ประสบการณ์ก่อนบวช


          ย้อนกลับไปเมื่อปี2010 เป็นประสบการณ์สยองของคุณสอง คุณสองได้มีโอกาสบวชวัดหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่อยู่ใจกลางเมือง คุณสองเลือกบวชช่วงเทศกาลสงกรานต์เขาใช้เวลา15วันในการบวช เพื่อเป็นการปรับตัวก่อนบวชต้องพักอาศัยที่วัดก่อนเป็นเวลา3วัน เพื่อที่จะได้เรียนรู้กิจวัตรและก็ระเบียบต่างๆ ช่วงเวลาที่สองจะบวชนั้นเป็นช่วงที่มีพระใหม่ ผู้ปฏิบัติธรรมใหม่อยู่ในวัดเยอะมากๆถ้ากะคร่าวๆแล้วก็ต้องมีประมาณ 100-200 ชีวิต เรียกได้ว่าไม่น่ากลัวเลย ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เพราะว่าจะมีคนเดินกันให้ขวักไขว่แถมที่วัดนี้ยังไม่มีเณรอีกด้วย มันช่วยให้สองหายกลัวขั้นมาก ปกติแล้วสองจะเป็นคนขี้กลัวยิ่งตอนค่ำๆมืดๆในวัดแล้ว ทุกๆคนต้องปฏิบัติเหมือนกับพระแทบทุกอย่าง การฉัน การนอน การทำวัตร  ในช่วงเวลาที่ต้องไปอยู่วัดวันก่อนพิธีอุปสมบท กุฎิที่สองพักนั้นจะเป็นบ้านแฝดก็คือในหลังเดียวมี 2 ห้อง วันแรกที่เข้าพักก็สังเกตว่าห้องที่อยู่ติดกันมีผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ด้วย เป็นผู้ชายวัย 40 ต้นๆ พอสองได้เจอก็ทักทายกันตามปกติ ได้ความว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่คนนี้เขาก็จะกลับบ้านแล้ว สองก็ได้แต่ ครับ รับทราบ คืนนั้นไม่มีอะไร

           พอรุ่งเช้าของอีกวันสองตื่นขึ้นมา เดินออกมาที่หน้ากุฎิก็เห็นว่าพี่ที่อยู่ข้างห้องนั้นออกไปแล้ว เนื่องจากเห็นว่าคล้องสายยูเอาไว้วันนั้นสองปฏิบัติธรรมทั้งวัน พอตกตอนเย็นก็ต้องกลับมาอาบน้ำ ก็ยังมองเห็นว่าห้องที่อยู่ติดกันนั้นสายยูยังคงคล้องอยู่ จึงค่อนข้างมั่นใจว่าคืนนี้น่าจะไม่มีใครมาพักที่ห้องติดกันแล้วแน่ๆ แต่ว่าคืนนั้น เวลาราวๆเกือบเที่ยงคืนบรรยากาศในวันนี้เงียบมาก สองกำลังนอนอยู่ แล้วก็เริ่มได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังหาของอยู่ในห้องซึ่งอยู่ติดกัน ดัง ก๊อกๆ แก๊กๆ ครืดๆ ปังๆ เหมือนกำลังรื้อห้อง แต่ว่าพอนอนฟังไปเรื่อยๆ ก็มีเสียงเหมือนกับคนคล้ายกับกำลังแปรงฟัน ล้างหน้า อะไรประมาณนั้น ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อตอนเย็นห้องยังคงถูกล็อคอยู่ แล้วใครจะมาพักเอาตอน 6 โมงเย็น ถ้าเกิดจะมีใครมาใหม่ก็ไม่ได้แล้ว เนื่องจากทางวัดก็ไม่รับไว้

               คืนนั้นก็ผ่านไปแบบงงๆปนสงสัย พอสองตื่นเช้าทำวัตรราวๆตี 5 ออกมา ห้องที่อยู่ติดกันก็ยังคงมองเห็นสายยูยังคงถูกล็อคอยู่สองคิดในใจ เอ๊ะ หรือว่าเค้าออกไปเร็ว  ตอนนั้นยังมองในแง่บวก พอตกตอนเย็นทำธุระทุกอย่างเสร็จ กำลังจะกลับมาอาบน้ำ ก็ยังคงเห็นห้องนั้นถูกล็อคอยู่เหมือนเดิม ก็เลยตัดสินใจถามกับพระพี่เลั้ยงตรงๆเลยว่า "หลวงพี่ครับ ห้องนี้มีใครมาพักหรือยัง" แต่ท่านก็บอกว่า "ยังเลย และท่าทางจะว่างอีกนานด้วย เนื่องจากพระใหม่นั้นจะมาก็ราวๆสัก 8-9 วัน" สองก็ได้แต่คิดในใจว่า เอาแล้ว โดนละมั้ง ที่ได้ยินเมื่อคืนใช่แน่ๆ  แล้วคืนนั้นก็ได้เรื่องจริงๆ เสียงของข้างห้องนั้นดังทุกสิ่งที่ควรจะดัง สองกลัวมาก ใส่หูฟัง เอาผ้าปิดตา หลับทั้งแบบนั้น ไม่ยอมไปทำวัตรเช้าด้วยความรู้สึกก็คือใช่แน่ๆ แค่มองไม่เห็นเท่านั้นเอง นั่นคือเหตุการณ์แรก

                มาถึงเหตุอีกเหตุการณ์ ในช่วงนั้นสองได้บวชแล้ว ประมาณซัก 2 วันก็จะสังเกตเห็นได้ว่ามีน้องเณรซึ่งก็คือน้องชายของเพื่อนพระมานั่งด้วยทั้งวัน ซึ่งปกติแล้วทางวัดจะแยกให้เณรนั้นอยู่อีกฝั่งนึง แต่ว่าพระสองเห็นเณรมาอยู่ด้วย 2-3 วันก็เลยถามกับเพื่อนว่า."น้องเป็นอะไรหรือเปล่า" เพื่อนพระก็บอกว่า "เณรน้องนอนไม่ได้เลย ที่ตึกของเณรมีเรื่องไม่ธรรมดา" เณรก็เล่าให้ฟังว่าในระหว่างที่นอนอยู่
ตึกเณรนั้นมีเด็กตัวขาว หัวโล้น ถอดเสื้อ มานั่งกอดเข่าอยู่ตรงมุมห้องแล้วก็นั่งจ้องมาที่น้องคนเดียว "เณรน้องก็เลยต้องมาอยู่กับผมเนี่ยพรุ่งนี้ก็ว่าจะให้เณรน้องสึกก่อน เนื่องจากกลัวมากแล้วก็สงสารน้องด้วย" เหตุการณ์นี้แม้แต่ท่านเจ้าอาวาสก็ยังเอามาพูดเลยว่ามีน้องเณรโดนผีหลอก ม่านเล่าปนขำๆว่า "แหม เขาก็มาหยอกนะ บุญเราเยอะ"

                มาถึงเหตุการณ์ที่ 2 ได้เจอในวัดแห่งนี้ ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาท้ายๆของการเป็นพระแล้ว วันนั้นพระสองกำลังนั่งสมาธิอยู่ยาวถึงประมาณ 3 ทุ่ม มีพระที่นั่งสมาธิรวมตรงนั้นประมาณ 30 รูปได้ แล้วก็จะมีพระพี่เลี้ยงรูปหนึ่งหันหน้าเข้าหาพวกของพระสองเพื่อที่จะดูแลความเรียบร้อย ตอนนั้นจู่ๆลมก็พัดแรงขึ้น แรงขึ้น จนพระสองนั้นต้องลืมตาขึ้นมาดู แล้วก็ได้เห็นพระพี่เลี้ยงเหลือบตามองขึ้นไปข้างบน ซึ่งมันจะอยู่หลังของพวกพระสอง แล้วท่านก็พูดขึ้นมาว่า "ไม่มีอะไรหรอก เขามาดี พวกท่านทำดีเขาก็ชอบ"

                เช้าวันต่อมาก็มานั่งคุยๆกัน พระท่านหนึ่งก็บอกขึ้นมาว่าที่พระพี่เลี้ยงต้องพูดแบบนั้นก็เนื่องจากท่านเห็นมีผู้หญิง สวมชุดสีแดงปีนลงมาจากต้นยาง แต่ว่ามาดี น่าจะเป็นเจ้าที่เพราะต้นยางเหล่านั้นอายุเกิน 50 ปีแล้วทั้งนั้น และก็มีเป็นร้อยๆต้น และนั่นก็คือเรื่องราวลี้ลับที่พระสองได้ประสบพบเจอมาด้วยตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น