เสือสมิง


   เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเสือสมิงของุณเอ๋ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ป่าแห่งหนึ่ง ทางภาคเหนือ เมื่อประมาณสามสิบปีที่ผ่านมา สมัยนั้น มีการตัดไม้ทำลายป่าเกินขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แถวชายแดนไทยพม่า คุณชอ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ต้องไปตรวจสอบเรื่องนี้กับหัวหน้า และทีมอีกประมาณสี่ห้าคน

    คุณชอเป็นคนที่ชำนาญการเดินป่า และมีวิชาอยู่พอตัว ทุกคนออกเดินทางไปถึงจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือประมาณบ่ายสามโมง ลัดเลาะไปตามหมู่บ้านต่างๆ เข้าสู่เขตป่าทึบ จนสุดทางรถวิ่ง ต้นไม่ผุดขึ้นแน่นขนัดจนไม่สามารถนำรถฝ่าเข้าไปได้ ทุกคนจึงลงเดินเท้ากันต่อ ตัดผ่านเข้าไปในดงไม้น้อยใหญ่ ที่แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาบดบังแสงแดดจนมิด ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินพอสมควร เสียงสรรพสัตว์ต่างๆ ร้องระงมจนก้องป่า

    จนเวลาล่วงเข้าหกโมงเย็น ความมืดคลืบคลานเข้ามาปกคลุมทั่วป่า ทำให้รอบๆตัวดูพร่ามัวเข้าไปทุกที ตัวของหัวหน้าเอง เคยมาแถวนี้บ่อยๆ รู้ดีว่าการเดินทางในป่าตอนกลางคืนเป็นเรื่องที่ไม่น่าพิสมัย แต่จำได้ว่าใกล้ๆนี้ มีหมู่บ้านอยู่แห่งหนึ่ง พอจะรู้จักมักคุ้นกับกำนันหมู่บ้านอยู่บ้าง จนสามารถนับเป็นเกลอได้ จะขอเข้าไปนอนพักสักหนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทางต่อ

    จึงพาทุกคนเดินมุ่งหน้า ตัดผ่านป่าชื้นแฉะ ที่มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ แข่งกันชูลำต้นขึ้นไปรับแสงแดดสุดท้ายของวัน ตามทางเดินมีเศษใบไม้ร่วงกองอยู่เต็มพื้น เป็นปุ๋ยชั้นดีให้แก่พวกวัชพืชที่แย่งกันแทรกตัวขึ้นมารับอากาศบนพื้นดิน จนมาถึงทุ่งโล่งๆ มองออกไปข้างหน้าไม่ถึงยี่สิบเมตร มีหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าทึบแห่งนี้

    ทุกคนรีบเดินจ้ำเข้าไปในหมู่บ้าน พบว่าตอนนี้ คนในหมู่บ้านกำลังยืนจับกลุ่มแตกตื่นอะไรสักอย่าง มีกำนันหมู่บ้านรวมอยู่ในกลุ่มด้วย หัวหน้าเดินตรงเข้าไปทักทายกับเกลอคนสนิท แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    ได้ความว่า ผู้หญิงสองคนในหมู่บ้าน เข้าไปหาเห็ดในป่า แล้วโดนเสือกัดจนเสียชีวิต แต่หนีรอดกลับมาได้หนึ่งคน พวกผู้ชายในหมู่บ้านจึงบุกเข้าไปเอาศพกลับมา สภาพศพค่อนข้างหน้ากลัว มือไม้หงิกเกร็ง ตาเหลือก อ้าปากค้าง เหมือนตกใจสุดขีด ส่วนอื่นๆยังปกติดี ยกเว้นบริเวณสะโพก ที่ถูกกัดแหว่งจนเห็นกระดูดสีขาวขุ่นๆ

    ชาวบ้านพูดกันว่า เสือมักจะชอบกินบริเวณสะโพกก่อน แล้วจะทิ้งซากศพเอาไว้ ไม่เกินอาทิตย์ เสือมันจะกลับมากินเหยื่อของมันต่อ กำนันหมู่บ้านมองมาที่หัวหน้า แล้วเอ่ยขึ้นว่า "ช่วยได้มั้ย ลูกน้องที่ชื่อว่าชอ เห็นว่าเคยล่าเสือมานักต่อนักแล้ว ขอได้มั้ย ช่วยกันล่าเจ้านั่นที ปกติเสือมันจะอยู่ในป่าลึก ไม่เคยออกมาล่าใกล้หมู่บ้านขนาดนี้ ในเมื่อมันมาใกล้ขนาดนี้ อีกหน่อยมันจะต้องเข้ามาเดินเล่นในหมู่บ้านนี้แน่นอน ต้องชิงฆ่ามันก่อน"

    หัวหน้าจึงถามถึงวิธีการที่จะล่ามัน กำนันบอกว่าจะใช้วิธีนั่งซาก คือการเอาศพที่เป็นเหยื่อของมัน ไปไว้ที่เดิม เพื่อเวลาที่มันหิว มันจะกลับมากินซ้ำ คุณชอแย้งขึ้นมาว่า "มันจะเป็นไปได้เหรอ เสือเป็นสัตว์ที่ฉลาด จมูกไว ถ้าจะใช้วิธีนั่งซาก ต้องห้ามไปแตะต้องศพเลย แต่นี่ไปหามศพกลับมาแล้ว กลิ่นอื่นๆมันก็จะเข้าไปติดกับศพ และอย่างน้อยๆ เจ็ดแปดวัน มันถึงจะกลับมากินอีกครั้ง"

    หมอม่านประจำหมู่บ้าน ซึ่งเป็นชาวพม่า พูดขึ้นมาว่า "รับรอง ยังไงแค่คืนเดียว มันกลับมาแน่ ขอแค่คืนเดียว ถ้ามันยังไม่มา ยินดีให้ไปเลย ไม่ต้องช่วย" คุณชอรู้อยู่แกใจว่า ถึงนั่งไป เสือมันก็คงไม่โผล่ออกมาให้เห็น แต่ทนการรุกเร้าของหัวหน้ากับทุกคนไม่ไหว จึงตกปากรับคำไป

    เมื่อมติเป็นเอกฉันท์ ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับเข้าพักผ่อน คืนนั้นในกระท่อมที่มุมด้วยหญ้าคา มีแสงไฟอ่อนๆจากตะเกียงเจ้าพายุ คุณชอยังคงหลับไม่ลง ดวงตาเหม่อลอยขึ้นไปบนเพดานกระท่อม ในหัวนึกภาพไปถึงวันเก่าๆที่ผ่านมา ตอนที่กำลังนั่งห้างท่ามกลางความมืดในป่าดิบ เพื่อรอดักยิงสัตว์สี่ขา ที่ได้สมญานามว่าสัตว์ร้ายแห่งป่าใหญ่

    เจ้าพวกนี้มันไม่ใช่สัตว์ธรรมดาทั่วไป ถึงแม้ว่าพละกำลังของมันจะอ่อนกว่าช้าง อาวุธประจำกายของมันจะด้อยกว่ากระทิง ประสาทรับรู้ไม่ดีเท่าสุนัขป่า แต่ความน่ากลัวของมันกลับทวีคูณ อาจเป็นเพราะว่ามันมีสัญชาตญาณของนักล่าอยู่เต็มเปี่ยม หรือความอาถรรพ์อะไรบางอย่างแฝงเร้นมาตั้งแต่เกิด

    แม้ว่าตนเองจะเคยล่าพวกมันมานักต่อนัก แต่ก็ต้องฝันร้ายทุกครั้งที่นึกถึงพวกมัน ถ้าพลาดพลั่งแม้แต่นิดเดียว คมเขี้ยวของมันจะฝังลึกลงที่ลำคอ ซึ่งเป็นจุดตาย แล้วถูกฉีกกระชากจนไม่เหลือชิ้นดี คุณชอถอนหายใจอยู่หลายครั้ง คิดปลอบใจตัวเองว่า ยังไงเสีย คืนวันพรุ่งนี้ เจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้นมันคงจะไม่กลับมากินศพอีกเป็นแน่

    ช่วงบ่ายของวันต่อมา คุณชอเตรียมปืนและสัมภาระต่างๆ เตรียมตัวจะขึ้นไปนั่งซาก หมอม่านเดินเข้ามาหาคุณชอ แล้วยื่นเชือกกับกระสุนปืนให้ เป็นกระสุนสีเงิน หมอม่านบอกว่า "กระสุนนี้เอาไว้ยิงเสือ ส่วนเชื่อกเส้นนี้ เอาไว้รัดตัวเองกับต้นไม้"

    และก็ยื่นกระบอกไม้ไผ่ให้ คุณชอเห็นก็พอจะรู้ว่ามันเอาไว้ทำอะไร เพราะสำหรับคนที่นั่งห่าง จะรู้ดีว่าตอนที่พระอาทิตย์ตกดินแล้ว หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ห้ามลงจากห้างเด็ดขาด เวลาปวดปัสสาวะ ห้ามยืนฉี่ลงจากห้าง เพราะเป็นการผิดป่าอย่างยิ่ง จึงต้องฉี่ลงกระบอกไม้ไผ่แทน

    คุณชอออกจากหมู่บ้านเวลาประมาณบ่ายสอง มีชาวบ้านเดินมาด้วยสามคน เพื่อนำทางไปยังที่นั่งซาก จากที่เป็นป่าโปร่ง เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ กลับกลายเป็นป่าทึบ ต้นไม้สูงใหญ่ส่งเสียงซ่าๆ เกิดจากแรงลมพัดใบไม้เสียดสีกัน ฟังดูทำให้รู้สึกใจโหวงๆชอบกล

    คุณชอและชาวบ้านเดินตัดป่าใหญ่จนมาถึงที่หมาย พบเข้ากับศพที่ใช้เป็นเหยื่อล่อเจ้าสัตว์ร้าย สภาพของศพทำให้คุณชอแทบอยากจะเดินกลับหมู่บ้านตอนนั้นเลย เพราะภาพที่เห็นคือ ชาวบ้านจับศพผูกไว้กับต้นไม้ เอาเชือกรัดไว้ที่ใต้รักแร้ แขนห้อยลงข้างลำตัว เหมือนศพกำลังยืนพิงต้นไม้อยู่ เขียนคิวทาปากแต่งหน้าให้ศพ

    โดยปกติ สภาพศพแต่เดิมก็ดูหน้ากลัวอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ดูน่าขนลุกขึ้นไปอีก คุณชอรีบเบือนหน้าหนี อยากจะลบภาพที่เห็นเมื่อครู่ทิ้งไปเสีย แต่ก็ทำใม่ได้ พอตอนที่พยายามจะลืมทีไร ภาพของศพที่ตาเหลือกโพลง ถูกเขียนขอบตาจนดำ ปากที่อ้ากว้าง ถูกแต้มด้วยลิปสติกสีแดง กลับผุดขึ้นมาหลอกหลอนอยู่ในหัว ที่สำคัญไปว่านั้น ต้องนั่งอยู่กับศพในป่ามืดๆเพียงลำพัง ทำให้คุณชอเริ่มเกิดอาการระส่ําระสาย

    แต่ด้วยความที่ไปตบปากรับคำแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องแข็งใจอยู่ให้ได้ คุณชอยืนทำใจอยู่สักครู่ แล้วปีนขึ้นไปบนห้าง ที่ชาวบ้านเพิ่งจะทำเสร็จใหม่ๆ มีพรานอีกคนหนึ่งปีนตามขึ้นมา ทำให้คุณชอใจชื้นขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว ที่คืนนี้ไม่ต้องนั่งอยู่คนเดียว

    คุณชอได้ยินเสียงของชาวบ้านตะโกนขึ้นมาว่า "ถ้าคืนนี้ได้ยินเสียงปืน เดี๋ยวตอนเช้าพวกเราจะมารับ ไม่ต้องลงมาจากต้นไม้นะ" หลังจากพูดจบ ชาวบ้านก็พากันเดินกลับ ห้างอยู่สูงจากพื้นประมาณสิบสองเมตร อยู่ห่างจากศพประมาณสิบเมตร ซึ่งหันหน้าเข้าหากัน

    ระหว่างที่นั่งรออยู่บนห้าง คุณชอพยายามไม่เหลียวไปมองที่ศพ แต่หางตามันชอบเหลือบไปมองของมันเอง เหมือนกับว่ามีอะไรสักอย่างดึงดูดให้หันไปมองอยู่เป็นพักๆ ภาพความสยดสยองจึงติดตาของคุณชออยู่ตลอดเวลา

    เวลาเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้า พรานที่อยู่ข้างตัวเอาแต่นั่งเงียบ คุณชอจับสังเกตความผิดปกติได้อย่างหนึ่ง ป่าทั้งป่าดูเงียบจนผิดปกติ ไม่เหมือนตอนที่กำลังเดินเข้ามา ไม่มีเสียงนก ไม่มีเสียงลม ใบไม้หยุดนิ่งไม่ไหวตึง ราวกับว่าเป็นป่าคนละป่า

    คุณชอยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู บอกเวลาห้าโมงกว่าๆ อากาศเริ่มเย็นลงจนเห็นตุ่มหนาวผุดขึ้นเต็มแขน เหลียวไปดูพรานที่นั่งอยู่ข้างตัว ก็พอจะมองออกว่าคงจะรู้สึกถึงความผิดปกติเช่นเดียวกัน เพราะพรานพยายามสอดส่องสายตาไปรอบๆบริเวณอยู่ตลอดเวลา เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก เหมือนคนที่กำลังอยู่ในอาการวิตกกังวล

    คุณชอยกปืนขึ้นมาตรวจสอบ ยัดกระสุนเข้าไปในรังเพลิง ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้พร้อมรับมือกับสิ่งไม่คาดฝัน ที่กำลังจะเกิดขึ้น ช่วงเวลากำลังโพ้เพ้ หูของคุณชอได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ลักษณะเหมือนเสียงสัตว์ใหญ่ เดินเหยียบใบไม้แห้ง ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

    คุณชอย่อศีรษะลงอัตโนมัติ กวาดสายตาไปรอบๆ ทั่วทั้งป่าไม่มีเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงเดินย้ำของอะไรบางอย่าง "แกร่บๆๆ" แล้วก็นิ่งเงียบ คุณชอพยายามเพ่งสมาธิไปที่การจ้องมองเพียงอย่างเดียว พรางเหลือบตาไปมองพรานที่นั่งอยู่ข้างๆ

    ก็เห็นพรานจ้องกลับมาที่คุณชอเช่นกัน เหมือนเป็นการรู้กันว่า มีอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาหา สักพักเสียงเดินก็ดังขึ้นอีกครั้ง "แกร่บๆๆ" คุณชอหันปากกระบอกปืนไปทางต้นเสียง เพ่งมองลงไปข้างล่าง ในขณะที่ป่าทั่งป่าเริ่มพร่ามัว เพราะแสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบทิวไม้ลงไปทุกทีๆ

    ไม่กี่อึดใจต่อมา เจ้าของเสียงก็โผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ เผยให้เห็นลายดำที่พาดผ่านแผ่นหลังอันอวบแน่นเป็นเส้นๆ ขนสีเหลืองอมส้มเกือบจะกลืนเข้าไปกับสีของพื้นดิน ลำตัวยาวประมาณเจ็ดศอก อุ้งเท้าอวบใหญ่พอๆกับเท้าของหมีที่โตเต็มไว กวัดแกว่งหางสีส้มสลับดำไปมา

    แต่สิ่งที่ทำให้คุณชอกับพรานตกตะลึงจนหยุดหายใจ นั่นก็คือ ศพที่ถูกมัดติดกับต้นไม้ กรีดเสียงร้องอันเล็กแหลมออกมาดังลั่น ปานคนตกใจกลัวสุดขีด สลับสับเปลี่ยนกับเสียงหัวเราะเหมือนคนสติแตก

    คุณชอตัวเกร็ง มือไม้แข็ง จนเกือบทำปืนที่กระชับอยู่บนบ่าร่วง ความกลัวความสับสนงุงงงต่างๆ วิ่งแล่นไปทั่วร่างกาย จนรู้สึกเหมือนกับว่ามันจะทะลุออกมาทางผิวหนัง เนื้อตัวเย็นเฉียบ ไม่ต่างอะไรจากศพ เหงื่อกาฬผุดออกมาเป็นเม็ดเป้งๆ ทั้งๆที่อุณหภูมิรอบๆตัวลดลงอย่างรวดเร็ว

    เจ้าสัตว์ร้ายเดินดุ่มๆเข้าไปใกล้ศพที่กำลังหัวเราะร่า ศพที่ถูกมัดติดอยู่กับต้นไม้ใช้มือทุบลงที่หัวของเจ้าสัตว์ร้าย จนมันถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง แล้วศพก็ตบมือซอยเท้าอยู่กับที่ เหมือนกำลังสนุกสนาน มองดูคล้ายคนที่กำลังหยอกล้อกันแมว

    เป็นภาพที่น่ากลัวน่าขนลุกที่สุดในชีวิต เท่าที่คุณชอเคยพบมา แต่ก็ต้องพยายามเพ่งมอง เพื่อเตรียมรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน คุณชอแหงะไปมองพรานที่นั่งอยู่ข้างตัว ก็พบว่าพรานเป็นลมล้มพับ นอนกองอยู่ข้างๆ

    ซึ่งตอนนี้ก็เท่ากับว่า ทั้งป่า มีคนอยู่แค่คนเดียว กับสิ่งแปลกประหลาดที่อยู่ด้านล่างนั่น คุณชอหันกลับมาเพ่งสมาธิ กระชับปืนที่บ่าพร้อมลั่นไกล กระพริบตาถี่ๆ ไล่เม็ดเหงื่อที่ไหลลงสู่ลูกกะตา ศพที่กวัดแกว่งมือไปมา ตอนนี้กลับหยุดนิ่ง ทิ้งแขนทั้งสองข้างลงตามเดิม กลับไปสู่สภาพของศพปกติ เจ้าสัตว์ร้ายนั่งหมอบลง จ้องหน้าศพตาไม่กระพริบ

    ครู่เดียวต่อมา ศพค่อยๆเงยหน้าขึ้น มองมาทางคุณชอ ยกมือขวาชี้ขึ้นมาบนห้าง พร้อมๆกับเจ้าสัตว์ร้ายที่หันไปมองตามที่ศพชี้ คุณชอรู้ขึ้นมาทันทีว่า เจ้าเสือตัวนี้มันไม่ใช่เสือปกติทั่วไป แต่มันต้องเป็นเสือผีอย่างไม่ต้องสงสัย

    หมอม่านได้ทำพิธีสะกตดวงวิญญาณให้กลับเข้ามาอยู่ในศพ เพื่อล่อให้เสือออกมา แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าเสือตัวนี้จะแข็งกว่า สะกตให้ศพบอกที่ซ่อนของคนที่จะยิงมัน เมื่อเจ้าสัตว์ร้ายเห็นคุณชอ มันเลิกสนใจศพทันที หันมาจ้องหน้าคุณชอ เดินย่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่กลัวแม้แต่อาวุธ ที่สามารถล้มช้างได้ทั้งตัว ที่กำลังหันปากกระบอกปืนไปทางมันอยู่

    คุณชอหัวใจเต้นเหมือนคนที่กำลังจะขาดใจตาย กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอด้วยความยากลำบาก เจ้าสัตว์ร้ายนั่งลงที่หน้าห้าง จ้องมองขึ้นมาหาคุณชอ ความสูงสิบสองเมตรจากพื้นดิน ซึ่งตอนแรกก็คิดว่ามันสูงมากพอแล้ว แต่บัดนี้ กลับรู้สึกว่ามันช่างต่ำเตี่ยเรี่ยดิน ไม่ต่างอะไรกับนั่งอยู่บนพื้นเลย

    เจ้าสัตว์ร้ายค่อยๆย่อตัวลง ถ่ายน้ำหนักไปที่ขาคู่หลัง เตรียมจะกระโจนขึ้นมาบนห้าง ทำให้คุณชอรู้สึกหูอื้อ หน้ามืด รู้ชะตากรรมของตัวเอง เจ้านั่นไม่รีรอ กระโจนพรวดขึ้นมาเต็มแรง

    ลมตีสวนขึ้นที่หน้าอก จนคุณชอหน้ามืดหมดสติ ภาพในอดีตต่างๆพรั่งพรูเข้ามาในหัวพร้อมกัน แม้เป็นเวลาแค่เสี้ยววินาที แต่คุณชอกลับมองเห็นภาพต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในอดีตหลายสิบปีก่อน จนถึงปัจจุบัน เหมือนกับได้นั่งดูหนังชึวิตของตัวเองในอดีต ในหนังม้วนนั้น มีบางช่วงบางตอน มันฉายภาพลางๆ รู้สึกเหมือนตัวเองโดนใครสักคนตบที่หัวไหล่ ตอนที่เจ้าสัตว์ร้ายกระโจนขึ้นมา จึงเผลอเหนี่ยวไกลปืนจนเสียงดังลั่นป่า

ไม่มีความคิดเห็น