โทรเบอร์หลอน
การโทรหาผีที่สมัยเด็กเราเคยทำกันไหมเรื่องของคุณแคร์ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่จังหวัดลำปาง เมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่คุณแคร์เรียนอยู่ประมาณ ม.1 ในยุคนั้น เด็กผู้ชายจะฮิตเล่นพิเรนอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือการโทรไปที่เบอร์อาถรรพ์ หรือเบอร์แปลกๆ
เล่ากันว่า จะมีเสียงเล็กแหลมตอบมาจากปลายสาย คล้ายๆเสียงของเปรตร้อง คุณแคร์ก็ฮิตเล่นเหมือนกัน ในระหว่างที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ในโรงเรียน เพื่อนคนนึง ชื่อนุ้ย เดินเข้ามาคุยกับคุณแคร์ว่า "แคร์ กล้าโทรไปเบอร์พวกนี้ทุกเบอร์เลยเหรอ"
คุณแคร์ตอบว่า "กล้าโทร สนุกดี" คุณนุ้ยก็เลยยื่นเบอร์มาให้คุณแคร์เบอร์นึง แล้วบอกว่า "ลองโทรไปเบอร์นี้ดู" คุณแคร์หยิบมาดู ก็เห็นว่ามันเป็นเบอร์บ้าน จึงพูดขึ้นว่า "อ่าวนี่มันเบอร์บ้านคนไม่ใช่เหรอ" คุณนุ้ยตอบว่า "ลองโทรดูก่อน"
ตกคืนนั้น คุณแคร์ลองโทรเข้าไปตามเบอร์ที่คุณนุ้ยให้มาทันที ในใจคิดว่าคุณนุ้ยอาจจะแกล้งอ้ำเล่นๆ สักพักก็มีคนรับสาย เป็นเสียงของผู้หญิงพูดเบาๆว่า "ฮัลโหล" คุณแคร์ก็ตอบกลับว่า "ฮัลโหล สวัสดีครับ"
แล้วรอดูเชิงว่าเพื่อนแกล้งจริงๆหรือเปล่า แต่ปลายสายก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เหมือนกับว่ากำลังฟังอยู่ จนสักพักใหญ่ๆ อยู่ดีๆปลายสายก็เริ่มเล่านิทานขึ้นมาว่า มีแม่หมีกับลูกหมีอยู่ในป่า เสียงที่เล่ามีลักษณะเรียบๆ
คุณแคร์พยายามพูดว่า "ฮัลโหลๆ นุ้ยหรือเปล่า แกล้งกันเหรอ" แต่ปลายสายก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่คุณแคร์พูด ยังคงเล่านิทานต่อไปเรื่อยๆ พอเล่าได้สักพัก ปลายสายก็เริ่มไอ เสียงไอเหมือนกับคนที่เป็นโรคอะไรสักอย่าง พยายามสูดอากาศเข้าแรงๆ แล้วไอออกมา
จนคุณแคร์เริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ มันไม่น่าปกติ จึงรีบวางหูทันที จนผ่านไปสักพัก คุณแคร์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูอีกครั้ง ปรากฏว่ายังได้ยินเสียงไอมาจากปลายสายเหมือนเดิม คุณแคร์กลัวมาก จนขนลุกตั้งไปทั้งตัว รีบวางสาย แล้วเดินถอยหลังออกจาดโทรศัพท์ เหมือนคนตกใจในอะไรบางอย่าง
พอตั้งสติได้ ก็รีบเดินไปดึงสายโทรศัพท์ที่ด้านหลังออกทันที พอถึงรุ่งเช้าของวันต่อมา หลังจากที่คุณแคร์ไปถึงที่โรงเรียน ก็รีบเข้าไปถามคุณนุ้นทันทีว่า "นุ้ย โทรไปแล้วอ่ะ มันอะไรเนี่ย มันคืออะไรเหรอ แกล้งหรือเปล่า"
คุณนุ้ยทำหน้าตกใจ แล้วพูดว่า "โทรไปจริงๆเหรอ แล้วมีคนรับมั้ย" คุณแคร์ตอบว่า "มี เป็นผู้หญิงรับ พอเค้ารับแล้ว เค้าก็.." ยังไม่ทันทีคุณแคร์จะพูดต่อ คุณนุ้ยพูดสวนขึ้นมาว่า "เล่านิทานใช่มั้ย"
คุณแคร์เริ่มใจไม่ดี ถามคุณนุ้ยต่อว่า "มันเรื่องอะไรนุ้น บอกหน่อย" คุณนุ้ยบอกว่า "เอางี้ โรงเรียนเลิก มาบ้านกู จะพาไปดูอะไรบางอย่าง" หลังจากโรงเรียนเลิก คุณแคร์เดินกลับไปเอาจักรยานที่บ้าน แล้วปั่นตามคุณนุ้ยไป
คุณแคร์ไม่เคยไปบ้านของคุณนุ้ยมาก่อน ลักษณะเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์หมดทั้งซอย มีแยกออกไปหลายๆซอย เป็นหมู่บ้านใหญ่ๆ รอบๆหมู่บ้านจะมีแต่ต้นฉําฉาต้นใหญ่ๆ สลับกับทุ่งนาโล่งกว้าง
คุณนุ้ยพาคุณแคร์เข้าทางหลังหมู่บ้าน ลัดเลี้ยวไปตามซอยต่างๆ คุณแคร์สังเกตว่า ถึงหมู่บ้านแห่งนี้จะใหญ่ แต่จะเป็นทาวน์เฮ้าส์ร้างสะส่วนใหญ่ สภาพบ้านเก่าทรุดโทรม สีหลุดลอก ตะไคร่น้ำสีดำๆเกาะอยู่เป็นจุดๆ ดูน่าขนลุกแปลกๆ
คุณนุ้ยพาคุณแคร์เลี้ยวเข้าไปในซอยหนึ่ง ทำให้คุณแคร์ขนลุกยิ่งกว่าเดิม เพราะทั้งซอยจะไม่มีคนเช่าอยู่เลย จนคุณนุ้ยไปหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง แล้วชี้มือเข้าไปในบ้าน พร้อมกับพูดว่า "เนี่ย ไอ้แคร์ บ้านหลังเนี่ย คือบ้านที่เราโทรไป"
คุณแคร์มองเข้าไปในตัวบ้าน เห็นผู้หญิงผมยาวแอบมองอยู่ที่หลังผ้าม่านชั้นสอง คุณแคร์คิดในใจว่า มันก็เป็นบ้านคนปกติ ถึงมันจะดูเก่าไปหน่อยก็เถอะ จึงหันไปถามคุณนุ้ยว่า "แล้วให้โทรไปทำไม" คุณนุ้ยตอบว่า "เดี๋ยวมาบ้านกูก่อน จะเล่าให้ฟัง"
จนมาถึงบ้าน คุณนุ้ยก็เล่าให้ฟังว่า ที่บ้านหลังนั้น เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว มีสองผัวเมียอยู่ด้วยกัน แล้วผู้หญิงเกิดท้องขึ้นมา ทำให้ผู้ชายไม่พอใจ เพราะว่าตัวผู้ชายเองเป็นหมัน คิดว่าแฟนตัวเองไม่ซื่อสัตย์ จึงฆ่าปาดคอผู้หญิงที่กำลังท้องอยู่
เป็นที่โจษจันกันทั้งหมู่บ้านว่า บ้านหลังนี้เฮี้ยนมาก จนบ้านที่อยู่ในระแวกเดียวกันต้องย้ายออก และเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ลูกพี่ลูกน้องของคุณนุ้ยมาเที่ยวหาที่บ้าน และเหมือนว่ามาลองดีกัน โดยลองโทรเข้าไปในบ้านหลังนั้น
ลูกพี่ลูกน้องบอกว่า มีผู้หญิงรับสายแล้วเล่านิทานให้ฟัง แต่ตัวคุณนุ้ยเองไม่เชื่อ จึงลองเอาเบอร์มาให้คุณแคร์ลองโทรเข้าไปดู คุณแคร์บอกว่า "มันมีคนรับจริงๆ เดียวจะเล่าให้ฟัง" แต่คุณนุ้ยพูดตัดขึ้นมาว่า "พอเหอะ กลัวว่ะ"
คุณนุ้ยจึงไปหยิบเครื่องเกมออกมาเล่นแทน เพื่อที่จะได้ลืมความกลัว คุณแคร์กะว่าอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงจะรีบกลับบ้าน เพราะกลัวว่ามันจะมืด แต่เกิดติดลม จนเวลาล่วงไปถึงสี่ทุ่ม
คุณแคร์จึงยืมโทรศัพท์ โทรให้พ่อมารับ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองดันไปดึงสายโทรศัพท์ออกแล้ว คุณแคร์เลยบอกให้คุณนุ้ยไปส่งที่ท้ายหมู่บ้าน เพราะว่าจำซอยไม่ได้ แต่คุณนุ้ยตอบสั่นๆว่าไม่ เพราะว่ากลัว แต่จะบอกทางให้แทน ว่าเลี้ยวไปตรงไหนบ้าง
คุณแคร์ไม่มีทางเลือก ต้องปั่นจักรยานกลับเอง คุณแคร์เดินออกมาจากบ้านของคุณนุ้ย รู้สึกว่าบรรยากาศมันช่างต่างกันกับเมื่อตอนเย็นอย่างลิบลับ บ้านทุกหลังปิดไฟมืด มีเพียงแค่แสงไฟสีส้มๆจากหลอดไฟกลมๆ ที่มัดติดกับเสาไม้เก่าๆข้างทาง ตั้งห่างกันประมาณสิบเมตร
แม้ที่นี่จะเรียกได้ว่าเป็นชุมชน แต่กลับให้ความรู้สึกเงียบเหงาวังเวง เหมือนกับว่าเป็นชุมชนร้างยังไงยังงั้น คุณแคร์แข็งใจ ปั่นจักรยานไปตามทางที่เพื่อนบอก เจอทางแยกก็หักขวาทันที แต่ปรากฏว่ามันเป็นทางตันมืดๆ
คุณแคร์ยืนพินิจอยู่นาน จึงลองปั่นตรงไปเลี้ยวเข้าที่ซอยอื่น ลัดเลาะไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางออกหลังหมู่บ้านให้ได้ โดยพยายามเลี่ยงที่จะผ่านหน้าบ้านที่เกิดเหตุ แต่จนแล้วจนรอด คุณแคร์ก็ปั่นมาจนถึงซอยที่บ้านหลังนั้นอยู่จนได้
คุณแคร์จอดจักรยาน ยืนกลั้นใจอยู่หัวซอย มองฝ่าความมืดไปที่ท้ายซอย จำได้ว่าเลี้ยวขวาตรงท้ายซอย ก็จะเป็นทางออกหลังหมู่บ้าน แต่ปัญหามันอยู่ตรงกลางซอย บ้านหลังนั้นตั้งดำทะมึนอยู่ทางขวามือ แถวๆกลางซอย บ้านทั้งสองข้างถนนปิดำฟมืดทุกหลัง ดูแล้วทำให้รู้สึกใจสั่นเป็นพักๆ
คุณแคร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆเดินจูงจักรยานไปจนเกือบจะถึงบ้านหลังนั้น ลองชะโงกหน้ามองไปบนชั้นสองห้องบ้าน เห็นเป็นห้องมืดๆที่มีผ้าม่านปิดไว้ คิดทบทวนไปถึงคนที่เห็นเมื่อตอนเย็น หรือตัวเองอาจจะตาฝาดไปเอง ที่เห็นผู้หญิงยืนอยู่หลังผ้าม่าน
จึงขึ้นขี่จักรยาน แล้วค่อยๆปั่นผ่านหน้าบ้านไปอย่างปกติ จนสามารถเห็นตัวบ้านเต็มๆ หางตาก็เห็นอะไรบางอย่าง จึงเหลียวไปมองทันที ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นยืนแอบอยู่ข้างหน้าต่างบนชั้นสอง แล้วมองลงมาที่คุณแคร์
ทันทีที่คุณแคร์หันไปมอง ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆเดินออกมาจากมุมหน้าต่าง ให้คุณแคร์ได้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ใส่เสื้อยืดสีขาว แต่เหมือนกับมีคราบเลือดไหลลงจากคอจนเปื้อนไปถึงกางเกง และที่สำคัญ ตำแหน่งของลำคอไม่ได้ตั้งตรงปกติ แต่กลับห้อยตกลงมาบนไหปลาร้า มีเสียงไอ "แค๊กๆ" เบาๆ เหมือนที่คุณแคร์เคยได้ยินผ่านโทรศัพท์ไม่มีผิด
คุณแคร์รู้สึกเหมือนกับไร้เรี่ยวแรง ไม่รู้ว่าตัวเองยืนช็อกอยู่นานแค่ไหน จนมาได้สติก็ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นเริ่มไอเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ คุณแคร์รวบรวมสติเท่าที่มี ออกแรงปั่นจักรยานเต็มที่ จนผ่านมาประมาณสามหลัง
รู้สึกระแวงหลังอยู่ตลอดเวลา จึงได้หันกลับไปมอง ปรากฏว่าเห็นผู้หญิงคนนั้นชะโงกตัวออกมาจากรั้วหน้าบ้าน ไออยู่ตลอดเวลา "แค๊กๆๆๆ" แล้วจ้องมาทางคุณแคร์ ทำให้คุณแคร์สะดุ้งจนตัวโก่ง ร้องตะโกนโวยวายจนสุดเสียง ให้บ้านหลังไหนก็ตามได้ยิน แล้วช่วยออกมาด่ามาว่าอะไรบ้างก็ยังดี
แต่ทุกหลังกลับเงียบสนิด เหมือนกับว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ในซอยแห่งนี้เลย คุณแคร์หลับหูหลับตาปั่นไปจนถึงปลายซอย หักเลี้ยวขวาเพื่อที่จะตรงออกท้ายหมู่บ้าน จังหวะนั้นคุณแคร์ลองหันกลับไปมองอีกครั้ง
ภาพที่เห็นคือ เห็นผู้หญิงคนนั้นยืนคอพับอยู่กลางถนน โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย แล้วแหงะหัวขึ้นมามองเล็กน้อย ทำท่าเหมือนกำลังจะออกตัววิ่ง คุณแคร์เห็นแบบนั้นก็ตกใจกลัวสุดขีด ความกลัววิ่งแล่นไปทั่วร่างกาย จนรู้สึกจุกหน้าอก นึกในใจว่านี่ถึงกับจะวิ่งไล่กันเลยเหรอ รีบใส่แรงปั่นจักรยานสุดตัว ใจเต้นแรงจนมันจะทะลุออกมาจากอก หลับหูหลับตาปั่นโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เสียงของโซ่จักรยานลั่นดัง "แกร่งๆๆ" เหมือนกับว่ามันจะขาดซะให้ได้
จนมาถึงร้านขายข้าวโต้รุ่ง คุณแคร์พุ่งเสียบเข้าข้างร้าน แล้วลงมานั่งพักริวฟุตบาต นั่งหอบหายใจด้วยความเหนื่อย พยายามสงบสติจนรู้สึกดีขึ้น จึงรีบปั่นจักรยานกลับบ้านให้เร็วที่สุด
คุณแคร์นอนจับไข้ฝันร้ายอยู่สองถึงสามวัน และต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์ กว่าความกลัวมันจะเริ่มคลายออกไปเรื่อยๆ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment