็งงๆ พี่เตียง 4 ล้มตัวลงนอนต่อ แล้วก็ยังพูดอีกว่า "ขอบคุณนะที่คุยเป็นเพื่อน" เอก็ตอบไปว่า "ครับๆ" แล้วเอก็หลับตานอน
เวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไรห่ไม่ทราบได้ เอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนที่ได้ยินเสียงเหมือนมีใครกำลังลากอะไรสักอย่างอยู่กับพื้น ความอยากรู้อยากเห็นของเอทำให้เอต้องลุกขึ้นมานั่งดูว่าเสียงนั้นคือเสียงอะไร ภาพที่เอเห็นก็คือนางพยาบาลคนหนึ่งกำลังลากเครื่องวัดชีพจรอยู่ พอเอเห็นแบบนั้นก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ล้มตัวลงนอนเอาผ้าคลุมโปงเหมือนเดิม และพยายามนอนหลับแต่ว่าเอก็ได้ยินเสียงเหมือนกับมีคนลากอะไรสักอย่างจนกระทั่งเช้า
พักเเดียวเท่านั้นหลังจากที่เอรู้สึกตัวตื่นก็ได้ยินเหมือนกับมีใครเดินเข้ามาในห้อง เอก็เลยพยายามลุกขึ้นดูว่าเป็นใคร ปรากฏว่าเป็นคุณหมอ คุณหมอเข้ามาเพื่อจะตรวจอาการคนไข้ เอเห็นแบบนั้นก็โล่งใจ แล้วเอก็หันหน้าเพื่อจะไปคุยกับพี่ที่เตียง 4 แต่พอหันหน้าไปสิ่งที่ทำให้เอประหลาดใจมากก็คือ บนเตียงนั้นไม่มีใครอยู่เลย แม้กระทั่งผ้าปูเตียงก็ยังไม่มี ตอนนั้นเอคิดในใจว่า สงสัยพี่เขาจะออกไปแล้วหรือไม่ก็เปลี่ยนห้อง หรือมาทำความสะอาดเตียง อะไรก็ว่าไป แล้วเอก็เลยหันไปทางเตียง 6 ซึ่งคุณตานอนอยู่ แต่ว่าสิ่งที่เอเห็นทำให้ถึงกับอึ้งเตียง 6 ณ เวลานี้เป็นเตียงว่างๆ ไม่มีคุณตา ไม่มีกระทั่งผ้าปูเตียง เออึ้งอยู่นานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ แต่สิ่งที่ทำให้เอสะดุ้งก็คือ มีใครสักคนกำลังสะกิดเอ และเรียกชื่ออยู่ นั่นก็คือคุณหมอ คุณหมอนั้นเข้ามาตรวจดูอาการของเอ พอคุณหมอเห็นเอเป็นแบบนั้นก็เลยถามว่า "เป็นอะไรรึเปล่า"เอก็เลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้คุณหมอได้ฟัง คุณหมอได้ยันแบบนั้นก็อึ้งไปสักพักนึง แล้วคุณหมอก็บอกกับเอว่า "อาการคุณดีขึ้นแล้ว กลับบ้านได้แล้วนะ" เอก็ตอบว่าครับ แล้วก็ก้าวลงจากเตียงเพื่อที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้าน
พอเอเปลี่ยนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เดินออกมาจากห้องน้ำ คุณหมอคนเดิมก็วิ่งมาหาเอแล้วก็พาเอเดินไปที่ไหนก็ไม่รู้แต่ว่าห้องห้องนั้นมันเหมือนกับห้องพักของ จนท. เอก็เลยถามกับหมอว่า "คุณหมอจะลากผมมาทำไมครับ" คุณหมอไม่ได้ตอบคำถามของเอแต่ว่ากำลังตะโกนเรียกใครก็ไม่รู้ แล้วเอก็ได้เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้ ก็คือนางพยาบาลคนเดิมคนที่เอเห็นเมื่อวานนี้ เอตกใจแล้วก็ตะโกนออกไปว่า "ผี!!" แต่คุณหมอก็รีบเอามือมาปิดปากของเอไว้แล้วก็บอกว่า "อย่าตกใจ เขาไม่ใช่ผี" แล้วนางพยาบาลคนนั้นก็บอกกับเอว่า "ฉันไม่ใช่ผีค่ะ" และเธอก็ยิ้ม นางพยาบาลคนนั้นพูดจบก็หยิบเอาสมุดสีชมพูที่เธอถือมาด้วย ยื่นไปให้เอดู ด้านในของสมุดนั้นมีรูปเหมือนกับรูปในบัตรประชาชนทุกๆคน แล้วหมอกับนางพยาบาลก็ตั้งคำถามกับเอว่า "คนที่คุณเห็นอยู่บนเตียง 4 และเตียง 6คือรูปใบไหน" เอก็พลิกดูแล้วก็ชี้ไปที่รูปคนที่เอเห็นทั้ง 2 ใบ นางพยาบาลและคุณหมอเห็นแบบนั้นก็อึ้งไปพักใหญ่ คุณหมอตั้งสติได้ก่อนก็บอกกับเอว่า คนไข้ทั้ง 2 คนที่เอเห็นนั้นได้เสียชีวิตไปแล้วก่อนที่เอจะมาอยู่ที่ รพ.นี้ 1 วัน เอได้ยินแค่นั้นก็ช็อคไปเลย สาเหตุการเสียชีวิตของคนไข้บนเตียง 4 และเตียง 6 ก็คือ คนที่อยู่เตียง 4 หัวใจวายเฉียบพลัน คนที่อยู่เตียง 6 เป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย เอได้ยินแค่นั้นก็ไม่พูดอะไร รีบออกไปจ่ายเงินรับยา และออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้โดยเร็ว
Post a Comment