เทศการรับน้องสยอง


      การรับน้องเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมสัมพันอันดี ระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องที่ทำกันสืบต่อกันมาช้านาน แต่บางครั้งก็ทำเกินกว่าเหตุจนจ้องเกิดการศูนย์เสีย และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องหลอนๆ

    เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนผมอยู่ปี 2 ครับ พวกผมต้องจัดกิจกรรมรับน้องห้องให้น้องปี 1 น่ะครับ วิศวะที่ม.ผมจะแบ่งเป็น 10 ห้อง ครับ ผมอยู่ห้อง 1

      ตอนนั้นตื่นเต้นมากครับได้มีรุ่นน้อง ตัวผมเป็นกลุ่มแกนนำคนทำงานครับ(รองหัวหน้าห้อง) ได้นัดกันเดินทางไปก่อน สถานที่คือ รีสอร์ทแห่งหนึงริมทะเลแถวระยองครับ ตอนนั้นยังไม่เจริญแบบเดี๋ยวนี้ ป่าไม้รกคลึ้มมากครับ รีสอร์ทนี้จะมีบ้านเรียงรายแบบขึ้นเนินครับ ชันมาก เมาๆนี่นอนหาดเถอะ
 
        ห้องพักจะเรียงราย 2 ข้างทางเดินแล้วก็มีอีกส่วนด้านหลังยกสูงติดผาต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกครับ ตามประสาคนไปก่อนครับก็ไปเตรียมงานรอน้องมาในวันรุ่งขึ้นเคลียร์พื้นที่ที่จะใช้ทำกิจกรรมเรียบร้อยแล้วกะมานั่งย่างอาหารดื่มเหล้ากันครับ ในกลุ่มที่ไปก่อนมี7-8 คน จำไม่ได้ล่ะ ญ 2 คน โดยเราเอาบ้านหลังติดผาตรงกลางที่มองเห็นโดยรอบเป็นห้องอำนวยการใครจะผ่านไปที่พักด้านบนก็ต้องผ่านบ้านหลังนี้จะได้สอดส่องอีกทางนึง

        เรื่องมีอยุ่ว่าตอนนั่งกินกัน ก็ดึกแล้วครับจะเที่ยงคืนล่ะ อยู่ดีๆเพื่อนผมคนนึงชื่อ อ (อักษรตัวหน้าแทนนะครับจะสมมุติขึ้นก็กลัวจะหลง) มันนั่งนิ่งตัวเเข็งจ้องไปข้างหลัง พี่ ต แกซิ่วมาหลายปีเลยเรียกพี่ครับ พี่ ต ก็ถาม ไอ้ อ เป็นอะไร มันบอก เต็มๆเลยพี่ มายืนมองเรากันซักพักแล้วเป็นเงาดำๆ

         พวกผมกะเริ่มกลัวแล้วครับมายังไม่ถึง 12 ชม. เลยเอาซะแล้ว พี่ ต แกก็หวั่นๆถาม บอกมาตรงๆเจอตรงไหน ไอ้ อ มันบอก เจออยู่หลังพี่อ่ะตอนนี้ก็ยังอยู่ เท่านั้นล่ะครับวงแตกไม่กินมันล่ะหมึกลงมานั่งคุยกันด้านล่างเป็นโรงอาหารน่ะครับพอดีพวกพี่ปีแก่เริ่มทยอยมาพอดี(พวกจบไปหลายปีแล้วน่ะครับ) พวกผมกะมานั่งคุยกันมีไอ้ อ เห็นคนเดียวแล้วมันเนิสๆน่ะครับเลยทำใจดีสรุปว่ามันตาฝาดแต่ก็มีแอบหลอนกันอยู่ ด้วยส่วนใหญ่เป็นคนไม่ค่อยจะกลัวอะไรกันอยู่ในวัยคะนองด้วยแถมเริ่มเมาๆกันล่ะเลยชวนกันกลับไปนั่งกินต่อคนไหนง่วงก็เริ่มนอนในห้องนั้นล่ะครับ ส่วนผมดูแลปีแก่ที่บ้านพักด้านล่างไม่ได้ไปด้วย ซักประมาณ ตี2 ก็มีเพื่อนโวยวายกันโหวกเหวกครับ บอกว่าผมหายไป งงสิครับ นั่งเล่นไพ่กะปีแก่อยู่ข้างล่างยังไม่ได้ไปไหนเลย มันก็โวยวายลงมาเจอผมกันครับมากันครบพอถามผมผมบอก เป็นไรกัน มันด่าผมกันใหญ่เลยครับ ลงมาเมื่อไหร่ทำมัยไม่บอก แล้วลงมาทางไหนพวกกูถึงไม่เห็นอารมณ์เมาๆผมบอกเป็นเห้ไรกันกูลงมาตั้งกะตอนนั้นที่ไอ้ อ เจอแล้วกะอยู่กะพี่ๆยังไม่ได้ไปไหนเลย ถามพี่ๆดูสิ

         พอพี่ๆบอกจริงพวกมันหน้าเหลือ 2 นิ้วครับ มันบอกตอนนั่งกินกันเห็นขอเดินผ่านเข้าไปนอน(ลืมบอกไปตรงที่นั่งกินเป็นจุดเหมือนนอกชานน่ะครับถ้าใครจะเข้าห้องต้องขอเดินผ่ากลางวงเลยครับ) ก็นึกว่าเมาโดนปีแก่มอมเหล้า ก็กินกันซักพักจะเข้านอนบ้างเข้าไปหาไม่เห็นไม่มีใครเดินออกมาเลยตกใจเดินหามาถึงเนี่ยแหละขึ้นไปแล้วแอบลงมาหลอกพวกกูไช่มั้ย ผมนี่กะลังเมาเลยครับ หลอกเห้ไร จะคลานไปยังไม่ไหวเลย ขึ้นเนินชันมากครับลำบากสำหรับคนเมา(บางคนถ้าเคนไปอาจจะเดาได้ว่าที่ไหน) ตอนนั้นทุกคนกลัวกันมากครับคิดว่าโดนอีกรอบแล้วแน่ๆส่วนผมตอนนั้นยอมรับว่าเมาพอลำดับเรื่องได้ก็เริ่มกลัวครับแล้วพี่พีก็สอบถามรายละเอียดกันนานเลยครับสรุปลงมากินเหล้ากันข้างล่างโดนปีแก่มอมกันตามระเบียบ

         จบคืนแรกไปแบบหลอนกันนิดๆ ครับยังไม่ถึงคืนหลอนนะครับ เป็นคืนที่เราจะวัดใจน้องให้ท้าผีน่ะครับ ช่างเป็นคืนที่น่าจดจำมาก

        การรับน้องวันแรกเป็นไปด้วยดีครับ เราไม่ให้น้องๆดื่มเพราะมีกิจกรรมยามดีกด้วย เป็นกิจกรรม ช็อคครับ เป็นธรรมเนียมต้องมีทุกปี โดยกลางวันพี่ปี 2 ที่จัด จะต้องไปเตรียมสถานที่ต่างๆเพื่อเป็นฐานวัดใจน้องๆครับ เราก็ไปสำรวจพื้นที่รอบๆหาดครับพอไปดูเท่านั้นทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยครับ กูว่ามีแน่ๆ เราก็จัดเตรียมพื้นที่เพื่อให้น้องเดนเป็นวงกลมครับจะได้ไม่สวนกัน

         ฐานแรกครับ ต้นไทรริมน้ำ เป็นต้นไทรขนาดใหญ่ที่ทอดลำต้นลงไปที่หาดครับมีรากระโยงระยางลงถึงทรายครับ ถ้าไปตอนนี้ไม่อยู่แล้วครับโดนโค่นเป็นรีสอร์ทแทนหมดแล้ว โดยฐานนี้เราจะให้น้องใช้กล้องโพรารอยด์ถ่ายรูปรอบต้นไทรครับ ไม่มีไรมากกลัวหลอน ลืมบอกไปแถวนั้นมีบ้านร้างอยู่ข้างต้นไทรด้วยนะครับถามชาวบ้านก็พอมีประวัติแต่ไม่ได้เชื่ออะไร เพราะคิดว่าริมหาดคงไม่มี

        ฐานที่สอง เดินลัดป่ามาจากฐานแรกครับ ลืมบอกไปจุดที่เราทำเป็นป่านะครับตอนนั้นมีต้นไม้ขนาดใหญ่เยอะมากมองลอดขึ้นไปแทบไม่เจอดวงอาทิตย์ครับ ก็รกใช้ได้เลย เดินมาจากฐานแรกสัก200 เมตร ขวามือจะมีทางขึ้นเป็นปูนครับเป็นหอระฆังเก่าครับยังมีระฆังอยู่แต่เลิกใช้แล้ว(เด๋ยวจะรู้ที่มาของระฆังครับ) เลยทางขึ้นนั้นไป 30 เมตรจะบันไดวนขึ้นไปบนเขาครับเราตกลงจะตั้งฐานตรงนี้เพราะเลยไปเป็นทางลาดลงมีศาลเล็กๆครับแบบมีพื้นปูนมีหลังคาขนาด1ตารางเมตร มีดาบไม้ กระถางธูปมีก้านธูปเยอะแยะแล้วก็มีพระเก่าๆ หุ่นตุ๊กตานางรำ พวงมาลัย โอ้จะมาเล่นดันเจอของจริงเข้าให้ แต่เราก็จะให้น้องมาจุดธูปกราบไหว้ตรงนี้ครับ

        ถัดไปเป็นฐาน 3 เดินขึ้นบันไดตรงฐาน 2 นั่นล่ะครับพอขึ้นไปถึงด้านบนก็รู้สาเหตุของความวังเวงครับ วัดป่าบนเขาครับ ใช่ครับวัดจริงๆ แต่อยู่ในป่าริมหาด งง พักนึงกะเดินไปหาพระท่านครับ บอกหลวงพี่จะมาทำฐานรับน้องขอใช้พื้นที่บริเวณนี้ได้มั้ยครับ ท่านก็ถามใช้ตอนไหน ผมบอกดึกๆครับหลวงพี่ท่านบอกเอาเลยตามใจแต่ระวังหน่อยนะบอกกล่าวให้ดีบนนี้กลางคืนไม่มีใครอยู่หรอกหลวงพี่แล้วก็พระต้องไปจำวัดที่อื่นทุกคืนจะมาก็ยามเช้าเดินบิณฑบาติ แล้วมารอฉันเพลที่นี่ อย่าเอะอะกันล่ะ ผมก็ขอบคุณท่าน แล้วมาสังเกตุด้านบนดีๆ ถ้าเดินขึ้นบันไดมาสิ่งแรกที่เจอ ศาลพระภูมิ ตัววัดอยู่ด้านขวา ด้านซ้ายเป็นผา แล้วก็หาด ต่อนะครับ ถัดจากศาลไปด้านซ้ายมือ(ไปทางหน้าผาเราหันหน้าเข้าศาล) เจ้าแม่กวนอิม ถัดไปเป็น ครุฑยุดนาค แล้วก็มีต้นไม้ใหญ่มีโพรงในโพรงมีกุมาร ถัดไปเป็นบันไดลงไปแหลม... แล้วก็ชิงช้าริมหน้าผา 1 ตัว พอมองรอบมองหน้ากันเอิ่มไม่ใช่ล่ะท้าผีนะเฮ้ย (รับน้องเราต้องสร้างเรื่องขึ้นมาเรื่องจริงไม่เอา) ก็เลยลงบันไดไปอีกฝั่ง...ที่แหลม เอาตรงนั้นแทนให้น้องมองลอดหว่างขาไปที่ทะเล

        ฐานสุดท้ายเดินข้างวัดไปทางด้านหลัง จะมีลานกว้างแล้วมีห้องนำ้วัดหลังห้องน้ำเป็นป่าไผ่ทึบครับ ฐานนี้เราจะให้น้องเรียกผีกินข้าวครับแล้วก็จะให้น้องลัดป่ากลับที่พักได้เลย

       อ่านมานานไหนผี ผมต้องเกริ่นให้เห็นภาพครับเดี๋ยวจะงงเหมือนกระทู้อื่นๆ เอาละเอียดไปเลยคนเล่าจะได้ไม่งงด้วย

        พอจบกิจกรรมรอบค่ำพี่ปีแก่จะมาตรวจฐานเพื่อความปลอดภัยจะมีพี่ๆซุ่มตามทางที่น้องเดินตลอด แต่ต้องอยู่ในป่าเงียบๆห้ามให้น้องรู้ ทีนี้ฐาน 3 น้ำขึ้น พี่ปีแก่บอกเอาบนวัดนี่แหละแทน พวกผมก็หาอาสาครับเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนจะพักบ้าง สรุปไม่มีใครนั่งเลยครับเลยต้องกลายเป็น ผม กับพี่ ต ครับ (หนีไม่พ้นตรูซักที)

           พอ 4 ทุ่มน้องๆเริ่มหลับเราก็ปลุกน้องกลุ่มแรกครับให้กลุ่มละ 4 คน พวกผมก็เริ่มเข้าประจำฐาน ฝนเริ่มปรอยๆครับ โดยน้องจะต้องมานั่งให้พี่ปีแก่บิ้วก่อนครับหลอกให้หลอนน่ะครับ พวกผมจะมีฐานละ 5 คน และมีคนซุ่มรายทางมี วอร์ประจำไว้สื่อสาร (ยกเว้นผมมี 2 แถมไม่มีคนซุ่ม) กับแสงโสมฐานละขวด เอาไว้ย้อมใจ ตามทางจะปักธูปให้น้องเดินตามมี 2 คนคอยเปลี่ยน

           ต่อไปจะรวบรัดนะครับเพราะจะหลอนคนละเวลากันเล่าลำบากมาก ไฮไลท์ฐานผมจะเล่าทีเดียว ฐานอื่นผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ครับ เริ่มด้วย ฐานแรก น้องถ่ายรูปติดแสงขาวๆกันหลายทีมครับ ที่หลอนสุดของฐานนี้คงเป็นน้องผู้หญิงคนนึงยืนจ้องต้นไทรที่ให้ไปถ่ายรูปซักพักก็ร้องกรี๊ดแล้ววิ่งลงทะเลไปเลยครับ พี่ๆก็วิ่งตามลากกันกลับมาพอถึงฐานก็ล้มพับไปพื้นขึ้นมาน้องบอกว่ามองต้นไทรจะถ่ายรูป เห็นตาแดงๆจ้องกลับมาแล้วก็ไม่รู้สึกตัวเองอีกเลย ก็เงียบกันไว้เพื่อดำเนินกิจกรรมให้จบ บางคนก็เห็นคนเดินบนบ้านร้างข้างๆแต่ไม่กลัวบอกพี่ซ่อนกันไม่เนียนเลยพวกหนูเห็นกันหมด เพื่อนบอกกลัวมากเพราะไม่มีใครเฉียดบ้านนั้นเลย

          ฐานสอง เป็นที่ที่น่ากลัวสุดนะครับแต่มีเรื่องเกิดขึ้นเรื่องเดียวคือ น้องคนนึงผู้ชายมานั่งที่ฐานแล้วพอให้เดินขึ้นบันไดไแฐาน 3 ก็ยืนตาค้างแล้วออกวิ่งกลับทางเดิมจนพี่ต้องส่งกลับสอบความได้ว่ามองขึ้นไปเห็นคนตัวโตมากอยู่บนนั้นครับ

          ฐาน 4 มีหลอนๆ ก็คือตอนทำพีธีเชิญผีกินข้าว จะมีเสียงเขย่ากอไผ่หลังห้องน้ำบ่อยๆหลักๆก็ไม่มีอะไร

          กลับมาที่ฐานผมครับ ที่ต้องเล่าฐานอื่นให้จบก่อนเพราะไม่ได้อยู่ร่วมครับ รับฟังมาอีกทีนึง ต่อไปนี้เป็นเรื่อที่ผมประสบพบเจอด้วยตนเองกับพี่ ต จากระยะเวลา 4 เศษ ถึงตี 4 ครับ

          แรกเริ่มผมกับพี่ ต เมื่อเดินขึ้นถึงวัดแล้วก็ได้ไปจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนนั้น แล้วก็เลือกแท่นหินเป็นที่นั่งหันหลังให้ บรรไดหันหน้าเข้าหา ศาล มีเทียน 1 เล่มกะเหล้า 1 กลม กาแลม 3 ซอง ยาเส้นอีก 1 ช่วงระหว่างรอน้องปรากฎว่าวอรืผมใช้ไม่ได้ ไฟติดแต่ไม่ได้ยินเสียง
เลยนึกว่าเสีย เลยขอให้คนเดินธูปเอาอันใหม่มาให้ พอได้อันใหม่มาตอนแรกก็ใช้ได้แล้วก็เหมือนเดิมคิดว่าคงเป็นจุดอับเลยไม่สนใจอะไร

         หลอนแรก น้องๆก็ผ่านไปได้ประมาณ 3 กลุ่ม พอกลุ่ม 4 ขึ้นมาก็เินเข้าไปในวัดเลย ผมก็สงสัยเลยร้องเรียก น้อง ไปไหน ทางนี้ น้องก็ตกใจหันกลับมา อ้าวพี่ก็ผมเห็นเพื่อนพี่กวักมือเรียกตั้งแต่ผมขึ้นมาแล้ว เพื่อนน้องที่มาด้วยกันก็ยืนยันเห็นผู้ชายเสื้อขาว กางเกงดำ นอนอยู่พอพ้นบันได้มาก็ลุกขึ้นนั่งแล้วกวักมือเรียก ผมก็อยู่กันแค่ 2 คนบนนี้แล้วตรงที่น้องบอกก็ห่างไป 20 เมตรเอง ผมก็สะกิดกันแล้วครับตอนนั้นก็เที่ยงคืนกว่าล่ะ ผมกลัวน้องกลัวเลยบอกไปอ๋อสงสัยคนนำทางไปฐานต่อไป คงเข้าใจผิดพอน้องทำภารกิจเสร็จ ผมก็ให้พี่ ต ไปส่งน้องที่อีกฐานเพราะเริ่มกังวลแล้วครับ กระดกเหล้าไปครึ่งขวดยังตาใสเลยครับ พอพี่เขาไปผมก็เห็นเงาดำ ตาแดงๆส่ายไปมาหลังศาลพระภูมิครับ ผมพนมมือบอกศาล ผมมาดี ไม่ได้ตั้งใจมารบกวน แล้วพี่ ต ก็กลับมา บอกมีอะไรตากูกลับมาแน่ๆเสียงเหยียบหญ้ากรอบแกรบตลอด

        ผ่านไปอีกกลุ่ม ซักพวกก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านล่าง เฮ้ยๆๆช่วยกูหน่อย ผมลงไปดูครับ ไอ้คนเดินธูปครับชื่อไอ้ ค มันหมดแรงบอกก้าวไม่ออก มันบอกว่าคอนมันปักธูปตอนแรก มีน้องเดินขึ้นไปตีระฆังเก่านั้นมันตามไปลากลงมา น้องบอกมันเห็นมีคนเรียกมันขึ้นไป นึกว่ารุ่นพี่ พอขึ้นไปก็บอกให้ตี แล้วก็หายไปคิดว่าพี่คงแกล้ง มันบอกไม่คิดมากน้องอาจจะเอาคืนเรา มันก็เดินธูปต่อจนถึงเมื่อกี้ มันบอกว่ากูเห็นคนอยู่หลังต้นไม้กลางทางไปตีระฆัง มันคิดว่าน้องคงแหกกฎอีกแล้วจึงเดินไปตามลงมา พอขึ้นไปก็ไม่เห็นมองไปที่ระฆังก็เห็นเด็กนั่งบนระฆังโยกไปมา มันรู้แล้วครับว่าโดนแน่ๆ เลยกระสือกกระสนลุยป่าขึ้นมาหาพวกผม เลยบอกงั้นไม่ต้องเดินแล้วมาคอยส่งเด็กไปฐานให้กู พวกผมจะได้มีเพื่อนเพิ่มครับตอนนั้นไม่คิดว่าเพื่อโกหกแน่ๆปกติมันจะเป็นคนกล้า ตอนนั้นมันนั่งนิ่งเงียบสั่นไปหมดเลยครับ

         สุดท้ายมันก็ไม่ไหวเลยให้ตามน้องกลับที่พักไปเลย ตอนนั้นผมเริ่มใจไม่ดีแล้วครับเหมือนหลุดไปอีกโลกนึง ในป่าที่มีแค่พวกเรากลับเหมือนมีบางอย่างคอยออกมาแล้วผมก็เหลือบไปเห็นตาแดงๆอีกครั้งครับ ผมก็ชี้ ให้พี่ ต ดู แกดูแล้วยกขวดซดเลยครับ ตอนนั้นผมเริ่มขาดสติครับ ตะโกนออกไป จะมาก็มาอยู่ตรงนั้นแหละอย่าแวปไปแวปมากูกลัว เท่านั้นล่ะครับ หมาเริ่มหอน รับกันมาจนถึงท้ายวัด ต้นไม้ใหญ่สะบัดโยกไปมา มองไปเห็นเงาดำ ขนาดใหญ่จับกิ่ง มันเอียงไปมา ผมอยู่ไม่ได้แล้วครับวิ่งเข้าวัดนั่งสั่นกอดกันขอโทษเค้า ก็เริ่มสงบลงตอนนั้นบ้ามากถ้าปกติผมเลิกไปแล้ว แต่ยังไปรับน้องมาทำฐานต่อจนถึงตี 3 กว่าน้องกล่มสุดท้ายทำเสร็จผมกะลังจะกลับหมาก็หอนอีก ต้นไม้โยกแบบไม่มีลมตาแดงๆจุดเดิมยังจ้องมองกลับมาตลอด คือ ผมอยู่กับตาแดงๆคู่นั้นที่ขยับไปตรงนู้นบ้างตรงนี้บ้าง กลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไง แต่เขาไม่ได้มาทำร้าย จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ความต้องการนั้น

           ขากลับผมต้องเดินเก็ยธูปกลับครับย้อนกลับทางเดิมพยายามข่มใจให้นิ่งแต่เหมือนมีอะไรตามมาตลอดพอถึงระฆังก็ดังขึ้น ผมกับพี่ ต หันไปมองครับ เด็กครับ ไม่โตมากซัก 8 ขวบ ยืนตีระฆังแบบไม่สนใจใครเหมือนเขาทำแบบนั้นปกติ พวกผมไม่อยู่แล้วครับวิ่งกลับมาเลยคือพออกมาได้แล้วมันรู้สึกแบบว่าหลุดออกมาอีกโลกครับ อยู่ในนั้นเหมือนเวลามันหยุดเดิน อากาศก็แปลกไปหมด เหมือนว่าเราเขาไปในโลกของเขามา ผมไม่นอนแล้วครับนั่งกินเหล้าไม่คุยกะใคร คิดอยู่อย่างเดียว กูเข้าไปในนั้นทำมัย แล้วกูเจออะไร เค้าต้องการอะไร หรือทั้งหมดแค่ฝันไป ผมยังคิดอยู่ถึงทุกวันนี้ครับ

           คือสรุปคืนนั้นเป็นเหมือนฝันของพวกผมเลยครับจะเล่าให้ใครฟังก็กลัวเขาว่าบ้าเลยเก็บเงียบกันไว้แค่ในกลุ่ม คนบ้าอะไรเจอผี 5 ทุ่ม นั่งอยู่จนถึงตี 4

           สุดท้ายก่อนจบ คืนถัดมาไอ้ ค คนเดินธูปจะฆ่าตัวตายครับวิ่งไปต้นไทรพอพวกผมตามไปห้ามก็วิ่งลงทะเลแทน สรุปโดนไป 1 แข้งครับสงบเลย น่าจะเมาเนื้อครับ

           ส่งท้าย อาจจะผิดหวังอ่านตั้งเยอะผีมีนิดเดียวแถมมาไม่ชัด ยอมรับว่าเล่าไม่เก่งครับ ถ่ายทอดจากสิ่งที่ประสบมา เหตุการณ์ต่างๆเราจะเจอเรื่องไม่คาดฝันไม่นานนักแต่เหตุที่ทำให้เกิดต่างหากที่นำไสู่เหตุการณ์นั้น ผมว่าบางทีน้ำก็ทำให้รสชาติของเนื้ออร่อยขึ้นนะครับ


ไม่มีความคิดเห็น