รวมเล่าหลอนๆเครื่องบินและสนามบิน
เราได้รวบรวมเรื่องหลอนๆจากพันทิปเกี่ยวกับการบิน เครื่องบินและสนามบิน ที่ชาวสมาชิกพันทิปได้เล่าต่อๆกันมาหลากหลายเรื่องเราจึงรวบรวมมาให้ติดตามกันไว้ ณ ที่นี้ด้วยความบันเทิงเท่านั้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------
จากสมาชิกพันทิป ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์
เรื่องตำนานสยองขวัญไตรภาคจากฟากฟ้า ข้างบนนี้ จริงๆ ก็ดัดแปลงจากพี่สจ๊วตท่านหนึ่งครับ
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สมัยยังใช้ MSN คุยกัน ดึกๆ ก็เม้าท์มอยกันเรื่องนี้
เรื่องโรงแรมที่ลูกเรือ TG เคยนอนที่เชียงใหม่ เมื่อหลายปีก่อน นั่นก็ไม่ใช่ธรรมดาครับ เรื่องเล่าเยอะมากกกกกกกกกกก
(ปัจจุบัน ลูกเรือ TG นอนที่เดียวกับ PG ก็คือ Kantary Hills ซึ่งไม่มีอะไรแล้ว)
ตอนช่วงสึนามิ ก็ไม่ใช่ธรรมดานะครับ ไฟล์ทจากภูเก็ต นับ Head Count มีเกินด้วย นับยังไงก็เกิน
หรือ ตำนานบนเครื่องบิน แต่ละลำ หูย ....
เล่าเรื่องผีบนเครื่องบินดีกว่า .... มี 1 ลำ ในฝูง 737 ของค่ายแดง (ในอดีต ซึ่งปลดระวางไปหมดแล้ว) ขึ้นชื่อเรื่องนี้มากๆ ลำนั้นจำได้ว่าโดนปลดออกเป็นลำแรกๆ เลย ในยุคที่ A320 กำลังมา
แต่เอา ลำที่ใกล้ตัวดีกว่า .... ลำ ที่เคยทำสติกเกอร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวร หล่ะครับ !!
เคยมีคนเล่าให้ฟังว่า .... ตอนสมัยทำสติกเกอร์ใหม่ๆ (เมื่อปี 2549)
มีเจ้าหน้าที่ไปเปิดเครื่องตอนเช้าก่อนบินไฟล์ทแรกของวัน
พบรอยคราบดินเป็นทางยาวตลาดทางเดิน ทั้งๆ ที่เมื่อคืน หลังบินเสร็จ คลีนเนอร์ก็ทำความสะอาดหมดแล้ว
เอ๊ะ และดินทั้งหลาย จำนวนมาก มาจากไหนกัน ???
ปล. ส่วนที่เจอแบบตัวเต็มๆ ผมไม่เคยได้ยินนะ ไม่โหดขนาดนั้น !!
---------------------------------------------------------------------------------------------------
จากสมาชิกพันทิป at_thajak
ขอเล่าบ้างครับ รู้สึกเหมือนจะเคยเจอเหมือนกัน
วันนั้นน่าจะเป็นช่วงหน้าหนาว เพราะตอน๖โมงเช้าที่ดอนเมืองท้องฟ้ายังมืดอยู่
เราถูก assign ให้ไปบอร์ดผู้โดยสารที่เกท 12 กับพี่ซีเนียร์อีกคน
เกทนั้นเป็นเกทที่อยู่ปลายสุดของ Pier 1
วันนั้น ได้ทำไฟล์ทไปบาหลี บอร์ดผู้โดยสารขึ้นเครื่องเสร็จ น่าจะราวๆตี5:50กว่าๆละ
บอร์ดเสร็จ เก็บอุปกรณ์เสร็จ เหมือนจะท้องเสีย เลยบอกพี่ที่ไปบอร์ดไฟล์ทด้วยกันให้ไปรอที่ Pier 2 เลย
เดี่ยวเราขอแวะไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างๆเกทก่อน
อึเสร็จ กำลังยืนล้างมืออยู่ตรงอ่างล้างหน้า ได้ยินเสียงคนกดชักโครกและเสียงคนม้วนกระดาษทิชชู่ในห้องน้ำ
เราก็มั่นใจนะ ว่าตอนนั้นอยู่ในห้องน้ำคนเดียว ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก เดินไปเปิดประตูห้องน้ำทุกบาน ก็ไม่เจอใคร
เดินออกมาข้างนอก อดสงสัยไม่ได้ เลยเดินเข้าไปส่องในห้องน้ำหญิงด้วย เปิดประตูดูด้วยนะ แต่ก็ไม่เจอใคร
ตอนนั้นไม่น่าจะมีผู้โดยสารเเล้ว แม่บ้านก็ไม่มี พอเริ่มคิดได้ ก็กลัว รีบวิ่งจากเกท12 มาที่ pier2 อย่างเร็ว
เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า แถวๆ Pier 1 มีอะไรเล้นลับหรือเปล่า
เพราะเราเองก็พิสูจน์อะไรไม่ได้ แต่ก็ทำให้เรากลัวตลอด ทุกครั้งที่ไปบอร์ดหรือว่าไปรับเครื่องคนเดียวตอนดึกๆ
---------------------------------------------------------------------------------------------------
จากสมาชิกพันทิป Misrandear
ผมเป็นนักศึกษาครับ เคยเข้าไปช่วยงานอาจารย์ทำข้อมูลสำรวจปรับระดับรันเวย์ทั้งหมด ทำงานตอนกลางคืน (เพราะเครื่องขึ้น-ลงน้อย) ต้องใช้บัตรไรเยอะแยะ เรื่องราวเยอะมากครับบบ เพราะมันมืดดดด มากกก
ประมาณสองสามวันแรกนี่แหละ ทำงานกัน ฝนตกหนักครับ เพื่อนผมคนนึงรับหน้าที่ขับรถคอยส่งอุปกรณ์แต่ละจุดกล้องสำรวจไรงี้
ขับรถเข้ามาจะมาหากลุ่มเพื่อน (ใส่เสื้อสะท้อนแสง) ก็เห็นกัน 4 คนครับ ปรากฎพอเข้ามา เพิ่งรู้จริงๆ กลุ่มนั้นมีกัน 3 คน ... -*- อีกคน..ใครไม่รุ้
หรือถ้าใครเรียนวิศวกรรมโยธา หรือสำรวจจะรู้จักกล้อง Total station ตอนนั้นส่องไปที่ Staff ทำงานตอนกลางคืนก็ต้องใช้ไฟฉายชี้เข้า Staff ให้เห็นตัวเลขใช่ปะ ปรากฎพอส่องกล้องไป มีเงายืนบัง Staff ก็วอไปบอกเพื่อนที่ถือ Staffว่า "เห้ย บอกอีกคนดิ๊อย่ายืนบัง Staff ส่องไม่ได้" เพื่อนวอกลับมา "บังบ้าอะไรกุยืนอยู่คนเดียว.."
แค่นั้นแหละครับ นิ่งกันทั้งก๊วน 5555 บอกเลยว่าโหดจริงๆ ไปทำงานมาสามอาทิตย์ จะเลิกโปรเจคตั้งแต่ 3 วันแรก เหตุเพราะกลัวผี จะเข้าทีไรรู้สึกแย่ๆ ทุกที ><
---------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่
เคยทำงานอยู่ในห้องรับรองแขกวีไอพีของสายการบินนึง วันนั้นทำงานกะดึกคือเลิกงานเที่ยงคืน ห้องรับรองจะมีสองฝั่งคือฝั่ง business class แล้วก็ first class ซึ่งฝั่ง first class นี่ไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการมากเท่าไหร่ วันที่เราทำงานก็เหมือนกัน พวกแม่บ้านก็ไปทำความสะอาดกันปกติ จู่ๆแม่บ้านเดินเข้ามาในครัวหน้าตาตื่นบอก ให้ไปดูที่โต๊ะรับแขก ฝั่ง first สิ เรากับคนอื่นๆก็เดินออกไปดูกัน ปรากฎว่าเป็นรอยเท้าเด็กบนโต๊ะ ลักษณะจะผอมๆยาวนิดนึง ความยาวน่าจะเท่าโทรศัพท์มือถือ แม่บ้านบอกเด็กที่ไหนมาวิ่งเล่นบนโต๊ะ วันนี้ไม่มีผู้โดยสารมานั่งฝั่งนี้เลย ก็จริงอะค่ะ ไม่มีเลยวันนี้ พี่พนักงานอีกคนก็คอนเฟิร์มค่ะว่า ไม่มี พวกเราก็ขนลุกซู่เลย มองไปเจอนักดนตรีไม้แกะสลัก 2 ตัว นะคะ ประดับอยู่ตรงโต๊ะนั้น ขนาดเท้าไล่เลี่ยกัน พวกเราเลยคิดว่าเป็นเค้า แต่เค้าไม่ได้มาให้กละวนะคะ มาให้โชค แม่บ้านถูกหวยกันด้วยค่ะ เพราะโต๊ะที่วางเค้าเอาไว้จะมีเลข ก็เอาเลขไปซื้อกัน ดันถูกอีก
---------------------------------------------------------------------------------------------------
จากสมาชิกพันทิป ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์
เอาที่ผมเคยได้ยินนะ เหตุเกิดเมื่อปี 2544 กับไฟล์ท TG114 กรุงเทพ-เชียงใหม่
หลายๆ ท่านคงจะจำกันได้กับเหตุการณ์เครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 คุณนราธิวาส HS-TDC
เกิดเพลิงลุกไหม้ ระหว่างที่เครื่องจอดคา Gate กันตรงนั้นเลย ก่อนที่จะ Boarding ผู้โดยสารไปเชียงใหม่
ซึ่งไฟล์ทนั้น ก็มีบุคคล VVIP อย่างอดีตนายก ที่ทุกท่านรู้จักกันดี นั่นเอง
ซึ่งเหตุการณ์นั้น ทำให้มีพี่สจ๊วต (ที่อยู่ระหว่างการเตรียมเครื่องก่อน Boarding หนีออกมาไม่ทัน) เสียชีวิต 1 ท่าน
และหลังจากเหตุการณ์นั้น ก็มีผู้พบเจอพี่สจ๊วตอยู่แถว Gate แม้แต่ตอนที่ดอนเมืองปิดปี 49 และกลับมาเปิดอีกครั้งช่วงปี 50 พี่เค้าก็ยังอยู่ จนกระทั่ง 1 สิงหาคม 2554 ย้ายทุกสายการบินมา Terminal 1 (ก่อนน้ำท่วมได้ราว 3 เดือน) ตรงส่วนอาคาร Domestic ก็ปิดไป ไม่ได้ใช้งานอีกแต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรอย่างไรนะครับ เพราะผมไม่เคยเจอเอง แต่เคยได้ยินกราวน์ที่ทำงานไฟล์ทดึกๆ กับ ไฟล์ทเช้ามืด พูดให้ฟัง ไม่ค่อยมีใครกลับไปรับ-ส่งเครื่อง คนเดียวถ้าเป็นเกตนี้ ก็ต้องไปกันหลายๆ คน ประมาณนั้นครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------
สมาชิกหมายเลข 704534
ผีที่ดอนเมืองมีมานานแล้วครับ ช่วงปี 2527 ไปซ่อมเครื่องทำความเย็น ที่อาคาร ผสด.ขาออก
จำไม่ได้ว่าเป็นอาคารอะไร เพราะเปลี่ยนไปเยอะมาก เมื่อก่อนยังไม่มีอาคารจอดรถ แบบนี้ด้วย
กำลังรอเซ็ตระบบน้ำเย็นอยู่ เวลาช่วงตี 3 กว่า มีคนวิ่งมาทางที่พวกผมนั่งหลับนกกันอยู่ วิ่งมา
แล้วถามพวกผมว่า เห็นใครวิ่งมาตรงนี้ใหม พวกผมนั่งบ้างนอนบ้าง ถ้ามีใครวิ่งมา ก็เหยียบหัว
เหยียบแข้งเหยียบขาที่ก่ายกันระเกะระกะ พวกผมพากันงงว่า ถามแบบนี้ มีอะไรไม่ดีแน่ๆ พวก
ที่วิ่งมาแต่งกายช่างการบินไทยทุกคน เราถามสองสามครั้งพวกเขาไม่ตอบ ค่อยๆ เดินหายไป
ทีละคนเหมือนไม่มีเท้าเดิน ลอยไปเรื่อยๆ ผมไม่สังเกตุอะไรนัก ตาจ้องที่หน้าปัดเกจวัดแรงดัน
ไนโตรเจ่น แต่ในหัวคิด อ้าว...แล้วที่วิ่งกันมาไม่มีเสียงวิ่งเลยนี่ เป็นใคร มาทำใมในห้องเครื่อง
เท้าไวเท่าความคิด ผมออกวิ่งตามไปทางที่พวกเขาหายเข้าไป เป็นทางเลี้ยว วิ่งชนประตูโครม
เป็นแผ่นใม้อัด ตีปิดทับประตูที่ชายล่างผุๆ จมูกผมบวมเป่ง งงมากขึ้น นี่มันอะไรกันว่ะ ผี ผี แน่ๆ
ผมไม่เคยกลัวผี เคยท้าเตะท้าต่อยกับผีกลางสุสานวัดดอนมาแล้ว (เมาจัด ห้าวเป้ง) แค่ขนลุก
แต่ก็ต้องอยู่ทำจนเสร็จ จนฟ้าสางพวกผม 5 คนตาโหลเหล แปลกพิกล ไม่มีแรงยืนเลย เหมือน
ไปต่อสู้กับอะไรมาทั้งกองพัน เสื้อผ้าชุดช็อปมอมแมมเลอะเปรอะเปื้อนทุกคน ผมถึงกับเสื้อขาด
เป็นไปไม่ได้ พวกเราไม่ได้ไปมุด ไปปีนป่ายอะไรที่ใหนเลย เจ็ดโมงเช้าหัวหน้าช่างการบินไทย
เดินมาหา ถามว่าเมื่อคืนใครต่อยกันตรงนี้ มีคนเห็นพวกคุณต่อยกับคนสามสี่คน มีเรื่องอะไรกัน
บ้าที่สุด ผมในฐานะหัวหน้าขาสั่นหน้าซีด ลูกน้องคนลพบุรีร่วงหล่น นอนตาปลิ้นน้ำลายฟูมปาก
หัวหน้าฯแกต้อง ว.เรียกพวกช่างฯ ให้มาพาพวกผมออกไปจากตรงนั้น ที่สุดแล้วเป็นพวกผมได้
ตีกับผีช่างการบินไทยที่แทงกันตายตรงนี้ เพราะเหตุทะเลาะเรื่องผู้หญิงที่เป็นแอร์โฮสเตส กลัว
สุดขีด แต่ไม่ถอย ที่แปลกใจ หัวหน้าช่างฯแกบอกว่า เป็นแบบนี้มาปีกว่าแล้ว ผีคงยังไม่ไปใหน
ที่พวกผมทำท่าทางเตะต่อยนั่นนี่นั่นแหละ พวกเรากำลังเคลิ้มไม่รู้ตัว เป็นครั้งแรกที่ผมเจอผีจังๆ
ยังมีอีกหลายครั้ง ที่พวกเราเจอผีในห้องเครื่อง ที่โรงงานปลากระป๋องสมุทรสาครปี 2528 ก็เจอ
เอาน้ำอัดลมมาให้กินทั้งคืน มาทีไรยิ้มหวานมาก่อนเลย มารู้ตอนเช้าว่าเป็นอดีตแม่บ้านออฟฟิต
ชอบดูแลช่างผู้ชายหล่อๆ เคยมีคนจูงมือเข้าไปในซอกเพื่อ... ช่างที่ทำแบบนั้นป่วยงอมตาโหล
อ้อ โรงงานปลากระป๋องเสี่ยคนดัง ที่ไปยิงตัวตายที่อเมริกานั่นแหละ แกลงทุนมากก็เครียดมาก
---------------------------------------------------------------------------------------------------
สมาชิกพันทิปหมายเลข 2464512
เที่ยวบินสุดท้าย TG 311
เป็นกระทู้แรกที่ผมเขียนนะครับ
หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องผีมามากมาย ผมก็เป็นคนนึงที่เคยฟังเรื่องผีมาไม่น้อยเลยทีเดียว ( เพราะชอบฟังรายการ The Shock ,, The Ghost )
และมีเรื่องนึงที่ผมจำได้ดี เลยอยากจะหยิบมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟังกัน หลายคนอาจเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว
เรื่องมันมีอยู่ว่า..
ในเวลาเที่ยงวันของวันที่ 31 กรกฎาคม 2535 ( นานมาแล้ววว )
เครื่องบินของการบินไทย เที่ยวบิน กรุงเทพ – กาฎมัณฑุ TG 311 เครื่องบินแอร์บัส A310 รหัส HS-TID
ได้เตรียมลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน กรุงกาฎมัณฑุ ประเทศเนปาล
ท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้ายจากลมมรสุมที่พัดกระหน่ำ...
เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินที่มีแต่ขาไป แต่ไม่มีขากลับ...
เนื่องจากเครื่องบินประสบอุบัติเหตุ...บินชนภูเขา
ชีวิตของผู้โดยสารและลูกเรือทั้งลำทั้งหมด 113 ชีวิตต้องดับสูญ เป็นลูกเรือ 14 คน และผู้โดยสาร 99 คน
หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไฟล์ทต่อมาก็มาลงตามปกติ พร้อมลูกเรือ
ก่อนบอร์ด ผู้โดยสารและ ลูกเรือทุกคนก็มาสวดมนต์กัน ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตได้ไปสู่สุคติ
ขณะเตรียมบอร์ด ลูกเรือคนนึง เห็นแอร์ใส่ชุดไทยขาดรุ่งริ่ง ยืนอยู่ด้านนอก ตรงงวง ( ทางเชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารกับเครื่องบิน ) พอหันกลับไปอีกที ก็ไม่เห็นแล้ว
เลยคิดว่าตัวเองตาฝาด แต่ก็รู้สึกกลัวๆ อยู่ เลยให้ เพอเซอร์ ( หัวหน้าลูกเรือ ) มาช่วยยืนบอร์ด พอบอร์ดเสร็จ ก็ส่งเอกสารอะไรเรียบร้อย เพอเซอร์กับแอร์กำลังช่วยกันปิดประตู ก็เห็นลูกเรือกลุ่มนั้นที่เสียชีวิตกำลังวิ่งมาที่ประตูเครื่องแบบร้องขออยากไปด้วย ด้วยความกลัว ทั้งสองคนก็รีบปิดประตูเครื่อง และมองลอดออกไป เห็นลูกเรือยืนร้องไห้กันอยู่ สภาพแต่ละคนดูไม่ได้เลย ( น่าสงสารมาก )
เพอเซอร์เลยยกมือไหว้ ขอขมา สวดขอให้วิญญาณ กลับบ้านด้วยกัน แล้วไปสู่สุคติ '' เพอเซอร์เขาบอกว่า ดูเขาอยากกลับบ้านกัน เลยเชิญกลับบ้าน ''
จากนั้นพอสวดเสร็จก็ไม่เห็นอะไร และรวบรวมสติเปิดประตูเครื่องทิ้งไว้สักพัก และเครื่องก็บินกลับประเทศไทย
ทั้งสองคนที่เห็นก็คุยกันว่าอย่าบอกเรื่องนี้ให้ลูกเรือท่านอื่นหรือผู้โดยสาร เดี๋ยวจะทำให้กลัวกันไปหมด
ขณะเสิร์ฟอาหารให้ผู้โดยสาร มีผู้โดยสารทักขึ้นมาว่า '' ทำไมวันนี้ลูกเรือเยอะจังเลย บริการดีมาก แอร์ที่ใส่ชุดเขียวสวยจัง ฝากชมด้วย ''
แต่วันนั้นไม่มีใครใส่ชุดเขียวเลย เพราะทุกคนไว้อาลัยกันหมด จะไม่มีใครใส่สีสดกันเลย เลยทำให้ลูกเรือทุกคนกลัวกันใหญ่ แต่ก็ไม่ได้บอกให้ผู้โดยสารรู้
พอถึงกรุงเทพฯ หน้าเกท ก็มีพระ มีขบวนคน และญาติ มารออัญเชิญวิญญาณ กันมากมาย
หลังจากเครื่องจอดเรียบร้อย กัปตันบอกว่า ตอนเข้าเกทแล้ว ได้ยินเสียง มากระซิบข้างหูว่า “ ขอบคุณมากครับกัปตัน ” ( ฟังแล้วขนลุกแทนกัปตันเลย )
และทุกคนก็ถึงที่หมายโดนสวัสดิภาพ
เรื่องก็มีอยู่ประมาณนี้....
ถึงเรื่องจะผ่านมา 20 กว่าปีแล้ว เรื่องนี้ก็ยังสร้างความกลัวแหละความหลอน ให้กับลูกเรือที่ได้ฟังอยู่ ก็เป็นได้...
---------------------------------------------------------------------------------------------------
สมาชิกพันทิป liwan (winglet)
ขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนเครื่องไม่นานมานี้เรื่องมีอยู่ว่าครั้งหนึ่งนั่งเครื่อง สายการบินANAจากDCกลับบ้านที่กรุงเทพ ช่วงจาก DC ไป NARITA นานเป็นสิบชั่วโมง เลยแก้เบื่อด้วยการนั่งสวดมนต์ทำสมาธิ
เมื่อจะออกจากสมาธิได้แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลและกล่าวไห้กับผู้ที่เสียชีวิตในอากาศด้วย จากนั้น จนท ได้มาแจกอาหารชุดใหญ่ให้ก่อนจะถึงญี่ปุ่น พอรับประทานอาหารเสร็จ ก็รีบไปเข้าห้องน้ำ มองไปเห็นชายสูงอายุยืนเข้าคิวรออยู่3คน นึกในใจว่าห้องน้ำ คงจะสกปรกแน่ แต่ก็จำเป็นต้องเข้าให้เรียบร้อยก่อนเครื่องลง (ปกติที่เดินทางจะขอจองที่นั่งริมทางเดินแถวที่1หรือที่2ทุกครั้ง)เนื่องจากอยู่ใก้ลห้องน้ำ พอชายคนสุดท้ายเข้าห้องน้ำก็รีบลุกเดินไปต่อคิวทันที พอดีมีแอร์ตัวเล็ก สวย เดินตัตหน้าออกมาจากห้องเตรียมน้ำ หันมายิ้มให้ และเห็นเขาสวมถุงมือด้วย นึกในใจว่าเราโชคดีจริงๆ กำลังกลัวห้องน้ำสกปรก จนท ก็มาทำความสะอาดห้องน้ำพอดี แอร์คนนั้นเดินสวนผู้ชายคนสุดท้ายที่ออกมา
หายไปในห้องน้ำ ดิฉันยืนรอตรงหน้าประตู มีชายมาอีกคนเดินมาที่ห้องน้ำ เขาถามว่าจะเข้าห้องน้ำรึเปล่า ดิฉันตอบรับ เขามองหน้าแต่ยืนคอย มีแอร์อีกคนเดินมาและถามว่าจะเข้าห้องน้ำรึเปล่า ก็ตอบรับ เขาก็ถามซ้ำอีก จึงบอกเขาว่ายังเข้าไม่ได้เพราะ จนท กำลังทำความสะอาดอยู่ แอร์ก็มองหน้า
และยืนมือไปผลักประตูเปิดออก อ้าวในนั้นไม่มีใครอยู่ เขาออกไปเมื่อไร ไม่เห็นเลยก็ยืนมองดูตลอดเวลา พอเข้าไปในห้องน้ำเห็นห้องน้ำดูสกปรก สงสัยว่าแอร์คนนั้นเขาทำความสะอาดยังไง ทำไมยังเลอะเทอะอยู่เลย พอออกจากห้องน้ำมานั่งที่เดิม ก็มานึกดูว่าแอร์คนนั้นเขาออกจากห้องน้ำ ไปตอนไหน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เห็นเขาเพราะที่แคบนิดเดียวเอง เลยมองหาแอร์คนนั้น ก็ไม่เห็น พอดีแอร์อีกคนที่เป็นคนคอยดูแลดิฉัน (ลืมบอกว่าดิฉันต้องใช้รถเข็นนั่งเดินไกลไม่ได้จึงมีคนคอยดูแล)
มาบอกว่าเมื่อเครื่องจอดให้นั่งรอเธอจะมาพาลงทีหลัง จึงได้ถามเธอ ถึงแอร์คนที่ทำความสะอาดห้องน้ำ บรรยายรูปร่างหน้าตา เธอทำตาโต บอกว่าไม่มี แล้วจากไปหลังจากนั้นสังเกตุเห็นแอร์คนอื่นๆที่ผ่านไปมามอง ดิฉันกันทั้งนั้น และตอนลงแอร์ของสายการบินANAเขาจะมายืนส่งผู้โดยสารทั้งหมด
แต่มองหาแอร์คนนั้นไม่มี ไม่น่าเชื่อว่าดิฉันจะเห็นเขาคนเดียว ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงค่ะ
เรื่องสุดท้ายถือเป็นข่าวดังเมื่อหลายปีที่ผ่านมาเลยทีเดียวสำหรับกรณีเครื่องบินของการบินไทย ไถลออกนอกรันเวย์
จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการเผยแพร่คำบอกเล่าของผู้โดยสารในเที่ยวบิน ทีจี 679 ของบริษัทการบินไทย จำกัด มหาชน ที่ประสบเหตุไถลออกนอกรันเวย์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผ่านรายการวิทยุเกี่ยวกับบรรยากาศช่วงที่มีการอพยพผู้โดยสารว่า ไม่มีลูกเรือให้ความช่วยเหลือผู้โดยสาร มีเพียงแอร์โฮสเตสที่แต่งชุดไทยเพียงคนเดียวที่พยายามให้ความช่วยเหลือ ทั้งที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเที่ยวดังกล่าวไม่มีใครสวมชุดไทยนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (12 ก.ย.) นายโชติศักดิ์ อาสภะวิริยะ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนเปิดสนามบิน พนักงานชุดแรกที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่บริเวณศูนย์ดับเพลิงมาร้องเรียนว่าถูกผีหลอกเป็นจำนวนมากทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งยังประสบปัญหาเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทำให้ต้องทำพิธีสร้างศาล รวม 6 แห่ง และให้พนักงานสวดมนต์ทุกวันเสาร์ และมีพิธีทำบุญใหญ่เพื่อเป็นสิริมงคล รวมถึงอุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณของเจ้าที่เจ้าทางต่างๆ ที่อยู่รอบบริเวณสนามบินฯ ซึ่งเป็นความเชื่อที่มีมากันแต่โบราณอีกด้วย
ทั้งนี้ บริเวณทางวิ่งฝั่งตะวันออกด้านใต้ของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเกิดเหตุเครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่เจอเหตุการณ์ประหลาดหลายครั้ง เช่น เห็นผู้หญิงสวมชุดไทยโบราณเดินไปมา หรือมีเสียงดังรบกวนตลอดเวลา
---------------------------------------------------------------------------------------------------
หึ่งบินไทย-สุวรรณภูมิ ขณะแอร์บัสไถลรันเวย์ อดีตผอ.ทอท.ก็ยอมรับ
ฮือฮา ว่อนการบินไทย-สนามบินสุวรรณภูมิ หลังผู้โดยสารการบินไทยเที่ยวบินไถลออกนอกรันเวย์ระบุมีแอร์โฮสเตสแต่งชุดไทย ห่มสไบ เข้าช่วยเหลือผู้โดยสาร ทั้งที่พนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินดังกล่าวยืนยันไม่มีใครแต่งชุดไทย ขณะที่อดีตผู้บริหาร ทอท.ยอมรับมีเรื่องชวนขนหัวลุกจริง พร้อมแฉที่มาของการตั้งศาลเจ้าที่ 6 แห่งรอบสนามบิน ลูกน้องมาร้องเรียนถูกผีหลอกประจำ และช่วงทำพิธีสงฆ์เปิดสนามบิน จู่ๆ “พ่อปู่มิ่ง” มาเข้าร่างพนักงานให้สร้างศาลเพียงตาให้อยู่ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุปั่นป่วน
เรื่องลี้ลับเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินของการบินไทยไถลออกนอกรันเวย์ กำลังเป็นที่โจษขานในโลกออนไลน์ขณะนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ว่า จากกรณีที่มีการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินแอร์บัสเอ 330-300 ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบิน ทีจี 679 เกิดอุบัติเหตุไถลออกจากทางวิ่งเมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง โดยบุคคลซึ่งระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าว นั่งอยู่ตรงกลางด้านซ้ายหมายเลข 42 บี บอกเล่าผ่านรายการวิทยุรายการหนึ่งเกี่ยวกับบรรยากาศช่วงที่มีการอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องอย่างโกลาหล ว่าช่วงเกิดเหตุชุลมุนไม่ปรากฏว่ามีลูกเรือคนใดแสดงความห่วงใยให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารในช่วงที่เกิดเหตุจนช่วงสิ้นสุดเหตุการณ์ เท่าที่สังเกตเห็นมีเพียงแอร์โฮสเตสที่แต่งชุดไทยเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่พยายามให้ความช่วยเหลือผู้โดยสาร ในขณะที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเที่ยวดังกล่าว สวมชุดยูนิฟอร์มสีม่วงในช่วงที่เครื่องบินทำการบินลง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังจากข้อความดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง ได้สร้างความประหลาดใจและชวนขนลุกให้กับพนักงานและเจ้าหน้าที่ของบริษัทการบินไทยเป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงและพนักงานการบินไทยยังจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น โดยเมื่อสอบถามพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินลำดังกล่าว ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าในคืนวันที่เกิดเหตุแอร์โฮสเตสทุกคนใส่ชุดเสื้อแขนสั้นกระโปรงสั้น ไม่มีใครใส่ชุดไทยห่มสไบ และเมื่อรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนเห็นตรงกันว่าหญิงสาวในชุดไทยห่มสไบคนดังกล่าวอาจจะเป็นสิ่งศักดิ์– สิทธิ์ เทพยดา นางฟ้าของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้โดยสารทุกคนให้แคล้วคลาดปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จุดที่เกิดเหตุเครื่องบินการบินไทยไถลออกนอกรันเวย์ เป็นพื้นที่บริเวณรันเวย์ตะวันออกด้านใต้ ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีดับเพลิงและกู้ภัย เป็นอาคารที่รวมที่พักของพนักงานเอาไว้ด้วย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงานและเข้าเวรในช่วงกลางคืนมักเจอเหตุการณ์ประหลาด หรือพบเห็นผู้หญิงสวมชุดไทยโบราณเดินไปมาในบริเวณห้องพัก หรือมีเสียงดังรบกวนตลอดเวลา เป็นต้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายโชติศักดิ์ อาสภะวิริยะ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเนื่องจากได้เข้ามาบริหารงานในช่วงก่อนเปิดสนามบิน ปรากฏว่าพนักงานชุดแรกที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่บริเวณศูนย์ดับเพลิงมาร้องเรียนกับตนว่าถูกผีหลอกเป็นจำนวนมากทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งยังประสบปัญหาเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ครั้งใหญ่มีผู้บาดเจ็บ 30 คน และช่วงนั้นพบว่าถนนทางเข้าสนามบินบริเวณติดกับรันเวย์ตะวันออกก็มีผู้ประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทำให้ตนตัดสินใจทำพิธีสร้างศาล รวม 6 แห่ง และให้พนักงานสวดมนต์ทุกวันเสาร์ และมีพิธีทำบุญใหญ่
นายโชติศักดิ์กล่าวว่า ในพิธีทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2549 ก่อนที่จะเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ ได้นิมนต์พระ 99 รูป สวดพระปริตรและสวดกัมมวาจา 8 ทิศ (ทิศตะวันออก บริเวณอาคารเอเอ็มเอฟ ทิศตะวันออก–เฉียงใต้ บริเวณสถานีกรมอุตุนิยมวิทยา ทิศใต้ บริเวณรันเวย์ตะวันออกและสถานีดับเพลิง ทิศตะวันตก–เฉียงใต้ บริเวณทางต่างระดับถนนกิ่งแก้ว ทิศตะวันตก บริเวณรอบเขื่อน และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ บริเวณรอบเขื่อนด้านบน ทิศเหนือ บริเวณสถานีไฟฟ้าย่อยและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณบัสเทอร์มินอล) รวมถึงเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณของเจ้าที่เจ้าทางต่างๆ ที่อยู่รอบบริเวณสนามบินฯ ซึ่งเป็นความเชื่อที่มีมากันแต่โบราณ
นายโชติศักดิ์กล่าวว่า ระหว่างที่พระกำลังสวดพระพุทธมนต์ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อนายขวัญชัย ทับโต พนักงานตรวจค้นวัตถุระเบิดของบริษัทล็อกซเล่ย์ ที่รับสัมปทานงานตรวจค้นวัตถุระเบิดในสนามบินสุวรรณภูมิ เกิดอาการตัวสั่นเหมือนผีเข้าในช่วงที่ก้มลงกราบพระ ใบหน้าบิดเบี้ยวพร้อมกับร้องห่มร้องไห้ จากนั้นก็นั่งหลังงองุ้มเหมือนคนแก่ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่าเป็น “พ่อปู่ชื่อมิ่ง” และบอกว่าไม่เคยมีใครสนใจเลย ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และขอให้ตั้งศาลเพียงตาให้เพราะไม่มีที่อยู่ จะตั้งจุดใดก็ได้ และยื่นคำขาดว่าถ้าไม่ตั้งศาลให้จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายปั่นป่วนมากกว่านี้ เมื่อพระรูปหนึ่งที่ทำพิธีสวดมนต์อยู่รับปากว่าจะให้เจ้าหน้าที่ตั้งศาล ถวายสิ่งของและอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อปู่มิ่ง ชายคนดังกล่าวก็เป็นลมหมดสติล้มลงคอพับคออ่อนทันที จากนั้นไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ แต่มีอาการที่อ่อนเพลีย
นายโชติศักดิ์ยังยอมรับว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่สิ่งที่ประสบกับตัวเองแสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในฐานะคนไทยต้องยอมรับและเคารพวัฒนธรรมประเพณีความเชื่อของคนไทย เรื่องอย่างนี้ถ้าใครไม่เห็นกับตาคงไม่มีใครเชื่อ เพราะสถานที่ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้เป็นที่ที่มีประวัติศาสตร์ค่อนข้างมาก เท่าที่ทราบมาเคยเป็นสถานที่พักกองทัพของพระเจ้าตากสินมหาราช ดังนั้นในสมัยนั้นมีการตั้งศาลเจ้าที่ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ 6 ศาล คือ 1. ศาลพญาอนันตนาคราช 2. ศาลพญามุจลินท์นาคราช 3. ศาลท่านท้าววิรุปักเขมมหานาคราชเจ้า 4. องค์นาคาธิบดี “ศรีสุทโธ” วิสุทธิเทวา 5. ศาลพระเจ้าตาก และ 6. ศาลพ่อแก่มิ่ง
อดีตผู้บริหาร ทอท.กล่าวด้วยว่า ที่ตั้งสำนักงานเดิมในช่วงที่มีการก่อสร้างสนามบิน เป็นจุดที่พนักงานที่เข้ามาทำงานในขณะนั้นส่วนใหญ่มักพบกับสิ่งแปลก เช่น ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องโหยหวน พบเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยเดินไปมา หรือมีเสียงต่างๆรบกวนสร้างความหวาดกลัวให้กับคนทำงานเป็นอันมาก หรือแม้แต่บริษัทผู้รับเหมาเอกชนที่เข้ามารับงานด้านการถมทรายก็เจอปัญหาเช่นกันคือ ไม่สามารถนำเครื่องมือเข้ามาตั้งในพื้นที่ก่อสร้างได้ เมื่อตั้งก็ทรุดลงไปในพื้นดิน จนมีผู้แนะนำให้ตั้งศาลและบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ผลปรากฏว่าสามารถตั้งเครื่องมือได้ และหลายๆพื้นที่ในช่วงก่อสร้างก่อนทำงานส่วนใหญ่จะต้องมีการบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง เพราะให้ดำเนินการปรากฏว่ามีปัญหาในการทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ และยากต่อการพิสูจน์ แต่ทุกคนก็ไม่ลบหลู่ และเห็นว่าเมื่อทำตามแล้วก็ทำให้งานราบรื่นได้
ทั้งนี้เกี่ยวกับเรื่องเร้นลับหรือเรื่องเหลือเชื่อเกี่ยวกับความแรงหรือความเฮิ้ยนของพื้นที่ตั้งสนามบินสุวรรณภูมิ หรือที่เรียกว่าสนามบินหนองงูเห่า มีความเชื่อกันว่าสาเหตุที่ทำให้การดำเนินโครงการนี้ประสบอุปสรรคปัญหามาโดยตลอด ใช้เวลายาวนานมากเริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2503 แล้วเสร็จเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2549 รวมทั้งสิ้น 46 ปี เพราะเชื่อว่าไม่มีการทำพิธีกรรมในการแจ้งบอกเจ้าที่หรือดวงจิตดวงวิญญาณที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นหนองน้ำเดิม จนกระทั่งในสมัยนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพฯแห่งใหม่ (บทม.)ซึ่งรับผิดชอบงานก่อสร้างสนามบิน ได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการก่อสร้างศาลเทพารักษ์ ตามคำแนะนำของผู้รู้ในเรื่องนี้ เพื่อเป็นแหล่งรวมของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่แห่งนี้
Post a Comment