วิญญาณแฝด
เรื่องราวสุดพิศวงเมื่อ เธอเจอกับเหตุการณ์แปลกๆตั้งแต่เธอยังเด็กๆ จนเมื่อถึงวันหนึ่งเธอพยายามสืบหาว่าเรื่องราวที่เธอเจอนั้น มาปะติดปะต่อกัน เธอพบกับคำตอนที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของเธอผู้นี้ เรื่องราวสุดเข้มข้นน่าติดตามว่าเธอนั้นได้คำอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นน้องฟางได้ประสบพบเจอด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กจนปัจจุบันนี้ นั่นคือ น้องฟางเล่าให้ฟังว่าตัวเธอเองมักจะเห็นดวงวิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่งมาโดยตลอด เห็นในแทบจะทุกที่ไม่ว่าฟางจะไปอยู่ที่ไหน สถานที่ใดก็มักจะเห็นผู้หญิงคนนี้แทบจะตลอดเวลา โดยที่ฟางไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร และในทุกๆคืนเวลาที่ฟางนอนคนเดียวในช่วงที่กำลังใกล้จะหลับจะรู้สึกว่ามีใครอีกคนขึ้นมานอนกอดบนเตียงด้วยอยู่เสมอๆ บางครั้งบางคราวก็มีเสียงคนเปิดหนังสืออ่าน
ที่ห้องของฟางนั้นไม่มีหน้าต่าง และเปิดแอร์ไม่ได้ใช้พัดลม ฉะนั้นไม่มีทางที่จะมีลมพัดได้ บางทีก็จะมีเสียงเหมือนกับคนยกขวดน้ำขึ้นมาดื่มเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ และทุกเหตุการณ์ที่ว่ามานั้นฟางจะอยู่ในห้องคนเดียวเสมอ
จนกระทั่งน้องฟางได้มารับรู้ความจริง เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมานี้เอง คืนนั้นฟางนอนอยู่ในห้องคนเดียว นั่งๆนอนดูทีวีจนเวลาเลยไปประมาณเที่ยงคืน เกิดปวดท้องขึ้นมา ก็เลยเดินลงบันไดไปเข้าห้องน้ำที่ชั้นล่าง ตอนที่กำลังใส่รองเท้าอยู่นั้นสายตาก็มองไปทางห้องน้ำ ก็ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคนนั้นโผล่ออกมาจากห้องน้ำแค่ครึ่งตัว ทั้งตัวนั้นบวม เน่า มีคราบน้ำเหลืองและเลือดเต็มไปหมด เธอค่อยๆยกมือขึ้นมา ชี้หน้าของฟาง พร้อมกันนั้นก็ตะโกนว่า"เพราะเมิ ง กรุถึงต้องตาย" พูดจบก็ทำท่าเหมือนจะออกมาจากห้องน้ำ วิ่งตรงมาหาฟาง วินาทีนั้นฟางตกใจสุดขีด แล้วก็สะดุ้งตื่น!!!ฟางเริ่มสับสนว่าเป็นความจริงหรือความฝัน แต่ก็พยายามคิดว่าทั้งชีวิตของฟางไม่เคยฆ่าใครตายสักคน แล้วทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นแล้วก็มานั่งนึกถึงภาพผู้หญิงคนนั้นดีๆอีกครั้งหนึ่ง ผู้หญิงที่ยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำนั้นใส่ชุดแบบเดียวกับฟางทั้งหมดแล้วเหตุการณ์นั้นก็ผ่านพ้นไป
ทุกอย่างเริ่มจะชัดเจนขึ้นในวันที่ฟางย้ายออกไปอยู่บ้านแฟน คืนนั้นก่อนที่จะนอนแฟนของฟางได้พาหลานอายุประมาณ 2 ขวบขึ้นมาเล่นที่ห้อง ลักษณะของห้องนั้นพอเปิดประตูเข้าไป ด้านซ้ายจะเป็นเตียง ด้านขวาเป็นเก้าอี้ตั้งอยู่ตัวหนึ่งพอแฟนพาหลานก้าวผ่านประตูห้องไปนั้น ทันทีที่หลานเห็นหน้าฟางหลานก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุด ร้องเหมือนกับกลัวอะไรสักอย่างในตอนนั้นฟางนั่งอยู่บนเตียง ส่วนหลานก็หันมาทางฟางที่นั่งอยู่บนเตียง แล้วเรียกว่า "ฟาง" แล้วก็หันไปทางขวามือทางเก้าที่ตัวที่ว่างแล้วก็ยังเรียกว่า "ฟาง" เป็นอย่างนี้อยู่ 2-3 ครั้ง แล้วก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุด ฟางกับแฟนมองหน้ากัน
แล้วแฟนก็พาหลานลงไปส่งให้แม่เขา ตอนที่แฟนเดินลงไปชั้นล่างนั้นฟางก็เผลอทำกระจกที่ตั้งอยู่ตก
กระจกนั้นก็หันมุมสะท้อนมาที่หน้าของฟางพอดี ภาพเงาที่ปรากฏอยู่ในกระจกก็คือ มีผู้หญิงคนหนึ่งเอาคางมาเกยไหล่ซ้ายของฟางอยู่!!!ฟางตกใจขนหัวลุกซู่ แต่ก็เป็นจังหวะที่แฟนเดินกลับขึ้นห้องมาพอดี ฟางจึงพูดกับแฟนว่า "หลานต้องเห็นอะไรสักอย่างแน่ๆ"แฟนก็ได้แต่พยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร เหตุการณ์นี้ก็ผ่านพ้นไป
จนกระทั่งอีกหยายวันต่อมา เช้าวันหนึ่ง ขณัที่อฟนกำลังแต่งตัวพร้อมจะออกไปทำงาน จู่ๆก็หันมาถามกับฟางว่า"เมื่อคืนนี้จำไอะไรได้บ้างรึเปล่า" ฟางก็พยายามนั่งนึกว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น แต่ก็ตอบกลับไปเท่าที่จะจำได้ว่า "นึกไม่ออกอ่ะจำได้แค่ว่าต้องคลานกลับขึ้นมานอนบนเตียงเท่านั้นเอง" แฟนน้องฟางก็เงียบไปพักนึก แล้วก็เริ่มเล่าเรื่องให้ฟังว่ากลางดึกเมื่อคืนนี้ แฟนตื่นขึ้นมาแล้วก็เห็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่เห็นรูปร่างหน้าตาเพียงแค่เห็นเป็นเงาดำๆเท่านั้นแต่จากรูปร่างเป็นเงาผู้หญิงแน่นอน มานั่งอยู่ที่ปลายเตียงตรงปลายเท้าของแฟนเลย และในขณะที่แฟนกำลังนอนตกใจอยู่นั้นอยู่ดีๆฟางก็ลุกขึ้นมาด้วยอาการเหมือนคนนอนละเมอ แล้วค่อยๆคลานลงไปนั่งคุยกับเงานั้นอยู่จนกระทั่งเกือบเช้าแล้วฟางก็คลานกลับขึ้นเตียงมานอน ฟางได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็ตกใจ และเริ่มรู้สึกตัวว่า มิน่าล่ะเมื่อคืนก็นอนเยอะแต่กลับรู้สึกเพลียเหมือนไม่ได้นอน
และแล้ววันที่ความจริงทั้งหมดได้ถูกเปิดเผยกับฟางก็เกิดขึ้น วันนั้นฟางได้เดินทางกลับไปที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ของตัวเองนั่งคุยเรื่องราวต่างๆกันมากมาย จนสุดท้ายคุณพ่อก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง คุณพ่อเล่าว่า มีอยู่วันหนึ่งคุณพ่อและคุณแม่ได้นั่งทานข้าวกับคุณลุงท่านหนึ่ง คุณลุงคนนี้เป็นชาวพม่า ทันทีที่ทานข้าวเสร็จคุณลุงคนนั้นก็ถามกับคุณแม่ว่า แม่มีลูกกี่คนแม่ก็ตอบว่ามีลูกแค่ 3 คน คนโตเป็นผู้ชาย คนที่ 2 คือน้องฟาง คนสุดท้องพึ่งจะอายุ 10 ขวบ คุณลุงท่านนั้นได้ฟังก็ถามอีกว่า"แม่คิดดูดีๆนะ มีใครตายไปคนนึงรึเปล่า ผมเห็นแม่มีลูก 4 คน แม่มีแฝดหญิงอยู่คู่หนึ่งอายุน่าจะซัก 20 ปีได้แล้ว"คุณลุงพูดจบแม่ก็หน้าซีดแล้วก็ร้องไห้ออกมา ตัวสั่น เงียบไปสักพัก ก่อนจะหันมาหาคุณพ่อแล้วพูดว่า "วันที่คลอดเจ้าฟางนั้นมีลูกตายไปคนหนึ่งจริงๆ เป็นฝาแฝดกัน" พูดจบคุณแม่ก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุดคุณพ่อก็ถามว่าทำไมไม่เคยบอกคุณพ่อก็อยากจะรับรู้ว่าลูกสาวอีกคนที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนยังจะอาศัยอยู่ในบ้านนี้ด้วยกันหรือไม่
กลางดึกคืนนั้นในขณะที่ทุกคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว คุณพ่อก็เดินลงมาที่ชั้นล่างแล้วเริ่มถ่ายวิดีโอจากซ้ายไล่ไปด้านขวาอย่างช้าๆ ตอนเช้าเปิดดูก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หลังจากประมาณเที่ยงคืนของอีกวันหนึ่งภาพในวิดีโอนั้นก็เปลี่ยนแปลงไป ช่วงที่กำลังแพนกล้องผ่านตู้ปลาในบ้าน สิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็คือ มีผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกันฟางนอนเอาเท้าพิงกำแพงแล้วหันหน้ามามองกล้อง คุณพ่อตกใจมากรีบเรียกญาติพี่น้องทุกคนมาดู ทุกคนยืนยันว่าเหมือนฟางและแม่มากและสิ่งที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่และญาติทุกคนในบ้านตกใจมากกว่านั้นก็คือ พี่ชายของฟางและน้องสาวคนเล็กได้พูดออกมาว่า
ผู้หญิงคนนี้แหละที่ทั้งคู่เห็นมาตลอดอยู่ในบ้านหลังนี้
เรื่องราวทั้งหมดก็คือ วันที่คุณแม่ของน้องฟางกำลังจะคลอดนั้นได้เกิดอาการตกเลือดอย่างหนัก คุณหมอต้องพยายามช่วยทั้งแม่และเด็ก แต่เรื่องที่น่าเศร้าก็คือต้องเสียเด็กฝาแฝดไปคนหนึ่ง คุณแม่เสียใจจนสลบไปตั้งแต่นั้นมาจิตใต้สำนึกของคุณแม่ก็เกิดการปกป้องตัวเองจิงสร้างความทรงจำอื่นขึ้นมาทดแทน คือแม่มีลูกแค่ 3 คนและในคืนที่เกิดเหตุนั้นคลอดฟางแค่คนเดียว นี่คือผลจากการที่คุณแม่เสียใจอย่างหนักจากการสูญเสียลูกไปหนึ่งคนวันเวลาผ่านไปถึง 22 ปีก็ยังมีเหตุการณ์ยืนยันว่าฝาแฝดของฟางนั้นยังคงใช้ชีวิตในอีกโลกหนึ่ง อยู่ในบ้านเดียวกันกับฟางและทุกๆคนเหมือนปกติ เช่นคนในบ้านมักจะเห็นฟางในที่ต่างๆของบ้านในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งแฟนของฟางก็ยังยืนยันว่า
ในช่วงเวลาที่คนอื่นๆเห็นฟางกำลังทำกิจกรรมอะไรบางอยู่างในบ้านนั้น ฟางตัวจริงกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงหรือกำลังอยู่ใกล้ๆกับแฟนไม่มีทางที่จะไปอยู่ในที่ๆคนเหล่านั้นเห็นได้เลย แม้แต่ตัวแฟนของฟางเองก็เคยเห็นมากับตา มีอยู่วันหนึ่งฟางกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำและแฟนก็นั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าประตูห้องน้ำ แต่จู่ๆก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปในห้องนอน ลักษณะคล้ายกับฟางทุกอย่าง พอฟางอาบน้ำเสร็จเปิดประตูห้องน้ำออกมา แฟนก็บอกว่าเห็นแฝดของเธอเดินเข้าไปในห้อง หลังจากความจริงทั้งหมดปรากฏขึ้นทุกคนในครอบครัวก็ทำบุญให้แฝดของฟางบ่อยขึ้นเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้...
Post a Comment