นอนค้างบ้านเพื่อนคืนนั้น… ทำผมเกือบตาย
ประสบการณ์สยองที่ทำให้เขาเกือบตาย เรื่องจริงจากที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเองโดยสมาชิกพันทิปหมายเลข 5347947 ติดตามประสบการณ์เฉียดตายของเขาได้ และขอขอบคุณเรื่องดีๆมีคุณภาพไว้ ฌ ที่นี้ด้วย
ขอบอกก่อนนะครับว่าอันนี้มาจากประสบการณ์จริงของผู้เขียน และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผีนะครับ แต่เป็นเรื่องบังเอิญแบบหลอนๆที่ผมจะจำไปตลอดชีวิต และมันจะคอยเตือนผมอยู่เสมอไม่ให้ประมาท จะเชื่อหรือไม่ก็โปรดใช้วิจารณญาณนะครับ มาเริ่มเลยดีกว่าครับ
---
คือว่าตอนนั้นผมอยู่ ม.4 ครับ ผมเรียนวิชาศิลปะแล้วอาจารย์ก็ให้จับคู่กับเพื่อนแล้วทำชิ้นงานมาหนึ่งชิ้น เป็นงานสามมิติ และเหมือนว่าให้ทำแบบอลังการที่สุดเพราะแกให้เวลาหนึ่งอาทิตย์ ผมก็เลยจับคู่กับเพื่อนสนิทของผมคนนึงชื่อนนท์ แล้ววางแผนว่าจะไปทำงานบ้านนนท์กันช่วงหยุดเสาร์อาทิตย์ คือผมกับมันอยู่อำเภอเดียวกันครับ
วันนั้นน่าจะเป็นวันเสาร์มั้งครับถ้าผมจำไม่ผิด ตอนเกือบเย็นๆมันก็โทรเรียกผมไปทำงาน ผมก็เลยเก็บอุปกรณ์เท่าที่มีในบ้านแล้วขอพ่อกับแม่ออกไป คือคุยกับครอบครัวแล้วว่าถ้าเสร็จดึกอาจได้นอนค้างบ้านนนท์ พ่อแม่ผมก็ไม่ว่าอะไรเพราะผมเคยไปนอนค้างบ้านมันมาก่อน
ผมหอบกระเป๋าแล้วขึ้นมอไซค์ออกไป แวะซื้อข้าวเย็นอยู่เซเว่นข้างทาง ซักพักผมก็ไปถึงบ้านมัน ตอนนั้นพ่อแม่มันออกไปทำธุระอะไรสักอย่าง ทั้งบ้านก็เลยมีแค่ผมกับนนท์ ตามปกติเวลาผมไปบ้านมันเนี่ย ผมจะอยู่แค่ในห้องนอนมันแค่นั้น ไม่ค่อยได้ออกไปเดินดูรอบๆ ห้องมันก็ค่อนข้างใหญ่ มีพื้นที่เหลือเฟือให้ทำงาน คือนนท์เนี่ยเป็นคนทุ่มเทกับงานมาก โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวกับศิลปะอะไรพวกนี้ มันก็เลยมีพวกพู่กัน สีน้ำ สีน้ำมัน ขนาดผืนผ้าใบบ้านมันก็ยังมี
เรานั่งออกแบบชิ้นงานกันพักใหญ่ กว่าจะได้ไอเดียก็ปาเข้าไปเกือบทุ่ม ตอนนั้นคาดว่าพ่อกับแม่นนนท์น่าจะกลับมากันแล้ว เราทั้งคู่เลยเอาข้าวเย็นมากินกันก่อนเริ่มลงมือ คือกองทัพต้องเดินด้วยท้องน่ะครับ และเชื่อมั้ยครับ งานเสร็จตอนเที่ยงคืนพอดีเป๊ะ ผมง่วงมากๆ เหนื่อยจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว ก็เลยขอตัวไปนอนก่อน
ห้องนนท์มีเตียงสองชั้นอยู่ตัวนึง ปกติมันจะนอนด้านล่างส่วนพี่ชายมันจะนอนด้านบน แต่คือพี่มันเข้ามหาลัยได้สองปีกว่าแล้ว ผมก็เลยได้นอนด้านบนแทน แล้วดูเหมือนนท์มันจะภาคภูมิใจกับชิ้นงานเป็นพิเศษ กว่าจะปิดไฟได้ก็นานโขอยู่ ทีนี้เราไม่ได้เก็บห้องนะครับ พวกอุปกรณ์ทั้งหลายแหล่ก็ยังกองกันอยู่ที่พื้นกับงานชิ้นนั้น ก็มีพวกดินสอสี พู่กัน ปากกาเมจิก กระดาษ กาว กรรไกรอะไรพวกนี้อ่ะครับ
เรื่องมันเริ่มตรงนี้ครับ คืนนั้นผมฝันร้าย ไม่แน่ใจว่าดูหนังมากไปรึเปล่าแต่ผมฝันว่ามีคนจะมาตามฆ่าครับ ในฝันนั้นผมอยู่ที่โรงเรียน กำลังรอพ่อแม่มารับกลับบ้านเพราะมอไซค์ซ่อมอยู่ แล้วผมก็เห็นผู้ชายคนนึงเดินอยู่ไกลๆ เขาสวมฮู้ดคลุมหัวตลอดเวลา แล้วในมือก็เหมือนถือแท่งอะไรสักอย่างคล้ายๆดินสอไม่ก็ปากกา ทีนี้ในฝันนะครับ ไม่รู้ใครเป็นบ้าง คือเราจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเลยอ่ะครับ ไม่มีใครบอกนะครับ แต่เราจะเข้าใจได้เองอะไรทำนองนั้น คือไม่แน่ใจว่าผมรู้ว่าได้ไง แต่ผมรู้เลยว่าชายคนนี้เนี่ย กำลังตามฆ่าผมอยู่
แล้วก็มีอย่างนึงครับ มันเหมือนเป็นเงื่อนไขอะไรไม่รู้ที่ผมต้องปฏิบัติตาม คล้ายๆกติกาของเกมหรืออะไรสักอย่าง ผมจะพยายามอธิบายนะครับ คือผมเป็นคนเดียวที่มองเห็นเขา และเขาจะมองไม่เห็นผมตราบใดที่ผมยังมองเขาอยู่ แค่นี้ครับ แต่เมื่อใดก็ตามที่ผมละสายตาจากเขา ผมก็จะมองไม่เห็นเขา แต่เขาจะมองเห็นผมแทน ไม่งงนะครับ เอาง่ายๆคือถ้าผมไม่เห็นเขาแล้วเนี่ย ผมตายแน่ๆ เพราะยังไงเขาก็จะหาผมจนเจอแล้วก็ฆ่าผมทิ้งอยู่แล้ว
คือในฝันมันเข้าใจไปเองอ่ะครับ ผมก็ต้องเล่นตามนั้นแบบเลี่ยงไม่ได้ มันเป็นสัญชาติญาณเอาตัวรอดที่ผมต้องเดินตามเขาไปทุกที่ ตลอดเวลาผมต้องคอยดูเขาไว้ มันเป็นแค่ทางเดียวจริงๆที่ผมจะไม่ตาย เขาก็ดูเหมือนเอาแต่มองหาผม แต่ไม่รู้ทำไมผมเข้าใกล้เขาไม่ได้เลย เหมือนยิ่งเดินยิ่งห่างอ่ะครับ ในใจผมเนี่ยเต้นตุบๆ คอยลุ้นไม่ให้เขาเดินหายไปในตึกหรืออะไรพวกนี้ ในฝันนั้นผมไปไหนก็ไม่ได้ ขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่ได้ มันลุ้นระทึกระดับที่ว่าผมยังจำความรู้สึกได้จนทุกแทบวันนี้
ที่นี้ผมจำไม่ได้ว่าเขาหายไปตอนไหน จำได้แค่ความรู้สึกตอนใจหล่นลงไปที่ตาตุ่ม มันเหมือนวูบลงไปเลย ความหวาดระแวงบวกความสิ้นหวังถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผมมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เจอใครเลย ณ จุดนั้นเหมือนทั้งโรงเรียนเหลือผมคนเดียว ผมตายแน่ๆ ผมตายแน่ๆ เอาแต่คิดอยู่อย่างนั้น เพราะชายคนนั้นต้องอยู่ใกล้ๆเนี่ยแหละ เขาต้องเจอผมแล้วแน่ๆ หัวใจผมยิ่งแต้นแรงเป็นท่าทวีคูณด้วยความกลัวตาย
ในฝันผมเริ่มออกวิ่งอย่างสิ้นหวัง มันสิ้นหวังจนบอกไม่ถูก ผมเข้าใจเลยว่าคนที่รู้ว่ากำลังจะตายจะรู้สึกยังไง แบบพวกนักโทษประหารไรงี้ วิ่งมาสักพักผมก็เริ่มเหนื่อย มีความคิดแล่นเข้ามาว่ามันไม่มีประโยชน์หรอก ไม่ช้าก็เร็วเขาจะตามผมจนทัน ผมเริ่มคิดว่าผมจะตายยังไง เขาจะใช้อะไรฆ่าผม และเขาจะวิ่งมาจากทางไหน ผมได้แต่มองรอบๆ รู้สึกแทบยืนไม่อยู่ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหน จำได้แค่มันไม่มีใครเลยนอกจากผมตอนนั้น เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วทุกอย่างมันชวนหดหู่ขึ้นมาทันที
ท้ายที่สุดคือในฝันผมได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาจากข้างหลัง ผมได้แค่หันกลับไปมอง แต่ไม่ทันไรมือเขาก็พุ่งมาที่ท้องผม ภาพตอนนั้นคือมันเหมือนสโลว์เอาไว้อ่ะครับ ผมขยับไปไหนไม่ได้ และสิ่งที่ผมเห็นในมือเขาคือ กรรไกรเล่มใหญ่ที่มีด้ามจับสีแดง ผมยังจำได้อยู่เลย ทันใดนั้นมันก็พุ่งมากระแทกที่ท้องผมอย่างแรง
ผมรู้สึกจริงๆนะ มันเหมือนมีอะไรมากระแทกที่ท้องผมจนสะดุ้งตื่น ตอนนั้นเจ็บไปหมดทั้งตัว พอได้สติก็ผมก็ได้รู้ว่าผมชนเข้ากับแผงราวกั้นของเตียงชั้นบน แต่ผมยังหายใจหอบอยู่ หัวใจผมก็เต้นจนแทบจะหลุดออกมา แถมทั้งตัวผมยังชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ตอนนั้นที่ผมสะดุ้งตื่น ยังจำได้เลยว่าแขนกับขาข้างขวาของผมมันยื่นออกไปนอกเตียง ว่าง่ายๆคือครึ่งตัวซีกขวาผมอยู่นอกเตียง อีกนิดเดียวก็ร่วงแล้ว ตอนฝันอยู่ผมน่าจะพลิกตัวมาชนกับราวกั้นอย่างแรง และถ้าไม่มีมันอยู่ตรงนั้นผมคงหล่นลงไปแล้ว ผมรีบพลิกกลับมาแล้วข่มตานอนต่อจนเช้า
พอรุ่งเช้าผมก็ลงมานั่งคุยกับนนท์ที่เตียงด้านล่าง ผมเล่าทุกอย่างให้มันฟัง และมันก็ดูเหมือนตั้งใจฟังเพราะมันก็ชอบเรื่องทำนองนี้อยู่ไม่น้อย ทันใดนั้นเองสายตาผมก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่พื้น ภาพนั้นทำให้ใจผมร่วงลงไปที่ตาตุ่มอีกครั้ง เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่ผมเจอในความฝัน
จำได้มั้ยครับที่ผมบอกว่าเราไม่ได้เก็บห้อง เพราะไอ้ที่ผมเห็นมันก็คือแก้วพลาสติกใบนึง ที่ตอนนั้นเราใช้มันใส่พวกดินสอสีกับปากกาที่ใช้ทำงาน ใช่ครับ ไอ้แก้วนั่นมันวางอยู่ตรงนั้นทั้งคืน ห่างจากเตียงประมาณหนึ่งฟุต ซึ่งก็คือใต้ตัวผมพอดีตอนที่สะดุ้งตื่น แถมพวกดินสอปากกาทุกอย่างในแก้วนั้นล้วนชี้ด้านแหลมขึ้นข้างบนทั้งสิ้น
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำผมเกือบช็อค มันคือกรรไกรในแก้วนั่นต่างหาก กรรไกรเล่มนั้นมีด้ามจับสีแดงแบบเดียวกับที่เห็นในฝันเป๊ะเลย ขนาดก็ใหญ่เท่ากันอีก และที่พีคที่สุดคือผมจำไม่ได้เลยว่าใครเอามันใส่แก้วแบบให้ปลายแหลมชี้ขึ้นด้านบนพอดี อะไรจะเป๊ะขนาดนั้น คือผมถามนนท์ว่ามันเป็นคนเก็บกรรไกร มันก็บอกว่ามันไม่ได้เก็บ ผมนี่ก็ยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก
จนแทบทุกวันนี้ผมก็ยังหาคำอธิบายไม่ได้ ที่รู้แน่ๆคือผมเกือบไม่รอด เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังใครๆก็บอกว่าเหลือเชื่อเกินกว่าจะเป็นจริง แต่ก็นั่นแหละครับ มันทำให้ผมต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เพราะไม่ว่าโอกาสที่มันจะเกิดขึ้นจะน้อยแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิด
สุดท้ายก็หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์สำหรับหลายๆท่านในการดำเนินชีวิตนะครับ และก็ขอขอบคุณทุกท่านมากๆนะครับที่อ่านเรื่องนี้จนจบ สวัสดีครับ
เรื่องจากพันทิป นอนค้างบ้านเพื่อนคืนนั้น… ทำผมเกือบตาย
เรื่องโดย สมาชิกหมายเลข 5347947
Post a Comment