อาถรรพ์ ห้องดนตรีไทย


     จากประสบการณ์จริงของสมาชิกพันทิป ของเล่นสีชมพู ผู้ที่เห็นผีมาตลอดทั้งชีวิต เรื่องอาถรรพ์ ห้องดนตรีไทย จากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเธอ อยากรู้กันแล้วว่าเธอเจอเรื่องอะไรมา อีกหนึ่งเรื่องและเรื่องอืนๆของเธอที่เราขอนำเสนอไว้ ณ ที่นี้ ขอขอบคุณเจ้าของเรื่องคุณ ของเล่นสีชมพู

     ถ้าใครติดตามมาจากกระทู้ที่แล้วนะคะ ก็พอจะรู้ว่า จขกท เจออะไรมาบ้าง แต่คนที่ยังไม่เคยได้รับรู้ ขอเกริ่นก่อนนะคะ ว่า จขกท เป็นคนที่เจอวิญญาณมาเยอะมาก แต่จะเลือกบางตอนที่คิดว่า พีค ที่สุดมาแชร์ให้อ่านกันน้า

    เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่อง ราวของห้องดนตรีไทย ที่ โรงเรียน จขกท เอง
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนที่ จขกท เรียนอยู่ชั้น ม.4 ได้เข้าไปร่วมชุมนุม นาฎศิลไทย เพราะเป็นคนชอบ ร้อง เล่น เต้น รำ หรือเป็นคนชอบแสดงออกนั่นเอง วันแรกที่คุณครูประจำชุมนุม ได้นัดให้พวกเราไปเจอที่ห้องดนตรีไทย เรากับเพื่อนเราและเพื่อนๆในชุมนุม ก็เดินไปพร้อมกัน เมื่อไปถึงห้องชุมนุม เราก็เข้าไป แต่สิ่งที่เราเจอคือ เครื่องดนตรีไทยทุกชนิด ถูกคลุมไปด้วยผ้าสีแดงผืนใหญ่ มีหยากไย่เกาะเต็มไปหมด เหมือนว่าไม่เคยได้ใช้งานเลย ครูประจำชุมนุมชื่อ ครูปุ๋ย ครูปุ๋ย อธิบายกฎกติกา การใช้ห้องดนตรีไทย และแน่นอน คือ ต้องทำความเคารพเครื่องดนตรีไทยทุกชิ้นก่อนนำมาบรรเลง พวกเราก็ตอบตกลงกับกฎของครูปุ๋ย และครูปุ๋ยยังเล่าต่ออีกว่า ห้องนี้ถูกปิดตายมานาน ด้วยสาเหตุที่ครูปุ๋ยไม่สามารถอธิบายได้ พวกเราได้แต่สงสัยแต่ไม่มีใครกล้าถามต่อ เมื่อหมดคาบชุมนุมซึ่งเป็นชั่วโมงเรียนสุดท้าย พวกเราเดินออกมาจากห้องดนตรีไทย แล้วเริ่มมีเสียงคุยกันต่างๆนาๆเรื่องที่ห้องดนตรีไทยมีการปิดตายมานาน มีแค่เราที่ไม่อยากคิดอะไร เพราะเวลาได้คิดแล้วมันไม่เคยพลาดเลย เรากับเพื่อนๆมานั่งรอกลับบ้านที่ม้าหินอ่อนหน้าอาคารเรียน นางจีเพื่อนเรา(เกริ่นเรื่องนางไปแล้วเมื่อตอนที่แล้ว) พูดขึ้นว่า เมื่อก่อนเคยมีคนเล่าให้ฟังว่ามีนักเรียน เป็นหอบหืด แล้วคุณครูลงโทษที่ไม่ยอมซ้อม ให้เป่าขลุ่ยอยู่อย่างนั้นครึ่งวัน จนอาการหอบกำเริบและช็อคตายคาขลุ่ย ครูไปห้องน้ำขึ้นมาเห็นพอดีแต่ช่วยไว้ไม่ทัน เรามองหน้าจีแล้วพูดว่า ก็พูดไปเรื่อย เค้าพูดต่อๆกันมากว่าจะถึงหูเรื่องก็ถูกต่อมาเยอะละ เออใช่ๆ(เพื่อนเราที่เหลือเห็นด้วยทุกคน) แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านปกติ เวลาผ่านไปประมาณสองเดือน พวกเราก็ต้องไปแข่งขันนาฎศิลป์ไทย ที่ต่างจังหวัด ครูปุ๋ยเลยให้พวกเราเข้าค่ายฝึกซ้อมกันที่โรงเรียนเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน
และมันเป็นจุดเริ่มต้นของการเจอเหตุการณ์แปลกๆ การรู้ความจริงบางอย่าง และการเจอดีจากการลบหลู่ของเพื่อน เป็น 3 วัน 2 คืน ที่ยาวนานมาก

    พวกเราตื่นเต้นมากที่จะได้เข้าค่ายในครั้งนี้ (ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นต้องรู้สึกตื่นเต้นด้วย555) การเข้าค่ายครั้งนี้มีนักเรียนทั้งหมดประมาน 35 คน เพื่อนเรามารวมตัวกันที่บ้านเราเหมือนเดิม เพราะใกล้โรงเรียนที่สุดและ มีของกินเยอะที่สุด เมื่อมากันครบแล้ว (เพื่อนเราที่สนิทกันและมาเข้าค่ายด้วยกันมี 4 จี ซี มาย และเรา คนคนอื่นไปอยู่ชุมนุมอื่น) เราไปที่โรงเรียน ครูปุ๋ย พาพวกเราไปดูที่พัก พวกเราพักอยู่ห้องข้างล่างใต้ห้องดนตรีไทย ตึกที่พวกเราอยู่เป็นตึก 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นห้องกิจกรรมโล่งๆ ชั้นที่ 2 เป็นห้องดนตรีไทย ชั้นที่ 3 เป็นโซนวิชาศิลปะ พวกเราจับจองที่นอนของตัวเอง ผู้หญิงนอนมุมล่างสุด ผู้ชายนอนมุมบนสุด คือห้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่พวกเรานอนข้างบนและข้างล่าง โดยมีครูปุ๋ยและครูท่านอื่นๆนอนอยู่ตรงกลาง หลังจากที่พวกเราจับจองที่นอนของตัวเองเสร็จตอนนั้นน่าจะเป็นเวลา 7 โมงกว่าๆ เพราะพวกเรามารวมตัวกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า พวกเราก็ขึ้นไปที่ห้องดนตรีไทย เพื่อที่จะไปเช็ดเครื่องดนตรีไทยชุดที่มีผ้าสีแดงคลุมอยู่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเราจะใช้เครื่องดนตรีอีกชุดนึงซ้อมมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้จับเครื่องดนตรีชุดนี้ ก่อนจะทำความสะอาดครูปุ๋ยให้พวกเราไหว้ก่อน ซึ่งเราก็สงสัยนะว่าทำไมแลดูเหมือนจะมีอะไรยังไงก็ไม่รู้ ตอนที่ครูปุ๋ยนำพวกเรากล่าวบทอะไรสักอย่างเรานี่ขนลุกตลอดเลย รู้สึกเหมือนมีอะไรผ่านไปผ่านมาที่ข้างหลัง จะหันไปก็ไม่กล้าเพราะมีเรานั่งหลังสุด ข้างหลังก็เป็นผนังห้องแล้ว หลังจากกล่าวจบ พวกเราก็เริ่มลงมือทำความสะอาด แต่จู่ๆครูปุ๋ยก็ตะโกนขึ้นว่า เดี๋ยว!!!! หยุดก่อน อย่าลืมที่ครูบอกไว้นะ ระมัดระวังให้มากที่สุด อย่าข้าม อย่าเล่น เด็ดขาด หลังจากที่ครูปุ๋ยพูดจบ เพื่อนผู้ชายคนนึงพูดขึ้นเบาๆว่า งี้แหละของโคตรเก่าเลย ดูระนาดดิ กุว่าตีสองที่ หัวไม้ระนาดกระจุย 5555 แล้วพวกนั้นก็พากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน เรารู้สึกไม่พอใจมาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เรากับเพื่อนๆเรา 4 คนได้เช็ด ฆ้องวง พวกเราก็เช็ดกันอย่างเบามือ ทุกๆคนได้เช็ดเครื่องดนตรีที่ต่างกันออกไป เราหันไปมองรอบๆดูเพื่อนๆในชุมนุมทำงาน เราเห็นเพื่อนๆตั้งใจทำงานกันมาก สักพักมีเสียงดัง ตึง พวกเราหันไปหาที่มาของเสียงนั่นจนเจอ เพื่อนเราคนนึงสะดุดเข้ากับอะไรก็ไม่รู้ มันรีบก้มดู เปิดผ้าสีแดงออก พวกเราร้องขึ้นพร้อมกัน ตะโพน!!!! ทุกคนงงมาก เพราะพวกเราไม่มีใครเห็นตะโพนตั้งอยู่ตรงนั้นเลยจิงๆ งงกันมาก ตะโพนเครื่องใหญ่นะทำไมมองไม่เห็นยิ่งมีผ้าสีแดงคลุมไม่น่าจะเล็ดลอดสายตาไปได้เพื่อนเรายืนงงอยู่พักนึง แล้วมันก็ยกมือไหว้ แล้วยกตะโพนขึ้นแล้วนั่งเช็ดด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจ เพื่อนผู้ชายของเราคนเดิมที่ปาก...พูดขึ้นว่า เดี๋ยวเค้าก็มาหักคอหรอก555 แล้วมันก็ตีระนาดที่เช็ดอยู่พร้อมกับร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ครูปุ๋ยวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา บอกเพื่อนเราว่า หยุดเลยนะ ใครบอกให้เธอทำแบบนี้ หาเรื่องเข้าตัวแท้ๆเลยนะ เกิดอะไรขึ้นพ่อกับแม่เธอจะว่ายังไง อยากตายรึไง ห๊า!! มันยังไม่สลด มันพูดขึ้นว่า  โถ่ครูเครื่องดนตรีเค้ามีไว้เล่นนะ ไม่ได้มีไว้บูชาและก็เช็ด ครูปุ๋ยโมโหมาก ไล่พวกนั้นออกไปข้างนอก ครูปุ๋ย จุดธูปขอขมาระนาด หลังจากเสร็จพิธีขอขมา เพื่อนเราคนที่สะดุดตะโพนลงไปชักกับพื้น ตาค้าง

    เพื่อนเราคนนั้นลงไปชักที่พื้น ครูปุ๋ยตกใจมากรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว พาส่งโรงพยาบาล หลังจากที่การรักษาผ่านไปได้ด้วยดี ครูปุ๋ยพาเพื่อนคนนั้นกลับไปพักผ่อนที่บ้าน พอครูปุ๋ยกลับมาที่โรงเรียน ก็เข้ามาถามพวกเราว่า เกิดอะไรขึ้นกับนัท เพื่อนเราคนนึงเล่าให้ครูปุ๋ยฟังว่า ก่อนหน้าที่นัทจะชักไป นัทเดินสะดุดตะโพนที่ห้องดนตรีไทยค่ะ ห๊า!!! สะดุดตะโพน ครูปุ๋ยพูดขึ้น หลังจากนั้นครูปุ๋ยรีบโทรหาแม่นัท บอกให้รีบพานัทมาที่โรงเรียนด่วน เมื่อนัทมาถึงนัทเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว ไม่ยอมขึ้นไปที่ห้องดนตรีไทย ไม่ยอมแม้กระทั่งจะมองไปที่ห้องนั้นด้วยซ้ำ ครูปุ๋ยเข้าไปคุยอยู่พักใหญ่ แต่เราไม่รู้ว่าครูปุ๋ยคุยอะไรกับนัทนัทถึงยอมมา ครูปุ๋ยพานัทขอขมาตะโพน นัทร้องไห้ไปกล่าวคำขอขมาไป เมื่อเสร็จพิธี ครูปุ๋ยจึงให้แม่นัทพานัทไปพักผ่อนที่บ้าน แล้วไม่ต้องมาที่ค่ายแล้ว ครูปุ๋ยเรียกพวกเรามารวมตัวกันแล้วพูดกับพวกเราว่า ถ้ารักที่จะอยู่กับดนตรีไทย ต้องมีความเคารพเครื่องดนตรีไทยทุกชนิด เพราะเครื่องดนตรีทุกชิ้นมีครูบาอาจารย์คุ้มครองอยู่ ถ้าพวกเธอปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ครูตั้งไว้ให้ก็จะอยู่ที่นี่ได้ เข้าใจมั้ย เข้าใจครับ/ค่ะ หลังจากเรื่องทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย พวกเราก็ซ้อมดนตรีกัน เรากับเพื่อนๆเรา ได้รำชุดฉุยฉาย ก็ซ้อมรำกันปกติจนตกเย็น ครูปุ๋ยให้พวกเราแยกย้ายกันไปอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็มากินข้าว ทำกิจกรรมอะไรนิดหน่อยแล้วเข้านอนตอนเวลา 4 ทุ่ม เรากับเพื่อนๆเรา ตกลงกันว่าจะไปอาบน้ำทีหลัง เพราะคนเยอะไม่อยากไปต่อคิวนาน พวกเราเลยไปนั่งรอที่หน้าอาคาร พวกเรานั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีใครสรุปได้ว่าเป็นเพราะอะไร ระหว่างที่จีและซี กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ มายผู้ที่นั่งหันหน้าไปที่อาคาร ก็นั่งตัวแข็ง ตามองไปที่ชั้นสองห้องดนตรีไทย (ถ้ามองจากตรงที่มายนั่ง จะเจอหน้าต่างห้องดนตรีไทยที่เป็นกระจกพอดีค่ะ) เราจับตัวมายแล้วถามว่า มายๆเป็นอะไร มายหันหน้ามาหาเราแล้วหันไปที่หน้าต่างสลับกันไปมา เราจึงคิดในใจ อีกแล้วเหรอ เอาวะ สักทีไหนๆก็ไหนๆละ เราค่อยๆหันไป สิ่งที่เราเจอคือ !! ผู้หญิงใส่ชุดไทย กำลังร่ายรำเพลงที่พวกเราซ้อมกันอย่างงดงาม ผ่านหน้าต่างไปมา เรารีบหันหน้าหนี นางซีพูดขึ้นว่า ครูปุ๋ยนี่จะมาเปิดเพลงรำอะไรตอนนี้ บรรยากาศยิ่งน่ากลัวๆอยู่ พวกเรามองหน้ากันแล้วถามว่า เพลงอะไรซี นางตอบด้วยความรำคาญว่า เพลงนี่ไงครูเปิดออกจะดังไม่ได้ยินกันรึไง ไอ้พวกนี้สงสัยหูแตก เราสามคนมองหน้ากันเพราะไม่มีใครรู้เลยว่าซีฟูดถึงเพลงอะไรที่ไหน เพราะพวกเราไม่ได้ยิน เราไม่รีรอ ชวนเพื่อนๆไปอาบน้ำทันที ไม่รอแล้ว หลังจากอาบน้ำเสร็จ ระหว่างทางที่เดินกลับมาต้องเห็นหน้าต่างบานนั้นก่อนจะเดินเข้าไปในตัวอาคาร เราก็เป็นอะไรไม่รู้ชอบมองตลอด นิดนึงก็เอา ก็มองเลยค่ะ ทีนี้แหละโดนเต็ม ไม่รำค่ะ ยืนมองเลยทีเดียว ใส่ชุดไทย (พอรู้จักกันมั้ยคะ ชุดที่ตัวพระ ตัวนางเค้าใส่กัน) ที่จะสวมชฎาด้วย แต่งหน้าขาว ยืนจ้องมองมาที่เราแปปนึงแล้วหายไป ใจนี่หล่นไปอยู่ตาตุ่มแล้วค่ะ คิดในใจ อยากกลับบ้านนนน ตอนนั้นน้ำตาคลอเลยค่ะ
เดี๋ยวมาเล่าต่อน้า  ใครที่ตามมาจากเฟสบุ๊คยกมือขึ้นนนนน อิอิ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เรื่องของเรามีเยอะจะแชร์ให้อ่านจนเบื่อกันเลยค่ะ รับรองว่าเป็นความจริงนะคะส่วนใครที่ว่าแต่งขึ้น ถ้าครั้งหน้าเราเจอวิญญาณอีกจะบอกให้ไปเล่าให้เค้าฟังเองละกันเนาะ55555 ล้อเล่นนะคะ

    หลังจากที่พวกเราอาบน้ำ กินข้าวเสร็จ พวกเราไปรวมตัวกันที่ห้องดนตรีไทย เรากลัวมากค่ะตอนนั้นไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาเข้าไปในห้อง แต่ก็ต้องขมใจตัวเอง แล้วเดินตามหลังเพื่อนเข้าไปนั่งแบบเงียบๆ คือตอนนั้นหลอนแล้วค่ะ ใครเดินผ่านนี่สะดุ้งตลอด ลมพัดผ่านข้างหลังไปขนก็ลุกทั้งตัวเลยค่ะ คือความรู้สึกตอนนั้นอธิบายไม่ได้จริงๆ ครูปุ๋ยเริ่มเช็คชื่อ แต่เพื่อนเราหายไปคนนึง คือคนที่พูดว่า โถ่ครู เครื่องดนตรีเค้ามีไว้เล่นนะ ไม่ได้มีไว้เช็ด (จำกันได้มั้ย) นั่นแหละค่ะ ขอแทนว่า เจนะ
เจหายไปค่ะ ด้วยความที่เจเป็นคนไม่สนใจโลกอยู่แล้ว พวกเราเลยไม่ได้คิดอะไร คิดว่าคงไปเดินเล่นรึไปเกเรที่ไหนแหละ แต่มันไม่ใช่แค่นั้นค่ะ เพราะครูปุ๋ยมีสีหน้าที่กังวลมาก รวมถึงเพื่อนๆในกลุ่มเจ ครูปุ๋ยบอกให้พวกเราตามหาเจ พวกเราช่วยกันตามหาอยู่พักนึง จนได้ยินเสียงเพื่อนคนนึงตะโกนขึ้นมาว่า ครูครับ เจอแล้วครับ อยู่ที่หน้าอาคารครับ พวกเรารีบวิ่งไปที่หน้าอาคารพร้อมกับอาการสงสัยว่า ก่อนจะไปตามหาเจ พวกเราก็วิ่งออกทางหน้าอาคาร แต่เจนั่งอยู่ตรงหน้าอาคารเลยค่ะ ทำไมพวกเราไม่เห็น แต่ความสงสัยก็หายไปเมื่อเห็นเจในสภาพที่ นั่งกอดเข่า หันมองซ้ายขวา ตาลอย ร้องไห้ เหมือนกำลังกลัวอะไรมากๆ ครูปุ๋ยและครูท่านอื่น วิ่งไปจับเจ เจร้องไห้แล้วปัดมือครูออก ปากก็พูดว่า ผมกลัวแล้ว ออกไปๆๆ ครูทุกคนเข้าไปดูเจ แล้วต่างหาคำพูดต่างๆนาๆให้เจใจเย็นลง แล้วพาเจไปที่ห้องพัก สักพักใหญ่ๆ เจเริ่มสงบลงเป็นปกติ ครูปุ๋ยจึงถามเจว่าเกิดอะไรขึ้น เจโผเข้ากอดครูปุ๋ยแล้วพูดว่า ผมอาบน้ำเสร็จกำลังจะเดินเข้าไปในอาคาร ผมได้ยินเสียงระนาดดังมากเลยครู มันดังอยู่ในหูผม ผมจะรีบวิ่งไปหาเพื่อนแต่เห็นผู้ชายตัวใหญ่มากเลยครู ยืนขวางอยู่ผมวิ่งชนเค้าแล้วผมก็ล้มลง ผมขยับไปไหนไม่ได้ เห็นเพื่อนๆเดินผ่านผมเรียกแล้วแต่เหมือนไม่มีใครได้ยินผมเลย ผมกลัวครับครู ช่วยผมด้วยครับ ผมต้องตายแน่ๆเลย แล้วเจก็ร้องไห้ ครูปุ๋ยให้พวกเราไปนอนเพราะดึกมากแล้ว ครูปุ๋ยบอกให้ครูทุกคน ไปที่ห้องดนตรีชั้นสอง พร้อมเจ เราไม่รู้ว่าครูปุ๋ยพาใจขึ้นไปทำอะไร แต่เราคิดว่าน่าจะพาไปขอขมาเครื่องดนตรีไทยแน่ๆ พวกเรานอนในที่ที่จับจองไว้ เราก็พยายามจะข่มตานอนแล้วนะแต่มันนอนไม่หลับจริงๆ พลิกตัวไปเจอมายนอนลืมตาอยู่ ตกใจค่ะ ลุกขึ้นนั่งเลย คิดว่าโดนอีกแล้ว แต่ไม่ใช่ค่ะ มายลุกขึ้นมาแล้วถามว่า เป็นอะไร เรานอนไม่หลับว่ะที ตามมาด้วยนางซี นางก็นอนไม่หลับ พวกเราค่อยขยับไปที่มุมห้อง แล้วนั่งคุยกัน ตอนนั้นครูปุ๋ยยังไม่ลงมาค่ะ พวกเราต่างคนต่างรู้เหตุผลที่นอนไม่หลับแต่เลือกที่จะไม่พูดค่ะ นั่งได้แปปเดียว ได้ยินเสียงคนเดินลงมา ซีบอกว่า ครูมาๆไปนอนๆ พวกเรารีบไปนอนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงเปิดประตูเข้ามาแล้วก็เงียบไป พวกเราได้แค่หลับตาค่ะ ทำตัวเนียนๆ ยังไม่ถึง 5 นาที เสียงเปิดประตูอีกรอบนึง ครูปุ๋ยและคุณครูทุกคนเดินเข้ามาค่ะ เราหันไปมองหน้ามาย พูดกับมายว่าแล้วเมื่อกี้ใครเข้ามาวะมาย แค่นั้นแหละ คลุมโปงเลยค่ะ นอนกอดกันกับมายแน่นเลย จนหลับไป รู้สึกตัวอีกทีตอนประมานตี 5 ครูปุ๋ยปลุกพวกเราให้ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วมาออกกำลังกาย โอยคือตอนนั้นแบบ สภาพเราพังมาก นอนดึกตื่นเช้า แล้วต้องมาเต้นแอโรบิค คืออะไร!!! หลังจากทำกิจกรรมตอนเช้าเสร็จ พวกเราก็มาซ้อมรำกันค่ะ พวกเราเปลี่ยนใส่จงกระเบนสีแดง ซ้อมกันปกติ มาย ได้รำชุดแม่บทกับเพื่อนอีกคนนึงค่ะ เพราะมายรำสวยมาก มายต้องสวมชฎาซ้อม ระหว่างที่มายซ้อม พวกเรานั่งมองมาย มายรำได้สวยมาก แต่ซ้อมยังไม่ทันจบเพลงเพราะต้องรอครูปุ๋ยสอนตอนจบ มายเดินไปถอดชฎา พวกเราเตรียมจัดแถวซ้อมต่อ ซีจะหันไปบอกมายว่าให้เปิดเพลงให้หน่อยแต่หันไปเจอมายน่าตาเหมือนตกใจอะไรสักอย่าง ในมือถือชฎาอยู่แต่!!! ยอดชฎาหักกลิ้งอยู่ที่พื้น เราเห็นยอดชฎาตกอยู่ จึงยกมือไหว้แล้วหยิบขึ้นมา เราเดินไปหามายถามว่าเกิดอะไรขึ้น มายบอกเราว่า เราจะถอดชฎาออกอ่ะที แล้วเราจะเอาไปวางที่แท่น แต่ยอดชาไปงัดกับขอบตู้กระจก(ตู้กระจกที่ใช้ครอบครอบชฎาค่ะ) แล้วก็หัก เรายอมรับว่าเรากังวลมากเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เราอดคิดไม่ได้
***เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ค่อนข้างที่จะกระทบกระเทือนจิตใจมาย แต่เราได้คุยกับมายแล้ว มายบอกให้เราเล่าได้ ถือว่าเป็นบทเรียน ที่อยากแชร์ให้ทุกคนรู้และอย่าทำตาม***

   เราให้มายไปหาครูปุ๋ยไปบอกครูปุ๋ย แต่มายไม่ไปเพราะกลัวครูดุว่า ทำชฎาพัง เราเลยบอกว่า เพื่อนก็เห็นกันทั้งห้องมาย ยังไงครูก็รู้อยู่ดี มายบอกกับเราว่าเดี๋ยวค่อยบอกครู เรียกเราไปซ้อมต่อ มายเอาชฎาไปวางไว้ที่แท่นเหมือนเดิม พวกเราซ้อมจนเสร็จ ครูปุ๋ยเข้ามา เรียกมายกับเพื่อนเราไปซ้อม ครูปุ๋ยบอกให้ซ็อมให้ดูว่าถึงไหนแล้ว ระหว่างที่มายซ้อม จนถึงตอนที่ต้องรอให้ครูปุ๋ยสอนต่อ ครูปุ๋ย ปิดเพลงลง แล้วกำลังจะหันมาสอนท่ารำ แต่ มายเดินไปเปิดเพลง แล้วรำต่อค่ะ ครูปุ๋ยงง เพราะยังไม่ได้สอน มายรำสวยมากค่ะ ตัวอ่อนมาก จากที่อ่อนอยู่แล้วอ่อนมากไปอีก แต่ตาของมายดุมากค่ะ น้ำตาไหลตลอดเวลา เรายืนนิ่งเลยค่ะ ช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเราทุกคนไม่มีใครกล้าขยับ เพราะสายตามายน่ากลัวมาก มายยิ้มแต่ตาดุ รำไปเรื่อยๆจนถึงท่าจบ พอจบเพลง มายก้มลงหันหน้าไปทางชฎา(คือตอนที่ซ้อมครูปุ๋ยไม่ได้ให้ใส่ชฎาค่ะ และมายยังไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้น) มายก้มลงกราบ มายก้มอยู่นานจนครูปุ๋ยไปจับตัวมายขึ้น ครูปุ๋ยกรี๊ดเสียงดังเลยค่ะ เพราะมายข้อมือหัก คิดภาพตามนะคะ มือนึงไหว้ปกติแต่อีกมือพลิกเอาหลังมือเข้า แบบนั้นเลยค่ะ มายเป็นลมไป ครูพามายไปส่งโรงพยาบาล พวกเราตามไปและเล่าเรื่องชฎาให้ครูปุ๋ยฟัง ครูปุ๋ยเสียใจมากกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ครูปุ๋ยทำพิธีไหว้ครูที่ในห้องดนตรี และให้พวกเรานำผ้าสีแดงไปคลุมไว้เหมือนเดิม (มายได้ทำการขอขมาแล้วหลังจากออกจากโรงพยาบาล เดี๋ยวมีคนถามอีก) สรุปคือ ยกเลิกการแข่งขันค่ะ ไม่ได้ไปแข่ง ชุมนุมปิดตัวลง ห้องดนตรีถูกปิดไว้เหมือนเดิม คนก็พูดปากต่อปากค่ะ ว่ามีเหตุการณ์แบบนั้นแบบนี้ จน ผอ.นำเครื่องดนตรีทุกชิ้นไปถวายวัด แห่งนึง

   ภายหลังครูปุ๋ยมาเล่าให้พวกเราฟังว่า เมื่อนานมาแล้วเครื่องดนตรีชุดนั้นเคยเป็นของชาวบ้าน ที่ใช้ในคณะลิเกเก่า พอปิดวิคลง เลยเอาเครื่องดนตรีทุกชิ้นมามอบให้โรงเรียน แล้วเหตุการณ์ที่มีเด็กเป็นหอบก็เคยเกิดขึ้นจริงเมื่อตอนครูปุ๋ยเรียนอยู่แต่โรงเรียนปิดข่าวเพราะครูคนนั้นได้เสียสติไปแล้ว ครูปุ๋ยไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น หลังจากนั้นพวกเราไปหานัทที่บ้านแล้วถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นัทเล่าว่า ตอนที่นั่งอยู่ นัทรู้สึกหนักตัว แล้วเหมือนมีใครเป่าหัว เลยเงยหน้าขึ้น เห็นผู้ชายยืนก้มหน้ามองนัทแต่เค้าตัวใหญ่มาก แล้วนัทเป็นลมชักอยู่แล้วอาการเลยกำเริบ พวกเรามองหน้ากันแล้วยิ้มค่ะ พูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ

จบแล้วค่ะเรื่องของเรา ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคำติชม ขอบคุณจริงๆค่ะ หวังว่าคงได้เจอกันใหม่ในกระทู้หน้านะคะ ย้ำนะคะ เราไม่ใช่เจน ญาณทิพย์ เราไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น ถ้าลองอ่านดีๆไม่ใช่เราคนเดียวที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็อย่างว่าคนไม่เชื่อก็มี คนไม่คิดอะไรก็มี แต่มันเป็นกระทู้แรกของเราค่ะ เราดีใจมากที่คนเข้ามาติดตามเยอะ และก็รู้สึกแย่ที่มีคำติชม คำกระแทก-ดัน แต่ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ
บอกไว้ตรงนี้นะคะ เราไม่ได้อยากมาสร้างกระแสให้ดังเพื่อไปออกรายการตีสิบ หรือ รายการอื่นๆ เราแค่อยากแชร์จริงๆ สวัสดีค่ะพี่น้องชาวไทย

จากพันทิป อาถรรพ์ ห้องดนตรีไทย
เรื่องโดย ของเล่นสีชมพู


ไม่มีความคิดเห็น