ผีเรือน
ผีบ้านผีเรือน จะต่างจากผีทั่วไป คือจะอยู่ในรูปของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าบ้านเคารพกราบไหว้ จะคอยคุ้มครองผู้อยู่อาศัยในบ้าน ในสังคมไทยเมื่อถึงเทศกาลเช่นปีใหม่ เจ้าบ้านที่มีความเชื่อจะทำการเซ่นไหว้ เชื่อว่ามีลักษณะรูปร่างจะเหมือนคนปกติ ใส่ชุดไทย บ้างก็ว่าผีบ้านคือผีประจำหมู่บ้าน ส่วนผีเรือนก็คือผีประจำเหย้าเรือน และเรียกรวมกันว่าผีบ้านผีเรือน ในสมัยที่คุณขวัญยังเป็นเด็ก ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครปฐม ผ่านมาประมาณสามสิบปีอยู่ที่บ้านของคุณย่า เป็นบ้านไม้ยกสูง ที่บ้านจะเลี้ยงสุนัขกับแมวไว้อยากละตัว
ปกติคุณขวัญ จะชอบนั่งเล่นอยู่ที่เปลญวนใต้ถุนบ้าน ส่วนคุณย่าท่านจะชอบนั่งเย็บผ้าอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่ข้างๆ ห่างกันไม่ไกล คุณขวัญนั่งเล่นไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงพื้นไม้บนบ้านลั่นดัง "แอ๊ดด...แอ๊ดด..แอ๊ดด" ลักษณะเหมือนมีน้ำหนักย่ําลงบนพื้นไม้
คุณขวัญจึงมองขึ้นไปข้างบน ผ่านลอยต่อของแผ่นไม้พื้นบ้าน ก็เห็นลักษณะเป็นเงาดำๆ อยู่บนบ้าน เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ คุณขวัญก็จะถามคุณย่าทุกครั้งว่า "ย่า ใครเดินอยู่บนบ้านอ่ะ"
คุณย่าก็จะตอบว่า "พวกหมากับแมวไง" เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นทุกวัน ตั้งแต่ที่คุณขวัญอยู่บ้านหลังนี้มา จนมีอยู่วันนึง คุณขวัญนั่งเล่นสุนัขกับแมว อยู่ที่เปลญวนใต้ถุนบ้านเหมือนเคย
แล้วก็ได้ยินเสียงพื้นไม้ข้างบนลั่นเหมือนเดิม "แอ๊ดด...แอ๊ดด..แอ๊ดด" คุณขวัญก็พยายามมองผ่านล่องของแผ่นไม้ขึ้นไป ก็ยังเห็นเป็นเงาดำๆ เดินไปเดินมาอยู่บนบ้าน จึงหันไปถามคุณย่า "ย่า เนี่ย เสียงใครเดินอยู่บนบ้านอ่ะ"
คุณย่าก็ตอบว่า "หมา" คุณขวัญก็แย้งว่า "ย่า หมามันเล่นอยู่ตรงนี้นะ" แล้วย่าก็ตอบกลับมาว่า "ถ้าเอ็งอยากรู้ เอ็งก็วิ่งขึ้นไปดูสิ" คุณขวัญก็รีบวิ่งขึ้นไปบนบ้าน ไปยืนอยู่ตรงบันไดชั้นบนสุด กวาดสายตามองภายในบ้าน
ตรงกลางบ้านจะเป็นที่โล่งๆ ด้านซ้ายและขวาจะเป็นห้อง คุณขวัญเห็นผู้หญิงผมยาว สวยมาก จนเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดในวรรณคดีไทยสมัยก่อน ใส่ชุดไทยสีขาวมุก เหน็บดอกไม้ไว้ที่หู ยืนอยู่หน้าประตูห้องฝั่งทางซ้ายมือ ที่เป็นห้องเก็บของ หันมายิ้มให้คุณขวัญ
แล้วก็เดินทะลุประตูเข้าไปในห้องเก็บของ คุณขวัญยืนอึ้งอยู่พักนึง แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก จึงยังงงๆต่อเหตุการณ์ที่พึ่งเคยเจอ ก็เดินกลับลงมา คุณย่าถามว่า "เห็นอะไร ใครอยู่บนบ้าน" คุณขวัญจึงเล่าให้ฟัง
คุณย่าก็พูดว่า "รู้มั้ย เค้าเป็นใคร เค้าไม่ใช่ผี เค้าเป็นแม่นางไม้ ในห้องเก็บของ จะมีเสาเอกของบ้านที่ผูกผ้าสามสีเอาไว้ ย่าจะจัดข้าวถวายให้ทุกวัน เพราะเค้าเป็นผู้ดูแลบ้านหลังนี้"
เหตุการณ์นี้ก็ผ่านไป คุณย่าจะมีบ้านอยู่อีกหลังหนึ่ง ห่างจากบ้านที่อาศัยอยู่ประมาณสองร้อยเมตร อยู่ติดกับแม่น้ำ แต่ไม่มีคนอาศัยอยู่ แถวนั้นปลาจะชุมมาก
วันนึง คุณลุงท่านหนึ่งที่อยู่ในหมู่บ้าน ได้มาเล่าให้คุณย่าฟังว่า คุณลุงผ่านบ้านหลังนี้หลายรอบ และก็เห็นว่าปลาชุมมาก ตกเวลาหัวค่ำ จึงได้มาปักเบ็ดอยู่ริมแม้น้ำแถวๆบ้านของคุณย่า
แล้วก็พายเรือกลับบ้าน จนเวลาเที่ยงคืน ก็พายเรือจะมายกเบ็ดขึ้น พอพายเรือจนใกล้จะถึงบ้านของคุณย่า ก็เห็นคนแก่ใส่ชุดสีขาว ยืนอยู่ตรงท่าเทียบเรือของบ้านคุณย่า
คุณลุงก็ไม่กล้าเข้าไปเอาปลา เพราะว่ากลัวจะโดนว่าเอา จึงได้พายเรือกลับบ้านไปก่อน แล้วเวลาตีหนึ่งค่อยกลับมาดูใหม่ พอถึงเวลาตีหนึ่ง ก็พายเรือมาจนใกล้จะถึงบ้านคุณย่า แต่อยู่ๆ คนแก่ชุดขาวก็เดินโผล่ออกมายืนอยู่ตรงท่าเทียบเรือ
คุณลุงก็ตกใจ เพราะตอนที่พายเรือจนใกล้จะถึง ก็ได้พยายามมองเข้าไปในบริเวณบ้าน จนเห็นว่าไม่มีคนแล้ว ก็เลยพายเรือเข้าไป แต่อยู่ๆ คนแก่คนนี้โผล่ออกมายืนอยู่ตรงท่าเทียบเรือได้ยังไง
คุณลุงกลัวว่าจะโดนด่า ก็เลยพายเรือกลับออกไปก่อน จนสักพักใหญ่ๆ ก็พายเรือมาบ้านคุณย่าอีกครั้ง หยุดเรือห่างจากบ้านคุณย่าประมาณห้าสิบเมตร พยายามสอดส่องเข้าไปในบ้าน จนแน่ใจแล้วว่าครั้งนี้ต้องไม่มีใครแล้วแน่ๆ
จึงได้พายเรือเข้าไปตรงที่ปักเบ็ดไว้ เอื้อมมือลงไปดึงเบ็ดขึ้นมา ได้ยินเสียง "ฮื้มมมม!!" คุณลุงตกใจ เงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นผู้ชายแก่ๆผมขาว หน้าตอบๆ ดำๆ ตัวผอมๆ ใส่ชุดขาว ยืนจ้องหน้าอยู่ข้างๆฝั่ง ห่างจากคุณลุงแค่ไม่ถึงสองเมตร
คุณลุงมองตาค้าง เย็นวาบไปทั้งตัว ทิ้งเบ็ดในมือ พยายามพายเรือวนกลับ ก็ได้ยินเสียงไอ "ค่อก..แค่ก" จนเหมือนจะขาดใจตายของผู้ชายแก่ๆ ทำให้คุณลุงเสียวสันหลังจนแอ่นตัวแทบหัก กระวนกระวายจ้วงพายเรือกลับบ้าน จนเสียงลั่นคลอง
พอคุณลุงเล่าจบแล้ว คุณขวัญก็ได้ถามคุณย่าว่า "คนแก่ที่ลุงเห็นคือใครอ่ะ คุณย่า" คุณย่าบอกแค่ว่า "เป็นเจ้าที่เจ้าทางของบ้านเรา ท่านจะหวงของมาก" และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment