นกแสก กับความตาย


      เรื่องราวของนกแสกที่เราเคยได้ยินมาต่างๆนานา ความเชื่อในบางวัฒนธรรมว่า เป็นนกที่ส่งสัญญาณเตือนถึงความตาย เช่น ในความเชื่อของไทย เชื่อว่า หากนกแสกบินข้ามหลังคาบ้านผู้ใดหรือไปเกาะที่หลังคาบ้านใคร หรือส่งเสียงร้องด้วย จะต้องมีบุคคลในที่แห่งนั้นถึงแก่ความตาย จึงทำให้เชื่อกันว่าเป็นนกผีหรือนกปีศาจ

     เราขอนำเสนอเรื่องจาก หนังสือ มูลนิธิเรื่องเล่าชาวเก็บศพ โดยวศิน ทองธารี เล่าถึงเรื่องของนกแสกเรามาติดตามชมกันเลยครับ

     บ่อยครั้งที่ลุงแช่มออกตระเวนหาข่าวโดยไปสิงสถิตอยู่ตามปั้มน้ำมันหลายแห่งริมถนน หลายครั้งที่โรคเก่ากําเริบจนต้องขอความช่วยเหลือจากเด็กปั้ม เนื่องจากโรคลมชักขาดยาพ่นไม่ได้ แต่ก็มีหลายครั้งที่แกลืมยาไว้ที่บ้าน หรือไม่ก็เอายาที่ใกล้หมดติดตัวไป แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่แกจะมาเสียเวลาไปเปล่า ๆ กับงานในหน้าที่ ปั้มบางแห่งไม่ใหญ่โตนัก และยังห่างจากทางแยกทางร่วมซึ่ง ไม่ใช่เป้าหมายของรถกู้ภัยโดยส่วนใหญ่ หลายครั้งแกมาจอดรถที่ปั้ม และประสบเหตุต้องช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้นไปก่อนที่ รถกู้ภัยจะมา ความภูมิใจเล็ก ๆ ที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นในยามทุกข์ เป็นสิ่งที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ชื่มชมแกเป็นอย่างมากเช้าวันหนึ่ง ก่อน ออกจากบ้านตามปกติ แกได้ยินเสียงนกร้องแปลก ๆ บนหลังคาบ้าน พอหันหน้าขึ้นไปมองต้องตกใจ นกแสกตัวเขื่องบินมาจากไหน ไม่รู้มาเกาะหลังคาบ้านพร้อมกับส่งเสียงร้อง

“นกอะไรล่ะต่า?" เด็กนักเรียนสาวลูกสาวบ้านติดกันออกจากบ้านกําลังจะไปโรงเรียน แหงนหน้ามองเหมือนกัน เพราะได้ยินเสียง ร้อยเลยถามตาแช่ม

“นกเค้า บางทีก็เรียกนกแสก"

“มันเข้ามาหลบใต้ชายคาแล้วตา มันดูไหม?"

“ไม่นะ ถ้าไม่ไปยุ่งกับมัน” ตาแช่มตอบไปอย่างนั้น เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาค่อนชีวิตบอกว่า มีเค้าลางแห่งความหายนะ ความสูญเสีย ความตายกําลังจะมาเยือน

     วันนี้ทั้งวันลงแช่มไม่ค่อยสบายใจนัก กู้ภัยเจ้าเก่าแวะมาคุยด้วยพร้อมกับกาแฟร้อน ปาท่องโก๋ของฝาก

“ขอบใจมากหลานชาย วันนี้มาเร็วนะ”

“ใครว่าล่ะตา ผมยังไม่ได้กลับบ้านเลย" “เมื่อคืนฝูงหรือ?"

“มี 2-3 ราย เจ้าเก่าพวกเมาแล้วขับ รถเก๋งไม่ตายก็คางเหลือง รถเครื่องคาที่"

“อืม คนเรานี่ก็แปลก เขายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ จะกินเหล้ามันกินมันนอนที่บ้านไม่ได้หรือไง?"

"มันไม่เท่ไงลุง ต้องออกมาสังสรรค์เมาแล้วเฮฮาพากันมาเจ็บมาตาย รถเครื่องซ้อนกันมา 3 คาที่ 2 อีกหนึ่งไปตายโรงพยาบาล รถ เก๋งนั้นก็เมาสวนทางมากันเลนเลยกวาดรถเครื่องไปหมดแผง อีก 2 คันที่ตามมาไม่รู้เรื่องด้วย เลยหักหลบตกถนนหัวร้างข้างแตกไป ตาม ๆ กัน

     คุย ๆ กันอยู่ เสียงวิทยุขอความช่วยเหลือกู้ภัยก็ดังขึ้น ปลายสาย หัวหน้าวิชัยเรียกลูกชายไปช่วยรถไฟไหม้จอดอยู่ริมถนนบายพาส เสียงวิทยุสนับสนุนดังพร้อมกับเสียงไซเรนดังแทรกมาเป็นระยะ

"รถผมไม่มีถังสารเคมีไปตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไอ้หนุ่มเอาไปดับไฟรถเครื่องเมื่อวานตอนเย็น ยังไม่ได้เบิกมาใหม่ โชคดีนะที่ไฟ ไม่ได้ลามมาติดรถมัน มีอย่างที่ไหน เด็กปั้มกําลังเติมน้ํามันให้เจ้าของรถ ดันงัดยาสูบออกมาจุดไปซะอย่างนั้น พรีบเลยที่นี้"

“โดนไฟลวกไหม?" ลุงแช่มถามอย่างตกใจ

“โชคดีของมันไป ที่กระโดดหลบไปร่วม 3 เมตร ไอ้คนจุดไฟสโดน อยู่โรงพยาบาลตอนนี้

“ความประมาทแท้ ๆ เด็กปั้มวิ่งหนีหมด ขนาดมีถังสารเคมีทุกเสาปั้มนะ แทนที่จะมาช่วย

“อ้าวทําไมทําอย่างนั้น?"

“หัวหน้าไปห้องน้ํา ลูกน้องเด็กปั้มที่เติมน้ํามันก็ต่างชาติทั้งนั้นทําไม่เป็น”

“เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ" ลุงแช่มฟังแล้วถอนหายใจรอบสอง

      มีอุบัติเหตุรถบรรทุกแก๊สมาเทกระจาดพลิกคว่า ขอกําลังเข้าสนับสนุนเคลียร์พื้นที่ ปิดถนน ห้ามรถผ่านเพราะถังแก๊สกระจายเกลื่อน พื้น เป็นวัตถุอันตราย บางครั้งแก๊สกําลังรั่วไหลฟุ้งกระจาย “แย่แล้วลุง ไปด้วยหรือเปล่า ผมต้องไปที่เกิดเหตุแล้ว"

     ลุงแช่มสตาร์ทรถเช่นกัน ไม่นานนักก็มาถึงที่เกิดเหตุด้วยกันทั้ง 2 คัน นักข่าววัยดึกกับหลานชายกู้ภัยวัยฉกรรจ์ กู้ภัยที่ล่วงหน้ามา ก่อนทยอยเก็บถังแก๊สที่กลิ้งตกลงไปยังร่องกลางถนน บางถังปล่อยแก๊สรั่วฟุ้งกระจาย ควันขาว ๆ ออกมาจนเหม็นแสบจมูก บางคน โบกมือบอกเพื่อน ๆ อย่าเข้ามาใกล้ถึงที่กําลังรั่วและตนเองกําลังเก็บกู้ บางตั้งอยู่ใกล้รถที่เกิดเหตุกําลังรั่วควันกระจาย เครื่องยนต์ รถกระบะที่พลิกตะแคงยังติดเครื่องอยู่ ไฟฉุกเฉินยังเปิดทิ้งไว้ กระพริบทั้ง 4 ดวง ส่วนคนขับมีกู้ภัยช่วยพยุงร่างนอนเปลไปที่รถ และ พาวิ่งส่งโรงพยาบาลไปแล้ว กู้ภัยที่อยู่กลางถนนพยายามตะโกนบอกใครก็ได้ ให้ไปช่วยดับเครื่องยนต์ที่ติดทิ้งไว้ให้ที เพราะว่ามัน อันตรายมาก อาจเกิดประกายไฟ และระเบิดได้ในพริบตา

      ความสับสนอลหม่านของรถที่วิ่งมาติดออกันแน่นในที่เกิดเหตุ ดูๆ ไปก็เหมือนเหตุการณ์ในอดีตที่รถแก๊สระเบิด “เสี้ยวววววววว บริ่มมมมมมมม" แล้วเหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่มีใครอยากให้เกิดก็เกิดขึ้นในพริบตา ความร้อนบวกกับเปลวไฟจากท่อไอเสีย จุดระเบิด ถังแก๊สที่รั่ว ไฟลามโลมเลียไปจุดระเบิดรถทั้งคันที่มีถังแก๊สเหลือตกค้างอยู่ที่ท้ายกระบะ ซึ่งถูกมัดเอาไว้ 5 ถัง กับถังที่เหลืออีก 34 ถัง ใกล์ ๆ รถที่ตะแคง เปลวไฟขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ร้อนแรงปานขุมนรก ไหลมารวมกันแล้วกระจายไปสู่แก๊สที่รั่วอยู่บนพื้น ถนน โชคดีที่มีแรงลมมาช่วยและไม่ได้อยู่ในสถานที่ปิด แต่อยู่กลางแจ้ง เปลวไฟจึงกระจายแล้วพุ่งขึ้นสู่ความสูงระดับอก เป็นลูกไฟ ขนาดใหญ่แล้วสลายลงสู่พื้นแผ่ไปทั่วพื้นถนนดุจขุมนรก

      แรงลมพัดมาอย่างแรงเหมือนแรงกระโชกปลุกให้ลุงแช่มรู้ตัว แกเหลือบตามองไปเห็นพยาบาลกําลังเปิดหน้าต่าง แสงสว่างจาก ภายนอกปลุกให้ลุงแช่มตื่นจากภวังค์ รู้สึกชาไปหมดทั้งร่างกาย "คนไข้รู้สึกตัวแล้ว เดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจนะคะ สบายใจได้ค่ะ คุณลุง" ลุงแช่มมองร่างกายตนเองที่พันผ้าไว้เกือบทั้งตัว จะเอ่ยปากถามพยาบาลก็ยากเต็มที่เพราะว่ามันหนักอึ้งไปหมดทั้งปาก แขน ขา หรือแม้แต่จะขยับเขยื้อนร่างกาย จะสบายได้อย่างไรอย่างกับหนอนในดักแด้อย่างนี้

     “คุณลุงต้องสู้ๆ นะคะ" เพื่อนบ้านมาเยี่ยมพร้อมทั้งเด็กนักเรียนสาวคนนั้น คนที่กําลังจะไปเรียนแล้วมายืนมองนกแสกร้องอยู่ที่ หลังคาบ้าน ใช่แล้ว มันเป็นลางร้ายของนกตัวเขื่องที่ลงมาเกาะหลังคาบ้านแก นกแสกมาร้องที่หลังคาบ้าน ลุงแช่มนึกขึ้นมาได้ใน ทันทีถึงความโชคร้ายของแก นี่ถ้ามันไม่มาเกาะที่บ้านแกคงไม่ช่วย โชคดีที่ไม่ถึงตาย หลังจากนั้นอีก 3 เดือนต่อมา อาการแกก็ดี ขึ้น แกเพิ่งรู้จากพยานและคนมาเยี่ยมว่า..กู้ภัยวัยหลานชายที่ขี่รถนําหน้าแกมาเมื่อครั้งนั้น ได้เสียชีวิตไปแล้ว....

ที่มา: หนังสือ มูลนิธิเรื่องเล่าชาวเก็บศพ โดยวศิน ทองธารี

ไม่มีความคิดเห็น