10ตำนานเรื่องหลอนมหาลัยในเชียงใหม่
10 ตำนานสยองที่มีอยู่จริงและเรื่องที่ผมเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันยังคงเล่าขานต่อๆกันมา ลองไปชมเรื่องหลอนๆ 10 เรื่องนี้กันเลยครับ
เรื่องที่ 1 : ผีป๊อก..ป้อก..ครีด
เรื่องผีอันดับหนึ่งของ มหาลัยเชียงใหม่ ในแง่ของความเศร้า ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัด แต่สถานที่เกิดคือ หอ 7 หญิง ในสมัยที่ มช. ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง ถนนหน้าฝนเป็นโคลน รถไปมาลําบาก ตอนกลางคืนมืด ไม่มีแสงไฟ
เรื่องเกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอหญิงเจ็ด ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกําลังอ่าน หนังสือกันอยู่ ประมาณว่านักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ํา แล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็น ไข้อยู่ จึงไปไม่ไหว อยากพักผ่อน พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองก็ได้ แล้วจะ ห่อข้าวมา ฝากเพื่อนคนที่ไม่สบายก็บอกว่า ฝากซื้อราดหน้า (หรือผัดไทซักอย่างที่เป็นเส้นๆ) มาให้ทีละกัน กินแล้วจะได้กินยา เมท คนนั้นก็บอกว่า ได้ เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับ
หลังจากที่เพื่อนออกไปจากห้อง เมทคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่อ อ่านได้ซักพักก็ไม่ไหวเพราะไข้ขึ้นจึงนอน ตอนนอนอยู่นั้น สลึมสลือ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว ทําไมเพื่อนยังไม่กลับมาซะที ตกดึก ฝนเริ่มตกหนัก เมทคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือต่อ ในใจเป็นห่วงเพื่อน เพราะออกไปนานมากยังไม่กลับ ซักพักนักศึกษาคนนั้นได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่างจากทางบันได ปี ป๊อก] ป๊อก ป๊อก ป๊อกปีบ. เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันไดดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกําลังแบกของ หนักบางอย่างขึ้นมา และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ แล้วเสียงก็เปลี่ยนไป ครี..ด.ครี..ด.ค.รีด ปี เสียงเหมือนคนกําลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง
นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบได้อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง ก๊อก ก๊อก ก๊อกแล้วเงียบไป นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทําไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิด ประตูมีถุงใส่ห่อลาดหน้าแขวนอยู่ พอเห็นห่อลาดหน้า ก็งง แล้วเพื่อนอยู่ไหน ทําไมไม่กลับมา หรือติดฝนเลยฝากคนอื่นเอามาให้ แต่ทําไมต้องเอามาแขวน ไม่รอเจอกันก่อนจะได้รู้ว่าเป็นใคร แล้วทําไมเดินเร็วจัง มีแต่รอยเปียกน้ําเป็นทางจากบันไดปี.คิดต่าง ๆ นา ๆ แต่แล้วก็แกะห่อลาดหน้าออก ทานเสร็จก็ทานยาตาม ได้ซักพักก็ม่อยหลับไป
รุ่งเช้า.มีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง คาดว่าเหตุเกิด ประมาณหัวค่ํา ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หน นักศึกษาหญิง ที่ตายกําลังเดินทางกลับจากตลาดหลังจากทานข้าวเสร็จ (ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหินหรือตลาดต้นพะยอม) ทุกที่จะไปกับเพื่อน แต่ เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว โดยเพื่อนฝากซื้อข้าวห่อ คนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ แล้วลาดหน้าเมื่อคืนล่ะ? ไม่มีใครรู้คํา ตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมาคือ หลังจากที่ตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเพราะว่าไม่สบาย และยังหิว จึงนําห่อลาดหน้าที่ ซื้อมาฝากไปส่งให้แต่จะไปส่งยังไง แขนหัก ขาหักหมด
แล้วลักษณะที่เขาเล่ามาคือ เพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพักแล้วใช้คางเกยบันได ลากตัวเองขึ้น มา เป็นเสียง ป๊อก ป๊อก ปี เสียง ปี ครีด ปีที่ได้ยิน คือเสียงลากตัวเองจากบันได มาจนถึงหน้าห้องปรากฏเป็นรอยเปียกน้ํายาว ติดต่อกัน หลังจากส่งห่อลาดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วงปี ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่า แต่หลังจากที่นักศึกษาที่พัก อยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่า ในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกําลังยกของหนัก และลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมา แล้วทุกคนต่างเชื่อ สนิทใจ มิตรภาพอยู่เหนือความตาย
เรื่องที่ 2: เปรตหอนาฬิกา
อันเนื่องจากเคยเป็นป่าชและลานประหารเก่ามาก่อน ทําให้เรื่องเล่าเรื่องผีทั้งเก่าและใหม่มีมากมาย เรื่องนี้อยู่ที่หอนาฬิกาใหญ่ ตรงสี่แยกจากประตูหลังมอ ตรงนั้นจะเป็นวงเวียนสี่แยก ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้เป็นคณะวิศวะ ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เป็นคณะศึกษา และ โรงเรียนสาธิต ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ เป็น หอ 4 ชาย และฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหอ 6 หญิง เรื่องนี้เล่ากันว่า ตรงหอนาฬิกา กลางวงเวียน มีเปรต หากไปลองของ อาจโดนดีได้
วิธีการลองดีคือ ตอนเที่ยงคืน ให้ไปขับรถวนทวนเข็มที่หอนาฬิกา สามรอบ (ปกติวงเวียนจะให้รถขับวนตามเข็มนาฬิกา) เล่ากันว่า ผู้ที่ลองทําอย่างนั้นไม่เคยมีใครขับรถทวนเข็มนาฬิกาได้ครบสามรอบซักคน ผู้มีประสบการณ์เล่าว่าในขณะที่วนรถอยู่นั้น จะรู้สึกได้ถึงลมที่เย็นผิดปกติ
แต่วนไปรอบสองก็ไม่เกิดอะไรขึ้น มาเกิดตอนที่จะครบรอบที่สาม จู่ๆ ก็มีเสาสองต้นมาตั้งขวางถนนอยู่ ทําให้ต้องหักรถหลบ รถล่มบ้างแฉลบบ้างไปตามๆกัน ใครอยากรู้ก็ลองดูอง
อีกกรณีหนึ่งมีข่าวอยู่บ่อย ๆ ว่านักศึกษาที่พักอยู่ในหอพักชาย 4 และหญิง 6 ฝั่งที่ติดกับหอนาฬิกา มักได้ยินเสียงแหลมๆเล็ก ดังมา จากทางหอนาฬิกา สอบถามแล้วคืนนั้น เด็กสาธิตไม่มีการทํากิจกรรมและคณะวิศวะไม่มีกิจกรรม หรือการก่อสร้างใดๆ และที่สําคัญ บางห้องได้ยิน บางห้องไม่ได้ยินทั้งที่อยู่ติดกัน?
เรื่องที่ 3: ห้องสีชมพู
เรื่องนี้เกิดที่หอหญิง ไม่แน่ใจว่า 7 หรือ 4 เป็นเรื่องของนักศึกษาหญิงที่เข้ามาพักในหอใน แล้วไปมีอะไรกับผู้ชายแล้วเกิด พลาดตั้งครรภ์ขึ้นมา รู้ตัวเอาตอนท้องได้ 4 เดือนแล้ว แต่มันยังไม่ป่องออกมาจึงปิดเงียบไม่ให้ใครรู้ แม้แต่เมท ทํายังไงถึง จะเอาออกได้ พลาดไปแล้ว แต่ไม่อยากเสียอนาคต ไม่มีเงินทําแท้ง แฟนไม่รับผิดชอบ จึงตัดสินใจเอาออกเองในห้องพัก โดยเลือกตอนช่วงที่เพื่อนไม่อยู่ ทําเองคนเดียว โดยไม่ทราบวิธีการ ปรากฏว่าผลร้ายกว่าที่คิด นักศึกษาคนนั้นตกเลือดตาย ในห้อง เพื่อนมาพบศพตอนเย็น เห็นรอยเลือดกระจัดกระจายติดฝาผนังบ้างก็มี
หลังจากจัดการเรื่องศพเรียบร้อยแล้ว (รวมถึงทําความสะอาดห้อง) โดยที่เมทของคนตายก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น แม่บ้านเข้ามา ทําความสะอาด เห็นรอยเลือดสีจางๆ ติดอยู่ที่ผนังสีขาว ก็เลยให้คนเอาสีขาวมาทาทับ วันรุ่งขึ้นเปิดเข้าไปทําความสะอาด รอยเลือดยังมีอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะทํายังไง ทั้งขัด ทั้งถู หรือทาสีใหม่ รอยเลือดนี้ก็ยังไม่หายไป จนสุดท้ายทางหอพักจึง ต้องนําสีชมพู ไปทาทั้งห้อง เพื่อไม่ให้เห็นรอยเลือด กลายเป็นห้องสีชมพูตั้งแต่นั้นมา ปัจจุบันเป็นห้องเก็บของที่ปิดตาย เคยมีแม่บ้านเข้าไปทําความสะอาดที่ห้องนี้ แล้วออกจากห้องไม่ได้ เพราะลูกบิดถูกล็อค (ทั้งที่ตัวล็อคอยู่ในห้อง)
เรื่องที่ 4 : ผีห้องน้ําหอ 7 ญ.
รุ่นน้องอยู่หอ 7 หญิงเหมือนกัน เล่าว่า ไปอาบน้ําที่ห้องอาบน้ํา (รวมตอนกลางคืน) ชั้น 3 เข้าไปอาบน้ําในห้องที่เขากั้นให้อาบน้ํา โดยไปอาบที่ห้องในสุด ซักพักได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาอาบน้ําในห้องข้าง ๆ ได้ยินเสียงฝักบัว แถมยังมีน้ํากระเซ็นเข้ามาที่ห้องตัว เองอาบอยู่อีกต่างหาก แต่รุ่นน้องอาบน้ํา ห้องข้างๆ เลยกลับออกไปก่อน พอรุ่นน้องอาบน้ําเสร็จ เปิดห้องออกมา ตอนออกก็ต้องเดินผ่านห้องข้าง ๆ อยู่แล้ว เพราะตัวเองอาบห้องในสุด แต่ห้องข้าง ๆ ไม่มี ร่องรอยการอาบน้ําเลย ตรงฝาผนังและพื้นแห้งสนิท !
ที่ห้องอาบน้ําชั้น 2 รุ่นพี่ซึ่งแก่กว่าประมาณ 3 ปี เล่าให้ฟังว่า กําลังจะเข้าไปอาบน้ํา ทั้งห้องมีอยู่คนเดียว กําลังจะสระผม รู้สึกว่ามีน้ํา กระเด็นมาจากห้องข้างๆ แต่ไม่มีเสียงน้ํา ด้วยความสงสัย จึงหยุดแล้วไปดูห้องข้างๆ ก็ไม่เห็นมีน้ํารั่วหรือซึม ทั้งผนังและเพดาน เรียบร้อยทุกอย่าง พอเข้าห้องมาจะอาบน้ําก็กระเซ็นมาอีก คราวนี้ไม่อยู่แล้ว เก็บของออกจากห้องน้ําไปเลย
เรื่องที่ 5 : ผีคณะสังคมฯ
ที่ห้องน้ําคณะสังคมศาสตร์ ที่เก่า ๆ หน่อย ลองไปหาดูเอาเอง ลักษณะห้องน้ําคือ ประตูทางเข้าอยู่ตรงกลาง เมื่อเข้าไปแล้วโดนี่จะ อยู่ทางซ้ายมือ ส่วนอ่างล้างหน้า กับกระจกส่องหน้าจะอยู่ทางขวา รุ่นพี่ที่อยู่คณะสังคมฯ เล่าว่ามีคนเล่าให้ฟังว่า(ฟังเขามาอีกต่อ หนึ่ง) ตอนกลางคืนช่วงใกล้สอบ ได้ไปอ่านหนังสือที่คณะสังคมฯ แล้วปวดฉีเลยไปฉีที่ห้องน้ําแห่งนี้ (เริ่มนึกออกหรือยังว่าห้องน้ํา ที่ไหน) ไปเข้าห้องน้ําคนเดียว คนอื่นๆ ก็นั่งอ่านหนังสือต่อ คนไปฉีก็เข้าไปฉีธรรมดา ในห้องน้ํามีโถฉีสองอัน อันแรกติดประตูอันที่ สองอยู่ด้านขวา ถัดไปข้างในอีก เขาบอกว่า ตอนจะฉี ก็จะฉีที่โถแรก เพราะใกล้ แต่ไม่รู้นึกยังไง เลยเดินเลยไปที่โกด้านใน ตอน กําลังฉีก็ยังไม่มีอะไร แต่ตอนฉีเสร็จแล้ว มองออกไปที่กระจก ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นว่า กําลังมีคนยืนอยู่ที่โถฉีอันแรก! (แต่ หันหลังให้) นึกว่าตาฝาดเพราะหันไปดูก็ไม่มีอะไร แต่พอไปดูในกระจก ก็เห็นเหมือนเดิม?
คืนนั้นเลยไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี พวกขี้เหล้าทั้งหลายที่ชอบไปกินแถวนั้นก็ระวังหน่อยละกัน
เรื่องที่ 6: ผีตึกฟิสิกส์
เรื่องนี้โด่งดังมากในเรื่องความเย็น แต่ไม่เคยเจอกับตัวซักที เรื่องมีอยู่ว่า ที่ใต้ถุนศึกฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มช. จะมีม้านั่ง มีที่ให้ อ่านหนังสือ ตอนกลางวันเย็นสบาย แต่ตอนกลางคืนจะเย็นยะเยือก เล่ากันว่า มีนักศึกษาหญิงที่ถูกแฟนบอกเลิก ไปผูกคอตายที่นั้น ประมาณว่าตอนคบกันไปนั่งอ่านหนังสือที่นั่นกันบ่อยๆ พอคิดสั้นเลยใช้ที่นั่นเป็นที่สุดท้าย นับแต่นั้น มาเล่ากันว่านักศึกษาคู่ไหนที่ เป็นแฟนกัน แล้วไปนั่งอ่านหนังสือที่นั่น มักจะไม่ได้อ่าน จะโดนกวนตลอด ถ้านั่งคู่กัน จะรู้สึกว่ามีคนมองข้างหลัง ถ้านั่งตรงกันข้าม กัน ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง มักจะเห็นอะไรแปลกๆ
ใครที่มีแฟนลองไปนั่งดูนะ
เรื่องที่ 7: โค้งดอยสุเทพ
นานมาแล้ว ที่ มช. นั่นแหละ สมัยนั้นเวลากลางคืน ดอยสุเทพยังปิดตอนกลางคืน อย่างหนึ่งก็คือ เวลาเมา ๆ นักศึกษาทั้ง หลายมักจะขับรถขึ้นดอยกัน ไปดูเมืองเชียงใหม่ยามค่ําคืน มันสวยดี (แต่ดันขับรถตอนเมาไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) วัน หนึ่งนักศึกษา คณะวิศวะฯ สองคนเพิ่งเล็กจากกังสดาล (แต่ก่อนร้านนี้ฮิตครับ) ครึม ๆ ขึ้นมา ก็ขับรถเลยจากทางเข้า มช. กะ ขึ้นดอยไปชมเมืองเล่น คนขับก็ขับไปข้างหลังคนซ้อนก็นั่งไป เมาๆ ขึ้นมาคนซ้อนก็เลยหลับ (สมัยก่อน 80 % นักศึกษาจะ ขับแมงกะไซค์ ไม่ใช่รถยนต์อย่างทุกวันนี้) ซักพักคนซ้อนก็ตื่น กําลังเข้าโค้งพอดี เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนโบกรถอยู่ข้างทาง แต่คนขับก็ขับเลยผ่านไป ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจัด ก็เลยถามคนขับว่า " ทําไม mung ไม่จอดรถลงไปถามหน่อยล่ะ เพื่อ เขามีปัญหาอะไร?" คนขับ “kuไม่จอดด้วยหรอก คนนี้เขารอโบกทุกโค้งเลย เจอมาหลายโค้งแล้ว เดี๋ยวโค้งหน้า mung กะ ku ก็เจอเขาอีก แหละ..."
เรื่องที่ 8 : หอ7 ญ. (อีกแล้ว)
หอหญิงจะมีเวลาปิดที่สามทุ่ม วันศุกร์-เสาร์ สี่ทุ่มครึ่ง นักศึกษาหลายๆ คนที่กลับเกินเวลาก็ต้องปืนหอแล้วก็คงมีพลาดกันมั่งแหละ ที่หอ 4 หญิง เล่ากันว่าหลายๆ ครั้งคนที่กําลังปืน ๆ เข้าหอด้วยความเมามันส์ มักจะเงยหน้าขึ้นไปเจอรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ที่ ระเบียง เมื่อสบตากัน พี่คนนั้นก็จะบอกว่า "น้อง...อย่าปืนเลย...เดี๋ยวจะเป็นอย่างพี่..." แล้วเธอคนนั้นก็จะ replay โดยการร่วง จากชั้นบนลงมาที่พื้นให้น้อง ๆ ชมเป็นตัวอย่าง
เค้าว่ากันว่า หอ 7 หญิง เมื่อก่อนมี นักศึกษาอยู่คนนึง ขยันเรียนมาก มักจะออกไปกินข้าวตอนหัวค่ํา แล้วกลับมาอ่านหนังสือตลอด ไม่ค่อยออกไปเที่ยวไหน (ตรงข้ามกะเราเลย) วันนึงเค้าก็ออกไปกินข้าวตามปกติ แต่ไม่ได้ไปพร้อมกับเมทร่วมห้อง ขณะนั้นเมทคน ที่ 2 กินข้าวแล้ว เลยนอนอยู่ในหอ ส่วนเมทคนที่ 3 อีกคนจะออกไปกินข้าวที่หลัง พอเมทคนที่ 1 กินข้าวเสร็จ เธอก็กลับมาอาบน้ํา แล้วนั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม ประมาณ 3 ทุ่ม เมทคนที่ 2 ลงมาข้างล่าง เจอกับเมทคนที่ 3 บอกว่าเธอคนนั้น (เมทคนที่ 1) เพิ่ง โดนรถชนตายที่หน้ามอ เมทคนที่ 2 นึกว่าล้อเล่น เมทคนที่ 3 เลยพาไปดูที่เกิดเหตุ แต่เหตุการณ์ไม่จบเพียงแค่นี้ ปรากฏว่าเมื่อ เมทคนที่ 2 และ 3 กลับขึ้นห้อง เมทคนที่ 1 เธอก็ยังอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม เมทคนที่ 2 และ 3 เลยย้ายไปนอนที่อื่น โดยที่ไม่ได้บอก เธอ แล้วขนของย้ายออกไปเลยในวันรุ่งขึ้น แต่ทุกคนในหอนั้นยังเห็นเธอคนนั้นทํากิจวัตรประจําวันตามปกติ ทุกคนในหอถึงกับจะขนของย้ายออกหมดทั้งปีก (ปีกอื่นก็คงเจอ แต่ไม่บ่อย) ร้อนถึงป้าที่ดูแลหอ ต้องนิมนต์พระมาสวด แล้วเอาสายสิญจน์มาล้อมรอบหอไว้
คืนนั้นทุกคนที่ผ่านหอ7 จะเห็นเด็กผู้หญิงยืนร้องไห้อยู่ตรงระเบียง ในวันรุ่งขึ้น ต้องเอาสายสิญจน์ออก แล้วนิมนต์พระมาสวดใหม่ เพราะคาดว่าคราวที่แล้ว เธอโดนสายสิญจน์ล้อมไว้ เลยออกจากหอไม่ได้
เรื่องที่ 9 : พยาบาลชุดแดง
เรื่องพยาบาลในชุดแดงของคณะแพทย์ฯ ม.ชเล่าว่ามีนักศึกษาชายคนหนึ่งของคณะแพทย์ฯ ทํางานในตึกของฝั่งสวนดอก (ไม่ แน่ใจว่าเป็นโรงพยาบาล หรือตึกแพทย์ คนเล่าไม่ยืนยัน แต่ 2 ตึกนี้ก็ใกล์กัน) เขาคนนี้ก็ทํางานอยู่จนดึก เสร็จจากงานก็เลยว่าจะลง ลิฟต์มา ระหว่างที่รอ เขาก็ได้ยินเสียงเดินมาข้างๆ หันไปมองเห็นพยาบาลคนนึงเดินมา ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะพยาบาลกับแพทย์ ก็ต้องเจอกันบ่อยๆอยู่แล้ว ระหว่างรอลิฟต์นักศึกษาคนนี้ก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ เลยหันไปมองพยาบาลคนนี้ ก็ไม่เห็นมีอะไร ซ้ํา พยาบาลคนนี้ยังยิ้มให้ด้วย สักพักต่อมาเมื่อเข้าไปในลิฟต์ พยาบาลคนนี้ก็ถามว่า " มาทําอะไรดึกๆ อย่างนี้ "เขาเลยตอบว่า " มา ศึกษาเรื่องการผ่าตัดภายใน เพราะว่าจะสอบ” พยาบาลคนนี้เลยบอกว่า " งั้นให้ฉันช่วยนะ" นักศึกษาคนนี้ก็เลยงง และเริ่มสังเกตว่า ที่คอของพยาบาลสาวเริ่มมีเลือดไหลออกมาจากคอเรื่อยๆ เขาตกใจมาก และพยายามที่จะหนีออกมาจากลิฟต์ แต่ลิฟต์เหมือนค้าง หรืออะไรไม่ทราบได้ เลือดยังไหลนองไปทั่วชุดของนางพยาบาลคนนี้ แล้วเธอก็เริ่มสอนนักศึกษาแพทย์คนนี้ ตั้งแต่ลําไส้ ปอด สมอง หัวใจ พร้อมทั้ง ควักส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ออกมา รุ่งขึ้นมีคนพบนักศึกษาชายคนนี้นอนอยู่ที่ประตูลิฟต์ซึ่งเปิดคาอยู่ แล้วเขาก็ เอาแต่พร่ําเพ้ออย่างคนบ้าว่า " พยาบาลชุดแดง พยาบาลชุดแดง"
เรื่องที่10 : ทางเดินคณะวิดวะ
เป็นทางเดินยาว อยู่ตรงข้ามหอ 5 ชาย วันหนึ่ง เมื่อปี 43 วันนั้นฝนตก ประมาณตี 1 กว่า ๆ มีคนสี่คนเข้าไปเล่นผีถ้วยแก้ว มีผีผู้ชาย เข้ามา พอถามว่าชื่ออะไร ก็ไม่ตอบ ถามว่ามาคนเดียวใช่ไม่ใช่ ก็ตอบว่า "ไม่ใช่" จึงถามต่อว่ามากันเท่าไหร่ เค้าก็ตอบว่า "เก้า (ไปเลข 9) " คนเล่นรู้สึกกลัวขึ้นมาจึงเชิญออก แล้วรีบกลับมาที่หอข มีเพื่อนถามว่า " ไปไหนกันมา " ก็บอกว่า " ไปเล่นผีถ้วยแก้วใน คณะวิดวะ" เพื่อนก็ว่า "อ๋อ..ที่ยืนมุงกันเยอะๆ ตรงทางเดินน่ะนะ !" แต่ตอนเล่นนั่งเล่นกัน มีแค่สี่คนเท่านั้นนะ
Post a Comment