ซ่อนตาย...ไม่อยากตาย


     ห่างหายไปนานสำหรับเรื่องสยองของคุณ Lady Star 919 จากพันทิป หรือคุณ กิ่งดาว มีผลงานมากมายทุกเรื่องล้วนคุณภาพด้วยศิลปะการสื่อสาร กลับมาครั้งนี้ที่ทุกคนรอคอยเรื่อง "ซ่อนตาย...ไม่อยากตาย" แน่นอนว่าน่าติดตามมาก ขอขอบคุณ คุณ Lady Star 919 หรือคุณ กิ่งดาว สำหรับเรื่องดีๆไว้ ณ ที่ นี้ด้วย

     ผมต้องขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ หรือมีความสามารถในการใช้ภาษาที่สลวยสวยงาม ตรงตามหลักภาษาสักเท่าไหร่ จึงอยากขอเตือนท่านใดที่เข้ามาเปิดอ่านเรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ อาจไม่สนุกเท่าไรนัก ซึ่งผมยอมรับว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

แต่ถึงกระนั้น ความฝันที่อยากเป็นนักเขียน มันยังเบ่งบานอยู่ในหัวใจของผม ผมจึงพยายามอย่างยิ่งยวด เพื่อที่จะรังสรรค์ขีดเขียนเรื่องราวความจริงที่เกิดขึ้นกับผมมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน ผมจะเขียนเล่าไปตามประสาคนที่ไม่มีทักษะด้านงานเขียน หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ใน ณ ที่นี้

และหากท่านใดคาดหวังจะอ่านเรื่องราวชวนฝันอันแสนสุข ภิรมย์หัวใจ ผมอยากให้ท่านปิดกระทู้นี้ทิ้งเสีย แล้วมองหาสิ่งอื่นที่ชวนให้สุขสนุกเบิกบานใจกว่านี้ เพราะเรื่องราวที่ผมจะเขียนเล่าต่อไปนี้ปราศจากสิ่งเหล่านั้น

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน มันเป็นวันโลกแตก วันอภิมหาโคตรเฮงซวยสุด ๆ ในชีวิตผม แฟนคนที่ผมคบมาอย่างยาวนานร่วมห้าปี จู่ ๆ เดินมาบอกเลิกผม ด้วยเหตุผลสุดคลาสสิคดึกดำบรรพ์ หลายชาติหลายสมัยที่ผู้หญิงมักพูดออกมา 'คุณดีเกินไป ฉันไม่คู่ควรกับคุณ เราเลิกกันเถอะค่ะ'

ประโยคสุดดีเลิศที่ผู้หญิงเอื้อนเอ่ยออกมา ทำโลกทั้งใบของผมพังทลายครืน สิ่งก่อสร้างแห่งประติมากรรมความรักอันแสนสวยงาม เมื่อครั้งก่อนเก่า วันที่เราเคยหัวเราะต่อกระซิก นอนกอดก่ายหยอกล้อกันด้วยความสุข วันที่เคยจูงมือ วันที่เราสองเคยประทับรอยจูบอันแสนหวานลงบนริมฝีปาก แก้ม หน้าผากหรือตามลำตัว และวันที่เราร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน แตกสลายย่อยยับ กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง แปรสภาพเป็นเศษซากประติมากรรมความรักอันแสนไร้ค่า จากประโยคสุดคลาสสิคพิลึกพิลั่นที่เธอพูดออกมา

เธอสะบัดบ๊อบ เดินจากไปดื้อ ๆ โดยไม่ฟังเสียงเรียกร้อง อ้อนวอน ร่ำไห้..จากชายคนนี้ผู้ซึ่งเธอเคยเอ่ยปากบอกรัก ผมวิ่งตามมา


'ฉันกำลังขอร้องอ้อนวอเธออย่าไป
ทิ้งตัวลงคุกเข่ากอดขาเธอเอาไว้
พนมสองมือขึ้นกราบกรานเธอโปรดอย่าไป
มันคงไม่มีประโยชน์ถ้าคนมันหมดใจ

แต่ถ้าตัวเธอยังรัก ยังห่วงใย
และถ้าอดีตของเรายังพอมีความหมาย
ได้โปรดอย่าจากฉันไป
ได้โปรดอย่าทำร้ายกันเลย'


เสียงเพลงช้ำรักดังก้องกังวานออกมาจากรถเบนซ์เปิดประทุนสีดำ ใหม่เอี่ยมอ่อง คนขับเป็นผู้ชายใส่สูทสีดำ อากาศร้อนตับแตก แต่มันยังขับรถเปิดประทุนรับลมร้อน แถมใส่ชุดสูทแบบนั้นอีก ไอ้นี้ไม่บ้าก็เพี้ยน รถจอดติดไฟแดงยาวเหยียด ไม่มีใครสนใจมันสักคน รวมทั้งผมด้วย ที่ไม่มีใครหันมามอง เว้นเสียไอ้คนขับรถเบนซ์ที่หันมายิ้มให้ผม

แกจะรู้บ้างไหมเพลงที่แกเปิด มันกรีดแทงทะลุหัวใจชาย ผู้ถูกหญิงคนรักบอกเลิก ให้เจ็บปวดแสนสาหัสซ้ำเติมลงไปอีก

ผมหันไปมองหน้ามัน ส่งสายตาเว้าวอน ร้องขอให้มันปิดเพลงนี้เสียที แต่มันยักคิ้วกวนโอ๊ยมาแทน ในขณะที่เธอผู้เคยอ่อนหวานและอ่อนโยน กลายร่างเป็นมนุษย์ถีบเลือดเย็น ผมกอดขาข้างหนึ่งเธอไว้ ทว่าขาอีกข้างที่เป็นอิสระ ถูกยกขึ้นถีบไหล่ผม โอ้...แม่นางฟ้าของผมจบสิ้นกันที

ทำไมทำกับผมแบบนี้...ผมมันดีตรงไหน..ดีเกินไปตรงไหน ผมแค่เป็นคนพูดน้อย ขยันทำงานเก็บเงินเพื่อที่จะไปสู่ขอเธอ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า หน้าดีพอ ๆ กับ ทอม ครูซ ผมตามใจเธอทุกอย่าง และไม่เคยล่วงเกินเธอไปมากกว่าการจูบหรือกอด อาจมีบางครั้งที่อดใจไม่ไหว เผลอไผลเกินเลยไปบ้าง แต่เสียงร้องห้ามปรามของเธอ ดึงสติผมกลับมา แต่..โอ้ให้ตายเถอะ!! ผมแทบคลั่งที่ต้องหยุดกลางคัน.......

ที่รัก... อย่าจากฉันไปได้ไหมเธอ ได้โปรดเถิดรับฟัง

"ทำไม...ทำกับผมแบบนี้" ผมตะโกนถามด้วยหัวใจร้าวราน น้ำเสียงแหบแห้ง แทบไม่มีเสียง น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้สึกอับอายสายตาไอ้บ้าขับรถเบนซ์ สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว มันควรขับรถตรงไปสิ ไม่ใช่ตีไฟเลี้ยวขับไปจอดริมทางแบบนี้ มันต้องการจะหัวเราะเยาะเย้ยผมแน่ ๆ

เธอหันกลับมา แววตาไร้เยื่อขาดใย ทำผมเย็นสะท้านไปทั้งร่าง รับรู้ได้ทันทีเลยว่า เธอหมดรักผมแล้ว

"คุณไม่เคยอยู่กับฉันในวันที่ฉันต้องการคุณ แต่เป็นเขา ที่อยู่เป็นเพื่อนฉันเสมอ"

เธอมองไปที่เขา...ชายชุดดำที่นั่งอยู่บนรถเบนซ์เปิดประทุน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งเบาะหน้าเคียงคู่กับชายชุดดำ

โอ้...หัวใจผมสลายย่อยยับไม่มีชิ้นดี ผู้ชายดี ๆ ผู้หญิงไม่ต้องการ คนรวยมีเงินสินะ ที่ดึงดูดเธอให้เดินไปหา แล้วทิ้งผมไว้ข้างหลัง

บัดซบ...เฮงซวย...บ้าเอ๊ย!!...

ผมลุกขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง ทำใจดีสู้ความเศร้าเสียใจ เธอคงไม่คู่ควรกับผมจริง ๆ ผมมันแค่ยามต๊อกต๋อย เงินเดือนไม่กี่หมื่น คงจะเลี้ยงดูปูเสื่อเธอไม่เต็มอิ่มเท่าไอ้หมอนั่น

"ไปเลย..อยากไปไหนก็ไปเลย...แค่ผู้หญิงคนเดียว..หาใหม่ได้โว้ย!! "

ผมตะโกนไล่หลังรถเบนซ์ ไม่รู้เธอได้ยินหรือเปล่า เพราะเสียงเพลงที่ดังแว่วมาจากรถคงกลบเสียงผมหมด

คืนนี้ผมตั้งใจจะดื่มให้เมาแบบหัวทิ่ม หัวตำไปเลย คนไม่ดื่มเหล้าดื่มเบียร์อย่างผม จะขอลองดื่มดูสักครั้ง

ผมกลับมาถึงห้องพักพร้อมเบียร์เกือบทุกยี่ห้อที่มีขาย ผมจะดื่มให้ลืมเธอ ลืมผู้หญิงใจร้ายใจดำ ลบเธอออกไปจากความทรงจำให้หมด ความเมาเข้ามาเล่นงานผมในทันที มึนหัว มองดูสิ่งของต่าง ๆ ภายในห้องหมุนเคว้งไปหมด สายตาพร่ามัว จนบางครั้งผมมองเห็นเธอนั่งอยู่ตรงหน้าผม

"ปอย" ผมเรียกชื่อเธอแผ่วเบา ยื่นมือออกไปคว้าตัวเธอ แต่สัมผัสได้เพียงความเย็นเฉียบของอากาศธาตุ

"ปอย..ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน" ผมสะอึกสะอื้นร่ำไห้ ทิ้งตัวลงนอนกอดขวดเบียร์

ช่วงสายวันใหม่ ผมตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ใช้ชีวิตอย่างคนไร้วิญญาณเดินโซซัดโซเซออกจากห้อง เข้าร้านสะดวกซื้อ แล้วซื้อเบียร์เหล้ามาดื่มเหมือนเช่นคืนก่อน ไม่สนใจเสียงโทรศัพท์จากหัวหน้าที่โทร.มาตามให้ไปทำงาน โทรมาบ่อยครั้งดีนัก ผมเลยปิดเครื่องหนี ผมเมานอนเกลือกกลิ้งอยู่ในห้องทั้งคืนทั้งวัน

"เดช..อย่าทำแบบนี้เลย" เสียงของเธอแว่วเข้าหู ผมสะดุ้งลุกพรวดพราดขึ้นนั่ง ตัวเอนไปทางซ้ายทีขวาทีก่อนจะล้มตึงทับกระป๋องเบียร์บนพื้นแล้วหลับไป

เข้าสู่วันที่สาม ผมยังเป็นไอ้ขี้เมา ตื่นขึ้นมาพร้อมกลิ่นเหล้าเบียร์ติดตัว แต่วันนี้ผมยังมีสติพอที่จะเขียน ผมเดินไปเปิดโน้ตบุ๊ก

แล้วลงมือเขียน...ผมกะว่าจะนำมาตั้งกระทู้ในพันทิปให้พวกท่านได้อ่านกัน ผมตามอ่านกระทู้ในพันทิปมาไม่น้อย และคิดว่า ตัวผมเองก็มีเรื่องราวการหักอกมาแชร์ให้คนอื่นได้อ่านเช่นกัน....

ขอคำแนะนำในการทำใจหน่อยครับ...ผมเจ็บปวดเหลือเกิน ผมคิดถึงเธอจนไม่รู้จะต้องทำยังไง แล้ว...หรือว่า การตายจะเป็นทางออกไปสู่อิสรภาพแห่งการไร้ซึ่งความเจ็บปวด ผมกำลังครุ่นคิด...บางทีการพาตัวเองดำดิ่งสู่ความมืดอันเป็นนิรันดร์น่าจะเป็นทางออกที่ดี

ฉันเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กพร้า ฉันไม่เคยรู้ว่าพ่อแม่เป็นใคร และไม่คิดที่จะอยากรู้ด้วย ในเมื่อพวกเขาทิ้งฉันไป เราก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก

ฉันได้รับเงิน เป็นทุนการศึกษาให้เรียนจบปริญญาตรีจากผู้ใจดีท่านหนึ่งที่ไม่ประสงค์จะออกนาม จนเรียนจบและมีงานทำ ฉันได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นห้างขนาดใหญ่ระดับภูมิภาค

ฉันทำงานที่นี่ได้สามเดือน จึงได้มารู้จักกับเดชเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำห้าง เขารูปร่างสูงใหญ่ ตัวโต สมกับเป็นยาม ใบหน้าออกจะซื่อ ๆ ดวงตาเป็นประกายสดใสยิ่งนัก เวลาเขายิ้มโลกดูสดใสขึ้นมาทันที ฉันตกหลุมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ในวันนั้น เขาเดินเข้ามาหาฉัน พร้อมรอยยิ้มสุดน่ารัก

"ให้ช่วยถือไหมครับ"

เขาก้มตัวลงช่วยหอบเอกสารปึกใหญ่ที่ท้ายรถ  แล้วเดินมาส่งฉันที่ห้องทำงาน ฉันรู้สึกประทับใจในความมีน้ำใจของเขา ตั้งแต่นั้นมา เราทั้งสองจึงได้สานต่อความสัมพันธ์ กระทั่งกลายมาเป็นคนรู้ใจของกันและกัน

เพื่อน ๆ ที่ทำงานต่างลงความเห็นว่าฉันกับเขาไม่มีอะไรเหมาะสมกันเลย แล้วพูดถากถางฉันเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าลดตัวลงไปคบกับยามได้ยังไง

ฉันไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น เพราะฉันรักเขา รักในความใสซื่อ รักในความมีน้ำใจ และรักในความเป็นสุภาพบุรุษ บางคนเป็นถึงผู้บริหาร แต่ขาดสิ่งเหล่านี้ มันน่าคบหรือยังไง สำหรับฉันขอโบกมือลา ชายผู้รวยทรัพย์สินแต่ขาดความเป็นสุภาพบุรุษ มันไม่น่าภิรมย์ใจนักหรอกที่จะคบคนแบบนี้เป็นแฟน ฉันเคยเป็นแฟนกับผู้ชายแบบนี้มาแล้ว เขามีความรักให้ฉัน แต่เป็นความรักที่ไม่ให้เกียรติ พอคบไปนาน ๆ ฉันจึงค้นพบว่า นรกอยู่ข้างกายฉันนี่เอง

เดช..ชายหนุ่มผู้ทำให้ฉันมีความสุข และยิ้มได้ทุกวัน เด็กกำพร้าอย่างฉัน ได้รับความรัก ความเอาใจใส่จากเขา จนก่อเกิดเป็นความผูกพันที่แน่นแฟ้น เราสองคนก้าวผ่านคำครหาถึงเรื่องไม่เหมาะมาได้

และตกลงใจจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ฉันรับรู้มาเสมอว่าเขา ขยันตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อจะมาสู่ขอฉัน และฉันเฝ้ารอวันนั้น ไม่รบเร้า แต่รอคอยด้วยความสุข รอคอยด้วยรักที่เต็มอิ่มในหัวใจ

ห้าปีแห่งการเป็นแฟน เดินทางมาถึงทางตัน ไม่ใช่เพราะเขาหมดรัก หรือฉันหมดรัก แต่เพราะโชคชะตาแห่งวงล้อชีวิตได้พรากเราสองคนให้ไกลห่างจากกัน

ในคืนวันฝนตกหนัก ฉันมีงานสัมมนาที่ต่างจังหวัด  และพอเลิกงานตอนสองทุ่ม ฉันเลือกที่จะขับรถกลับมานอนที่บ้าน เพราะตอนเช้าฉันมีนัดกับเขา

เราจะไปฉลองวันครบรอบห้าปีที่คบกัน ด้วยระยะทางระหว่างจังหวัดที่ไม่ไกลมากนัก ขับรถสามสี่ชั่วโมงก็ถึง ฉันจึงบึ่งรถออกมาจากโรงแรมทันทีที่จบการสัมมนา แต่ระหว่างทางฝนเกิดตกหนัก ฉันขับรถด้วยความเร็วปานกลาง ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น แมวสีดำตัวใหญ่ กระโจนกระโดดขึ้นมาบนกระโปรงหน้ารถ ฉันกรีดร้องด้วยความตกใจ แววตาเขียวมรกตของมันจ้องมองฉัน

ฉันหมุนพวงมาลัย ขับรถปาดซ้ายทีขวาที จนเสียการควบคุม รถพุ่งชนเสาไฟฟ้า กระโปรงหน้ารถพังยับเยิน ฉันสลบไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีในช่วงเช้า แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องไปทั่ว

ฉันพยายามตะเกียกตะกายคลานออกมาจากรถ นอนแผ่หลาบนพื้นถนน เพื่อรับเอาไออุ่นจากแสงแดด ฉันหนาวเหลือเกิน หนาวจนตัวสั่น แดดที่อาบทั่วตัวฉัน ไม่ช่วยให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นเลย

ฉันพยายามยันตัวเองลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงประตูรถ และพยายามควานหากระเป๋าถือภายในรถ เพื่อที่จะเอาโทรศัพท์มือถือโทรขอความช่วยเหลือ

แต่ยังไม่ทันจะโทรหาใคร รถเบนซ์เปิดประทุนสีดำแล่นมาจอดตรงหน้าฉัน แล้วชายในชุดสูทสีดำเปิดประตูรถก้าวเดินลงมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน

เขายืนจ้องมองฉันโดยไม่คิดที่จะช่วย ได้แต่ยืนทอดถอนลมหายใจยาว ก่อนจะล้วงมือไปหยิบแผ่นการ์ดสีดำขนาดเท่าฝ่ามือ ออกมาจากกระเป๋ากางเกง

เขาจ้องมองแผ่นการ์ด แล้วพูดขึ้นว่า

"นางสาวนันทการต์ เจริญไกล อายุ 34 ชาตะ 13 ตุลาคม 2528 มรณะ 25 กันยายน 2562 เวลา ห้าทุ่มห้าสิบหกนาที สาเหตุการตาย อุบัติเหตุทางรถยนต์ เอาละ...ลุกขึ้นได้แล้ว ผมมารับคุณไปยมโลก"

"คุณเป็นใคร"  ฉันเอ่ยถามด้วยความตกใจ ทำไมเขารู้ชื่อสกุล รู้วันเกิดของฉัน

"ผมเป็นยมทูต..มารับดวงวิญญาณ คุณตายแล้วครับ เสียใจด้วย หันไปมองดูในรถสิ"

ฉันไม่อยากเชื่อสิ่งที่เขาพูด แต่เมื่อฉันหันเข้าไปมองในรถ จึงได้เห็นตัวเองนั่งอยู่เบาะคนขับ ศีรษะฟุบอยู่ที่พวงมาลัย มีเลือดไหลออกมาจากจมูก ข้อมือหักบิดเบี้ยวผิดรูป

ฉันไม่อยากเชื่อว่าตัวเองตายแล้ว ทำใจยอมรับไม่ได้จริง ๆ แต่จำต้องเดินมาขึ้นรถไปกับชายผู้บอกว่าเป็นยมทูต ทันทีที่รถแล่นออกมาจากจุดเกิดเหตุการณ์ รถพยาบาลและรถตำรวจก็แล่นสวนทางไปยังจุดที่เกิดอุบัติเหตุ

ฉันร้องไห้มาตลอดทาง และร้องขอชายชุดดำให้ช่วยพาฉันไปหาคนรัก เพื่อบอกลาเขา

และยมทูตคงทนฟังเสียงร้องไห้ โหยหวน ไม่ไหวสุดท้ายเขาจึงพาฉันมาหาเขา

ถนนคราคร่ำไปด้วยรถยนต์ บนเส้นทางที่จะไปห้องพักเดช ฉันนั่งมองออกไปนอกรถ น้ำตายังไหลนองหน้า รับไม่ได้กับการตายที่มาเร็วเกินคาดคิด ระหว่างที่ปล่อยให้ความเศร้ากัดกร่อน สายตาพลันเหลือบไปเห็นเขา กำลังเดินกลับห้องพัก ในมือถือกล่องข้าว คงเพิ่งตื่นและเดินออกมาหาซื้อของกิน

ฉันยิ้มอย่างเป็นสุข และตะโกนเรียกชื่อเขา แต่ไม่มีปฏิกิริยาการรับรู้จากเขา

"คุณตายไปแล้วนะ เขาไม่เห็น ไม่ได้ยินที่คุณพูดหรอก"  ยมทูตพูดขึ้น

"คุณช่วยให้เขามองเห็นฉันได้ไหมคะ ได้ไหม ได้โปรดเถิดค่ะ ช่วยให้ฉันได้พูดกับเขาสักครั้ง"

"เฮ้อ!!"  ยมทูตถอนลมหายใจ "มนุษย์นี่วุ่นวายจริงเชียว"

ยมทูตข้างกายถึงแม้จะบ่นอย่างอารมณ์เสีย แต่เขาก็ยอมช่วยฉัน คืนรูปกายหยาบมาให้ฉัน ทำให้กลายมาเป็นคนที่มีชีวิต มีเลือดเนื้ออีกครั้ง

"รีบหน่อยนะ ผมใช้พลังของผมให้คุณมีชีวิตอีกครั้ง แต่มันคงอยู่ได้ไม่นาน สักพักร่างคุณจะเลือนหายไปจากสายตาเขา รีบคุยแล้วรีบกลับมา"

ยมทูตบอกฉันเช่นนั้น ฉันจึงรีบเปิดประตูลงจากรถ ในหัวเตรียมการไว้หมดแล้วว่าจะบอกเลิกเขา ให้เสียใจแค่วันนี้ ดีกว่าเศร้าโศกยาวนานเมื่อรับรู้ว่าฉันได้จากโลกนี้ไปแล้ว

หากเขารู้ว่าฉันตาย ฉันรู้เลยว่าเขาจะไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งนั้น เขาจะเสียใจร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด ทำยังไงดี...ฉันอยากกรีดร้อง ให้กับการตัดสินใจบอกสิ่งที่เลวร้ายกับเขา

วันนี้ฉันจะเป็นนางมารร้าย แสดงละครตบตาให้เขาได้รับรู้ว่าฉันมันร้ายอาจ ใจจืดใจดำ ทำให้เขาผิดหวังในตัวฉันแล้วลืมฉันไปซะ

"เดช.." ฉันเรียกชื่อเขาน้ำเสียงเรียบเฉย เขาเดินยิ้มมาหาฉัน

"อ้าว..มาได้ไงนี่ เรานัดกันช่วงบ่ายนะหรือว่าคิดถึงผม เลยมาก่อนเวลา"

ฉันไม่ตอบคำถาม ยืนนิ่งรวบรวมความกล้า เพื่อที่จะบอกเลิก

"ปอยเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าดูเครียด ๆ นะ"

"เดช..เราเลิกกันเถอะ เดชดีเกินไป ปอยไม่คู่ควรกับเดชเลย"

ฉันนึกประโยคบอกเลิกสุดงี่เง่ามาจากในละคร หรือแม้แต่ในนิยายที่เคยอ่าน มันทำเขาเจ็บปวดจนหลั่งน้ำตา เช่นเดียวกับฉันที่ร้องไห้ในใจ ฉันรีบเดินสะบัดหน้าหนี ไม่อยากเห็นใบหน้าสุดระทมทุกข์แสนสาหัสของเขา

โอ้...ที่รัก ฉันขอโทษ ลืมฉันไปเสียเถิด...หากชาติหน้ามีจริงเราคงได้อยู่เคียงคู่กัน

เขาวิ่งตามมาคุกเข่ากอดขาฉัน และฉันเริ่มรู้สึกว่าร่างตัวเองกำลังเลือนหาย ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบผลักไสเขา ให้ออกไปจากตัวโดยเร็ว ฝ่าเท้าคือทางเลือกสุดท้าย ฉันถีบไหล่เขาสุดแรง  แล้วทิ้งระเบิดลูกใหญ่ใส่เขาอีกลูก ด้วยการแอบอ้างให้ยมทูตเป็นชายคนรักใหม่ของฉัน

ฉันวิ่งกลับมาขึ้นรถ ร้องไห้โฮโดยไม่อับอายยมทูตข้างกาย

"ผมจะให้คุณได้อยู่กับเขาเจ็ดวัน แต่เขาจะมองไม่เห็นคุณ ครบเจ็ดวันแล้วผมจะมารับคุณ"

ยมทูตหันมาพูดกับฉัน แล้วค่อย ๆ ขับรถออกไป ร่างโปร่งใสของฉันหลุดร่วงออกมาจากรถเบนซ์เปิดประทุน รถยนต์ที่แล่นตามมาด้านหลัง วิ่งผ่านร่างฉันไปคันแล้วคันเล่า

ฉันเดินร้องไห้ตามหลังชายคนรัก เห็นเขาซื้อเบียร์ไปหลายขวด

ที่รัก..คุณไม่เคยดื่มเบียร์เลยนะ อย่าทำแบบนี้เลยที่รัก ลืมฉันซะ...ฉันพูดอยู่ข้างหูเขา แต่เขาคงไม่ได้ยิน

สองคืนเต็ม ๆ ที่ฉันเฝ้าดูเขาดื่มเบียร์จนเมามาย หัวทิ่มหัวตำ และฉันรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ ที่บอกเลิกเขา โอ้..ที่รักฉันขอโทษ

ฉันควรบอกความจริงคุณ แต่คุณจะรับได้ไหม เมื่อรู้ว่าฉันได้จากโลกนี้ไปแล้ว ฉันกลัวคุณคิดทำอะไรโง่ ๆ เพื่อที่จะตามฉันมายังดินแดนแห่งโลกคนตาย

"เดช...อย่าทำแบบนี้เลย หยุดเถอนะ"

พูดออกไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ได้ยิน อยากบอกเขาเหลือเกิน ว่าฉันเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน

เข้าสู่วันที่สาม เขายังคงหมกตัวอยู่ในห้อง ไม่ออกไปทำงาน เว้นเสียจะออกมาซื้อเหล้าเบียร์ของกิน แล้วกลับมาเมาต่อที่ห้อง เขาไม่สนใจเสียงโทรศัพท์โทรเข้าที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พอดังบ่อยครั้งเข้า ไม่นานก็เปิดเครื่องหนี

ฉันเฝ้ามองดูเขาทุกวัน คอยดูอยู่ข้าง ๆ บางครั้งเขาละเมอเรียกชื่อฉัน แล้วยื่นมือมาคว้าตัวฉัน...เวลานั้นพลันรู้สึกดีใจที่เขามองเห็นฉัน แต่กลับเป็นเพียงความว่างเปล่าที่เราสัมผัสถึงกันเท่านั้น น้ำตาฉันไหลพราก

วันนี้เป็นวันที่เขาดูมีสติกว่าสองวันแรก น้ำตาที่ไหลมาตลอดสองวันเหือดแห้ง เขาเดินไปเปิดโน้ตบุ๊ก แล้วลงมือพิมพ์อะไรบ้างอย่าง

ฉันเดินมายืนดูอยู่ด้านหลังและอ่านสิ่งที่เขาพิมพ์ โอ้...ที่รัก คุณเจ็บปวดมากใช่ไหม และถ้าสิ่งที่คุณ เขียนออกมา มันช่วยระบายความเจ็บปวดออกไปจากใจคุณได้ ฉันเห็นด้วยที่คุณทำเช่นนี้...

และฉันอยากช่วยบอกคุณเหลือเกินว่า สระอาอยู่ไหน หรือ นั่นไงที่รัก หอหีบ...อย่าโวยวายสิ ค่อย ๆ หา ฉันเชื่อว่าคุณต้องเขียนจบแน่ ๆ

เขาไม่ค่อยเก่งเรื่องการพิมพ์บนแป้นพิมพ์เท่าไหร่ กว่าจะหาสระ พยัญชนะได้แต่ละตัว ต้องใช้วิธีไล่ดูทีละปุ่ม และใช้นิ้วจิ้มเอา

นั่นไงที่รัก..ตอเต่า..โอ๊ย..นั่งดูเขาพิมพ์แล้วฉันเริ่มหงุดหงิด กว่าจะได้แต่ละประโยค ทำเอาฉันลุ้นไปด้วย บางทีฉันเผลอยกมือตีที่ศีรษะเขา เมื่อเขาหาสระอี ที่แทบจะทิ่มตาอยู่แล้วไม่เจอ

และความพยายามของเขา ทำให้เขาเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองออกมาได้เป็นผลสำเร็จ...

เขาก๊อปงานเขียน ไปตั้งกระทู้วางในพันทิป และฉันลุ้นขอให้มีคนเข้ามาให้กำลังใจเขาเยอะ ๆ ด้วยเถิด จะได้ช่วยให้เขาผ่านช่วงเวลาที่โศกเศร้าเสียใจจากการอกหักไปได้ ด้วยกำลังใจเพื่อน ๆ ในโลกเสมือนจริง

เขาลุกขึ้นเดินโซเซมาเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่กำลังก้าวขาข้ามประตูเข้าห้องน้ำ เท้าของเขาเหยียบก้อนสบู่ที่หล่นอยู่บนพื้นตั้งแต่เมื่อคืน ร่างของเขาล้มลง ศีรษะฟาดเข้ากับชักโครก เลือดไหลซึมออกมาเป็นทาง

ฉันร้องลั่น วิ่งเข้าไปดู พยายามตะโกนเรียก ปลุกเขาให้ตื่น ...ฉันจะทำยังไงดี ทำยังไงดี....ฉันต้องช่วยเขาให้ได้ เลือดยังไหลไม่หยุดเลย

"ท่านยมทูตช่วยด้วย" ฉันส่งสัญญาณจิตถึงยมทูต

ไม่นานชายชุดดำ พลันปรากฏกายยืนอยู่ด้านหลังฉัน

"มีอะไร"  น้ำเสียงทุ้มหนักเอ่ยถาม

"ได้โปรดช่วยเขาด้วยค่ะ ทำยังไงก็ได้ ช่วยบอกใครก็ได้ให้มาเอาตัวเขาไปส่งโรงพยาบาลที ได้โปรดเถอะค่ะ ช่วยเขาด้วย ฉันรู้ว่าคุณทำได้ คุณต้องทำได้"  ฉันนั่งคุกเข่าพนมมืออ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากยมทูต

"ผมมีหน้าที่มาตามเก็บดวงวิญญาณ ไม่ใช่มาช่วยชีวิตคน"

"แต่ถ้าทิ้งเขาไว้แบบนี้ เขาจะตายนะคะ ฉันไม่อยากให้เขาตาย เขาต้องมีชีวิตอยู่แล้วใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขต่อไป"  ฉันพร่ำเพ้อร่ำไห้

"ชีวิตของชายคนนี้ไม่มีความสุขอีกแล้ว ตั้งแต่คุณบอกเลิกเขา และเขาจะยิ่งทุกข์ทรมานแสนสาหัส หากฟื้นขึ้นมา แล้วมารู้ทีหลังว่าคุณตาย วงล้อแห่งชะตาชีวิตกำหนดให้เขาต้องตายวันนี้ ไม่มีใครช่วยเขาได้"

ยมทูตพูดจบ..ร่างชุดดำพลันหายวับไปกับตา ฉันหันมามองเขา ดูบริเวณหน้าอกไม่มีแรงกระเพื่อมของการหายใจเข้าออกอีกต่อไปแล้ว

ฉันถอนลมหายใจยาว....นั่งรอคอยให้เขาตื่นขึ้นมา ต่อจากนี้ไปเราสองคน คงได้อยู่ด้วยกันตลอดไป แม้แต่ความตายก็มิอาจพรากเราได้...

มาใช้ชีวิตคู่บนโลกหลังความตายกันเถอะที่รัก...


..จบ..


จากพันทิป ซ่อนตาย...ไม่อยากตาย
เรื่องโดย  Lady Star 919

ไม่มีความคิดเห็น