คนเลี้ยงผี


     วิญญาณนั้นนอกจะจะเฮี้ยนแล้วท่านทราบไหมว่าคนนั้นสามารถเลี้ยงผีได้เช่นเรื่องต่อไปนี้   เมื่อประมาณสามสิบแปดปีที่ผ่านมา ที่จังหวัดพิจิตร ในสมัยนั้นถ้าจะทำคลอด ต้องให้หมอตำแยทำให้ และก่อนที่จะทำคลอด ต้องเอาพวกใบหนาดหรือหนามพุทรา มาวางไว้ตามบันได ตามใต้ถุนบ้าน

    ในหมู่บ้านจะมียายแก่ๆ อยู่คงนึง ทุกคนในหมู่บ้านสงสัยกันว่ายายได้เลี้ยงผีปอบไว้ที่บ้าน หรือไม่ตัวยายเองก็คือผีปอบ เพราะว่าเวลาที่ใครใกล้จะคลอด ยายจะรู้ขึ้นมาเองทันที

    ถ้าบ้านหลังไหนกำลังทำการคลอดตอนกลางวัน ยายจะมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆบ้าน ส่วนบ้านไหนที่คลอดตอนกลางคืน จะเห็นเป็นลักษณะหมาดำ เดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้าน จนชาวบ้านบอกต่อๆกันว่า ถ้าบ้านไหนจะคลอด ก็ให้รู้กันแค่เฉพาะคนในบ้านเท่านั้น ห้ามพูดต่อ เพราะกลัวยายจะมาหา

    แม่ของคุณวัฒน์เล่าให้ฟังว่า มีบ้านอยู่หลังนึง ทำคลอดเด็กตอนกลางวัน แล้วจะเอาผ้าที่เปื้อนเลือดไปซักในคลอง แต่อยู่ๆยายก็วิ่งเข้ามาแย่งผ้าที่เปื้อนเลือดไปจากมือ แล้วพูดว่า "เดี๋ยวข้าจะไปซักให้เอง"

    คนที่สงสัยจึงเดินตามหลังยายไปที่คลอง ปรากฏว่าเห็นยายใช้ลิ้นเลียเลือดที่ติดอยู่กับผ้า หลังๆมา ยายก็ได้ไปเข้าสิงชาวบ้าน แล้วเดินขึ้นบ้านที่กำลังคลอดเด็ก พยายามจะแย้งเด็กมากิน

    แต่คุณตาของคุณวัฒน์พอจะมีวิชาอยู่บ้าง จึงรีบเอาหม้อดินไปคลุมหัวคนที่โดนสิง แล้วใช้ใบมีดโกนขูดที่ก้นหม้อ คนที่โดนสิงจึงล้มฟุบลง พอรุ่งเช้า เส้นผมบนหัวยายไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียว ชาวบ้านในละแวกนั้นรู้ขึ้นมาทันที จึงแกล้งถามยายว่าหัวไปโดนอะไรมา ยายตอบว่า เหากินหัว เลยโกนหัว

    ยายคนนี้ในเวลากลางคืน จะแข็งแรง เดินยกของ หาบน้ำได้เป็นถัง แต่ถ้าเป็นช่วงเวลากลางวัน จะนอนป่วยอยู่ตลอดเวลา ต้องให้ญาติพี่น้องหรือสามีคอยดูแล ระยะหลังสามีของยายเริ่มจะรู้ว่ายายเลี้ยงผี

    จึงได้ไปเตะพวกกระทงใส่อาหาร ที่ยายวางไว้บนโต๊ะบูชาในบ้าน หลังจากนั้นแค่สองวัน สามีของยายก็เสียชีวิตลงในบ้าน คุณแม่ของคุณวัฒน์และชาวบ้านพยายามจะเข้าไปดูศพในบ้าน แต่ก็เข้าไปไม่ได้ เพราะทนกลิ่นไม่ไหว เหมือนศพที่เสียชีวิตมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว ชาวบ้านจึงคิดว่ายายน่าจะกินสามีของตัวเองไปนานแล้ว

    หลังจากนั้น เวลาที่บ้านไหนจะทำคลอด จะต้องมีคนคอยยืนคุมอยู่หน้าบ้าน ถ้าเจอสุนัขดำเดินเข้าใกล้บ้าน ก็จะช่วยกันไล่ตี จนสุนัขวิ่งหนีหายเข้าไปในบ้านของยาย

    เคยมีชาวบ้านขุดหลุมดักเอาไว้ พอตกกลางคืน เห็นหมาดำเดินเข้าใกล้บ้าน จึงได้ช่วยกันต้อนจนไปตกหลุมที่ขุดดักเอาไว้ จากนั้นก็ช่วยกันเอาไม้สากตำลงไปในหลุม แล้วกลบดินทับลงไป แต่ก็ยังได้ยินเสียงคนพูดดังออกมาจากในหลุมดินว่า "อยาก..อยาก..หิว..อยาก"

    วันหนึ่ง คุณพ่อของคุณวัฒน์ได้ไปหาจับปลาแถวๆกลางทุ่งหน้า ในเวลากลางคืน โดยถือตะเกียงไปแค่อันเดียว ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างเดินตามหลังมาไกลๆ หันไปดูก็มีแต่ความมืด พอคุณพ่อเดินต่อ เสียงที่เดินตามมาจากด้านหลังก็ดังขึ้น แต่พอคุณพ่อหยุดเดิน เสียงก็เงียบลง

    คุณพ่อไม่สนใจ เดินหาปลาต่อไปเรื่อยๆ จนเสียงด้านหลังใกล้เข้ามาทุกที จึงรีบหันกลับไปดู เห็นเป็นหมาดำ ยืนจ้องหน้า น้ำลายไหลยืดออกจากปาก แต่คุณพ่อไม่กลัว จึงถือตะเกียงวิ่งไล่

    ปัจจุบัน ลูกสาวของยายก็เป็นในลักษณะเดียวกัน ชาวบ้านคิดว่าน่าจะรับขันต่อมาจากยาย แต่เดิมครอบครัวของยายไม่ใช่คนจังหวัดพิจิตร แต่ย้ายมาจากจังหวัดลพบุรี

    คุณแม่เล่าให้ฟังว่า หมู่บ้านที่ยายอยู่ ก่อนที่จะย้ายมาจังหวัดพิจิตร ชาวบ้านจะเลี้ยงผีกันเยอะ วีธีการเซ่นผี จะใช้ควายที่หูยาวเท่ากับเขา แล้วจุดธูปปักลงกลางดิน ธูปไหม้หมดดอกเมื่อไหร่ ควายจะล้มตายลงคาที่ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด


ไม่มีความคิดเห็น