อาถรรพ์ทาวน์เฮ้าห์แฝด


         เป็นเรื่องราวของคุณรุสเมื่อ20ปีก่อน ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ช่วงนั้นคุณรุสกำลังเรียน ปวส ช่างไฟฟ้า ที่ต่างจังหวัด และมีรุ่นพี่แนะนำให้ฝึกงานที่กรุงเทพ คุณรุสและเพื่อนๆราวๆ13คน ไปทำงาน บริษัทรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า พวกเขาทำงานหนักและทำโอทีด้วยในตอนนั้น เพราะพี่ๆเค้าอยากให้อยู่ช่วยงานกัน จึงเลิกงานประมาณสี่ถึงห้าทุ่มตลอด มีอยู่วันนึง คุณรุสและเพื่อนๆก็ทำงานถึงสี่ทุ่มเช่นเดียวกัน และเดินทางกลับมาที่พัก ที่พักจะอยู่แถวสุขุมวิท พี่ที่คุมงานชื่อพี่ตี๋ พี่ตี๋ก็ได้ถามคุณรุสว่า

พี่ตี๋ : รุส วันนี้เหนื่อยมั้ย
คุณรุส : ไม่เหนื่อยอะ สบายๆ
พี่ตี๋ : ถ้าพี่ชวนไปทำงานต่ออีกนิดนึงได้มั้ย
คุณรุส : ได้พี่ ไปที่ไหน เป็นบ้านหรืออะไร
พี่ตี๋ : เป็นทาวน์เฮ้าห์มือสอง เจ้านายซื้อเอาไว้ พอดีเค้ากำลังปรับปรุงกันอยู่ ยังไม่เสร็จ
คุณรุส : ได้พี่
พี่ตี๋ : งั้น รุสไปชวนเพื่อนมาคนนึง เดี๋ยวพี่เอาคนงานของพี่ไปคนนึง ชื่อน้อย

      แล้วคุณรุสก็ไปชวนเพื่อนมาคนนึง ชื่อบอย เป็นเด็กฝึกงานด้วยกัน ก็ขึ้นรถกระบะไปด้วยกันทั้งหมดสี่คน พี่ตี๋ขับรถคนเดียว อีกสามคนนั่งเล่นอยู่ข้างหลังแครี่บอย พอมาถึงบ้านทาวน์เฮ้าห์หลังนี้ ซึ่งทางหน้าบ้านจะเป็นลักษณะตัวที คือทางสามแพร่ง

        ตัวบ้านห่างจากป้อมยามที่อยู่หน้าบ้านประมาณยี่สิบเมตร หลังจากจอดรถ ขนเครื่องมือลงจากรถแล้วก็เดินเข้าไปในบ้านกัน ภายในบ้านเปิดไฟสลัวๆ แต่ว่าระบบไฟยังใช้ได้ไม่เต็มที่ พอเข้าไปในบ้านกันแล้ว พี่ตี๋ก็พูดว่า เดี๋ยวจะแบ่งงานให้ รุสขึ้นมากับพี่ชั้นสาม

       พอขึ้นไปชั้นสาม พี่ตี๋ก็บอกให้คุณรุสเข้าไปจั้มไฟ และต่อวงจรไฟที่อ่างล้างมือ และพี่ตี๋บอกว่าไม่มีการดับไฟนะ ให้จั้มสดเลย คุณรุสก็ตกลง ระหว่างทำ คุณรุสต้องมุดลงไปทำใต้ซิ้งอ่างล่างมือ

ในขณะที่ทำอยู่คุณรุสรู้สึกว่ามีลมเย็นๆพัดผ่านที่ต้นขา และหางตาก็เห็นเหมือนมีอะไรเดินผ่านไป คุณรุสคิดในใจว่าทีมต้องขึ้นมาหาแน่ ก็เลยชะโงกหน้าออกมาจากใต้อ่างแล้วเรียกชื่อ พี่ตี๋ น้อยหรอ บอย แต่ก็เงียบ คุณรุสฉุดคิดขึ้นมาอยู่เรื่องนึงก็คือ วันนี้ชุดที่ทั้งสี่คนใส่มาคือชุดกาว แต่สิ่งที่เดินผ่านคุณรุสไปมันเป็นเหมือนชุดผ้าคลุมนอนสีขาว คุณรุสรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที และมีความรู้สึกว่าอยู่ไม่ได้ละ จึงรีบทำงานให้จบ

        พอเทสไฟเสร็จแล้วไฟติดปกติ ก็รีบวิ่งลง แต่ตอนวิ่งลงคุณรุสลงในลักษณะถอยหลังเพราะกลัวมาก จนไปชนเข้ากับพี่ตี๋ที่นั่งคุมงานอยู่ด่านล่าง พี่ตี๋ก็ถามคุณรุสว่า

พี่ตี๋ : รุสเป็นไรอะ
คุณรุส : อ๋อไม่มีไรพี่ พี่ตี๋ ถามนิดนึงเมื่อกี้ใครอยู่ข้างบนมั้ย
พี่ตี๋ : ไม่มี ไอ้บอยมันก็ทำอยู่ในห้องครัว ไอ้น้อยทำโคมไฟอยู่หน้าบ้าน แล้วเป็นไรเนี่ย
คุณรุส : อ๋อไม่มีไรพี่ ผมนึกว่ามีคนอยู่ข้างบน
พี่ตี๋ : ไม่มีหรอก บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่ งั้นไม่เป็นไร รุสไปช่วยบอยมันในห้องครัวละกัน เห็นมันทำไฟยังไม่เสร็จสักที

    คุณรุสจึงเดินไปในห้องครัว เจอคุณบอยก็เลยช่วยกันทำไฟต่อ แต่คุณบอยสังเกตุสีหน้าคุณรุสออกเลยถามคุณรุสว่า เป็นอะไร ทำไมทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ คุณรุสตอบไปว่าไม่มีอะไร เพราะคุณบอยเป็นคนขี้กลัวผี กลัวมากที่สุดในบรรดาเพื่อนทั้งหมด

       ระหว่างนั่งทำไฟอยู่ ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ กระจกบานใหญ่ล่วงลงมาใส่หลังคาชั้นหนึ่งที่พวกคุณรุสนั่งทำงานกันอยู่ ชั้นนึงมันจะมีพื้นที่มากกว่าชั้นสองและชั้นสาม หลังคาชั้นหนึ่งจึงยื่นออกพ้นระเบียงชั้นสองออกไปพอสมควร เสียงดังไปทั่วบริเวณ เสียงเศษกระจกแตกละเอียด กระจัดกระจายกันออกไป

       ทุกคนตกใจมาก คิดว่าน่าจะร่วงลงมาจากที่ไหนสักที่จากชั้นสาม กลัวว่าข้างบ้านจะด่าเอา เพราะเสียงมันดังมาก คุณตี้ถามขึ้นมาทันทีว่า กระจกร่วงหรอ ใครทำร่วงอะ คุณรุสตอบไปว่า ไม่รู้เหมือนกันพี่ ก็อยู่นี่กันทุกคน คุณรุสเริ่มรู้สึกไม่ดี เลยพูดกับพี่ตี๋ว่า

คุณรุส : พี่ตี๋ ผมรู้สึกแปลกๆแล้วนะ
พี่ตี๋ : รุสใจเย็น ไม่มีอะไร เอางี้ รุสไปเคลียร์กระจกออกมาก่อน
คุณรุส : อ่าวไมต้องเป็นผมอ่ะ
พี่ตี๋ : ก็เอ็งตัวสูงที่สุด

      คุณรุสเลยต้องค่อยๆขึ้นไปบนหลังคาชั้นหนึ่ง แล้วเอามือคลำๆ แล้วก็ควานดู คุณรุสตกใจทันที แล้วรีบลุกขึ้น แล้วลงไปบอกกับพี่ตี๋ว่า ไม่มีกระจกพี่ พี่ตี๋บอกว่า รุสอย่าล้อเล่น แล้วพี่ตี๋ก็เอาไฟฉายขึ้นไปส่องทั่วหลังคา แต่กลับไม่เจอเศษกระจกเลย

        ทุกคนหน้าซีดหมดเลย พี่ตี๋ก็เลยบอกกลับทุกคนว่าไม่มีอะไรๆ รีบทำงานดีกว่า จะได้รีบกลับกัน จากนั้นคุณบอยก็เริ่มทักคุณรุสหนักเลยว่ามีอะไรหรือป่าว แล้วชวนว่าให้รีบกลับเหอะ คุณรุสบอกว่างั้นรีบทำ จะได้จบๆ

       ทุกคนจึงรีบกลับไปทำงาน แต่ทำงานด้วยความหวาดระแวง คุณรุสรีบหมุนหลอดไฟแบบเกลียวเข้ากับโคมไฟบนเพดาน พอไฟติดและเทสทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เสียงกระจกร่วงลงมาอีกครั้ง และครั้งนี้ดังกว่าเดิมมาก ทุกคนอุดหูหมด แล้วหลอดไฟที่พึ่งหมุนเข้าไปเมื่อครู่กลับหลุดออกมากจากโคม ล่วงลงแตกบนพื้น

        คุณบอยสติแตกทันที บอกกลับคุณรุสว่า ข้าไม่อยู่แล้ว ไม่ทำแล้ว โอทีวันนี้ไม่เอาตังก็ได้ ขอกลับบ้านได้มั้ย คุณรุสบอกว่าให้ใจเย็นๆก่อน พี่ตี๋เห็นบอยสติแตกมากก็เลยบอกว่าไม่มีไรๆบอย บอยตอบไปทันทีว่ามันจะไม่มีได้ยังไง พี่ตี๋ก็เลยตะโกนออกมาว่า โลกเนี่ยมันไม่มีผีหรอกโว้ย แล้วพี่ตี๋แกก็เดินออกไปข้างนอก แล้วมองขึ้นไปชั้นสาม คุณรุสเดินตามพี่ตี๋ออกมา แล้วพี่ตี๋ก็ชี้ขึ้นไปที่ชั้นสามแล้วพูดว่า แน่จริง เอ็งลงมาอีกสิว๊ะ

        คราวนี้เห็นจะๆเลย แผ่นกระจกบานใหญ่ มันปลิวลงมาจากชั้นสาม ซึ่งตรงมาทางที่คุณรุสและพี่ตี้ยืนอยู่พอดี คุณรุสรีบพลักพี่ตี๋ออกจากตรงนั้นพร้อมกับกระโดดออกมาด้วย แต่ว่ากระจกมันกลับไปตกลงที่หลังคาตรงจุดเดิมอีก เสียงดันสนั่นไปทั่วบริเวน พี่ตี๋รีบบอกกับคุณรุสว่า เก็บเครื่องมือกลับบ้านเถอะ

        จากนั้นทุกคนรีบช่วยกันเก็บของขึ้นรถทันที แต่คุณรุสสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมคนข้างบ้านหรือแม้แต่ยามไม่ชะโงกหน้าออกมาดู จึงได้คุยกับพี่ตี๋ว่า ลองขึ้นไปดูมั้ยว่ามันคืออะไร พี่ตี้เลยบอกว่าถ้าไป ก็ไปด้วยกันหมด แต่คุณบอยพูดขึ้นมาเลยว่า ข้าไม่ไป พอคุณบอยไม่ไปพี่ตี๋ก็ไม่ไป คุณรุสเลยลองชวนคุณน้อยดู คุณน้อยบอกว่า ถ้าไปเนี่ย กลัวเจออะไรเข้าแล้วมันจะแย่นะ เพราะไปกันแค่สองคน

        สรุปกันว่าไม่ยอมขึ้น คุณรุสไปคนเดียวก็ไม่ไหวแน่ ก็เลยตัดสินใจกันว่ากลับบ้านดีกว่า แต่ตอนขากลับ พี่ตี๋ คุณบอย คุณน้อย หนีไปนั่งข้างหน้าหมด คุณรุสเลยต้องนั่งข้างหลังแครี่บอยคนเดียว ตอนกำลังจะเอารถออกมาจากบ้าน คุณรุสสงสัยว่าเค้าเป็นใครกันแน่ เลยคิดในใจว่า แน่จริงออกมาให้เห็นหน่อย

       พอพี่ตี๋ขับรถกำลังจะผ่านป้อมยาม อยู่ๆก็เบรครถกระทันหัน แล้วพี่ตี๋ก็ถามกับยามว่า บ้านหลังเนี่ย มีใครอยู่มั้ย ยามบอกว่า ไม่มี บ้างกำลังปรับปรุงอยู่ แล้วพี่ตี๋ก็ถามต่อไปว่า เมื่อกี้ ได้ยินเสียงกระจกหล่นมั้ย ยามตอบว่า ไม่มีนะ เงียบกริบเลย พีตี๋ก็เลยขับรถผ่านไป คุณรุสก็ยังคิดในใจอยู่ว่าออกมาให้เห็นหน่อย

       ซักพักคุณรุสรู้สึกว่ามันเริ่มอึดอัด เหมือนในรถไม่มีอากาศเลย แล้วกลิ่นน้ำปลาเต็มรถเลย เหม็นมาก คุณรุสพยายามหาต้นเหตุ แต่ก็ไม่เจอ จนคุณรุสรู้สึกว่าเค้ามาด้วย และเห็นเป็นเงาคนลางๆ นั่งอยู่ท้ายรถ ตรงข้ามคุณรุส จนคุณรุสรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เลยเคาะกระจกให้จอด แต่คนในรถกลับไม่รู้เรื่องเลย

       คุณรุสเลยคิดว่ามีอยู่ทางเดียว ต้องกระโดดลงจากท้ายกระบะ แต่พี่ตี๋ขับรถเร็วมากจึงกระโดดลงไปไม่ได้ สุดท้ายคุณรุสเลยต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คิดถึงพระวิษณุ และขอให้ช่วย สักพักกลิ่นน้ำปลาก็ค่อยๆจางหายไป แต่กลายเป็นกลิ่นกาแฟแทน เงาที่อยู่ท้ายรถก็ยังอยู่

       คุณรุสคิดถึงบทสวดแผ่เมตตา แล้วก็เริ่มสวด พอสวดจบ ลมจากที่ไหนไม่ทราบได้พัดเข้ามาในรถจากทุกทาง และเงานั้นก็หายไป และลมก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ สักพักนึงพี่ตี๋ก็จอดรถ เพราะถึงที่พักพอดี คุณรุสรีบกระโดดลงจากรถแล้วถามพี่ตี๋ว่า เคาะอยู่ตั้งนาน ทำไมเมื่อกี้ไม่จอดรถ เค้าตามเรามาด้วย แต่ทุกคนบอกว่าไม่ได้ยินอะไรและไม่รู้สึกอะไรเลย และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ไม่มีความคิดเห็น