ผีห้อยหัว


    เรื่องราวสุดระทึกเข้มข้นสยองซับซ้อนของคุณโอเล่ เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในย่านสุขุมวิท เมื่อประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา คุณโอเล่มีคิวจะต้องไปฉีดยาฆ่าแมลงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง นัดทางร้านไว้ตีสอง วันนั้นคุณโอเล่ไปกันทั้งหมดสามคน โดยมีรุ่นน้องหนึ่งคน และเด็กใหม่อีกหนึ่งคน

    ไปถึงร้านเวลาตีสองพอดี เป็นร้านอาหารไทยโบราณหลังใหญ่ มีสองชั้น เปิดไฟสีส้มๆไว้แค่บางจุด ดูลักษณะดําทะมึนน่าหลัว มี รปภ เฝ้าแค่คนเดียว ภายในร้านมีทั้งของเก่าแก่ ของโบราณตั้งโชว์อยู่ทั่วร้าน คุณโอเล่ก็ชี้จุดที่ต้องฉีดยาให้รุ่นน้องดู รุ่นน้องก็ไล่ฉีดไปตามจุดต่างๆ จนขึ้นไปบนชั้นสอง สักพักนึงรุ่นน้องก็หยุดนิ่ง คุณโอเล่จึงถามว่า "เป็นไรว๊ะ" รุ่นน้องบอกว่า "เออพี่ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง"

    รุ่นน้องจึงเดินมาเล่าที่มุมร้าน "พี่เห็นตรงนั้นมั้ยที่เป็นหน้าต่างอ่ะ มันไม่มีระเบียงใช่มั้ย เมื่อกี้ผมเห็นหน้าต่างมันเปิดเอง แล้วมีหัวคนลอยอยู่แถวๆนั้น" คุณโอเล่หันไปมองที่หน้าต่างทันที รู้สึกขนลุกวาบไปทั้งตัว

    จึงเดินไปชะเง้อดู ปรากฏว่ามันไม่มีระเบียงจริงๆ ด้วยความสงสัย คุณโอเล่จึงเดินไปถาม รปภ "ที่นี่มันมีอะไรมั้ย" รปภ ตอบว่า "มี เค้าเจอกันบ่อย บางทีจะเจอผู้หญิงใส่ชุดไทยมานั่งอยู่กลางร้านบ้าง คนตัวดำๆ เดินไปมาในร้านบ้าง"

    คุณโอเล่และรุ่นน้องอีกสองคน จึงรีบทำรีบกลับ เพราะกลัวว่าจะเจออะไรมากไปกว่านี้อีก พอเสร็จแล้วก็มีคิวที่จะต้องไปฉีดให้อีกร้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันพอดี ซึ่งร้านนี้คุณโอเล่บอกว่าจะเข้าไปจัดการเองคนเดียว

    เป็นร้านอาหารชั้นเดียว ไม่ใหญ่มาก เปิดไฟสว่างทั้งร้าน เจ้าของร้านจะนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์

    คุณโอเล่จึงเดินเข้าฉีดตามจุดต่างๆภายในร้าน ก็เห็นผู้หญิงแก่คนนึง ผมยาว ใส่ชุดสีขาว ยืนมองหน้าคุณโอเล่อยู่ตรงมุมร้าน ตอนแรกคุณโอเล่คิดว่าเป็นแม่ของเจ้าของร้าน แต่เหลือบไปเห็นว่า ผู้หญิงแก่คนนั้นไม่มีเท้า คุณโอเล่ตกใจ แต่พยายามคุมสติไว้ก่อน แล้วเดินไปถามเจ้าของร้านที่นั่งอยู่แถวๆนั้นว่า

คุณโอเล่ : ที่นี่มีอะไรหรือเปล่า
เจ้าของร้าน : ทำไมเหรอน้อง
คุณโอเล่ : ผมเห็นผู้หญิงแก่ๆ ใส่ชุดสีขาว ยืนมองหน้า
เจ้าของร้าน : โอ้ย เค้าเจอกันบ่อยแล้ว ขนานคนมานั่งกินข้าวยังเจอกันเลย เค้าตายในร้านนี่แหละ

    คุณโอเล่รีบทำงานให้เสร็จ แล้วเดินออกจากร้าน แต่ก่อนออกมา ได้เหลียวกลับไปมอง ก็ยังเห็นผู้หญิงแก่ๆ ยืนมองหน้าอยู่ที่เดิม จึงรีบกลับขึ้นรถแล้วขับออกจากร้านทันที

    หลังจากขับรถออกมาสักพัก รุ่นน้องบอกว่า ตอนที่เข้าไปร้านแรก จะมีตู้ไม้โบราณอยู่ตู้หนึ่ง บนชั้นสอง ตอนที่ไปฉีดอยู่แถวข้างๆตู้ไม้ ปรากฏว่าตู้มันแง้มเปิดออกมาเอง แล้วมีหน้าคนชะเง้อมองออกมาจากในตู้ แล้วก็หายกลับเข้าไป คุณโอเล่นึกภาพตามแล้วก็ขนลุก คิดในใจว่าดีแล้วที่ไม่ได้เจอเอง

    หลังจากนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์ คุณโอเล่และทีมเดิม มีงานต้องไปฉีดยาฆ่าแมลงให้โรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นโรงแรมใหญ่ พอไปถึงที่โรงแรม พนักงานบอกว่า "ฉีดที่ล็อบบี้ก่อนได้มั้ยพี่" คุณโอเล่จึงบอกว่า "มันจะดีเหรอ ควันมันเยอะนะ"

    คุณโอเล่เลยให้รุ่นน้องฉีดในล็อบบี้หนึ่งคน แล้วคุณโอเล่กับรุ่นน้องอีกคนจะไปฉีดที่หลังโรงแรม ด้านหลังโรงแรมจะมีสระว่ายน้ำใหญ่ๆอยู่ จึงแยกกันฉีดคนละฝั่งของสระว่ายน้ำ ทางเดินรอบสระค่อนข้างมืด เพราะบริเวณนี้มีไฟแค่ไม่กี่ดวง

    คุณโอเล่เริ่มฉีดตั้งแต่หัวสระ มาจนถึงประมาณกลางสระ ก็สังเกตเห็นคนยืนมองอยู่ที่ใต้ต้นไม้ แถวๆตรงปลายสระว่ายน้ำ คุณโอเล่คิดว่าเป็น รปภ จึงไม่ได้สนใจ พอฉีดจนใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ก็หันไปมองอีกที กลายเป็นผู้ชายผูกคอตายอยู่ใต้ต้นไม้

    คุณโอเล่ตกใจจนหงายหลัง ศพนั้นห้อยหันหลังให้คุณโอเล่ แขนขาเกร็งงอ โยกไปมาเล็กน้อยตามแรงลม แล้วค่อยๆหันตัวมาทางคุณโอเล่ เป็นผู้ชายผมสั้น ลิ้นจุกปาก ใบหน้าบวมเป่ง สีเขียวออกม่วงๆ จ้องตาเหลือกมาทางคุณโอเล่ ตอนนั้นคุณโอเล่มองตาค้าง เนื้อตัวสั่น ไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นวิ่ง

    รุ่นน้องที่อยู่อีกฝั่งก็รีบวิ่งเข้ามาดู แล้วร่างของคนที่ผู้คอตายก็หายไป คุณโอเล่นั่งมองตาค้างอยู่สักพัก พอที่จะสงบสติลงได้บ้าง จึงลุกขึ้นยืน แต่ยังรับรู้ได้ถึงอาการสั่นที่ยังไม่หายไป เพราะความกลัวยังเกาะกุมอยู่ทั่วร่างหาย คุณโอเล่ยังไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับรุ่งน้อง จึงบอกแค่ว่าให้รีบทำงานให้เสร็จ

    พอเสร็จจากตรงสระว่ายน้ำ ต้องไปฉีดที่ห้องครัวกับในออฟฟิศต่อ คุณโอเล่ให้เพื่อนไปฉีดในห้องครัว ส่วนตนเองจะไปฉีดในออฟฟิศ อาการกระตุกที่แขนและขายังไม่หายไปไหน เพราะยังกลัวต่อเหตุการณ์ที่พึ่งเจอมา

    คุณโอเล่พยายามเดินอย่างระแวดระวังจนไปถึงหน้าออฟฟิศ ทางเดินค่อยข้างมืด มีแค่แสงจากโคมไฟเล็กๆ ไม่กี่ดวงข้างทางเดิน พอไปถึงออฟฟิศ ก็เห็นว่าประตูมันล็อกแม่กุญแจจากด้านนอกไว้อยู่ คิดว่าคนน่าจะกลับกันไปหมด เพราะเวลานี้มันก็ดึกมากแล้ว จึงเดินไปส่องดูตรงกระจกข้างๆประตู พยายามเพ่งมองฝ่าความมืดเข้าไป ปรากฏว่าเห็นผู้หญิง ใส่ชุดทำงาน นั่งหันหลังอยู่ที่โต๊ะทำงานในออฟฟิศมืดๆ

    ด้วยความสงสัยปนตกตะลึง จึงหันกลับไปมองที่หน้าประตู ก็ยังเห็นแม่กุญแจล็อกไว้อยู่ คุณโอเล่รู้สึกใจหายวูบขึ้นมาทันที ยืนตัวแข็งอยู่ตรงหน้าต่าง ไม่กล้าเหลียวกลับเข้าไปมองในออฟฟิศ คิดในใจว่าที่นี่มันยังไงกันแน่

    สักพักมี รปภ เดินมาข้างหลัง คุณโอเล่ดีดตัวออกมาจากหน้าต่างทันที รู้สึกโล่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเหมือน รปภ จะรู้ว่าคุณโอเล่เป็นอะไร จึงได้บอกว่า ให้กลับไปก่อนก็ได้ ส่วนในออฟฟิศยังไม่ต้องฉีด คุณโอเล่ขอบคุณ รปภ เป็นการใหญ่ แล้วรีบเดินไปหารุ่นน้องในห้องครัว

    พอเจอรุ่นน้อง คุณโอเล่จึงชวนลงไปหารุ่นน้องอีกคนที่กำลังฉีดอยู่ในล็อบบี้ แต่พอไปถึงล็อบบี้ก็หารุ่นน้องที่ตอนแรก คุณโอเล่ให้ฉีดอยู่แถวนี้ไม่เจอ จึงไปถามพนักงาน ก็ได้ความว่า คนญี่ปุ่นให้ไปฉีดในห้องก่อน สักพักรุ่นน้องก็วิ่งหน้าตาตื่นออกมาแล้วบอกว่า

รุ่นน้อง : ไม่เอาแล้ว กลับๆๆๆๆ
คุณโอเล่ : เฮ้ย เดี๋ยว ใจเย็นๆ เป็นอะไรอ่ะ
รุ่นน้อง : ใครไม่รู้ ห้อยหัวลงมาจากบนฝ้าเพดาน
คุณโอเล่ : ห้อยอะไรยังไง
รุ่นน้อง : ในห้องนั้นฝ้ามันจะเปิดอยู่แผ่นนึง ตรงมุมห้อง ผมก้มวางกับดักหนูแล้วเงยหน้าขึ้นมา เห็นผู้หญิงห้อยหัวลงมาจากช่องนั้นครึ่งตัว มองหน้าตาเขียวปัดเลย

    คุณโอเล่จึงหันไปถามพนักงานทันทีว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ พนักงานตอบแบบหน้าซีดๆว่า ผู้หญิงคนที่ห้อยหัวลงมาในห้องนั้น คือแม่บ้าน เป็นภรรยาของ รปภ ที่ผูกคอตายข้างสระว่ายน้ำ แม่บ้านหึงหวงที่ รปภ ไปจีบเด็กฝึกงานในออฟฟิศ จึงเกิดการทะเลาะวิวาทกันจน รปภ พลั้งมือฆ่าแม่บ้านจนเสียชีวิต

    จากนั้นก็เอาศพไปยัดไว้บนฝ้าในห้อง แล้ว รปภ ก็ไปสารภาพรักกับเด็กฝึกงาน แต่โดนปฏิเสธ จึงฆ่าเด็กฝึกงานตายในออฟฟิศ แล้วตนเองก็ไปผูกคอตายที่ข้างสระว่ายน้ำ

    คุณโอเล่ถามถึงวิธีการที่ รปภ ลากศพของแม่บ้านไปไว้บนฝ้า เพราะไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ทางพนักงานก็ไม่ยอมบอกอะไรอีกเลย และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ไม่มีความคิดเห็น