กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก…
"เรื่องกระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก" แค่ชื่อเรื่องก็น่าสนใจมาก เป็นเรื่องสั้นสยองขวัญจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 5347947 นักเล่าที่มีการเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจมาก ขอขอบคุณเรื่องดีๆมีคุณภาพไว้ ฌ ที่นี้ด้วย
สวัสดีครับ ใครที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่ ขอให้อ่านให้จบด้วยนะครับ ผมขอร้องจริงๆ กราบเลยล่ะครับ คือตอนนี้ผมมีเวลาไม่มาก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าถึงเวลาแล้วผมจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆคือนุ่นแฟนผมตอนนั้นก็คงเป็นเหมือนกัน นุ่นหายตัวไปสี่เดือนกับอีกสองวัน ผมนับมันทุกวันตั้งแต่ผมเริ่มรู้เรื่องนี้ แต่ตอนนี้ผมรู้หมดทุกอย่างแล้ว
พันทิปมีบางอย่างแปลกๆ ผมเชื่อว่ามันต้องเกี่ยวกับที่นุ่นหายตัวไป มันคือบางอย่างที่ทุกคนต้องรู้ บางอย่างที่สำคัญมากๆจนอาจทำให้คุณคิดว่าผมเป็นบ้าได้เลย
ขอล่ะครับ ถ้าอ่านถึงนี่ได้ผมขอบคุณมากๆ และช่วยอ่านให้จบด้วยครับ จะมองว่าคนบ้ามาตั้งกระทู้ก็ได้ ขอแค่มันทำให้คุณสนุกและอ่านจนจบผมก็ยินดี เรื่องเป็นงี้ครับ ผมกับนุ่นคบกันมาปีกว่าๆ เราทั้งคู่เป็นนักศึกษาครับ ทุกอย่างมันเริ่มตอนนุ่นเริ่มเสพติดข่าวดราม่า ผมรู้ว่าหลายคนก็เป็น แต่เคสของนุ่นนี่คือรุนแรงและสาหัสมาก มันเริ่มจากน้อยๆก่อนอย่างเล่นมือถือตลอดเวลา ตอนนั้นนุ่นเริ่มพูดถึงข่าวนั่นนู่นนี่แบบรัวๆ ผมก็พยายามเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วนะ แต่นุ่นเหมือนอินกับข่าวมากๆอ่ะครับ บางครั้งก็เหมือนขี้หงุดหงิดด้วย เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จากนั้นจึงกลายเป็นการอดหลับอดนอน เสียการเรียน นุ่นไม่มาเรียนเป็นสัปดาห์ ตอนแรกๆก็ว่าป่วย แต่สักพักมันก็เริ่มไม่ใช่แล้ว ผมจำได้เลยตอนเริ่มติดต่อนุ่นไม่ได้ จนต้องขึ้นไปหาที่หอ แต่พอนุ่นออกมาเปิดประตูห้องทั้งๆที่ในมือยังกำมือถือไว้อยู่ ผมก็เห็นสภาพข้างในห้องครับ ไม่ต้องอธิบายมากนะครับ คือมันไม่ต่างอะไรจากที่ทิ้งขยะเลย และนุ่นก็ผอมลงมากๆ ผอมจนทีแรกนึกว่าเป็นอีกคน แถมเสื้อผ้าหน้าผมก็ดูสกปรกราวกับไม่ได้อาบน้ำมานาน มันทำผมช็อกไปเลยครับ
นุ่นไม่พูดเลยซักคำ ถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจ้องมือถือ แต่โชคดีนะครับที่ผมใจเย็น อาจจะเพราะผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนมั้งครับ ผมรู้สึกเข้าใจมากกว่า แต่ข้างในก็ยังแอบคิดว่าที่ผ่านมาผมอาจใช้เวลากับนุ่นไม่มากพอ ผมรักนุ่นมากๆครับ รักเหมือนคนในครอบครัว เหมือนน้องสาวตัวน้อยๆที่น่าทะนุถนอม ผมก็เลยตั้งสติแล้วค่อยๆหาวิธีแก้ปัญหา ผมปรึกษากับผู้ใหญ่หลายๆคน รวมทั้งกับอาจารย์ในมหาลัย พวกเค้าก็ยินดีช่วยเหลือครับเพราะก็เริ่มเป็นห่วงนุ่นเหมือนกัน มีอาจารย์แนะนำจิตแพทย์หลายคนที่อาจพอช่วยได้ แล้วเชื่อมั้ยครับ อาการของนุ่นค่อยๆดีขึ้นๆ ใช้เวลาเกือบปีจนในที่สุดผมก็เกือบจะพูดได้ว่านุ่นหายเป็นปกติแล้ว เพียงแต่มีอย่างเดียวแค่นั้นที่ผมยังรู้สึกตะหงิดๆ
นุ่นไม่ค่อยพูดเรื่องพวกข่าวดราม่าต่างๆพวกนั้นแล้วครับ แต่นุ่นจะพูดเกี่ยวกับพวกดราม่าต่างๆว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เหมือนพยายามอธิบายกลไกกับปัจจัยหลายๆด้านที่ส่งผลให้คนชอบติดตามข่าวพวกนั้น ยังจำได้เลยว่าครั้งนึงนุ่นเคยบอกว่าเชื้อชาติของคนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย นุ่นบอกว่าอาจเกี่ยวกับพันธุกรรมหรืออะไรสักอย่างที่ส่งผลต่อการตอบสนองทางอารมณ์ของคน แล้วคนไทยก็เป็นประเภทที่ว่าค่อนข้างจะอ่อนไหวง่าย ไม่เหมือนในประเทศแถบยุโรปหรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่นุ่นเคยบอกนะครับ เวลาอารมณ์พวกนี้ถูกแสดงออกเป็นตัวหนังสือ มันจะไปกระตุ้นคนอื่นๆที่เห็นให้มีอารมณ์ร่วมเหมือนกัน และรวมกับความรวดเร็วของตัวหนังสือในโลกออนไลน์ มันย่อมจะส่งผลเกิดเป็นกระแส เหมือนคลื่นน้ำที่แผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง
มีหลายครั้งที่นุ่นพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากๆ ว่าถ้ากระแสหรือคลื่นพวกนั้นเกิดจากอารมณ์โกรธไม่พอใจ ความเกลียดชัง และมุ่งลงไปที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ถ้านคนนั้นไม่มี “ภูมิคุ้มกัน” มากพอ มันจะไปทำลายระบบการคิดและตีความของคนนั้น และเขาจะมองโลกในมุมที่พร้อมจะทำลายตัวเอง มันจะไปโปรแกรมความคิดใหม่ พร้อมฝังชิพที่จะนับถอยหลังเวลาใช้ชีวิตของคนนั้น และเมื่อหมดเวลา เขาก็จะทำลายตัวเองในที่สุด ว่าง่ายๆคือฆ่าตัวตาย เพียงแต่วันและเวลาจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
แรกๆผมก็ไม่ค่อยสนใจสิ่งที่นุ่นพูด แต่เมื่อเวลาผ่านไป นุ่นดูเหมือนจะจริงจังขึ้นเรื่อยๆ เธอคิดว่าสิ่งนี้มันคือสิ่งที่กำลังคุกคามเราทุกคนอยู่ ช่วงหลังๆก่อนนุ่นหายไปเธอชอบบอกผมว่าเราทุกคนไม่มีใครปลอดภัย บอกว่า “ภูมิคุ้มกัน” ก็ช่วยอะไรเราไม่ได้แล้ว มันก็แค่ทำให้เวลาที่นับถอยหลังมันนานขึ้นแค่นั้นเอง และไม่ว่าเราจะรู้สึกปกติแค่ไหน แต่ถ้ากระแสมันได้มาลงที่เราแล้ว สิ่งเดียวที่เราทำได้ก็คือรอความตาย
ทีนี้พันทิปเกี่ยวอะไร คือช่วงนั้นนุ่นจะพยายามโพสต์เตือนทุกคนที่รู้จักผ่านทุกช่องทางที่ทำได้ และพันทิปก็เป็นหนึ่งในนั้น นุ่นบอกว่าที่นี่พิเศษเพราะไม่มีใครรู้จักเราจริงๆ และกระทู้ที่เราตั้งก็จะเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว ข้อความทุกอย่างที่นุ่นพยายามจะสื่อก็จะถูกเผยแพร่ให้ทุกคนได้เห็น และจะได้ระวังตัวกัน นุ่นบอกผมแบบนั้น
ผมไม่รู้ว่านุ่นตั้งไปกี่กระทู้ในพันทิป แต่เธอชอบเอาให้ผมดูว่าทุกกระทู้ที่เธอตั้งจะโดนลบภายในเวลาแทบจะไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ผมก็แปลกใจอยู่นะ มันดูเหมือนไม่มีเหตุผลเลย แถมมันยิ่งทำให้นุ่นรู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีก แล้วสาเหตุที่กระทู้ถูกลบก็มีหลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างนุ่นก็ยังยืนยันว่ากระทู้เธอนั้นไม่ได้เป็นแบบที่ขึ้นเอาไว้เลย ตัวอย่างก็เช่น
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีผู้ถูกใส่ความหรือถูกหมิ่นประมาท”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื่อหาเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของสังคม”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื้อหาเข้าข่ายไม่เหมาะสมอาจสร้างความขัดแย้ง”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก เป็นกระทู้ร้องเรียน หรือร้องเรียนสินค้าหรือบริการ”
และที่ทำให้นุ่นรู้สึกกังวลถึงขีดสุดจนเริ่มหวาดระแวงเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเอง ก็คือข้อความที่บอกว่า
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก เจ้าของข้อความแจ้งลบค่ะ”
เอาจริงๆพอมันถึงขั้นนี้ก็ได้แต่แนะนำนุ่นว่าอย่าคิดมาก แล้วลองเพลาๆกับเรื่องพวกนี้ดูบ้าง ลองหากิจกรรมอื่นๆทำคลายเครียด ผมก็ชวนไปเดินห้าง ไปดูหนัง ไปออกกำลังกาย หรือแม้แต่ชวนไปเที่ยวที่ต่างๆ แต่รู้มั้ยครับ ตอนที่พิมพ์อยู่นี้ผมรู้สึกผิดจริงๆ รู้สึกเสียดายที่ไม่ยอมฟังนุ่นแล้วพูดแบบนั้นออกไป ตอนนั้นนุ่นโกรธผมมาก เธอด่าทอผมด้วยถ้อยคำต่างๆนานา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่ผมยังใจเย็นอยู่ได้ ผมเต็มใจยืนนิ่งเป็นที่รองรับอารมณ์ของนุ่น จนเธอเริ่มร้องไห้ออกมา ลองคิดๆดูแล้วถ้าผมเป็นนุ่นตอนนั้นผมคงก็โกรธเหมือนกัน ที่คนที่เราไว้ใจที่สุด คนที่คอยรับฟังเราตลอดมานั้นไม่เคยเชื่อเราเลย ไม่เคยแม่แต่ใส่ใจกับสิ่งที่เราพูด มันคงเหมือนโดนหักหลังอ่ะครับ
และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเธอ นุ่นยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้ววิ่งจากไป ไกลขึ้น ไกลขึ้นเรื่อยๆ ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองแผ่นหลังหญิงสาวในชุดนักศึกษาค่อยๆหายลับไปจากสายตา ไม่กล้าแม้แต่จะวิ่งตามเธอไป ผมมันไอ้โง่ ไอ้ขี้ขลาด แม้ผมจะอดทนได้ แต่ลึกๆผมก็ยังโทษตัวเองอยู่…จนถึงตอนนี้
ใช้เวลาทำใจหลายวันเหมือนกันก่อนผมจะเริ่มหาทางติดต่อนุ่น แล้วเชื่อมั้ยครับ ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนตอนแรก ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆจากเธอ แต่ครั้งนี้แม้จะขึ้นไปเคาะที่ประตู้ห้องก็ยังไม่มีใครออกมาเปิด ทั้งข้อความขอโทษในเฟซบุ๊คและในไลน์ รวมเศษกระดาษที่หย่อนผ่านใต้ประตูห้องเธอเข้าไป ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะพานุ่นกลับมาได้ วันนึงผมลองไปที่หน้าห้องนุ่นแล้วโทรเข้ามือถือของเธอ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงโทรศัพท์นุ่นดังมาจากในห้อง ผมก็เลยลงผมถามแม่บ้านว่าเห็นนุ่นบ้างรึเปล่า ในช่วงสองสามอาทิตย์มานี้
ปรากฎว่าทุกคนในหอพักบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ห้องที่นุ่นพักอยู่ ไม่มีใครเข้าออกเลยในช่วงนั้น แล้วภาพจากกล้องวงจรปิดก็ยิ่งตอกย้ำข้อมูลที่ได้ ตอนนั้นผมกลัวว่านุ่นจะเป็นอะไรไป ก็เลยขอกุญแจไปเปิดห้องดู
ไม่มีใครอยู่
ข้าวของนุ่นทุกอย่างยังอยู่ครบ รถมอไซค์ของนุ่นก็ยังจอดอยู่ที่เดิม ผมสับสนไปหมด คิดแล้วคิดอีกว่านุ่นจะไปอยู่ไหนได้เป็นสัปดาห์ๆขนาดนั้น โดยไม่เอาอะไรไปเลย เมื่อเริ่มคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติมากๆเกิดขึ้น ผมจึงไปคุยกับอาจารย์ที่ก็รู้สึกเป็นห่วงนุ่นอยู่เหมือนกัน จากนั้นก็มาถึงจุดที่ต้องแจ้งตำรวจว่ามีคนหาย
คดีของนุ่นโด่งดังอยู่พักใหญ่ สื่อหลายสำนักล้วนให้ความสนใจ มีผู้คนแสดงความคิดเห็นมากมาย กระทู้ในพันทิปเกี่ยวกับคดีนี้ต่างพากันผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด เวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ สองสัปดาห์ สามสัปดาห์ ทุกคนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผมถูกสอบปากคำอย่างหนัก ที่นี้เชื่อมั้ยครับว่ามันเร็วขนาดไหน นับตั้งแต่ที่ผมบอกตำรวจว่าผมกับนุ่นทะเลาะกันก่อนนุ่นจะหายไป ไอ้สิ่งที่นุ่นเคยเตือนผมไว้ก็เกิดขึ้นแทบจะชั่วข้ามคืน มันมาในรูปของแฮชแท็ก ของพาดหัวข่าว ของเทรนด์ในทวิตเตอร์ ของหัวกระทู้ดราม่าในพันทิป มันมีชื่อผม และทุกอย่างล้วนไปในทางที่ว่า
“ผมเป็นฆาตกร”
เพียงเท่านั้นแหละครับ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าทางตำรวจจะว่ายังไง ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผมกับนุ่นทะเลาะกันเรื่องอะไร คลื่นลูกนั้นมันได้ถาโถมเข้ามาหาผมแล้ว โดยตัวจุดชนวนคือคำว่า “ทะเลาะ” แค่นั้นเอง ผมโดนประณาม โดนด่าทอบุพการี มีคนทักเข้ามาด่ามากมาย แม้กระทั่งขู่จะฆ่าก็มี พวกเพื่อนฝูงต่างพากันมองผมด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิม และถึงแม้ผู้คนบางส่วนจะไม่เชื่อว่าผมฆ่านุ่น แต่เค้าก็ยังมาแสดงถ้อยคำดูถูกเหยีดหยาม หาว่าผมเป็นผู้ชายที่แย่ ทำร้ายจิตใจแฟนตัวเองนั่นโน่นนี่ และแค่เพียงข้ามคืนนี่แหละครับ ที่เปลี่ยนชื่อของชายธรรมดาๆ ให้กลายเป็นชื่อของคนที่ถ้าใครได้ยินแล้ว ต้องมีทัศนคติแง่ลบเกิดขึ้นในใจอย่างแน่นอน
ตอนนั้นผมเชื่อเหลือเกินว่า ถ้านุ่นยังอยู่กับผม เธอคงคิดว่าไอ้ชิพนั่นคงถูงฝังเข้ามาในหัวผมแล้ว และนับจากนี้ เวลาที่เหลือของชีวิตผมจะต้องถูกโปรแกรมให้ค่อยๆนับถอยหลัง และไม่ช้าก็เร็ว มันจะนำผมไปสู่การทำลายตัวเอง ตามที่นุ่นได้พูดเอาไว้หลายครั้ง โดนไม่สนเลยว่าผมจะมี “ภูมิคุ้มกัน” มากน้อยแค่ไหน
ทุกสิ่งทุกอย่างมันท่วมท้นมากจนผมจำเป็นต้องปิดช่องทางการสื่อสารออนไลน์ทั้งหมด เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ไลน์ อินสตาแกรม และอื่นๆ ผมถอนตัวเองออกมาอยู่คนเดียว เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ และแม้จะยังไม่มีหลักฐานที่จะชี้ว่าผมเป็นคนผิดจริง แต่ทุกที่ที่ผมไป สายตาของผู้คนรอบข้างต่างพากันประณามตัวผม โดยไม่ส่งเสียงใดให้ได้ยิน แต่ผมรับรู้มันด้วยความรู้สึกลึกๆข้างใน แน่นอนว่าผมทนไม่ไหว ผมจึงดร็อปออกมาอยู่กับพ่อแม่ที่อีกจังหวัดนึง ช่วยงานท่านที่นั่น จนผมได้พบกับความอบอุ่นและความเข้าใจที่ผมโหยหามานาน อย่างน้อยก็มีคนอยู่ข้างเราเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และที่นั่นเอง ที่ผมค้นพบสถานที่ออนไลน์ที่ปลอดภัยที่สุด
พันทิป
มันเป็นสถานที่พิเศษเพราะไม่มีใครรู้จักเราจริงๆ นุ่นเคยบอกกับผมไว้ และผมยังจำได้ดี ผมจึงเริ่มสืบหาความจริงจากที่นี่ ที่ที่ปัญหาทุกอย่างระหว่างผมกับนุ่นได้เริ่มก่อกำเนิดขึ้น ผมติดตามกระทู้ทุกหน้าที่ยังคงเกาะกระแสคดีการหายตัวไปของนุ่น ได้รับรู้มุมมองของผู้คนที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเมื่อมีข้อมูลใหม่ๆเข้ามา และที่สำคัญที่สุดคือการตามหาว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้กระทู้ของนุ่นโดนลบไปแบบนั้น ด้วยตัวตนนิรนามของผมในเว็บบอร์ดแห่งนี้ ผมจึงค่อยๆสืบสาวราวเรื่องไปลึงลง ลึงลงเรื่อยๆ เวลาผ่านไปเป็นแรมปี ผมได้เรียนรู้ข้อมูลมากมาย มีกระทู้นับร้อยที่ถือกำเนิดในนี้แล้วลงเอยด้วยการเป็นกระแสอยู่พักนึง ซึ่งมีอยู่มากเช่นกันที่โดนลบไปแล้ว ลองมาคิดทบทวนดูดีๆ ประเด็นข่าวดราม่าส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นในนี้แทบจะทั้งสิ้น
ทีนี้กลับมาที่นุ่น แม้ผมจะหาบัญชีพันทิปของนุ่นไม่เจอ แต่บัญชีอื่นๆผมก็ยังสามารถเข้าไปดูได้อยู่ อย่างเช่นโพสต์บนเฟซบุ๊คที่ผมเข้าไปดูโดยไม่ได้ล็อกอิน แล้วจึงพบว่าโพสต์ล่าสุดบนไทม์ไลน์ของนุ่นเป็นข้อความที่ยาวมากๆ เขียนไว้เมื่อประมาณสามเดือนที่แล้ว คือก่อนที่นุ่นจะหายไป ซึ่งในนั้นได้กล่าวถึงสิ่งที่นุ่นเรียกว่า The System พร้อมกับคำอธิบายอย่างละเอียด ผมก็เลยลองอ่านทำความเข้าใจดูเป็นครั้งแรก และจับใจความได้ประมาณนี้ครับ
นุ่นเขียนเอาไว้ว่า The System คือการกระทำของสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของเราโดยสิ้นเชิง และเพิ่งจะปรากฏให้เห็นเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดของ The System ก็คืออัตราการฆ่าตัวตายของคนไทยเมื่อสองสามปีที่ผ่านมานี้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งรวมถึงสถิติผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าด้วยเช่นกัน (ณ จุดนี้นุ่นได้แปะลิงค์อ้างอิงถึงที่มาของข้อมูลสถิติพวกนี้) นุ่นได้ให้ความเห็นว่า The System มุ่งหวังจะกำจัดมนุษย์โลก และจะทำงานโดยอาศัยกระแสดราม่าจากสังคมออนไลน์ เมื่อมีกระแสความเกลียดชังที่เล็งผลไปยังบุคคลหนึ่งแล้ว The System จะทำการฝังชิพเข้าไปในสมองคนนั้น แล้วจึงทำการโปรแกรมวันตายเอาไว้ ซึ่งระยะเวลานั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจด้วย สุดท้ายแล้วผลที่ได้คือการเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงจนต้องฆ่าตัวตาย อันเป็นการบรรลุผลของ The System
นอกจากนี้ ยังมีข้อความบางส่วนที่กล่าวถึงเว็บไซต์อย่างพันทิปว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญของ The System ที่นอกจากจะปั่นให้เกิดกระแสดราม่าโจมตีกันแล้ว ยังช่วยขัดเกลานิสัยของคนไทยให้เป็นคนอ่อนไหวง่าย โกรธง่าย เกลียดง่าย นุ่นยังบอกอีกว่าการทำงานของ The System จะไม่เห็นผล 100% เพียงแต่มันจะเพิ่มอัตราการฆ่าตัวตายของผู้ที่โดนโจมตีจากกระแสดราม่าในโลกโซเชียลมากขึ้น และจะไม่มีมนุษย์คนใดสังเกตพบความผิดปกตินี้ได้เลยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ส่วนเหตุผลที่ทำให้นุ่นเชื่อแบบนี้ก็เป็นเพราะว่า นับตั้งแต่เข้าพบจิตแพทย์ มีผู้คนมากมายได้ส่งข้อความหลังไมค์ในพันทิปให้เธออย่างไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งนุ่นกล่าวว่าเธอไม่รู้จักใครเลยซักคน แต่ทุกคนที่ส่งข้อความมานั้นบอกว่ารู้จักเธอหมด ข้อความจะมีประมาณว่า คนพวกนั้นส่วนมากได้ถูกกระแสดราม่าโจมตีอย่างหนัก และทุกคนมีอาการของโรคซึมเศร้าทั้งหมด โดยทุกข้อความจะมีรูปภาพที่แสดงถึงกล่องข้อความหลังไมค์ของพันทิปที่มีผู้ใช้นามว่า The System ส่งมาให้คนโชคร้ายพวกนั้น และข้อความที่ The System ส่งมาจะเป็นตัวเลขหนึ่งตัว เริ่มจาก 10 และจะนับถอยหลังลงทุกวัน ซึ่งหนึ่งในคนพวกนั้นบอกกับนุ่นว่าถ้าใครถึงเลข 0 ก่อน คนนั้นจะฆ่าตัวตายในที่สุด
นุ่นไม่สามารถอธิบายได้ว่าผู้คนพวกนั้นรู้จักเธอได้อย่างไร แต่จากการสอบถามแล้วพวกเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าบัญชีผู้ใช้พันทิปของนุ่นมีบางอย่างดึงดูดให้พวกเขาต้องส่งข้อความไป และเมื่อส่งไปแล้ว พวกเขาต่างบอกว่ารู้สึกโล่งอกและมีความสุขเหมือนมีคนที่เข้าใจพวกเขาอยู่ จึงพากันบอกต่อๆกันไป
ตามที่นุ่นได้โพสต์เอาไว้ ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่ามีเว็บไซต์อื่นตกเป็นเครื่องมือของ The System และ The System ส่งผลต่อระบบความคิดผู้คนพวกนั้นอย่างไรบ้าง ที่แน่ๆคือหลักฐานข้อความตัวเลขนับถอยหลังนั้น ไม่ใช่ภาพที่มโนขึ้นมาเองอย่างแน่นอน นุ่นกล่าวว่ามันต้องมีใคนสักคนคอยควบคุมการส่งข้อความของบัญชี The System อาจเป็นคนที่รู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์อะไรทำนองนั้น และที่สำคัญเลยก็คือต้องเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ The System แน่นอน
โพสต์นั้นก็มีเนื้อหาประมาณนี้ และเมื่อผมเลื่อนลงไปอ่านตั้งแต่โพสต์แรกที่นุ่นเริ่มเขียน จึงเห็นพัฒนาการทางด้านมุมมองของนุ่นที่มีต่อกระแสดราม่าในสังคมไทย และพอยิ่งอ่านโพสต์พวกนั้นเรียงตามลำดับเวลา ผมก็เห็นบางสิ่งที่น่าจะเป็นเบาะแสสำคัญต่อการหายตัวไปของนุ่น
มีหลายโพสต์ที่นุ่นกล่าวถึงจิตแพทย์ที่รักษานุ่นจากอาการเสพติดดราม่า โดยนุ่นมักจะกล่าวขอบคุณที่ช่วยให้ได้เห็นมุมมองใหม่ๆของกระแสดราม่าพวกนั้น และวิธีทำอย่างไรไม่ให้อินกับข่าวที่เกิดจนเกินไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือในโพสต์นึงที่นุ่นได้กล่าวถึงกระบวนการ “สะกดจิต” ของจิตแพทย์คนนั้น ซึ่งนุ่นเรียกเขาว่า “อาจารย์” นุ่นบอกว่าตอนอยู่ในภวังค์ เธอจะรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวมาก ในขณะเดียวกันก็ฟังเสียงของอาจารย์พูดกล่อมต่างๆนานา และพอตื่นขึ้นนุ่นจะรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่ จำอะไรระหว่างถูกสะกดจิตไม่ได้ แต่ไม่มีอาการอยากหยิบมือถือขึ้นมาอ่านข่าวดราม่าพวกนั้นอีกแล้ว เพราะว่าเธอเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ รวมถึงผลกระทบของมันที่มีต่ออารมณ์ของคนไทย
เมื่ออ่านจนจบทุกโพสต์ผมจึงเริ่มตั้งคำถามกับจิตแพทย์คนนั้น ว่าบางทีเขาอาจกุมความลับบางอย่างอยู่ก็เป็นได้ ผมก็เลยรีบมุ่งหน้ากลับมาที่มหาลัย แล้วตามสืบหาตัวจิตแพทย์คนที่รักษานุ่นคนนั้น ผมตามไปถามกับพวกอาจารย์แล้วก็พวกที่ทำงานในแผนกจิตเวชศาสตร์ จนในที่สุดผมก็ได้รู้ว่าจิตแพทย์คนนั้น เขาโดนไล่ออกมาเดือนกว่าๆแล้ว เนื่องจากทำผิดจรรยาบรรณขั้นรุนแรง แต่ว่าทำอะไรนั้นถือเป็นความลับของโรงพยาบาลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
เชื่อมั้ยครับ ณ จุดนั้นผมแทบร้องตะโกนออกมาดังๆว่า “เยส!” นี่คือเบาะแสที่ต้องเชื่อมโยงกับการหายไปของนุ่นแน่ๆ เมื่อทราบชื่อและนามสกุลของจิตแพทย์คนนั้นแล้ว ผมจึงนำไปพิมพ์ค้นหา และพบว่าเขาเชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตบำบัด โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า คือข้อมูลเบาะแสมันไหลทะลักเข้ามาแบบล้นเอ่อเลยครับ ผมนี่แทบจะเอาไปหาตำรวจให้ช่วยตามสืบ แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่บอกให้ผมใจเย็นๆก่อน ค่อยๆรวบรวมข้อมูลแล้วจึงทำตามขั้นตอน
ทีนี้เมื่อประมาณเก้าวันก่อน ผมกลับมาที่บ้านพ่อกับแม่แล้ว ตอนนั้นกำลังสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมจากพันทิป จากนั้นอยู่ดีๆตรงกล่องข้อความหลังไมค์ผมก็มีแจ้งเตือนขึ้นมา หลังจากเปิดเข้าไปดูมันก็ทำให้ผมตกใจอย่างสุดขีด มันเป็นเลข 10 ทั้งในหัวเรื่องและตัวข้อความ ส่งมาจากบัญชีผู้ใช้ที่มีชื่อว่า The System
“เ-ี่ยอะไรเนี่ย” ผมร้องอุทานออกมา หัวใจผมไม่รู้ทำไมมันเต้นรัวๆแบบไม่เคยเป็นมาก่อน และผมก็เริ่มรู้สึกสิ้นหวัง คือมันเห็นเลขแล้วรู้สึกไปเองอ่ะครับ รู้สึกว่านี่เรากำลังจะตายแล้วเหรอเนี่ย มันเกิดขึ้นเองโดยที่ผมก็ยังไม่รู้ว่าทำไม แล้วพอวันรุ่งขึ้น เลข 10 นั้นก็ได้กลายเป็นเลข 9 แล้วก็เลข 8 ในรุ่งเช้าของอีกวัน แต่สิ่งที่แปลกก็คือทุกครั้งที่เลขนั้นนับถอยหลังลงทีละ 1 ผมจะเริ่มมีอาการสิ้นหวังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ รู้สึกว่าไหนๆเดี๋ยวก็ตายแล้ว จะไปสนใจเรื่องพวกนี้ทำไม ช่างนุ่นมัน ไม่ต้องรู้หรอกว่ามันหายไปไหน คือผมคิดแบบนี้จริงๆนะ มันรู้สึกแปลกมากๆทั้งๆที่อีกใจก็ยังอยากมีชีวิตต่อ
ผมเก็บเรื่องพวกนี้ไว้ในใจ ไม่เคยบอกใครเลย ก็รู้อยู่แหละว่าพ่อกับแม่น่าจะสังเกตเห็นว่าผมมีอาการแปลกไป บางครั้งก็ไม่ยอมลงไปกินข้าวกินปลา แต่ก็คิดว่าพวกท่านไม่น่าจะคิดมาก อาจเพราะมัวแต่ยุ่งกับงานก็ได้ ทีนี้พอเลขมันนับถึง 1 ผมก็ได้รับข้อความเพิ่มมาอีกหนึ่ง ตอนนั้นประมาณสองทุมของวันนี้ ข้อความส่งมาจาก The System เช่นกัน แต่อันนี้มันขึ้นหัวเรื่องว่า
“ผมมาช่วย โปรดอ่าน”
มันทำผมแปลกใจมาก และด้วยความสงสัยก็เลยกดเข้าไปอ่าน ข้อความนั้นเป็นข้อความสั้นๆ เขียนว่า
“ผมหมอนุ่น อย่าออกจากบ้าน เดี๋ยวผมไปหา”
ผมยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก คนที่ส่งข้อความนี้มา คือจิตแพทย์คนนั้นจริงๆใช่มั้ย ผมควรเชื่อใจเขาหรือไม่ แล้วเขาจะมาหาตอนไหน แล้วผมควรทำยังไง ควรตอบกลับมั้ย มีแต่คำถามเต็มหัวผมไปหมด ผมรู้ว่าถ้าถึงเที่ยงคืนเมื่อไหร่เลขนั้นจะกลายเป็น 0 รู้ด้วยว่าเมื่อถึงตอนนั้นยังไงก็ไม่รอด แต่แค่ไม่รู้ว่าจะตายยังไง ผมจะฆ่าตัวตายหรือมีคนมาลักพาตัวไปแบบที่น่าจะเคยเกิดกับนุ่น หรือจะมีคนบุกเข้ามาฆ่า ผมนั่งหน้าจอคอม เฝ้าดูเวลาที่ค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ สลับกับมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ก็ยังยังไม่มีวี่แววว่าใครจะมา ทีนี้ครับ เมื่อประมาณสามสี่นาทีที่แล้ว ผมเข้าไปดูที่เฟซบุ๊คของนุ่น เผื่อจะได้อ่านเกี่ยวกับ The System อะไรพวกนี้อีกรอบ
แล้วผมก็ก็ได้เจอกับโพสต์ใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งจะโพสต์ลงเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง!
นุ่นยังไม่ตาย! ผมรีบเข้าไปอ่าน ถึงมันไม่ค่อยยาวเท่าอันก่อนๆ แต่ก็ยาวพอสมควร และข้อความข้างในนั้นยังทำผมช็อกจนถึงตอนนี้
นุ่นบอกว่าแท้ที่จริงแล้ว The System ก็คือองค์กรของจิตแพทย์ที่มีสมาชิกจากทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย โดยจุดมุ่งหมายนั้นคือการทำการทดลองกับมนุษย์ ว่าเราจะสามารถโปรแกรมความคิดของคนธรรมดาให้ฆ่าตัวตายได้หรือไม่ นอกจากนั้น The System ยังส่งบุคลากรไปทำงานควบคุมเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อคอยสอดส่องคนที่มีแนวโนวจะเป็นโรคซึมเศร้า และเป็นคนที่ทำหน้าที่ส่งข้อความนับถอยหลังพวกนั้น สำหรับในส่วนของจิตแพทย์ที่อยู่ใน The System จะทำหน้าที่ให้การรักษาเคสที่รุนแรงมากๆ หรือผู้ที่ต้องการฆ่าตัวตายอยู่แล้วให้ห้ายเป็นปกติ ส่วนผู้ที่เพิ่งเริ่มมีอาการ จิตแพทย์ผู้นั้นจะทำการสะกดจิตหนึ่งครั้งต่อการเข้าพบ เพื่อโปรแกรมให้จิตใต้สำนึกรู้สึกสิ้นหวังเมื่อเห็นตัวเลขนับถอยหลัง และฆ่าตัวตายเมื่อเลขนั้นเป็น 0 ทั้งนี้จำเป็นต้องรายงานผลการรักษาอันเป็นเท็จให้กับญาติผู้ป่วย ว่าอาการซึมเศร้าดังกล่าวนั้นรุนแรงจนแพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายได้
นุ่นยังบอกอีกว่าสำหรับในประเทศไทย The System สามารถแทรกแซงได้แค่เว็บไซต์อย่างพันทิปเท่านั้น และผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่จะเป็นเหยื่อของ The System จะเป็นใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเคยโดนโจมตีจากกระแสดราม่า เพียงแค่ในกรณีนั้น มันจะเป็นการง่ายกว่าสำหรับการสะกดจิตที่จะโปรแกรมให้นำไปสู่การฆ่าตัวตาย เมื่อมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจากแพทย์ของ The System ข้อมูลส่วนตัวโดยเฉพาะข้อมูลบัญชีของพันทิป(ถ้ามี) จะถูกดึงจากกระบวนการสะกดจิต แล้วเก็บไว้ในคลังส่วนกลาง เพื่อให้บุคลากรด้านไอทีส่งข้อความตัวเลขไปหาในขั้นสุดท้าย
หากการสะกดจิตถูกต้อง ผู้ป่วยจะไม่เปิดเผยข้อความตัวเลขนั้นกับคนอื่น จะจำเหตุการณ์ระหว่างสะกดจิตไม่ได้ และจะไม่สามารถห้ามตัวเองได้เมื่อถึงเลข 0 หากไม่เข้ารับการสะกดจิตใหม่ ทุกคนจะประสบชะตากรรมเดียวกัน ซึ่งก็คืออัตวินิบาตกรรมตามจุดมุ่งหมายของ The System
เมื่อผมอ่านจนจบแล้วลองคิดทบทวนปะติดปะต่อเบาะแสทั้งหมด จึงได้พบว่านุ่นได้รู้ความจริงนี้ก่อนผม พอนำข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ในพันทิปจึงส่งผลให้โดนลบทิ้งไป แล้วจิตแพทย์ของนุ่นน่าจะเคยเป็นสมาชิกของ The System มาก่อน แต่พอให้การรักษาผิดขั้นตอนขององค์กร จึงทำให้โดนไล่ออก ส่วนตัวผมคิดว่าเขาพยายามช่วยคนที่กำลังตกเป็นเหยื่อจากจิตแพทย์คนอื่น พวกคนที่นุ่นอ้างว่าส่งข้อความมาหาเธอหลังไมค์ อาจมีความเป็นไปได้ว่าเคยทำการรักษาหรือไม่ก็เคยผ่านมือของจิตแพทย์คนนี้มาก่อน
แล้วเมื่อมาคิดดูดีๆ อาการของเหยื่อทุกรายที่นุ่นได้อธิบายไว้ในโพสต์นั้น มันไม่ต่างอะไรจากอาการของผมตอนนี้เลย มันคือความสิ้นหวังแท้ๆ ไร้ซึ่งเป้าหมายว่าจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม นั่นแสดงว่าผมอาจโดนสะกดจิตมาก่อน แต่ผมจำไม่ได้ อาจเป็นตอนที่ไปโรงพยาบาล และอย่างที่นุ่นได้บอกไว้ หากเหยื่อคนนั้นเคยโดนสังคมประณามมาก่อน มันย่อมจะเป็นการง่ายที่จะชักนำให้ไปฆ่าตัวตาย ซึ่งความอับอายที่ผมได้รับจากครั้งที่นุ่นหายตัวไปแรกๆ มันยังคงฝังรากลึกอยู่ในใจผมไม่ไปไหน ขอแค่ฉุดมันขึ้นมาเบาๆ ผมก็พร้อมและยินดีที่จะจากโลกนี้ไปตลอดกาล
อยู่ดีๆ หลังทำความเข้าใจทั้งหมดนี่ได้ ผมเริ่มรู้สึกอยากมีชีวิตอยู่อีกครั้ง อยู่เพื่อบอกต่อข้อมูลนี้ให้ทุกคนได้รู้ ทุกคนในโลกนี้ต้องได้รู้ว่ามันกำลังเกิดขึ้น และหากไม่มีทางหยุดมันได้ ก็จงหลีกเลี่ยงการย่ำยีกันไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในโลกออนไลน์ เมื่อกระแสดราม่าเริ่มจะปะทุ ก็ขอให้คุมอารมณ์เอาไว้ ไม่มีใครสมควรที่จะต้องฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะผู้บริสุทธิ์ที่กำลังตกเป็นเหยื่อ หรือแพะรับบาป หรือไม่ว่าจะถูกกดขี่ข่มเหงทางสังคม ผมไม่อาจทราบได้ว่าที่ผ่านมานี้มีคนต้องจบชีวิตไปแล้วกี่คน แต่คาดว่าน่าจะมากกว่าผู้ที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตอนสงคราม และคาดว่าจะมากกว่าผู้ที่ติดเชื้อโรคระบาดร้ายแรงเสียอีก
หาก The System ไม่สามารถถูกทำลายลงได้ เราก็จำเป็นต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่าปล่อยให้ใครสักคนในครอบครัวถูกทอดทิ้งรังแก และจงสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ให้แข็งแรงเข้าไว้ เผื่อหากต้องเผชิญกับมันจริงๆ จะได้ยังพอมีเวลาเหลือในชีวิต ที่จะนำไปใช้ทำสิ่งต่างๆอีกมากมายก่อนตาย
ณ จุดนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนเที่ยงคืน ผมอาจรอดหรือไม่รอดก็ได้ ผมรู้แค่ว่าข้อความนี้ต้องถูกเผยแพร่ออกไป ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญ แม้ว่ากระทู้นี้จะถูกลบทิ้ง แต่อย่างน้อยผมก็ได้พยายามแล้ว ยังมีอีกหลายช่องทางให้เผยแพร่ และเวลาผมก็ยังเหลืออยู่
ตอนนี้ผมเพิ่งรับโทรศัพท์จากนุ่นมาเมื่อกี้ บอกไม่ถูกเลยว่าผมตื้นตันใจแค่ไหนที่นุ่นยังไม่ตาย เธอเอาแต่บอกผมว่าให้เข้มแข็งเอาไว้ เดี๋ยวเธอกับจิตแพทย์คนนั้นจะมาหา แล้วจะได้ช่วยผมไว้ทันเวลา ผมได้รู้ว่าตลอดสี่เดือนกับอีกสองวันที่เธอหายไป เธอได้ไปอยู่กับจิตแพทย์คนนั้น เขาต้องช่วยชีวิตเธอไว้แน่ๆ แล้วเธอก็อาจเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของ The System เพราะผมรู้ว่าก่อนหน้าที่เธอจะพบหมอคนนี้ เธอเคยเจอกับจิตแพทย์คนอื่นๆมาก่อน แต่สำหรับผมตอนนี้ ตราบใดที่ผมยังไม่ได้เห็นหน้าเธอ นุ่นยังคงหายสาปสูญไร้ร่องรอย เธอวางสายลงก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ และผมก็ทำได้แค่รอเท่านั้น
อัปเดตล่าสุดครับ ตอนนี้เหลืออีกสามนาทีก่อนเที่ยงคืน ผมเห็นรถเก๋งสีดำคันนึงมาจอดหน้าบ้าน พ่อกับแม่ผมกำลังหลับอยู่ มีชายใส่สูทสี่ห้าคนเดินลงมาจากรถ ผมไม่แน่ใจว่าในมือพวกนั้นใช่ปืนรึเปล่าเพราะมันมืดมาก ตอนนี้ผมยืนชิดขอบหน้าต่างแล้วพิมพ์ผ่านมือถือ มีชายสองคนยืนดูลาดเลาด้านหน้ากับหลังรถ ตอนนี้ประตูด้านหลังถูกเปิดออก ผมเห็นพวกนั้นพากันลากร่างของผู้หญิงออกมา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นใคร ได้แต่หวังว่าอย่าเป็นนุ่นเลย ตอนนี้มีร่างผู้ชายถูกลากออกมาด้วย น่าจะอายุมากหน่อย
ผมรู้แล้ว ผมเห็นหน้าเธอแล้ว ร่างนั่นคือนุ่น ผมพยายามกลั้นน้ำตาไว้อยู่ แต่มันไม่ไหวจริงๆ ตอนนี้มีคนมาเคาะประตูห้องผม เคาะแรงมากๆ ผมได้ยินเสียงปืนจากชั้นล่าง แล้วก็เสียงแม่ผมกรี๊ด แล้วก็
----
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับเรื่องสั้นเรื่องที่หกของผม น่าจะยาวที่สุดที่เคยเขียนแล้วล่ะครับ เรื่องนี้ผมอยากลองเขียนให้สมจริงที่สุดดู ถ้ามีความคิดเห็นติชมแนะนำอะไร คอมเมนต์ได้เต็มที่เลยนะครับ ขอขอบคุณทุกท่านมากๆครับที่ทนอ่านมาจนจบ สวัสดีครับ
เรื่องจากพันทิป กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก…
เรื่องโดย สมาชิกหมายเลข 5347947
Post a Comment