ประสบการณ์สยองขวัญ "เขาเป็นใคร" ที่ผมไม่สามารถลืมได้ตลอดชีวิต !
ประสบการณ์สยองขวัญจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 1553652 เรื่อง "เขาเป็นใคร" เป็นเรื่องที่สมาชิกพันทิปให้ความสนใจมากอีกกระทู้หนึ่ง ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิป "นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของผม ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ"
เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไป.. ตัวผมเองไม่มีหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ใดใด ที่จะสามารถให้เพื่อนๆเชื่อในสิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ได้ ทุกตัวหนังสือจากนี้ไป!
อยู่ที่วิจารณญาณของทุกคนครับ ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้จะเป็นเรื่องราวที่ผู้ใหญ่ในครอบครัวชอบเล่ากันในวงเหล้า
ผมไม่เคยคิดจะเชื่อเลย คิดว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อความบังเทิงเท่านั้น และผมเชื่อมาเสมอว่าผีไม่มีจริง !!
แต่แล้วมีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดนี้ตลอดไป.......... เม่าแพนิค
ขอย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และเป็นช่วงงานบูรณาการ ผมมักจะอยู่ทำหัวข้อโครงงานจนดึกกับเพื่อนๆที่โรงเรียน ทางบ้านก็ไม่ได้คัดค้านหรือตำหนิอะไร วันนี้ก็เช่นกันผมอยู่ทำหัวข้อตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ ความรู้สึก!
ผมบอกกับเพื่อนในกลุ่มตั้งแต่ตอนเช้าว่า "กูรู้สึกแปลกๆวะ... เหมือนกังวลอะไรซักอย่าง ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร" และผมก็รู้สึกแบบนั้นทั้งวัน (ใจหายๆ)
ผมนั่งทำงานจนเวลาล่วงเลยไปจนถึง 5 ทุ่มกว่า ไม่เกินเที่ยงคืน มีโทรศัพท์โทรเข้ามาซึ่งผมมองดูแล้วเป็นแม่ของผมเอง ผมรับทันที
(*ประโยคสนทนาจากนี้ไป ผมพยายามให้ใกล้เคียงกับความจริง เท่าที่ผมจำได้ให้มากที่สุดนะครับ)
ผม = "แม่ว่าไง"
แม่ = "..................ทำอะไรอยู่จะกลับยัง"
ผม = "อีกซักพักบทที่3ยังไม่เสร็จ...แม่มีไรเปล่า"
ผมพูดคุยกับแม่ไปอีกซักพัก แต่การพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ครั้งนี้ผมรู้สึกถึงความไม่ปกติตั้งแต่แรกเริ่ม ต้องอธิบายให้เพื่อนๆเข้าใจก่อนว่าปกติแม่จะทราบดีอยู่แล้วว่าผมกำลังทำงานบูรณาการ ซึ่งแม่ก็ไม่เคยโทรตามหรือโทรถามว่าจะกลับหรือยังเพราะผมกลับตี 1-2 เป็นประจำ แสดงว่าวันนี้จะต้องมีอะไร...
แม่ ="วันนี้กลับบ้านแล้วไม่มีใครอยู่บ้านนะกำลังกลับโคราช แต่ไอกอฟล์(พี่บุญธรรม)ไม่ได้ไป พรุ่งนี้ค่อยไปโคราชพร้อมลุง"
ผม = เอ้าทำไมรีบไปกระทันหันอ่ะ..มีไรกัน"
แม่ = "................................ตาเสียแล้ว"
ผม = "ตลก!"
แม่ = "ป้าป้าล่วงหน้าไปรับศพตาที่โรงพยาบาลแล้ว แม่กำลังตามไปกับพ่อและน้องๆ แกมีงานทำก็ทำให้เสร็จพรุ่งนี้จะได้มาพร้อมลุง" (ดูจะไม่ตลก)
ผม = "แม่..เรื่องจริงดิ "
แม่ = "เสียเมื่อตอนกลางวัน มีคนไปเจอนั่งทับขาคอพับอยู่กลางนาเหมือนหยุดหายใจโดยเฉียบพลัน ตอนแรกป้าแกก็ไม่เชื่อว่าเสีย คิดว่าเป็นลม แดด แต่แกไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ตอนพาไปรพ.ปากตาม่วงแล้ว แม่เพิ่งมารู้เหมือนกัน"
ผมไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ผมได้ยินแต่ผมก็ต้องเชื่อ เพราะแม่คงไม่เอาพ่อตัวเองมาล้อเล่นแน่นอน แต่ถ้านี่คือเรื่องล้อเล่นจะทำไปเพื่ออะไร ?
แต่ผมแอบมีความหวังอยากให้เรื่องที่ผมได้ยินเป็นเรื่องล้อเล่นจริงๆ
ผมบอกให้แม่พยายามทำใจดีดีไว้ก่อน เพราะตอนที่ผมคุยกับแม่ เหมือนแม่ยังคงมีความหวังว่า ตา จะต้องไม่เป็นอะไร เพราะแม่ยังไม่เห็น ผมคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น คุยอีกซักพักผมจึงวางสาย การสนทนากับแม่เพื่อนผมได้ยินหมดทุกคน แต่มีเพียงคนเดียวเดินมาบอกกับผม "นี่คงเป็นเรื่องที่บอกพวกกูเมื่อเช้าวะ เสียใจด้วยเว้ย" ผมบอกพวกมันว่าขอตัวกลับก่อนจะได้กลับไปอาบน้ำนอนพรุ่งนี้จะได้ไปโคราชพร้อมลุง(เรื่องจริงหรอเนี่ย) ผมโบกแท็กซี่กลับบ้าน
ผมบอกกับพี่แท็กซี่ "ไปตากสิน22 ครับ" ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ถึงที่หมายเพราะไม่ค่อยมีรถบนถนนมากนักในเวลานั้น (แต่แปลกดีออกไปเรียกแท็กซี่ไม่ทันได้รอขับมาพอดี)
การไปโคราชครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นการไปจัดพิธีงานศพให้คุณตา ซึ่งในคืนนี้ผมจะต้องอยู่บ้านกับพี่ผมซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาเมื่อไหร่ และบ้านที่ทุกคนรู้แต่แรกว่า มีเพียงผมและพี่ชายเท่านั้นในคืนนี้ แต่ไม่ใช่ ! ผมคิดผิด
ผมต้องขอโทษที่ทำให้เพื่อนทุกคนต้องรอนะครับ มาเริ่มกันต่อเลยดีกว่า .... อมยิ้ม08
เพื่อนๆบางคนอาจตั้งคำถามกับผมว่า ทำไม?เรื่องราวผ่านมาแล้วตั้ง8ปี ถึงมาเล่าเอาป่านนี้ ทำไมต้องตอนนี้?
จริงๆเรื่องนี้รู้กันอยู่แล้วในครอบครัวและเพื่อนๆที่รู้จักกัน เหตุการณ์ในคืนนั้นที่ผมและครอบครัวคิดว่าคงจบไปแล้ว
แต่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นกับครอบครัวผม และทุกคนเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ผิดแน่ ! เป็นสิ่งเดียวกับในคืนนั้น
ผมมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำหัวข้อโครงงาน ทั้งในหัวยังคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่นั่งรถมา บ้านของผมเป็นตึกแถว
มีทั้งหมด11คูหา(ไม่รู้ผมเรียกถูกไหม?) ทั้ง2ฝั่งหันหน้าเข้าหากัน บ้านผมอยู่คูหาที่ 4 มีทั้งหมด 4 ชั้น ประกอบไปด้วย
ชั้นที่ 1 = ส่วนหน้าเป็นห้องรับแขก จะมีตู้ไม้ที่ไว้เป็นศาลเจ้าอากงกั้นอยู่ระหว่างส่วนหน้าและหลัง ส่วนหลังเป็นห้องครัว
ชั้นที่ 2 = ชั้นลอย ตามปกติชั้นลอยจะสามารถมองลงมาที่ชั้น1ได้ แต่พ่อผมใช้ไม้ปิดกั้นทำเป็นห้องเวลามีคนเดินตรงชั้น2 ชั้น1จะได้ยินเสียงไม้
ชั้นที่ 3 = ห้องนอนพ่อ-แม่
ชั้นที่ 4 = ห้องนอนผมและพี่ชาย - ห้องพระ
ผมไขประตูเหล็กเข้ามาภายในตัวบ้านสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้เลยคือ ผมไม่ได้อยู่คนเดียว! มันเป็นความรู้สึกที่เวลาผมนั่งดูหนังอยู่ชั้น1
และรู้ว่ามีคนอยู่ข้างบนชั้น 2 มันเป็นความรู้สึกแบบนั้นเลยครับ ด้วยความที่เราไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนั้นในหัว เลยไม่ได้สนใจอะไร จัดการวางกระเป๋าเดินขึ้นบ้านทั้งมืดๆอย่างนั้นเลย (พอมีแสงไฟแดงๆจากศาลอากง) หยิบN73 ขึ้นเป็นไฟฉายโดยใช้แสงแฟรชจากกล้องหลัง ผมเดินผ่านชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 แต่!ผมต้องถอยหลังลงบันไดมาที่ชั้น 3 อีกครั้ง เพราะผมเห็นแสงไฟรอดออกมาจากห้องนอนแม่ผมตรงช่องประตู
ผมไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปบิดลูกบิดกุญแจ ปรากฎว่ามันล็อคจากด้านใน แต่ไม่มีสิ่งผิดปกติอะไร ผมคิดว่าอาจจะลืมปิดไฟในห้องไว้ก็ไม่แปลก
เพราะตอนที่ออกไปกันก็รีบอยู่แล้ว ในช่วงที่ผมกำลังหันหลังกลับมีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่หลังประตูห้อง ผมรู้ได้ยังไง?
เพราะจากตอนแรกแสงไฟที่ลอดออกมาจะเป็นสีขาว แต่สิ่งที่ผมเห็นตอนนั้นมีลักษณะเหมือนเงาดำๆเคลื่อนไหวผ่านไป(เหมือนคนเดินหลบออกจากประตูด้านใน) สิ่งแรกที่ผมทำเลยคือการเดินไปเปิดไฟ จากนั้นผมเอาหูไปแนบกับประตูสิ่งที่ได้ยินคือ มีคนกำลังรื้อของอยู่ในห้อง
ผมเคาะประตูอยู่หลายครั้งพร้อมกับเรียกชื่อพี่ชาย แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ซึ่งในขณะนั้น มัน!ก็ยังคงรื้อของอยู่
เมื่อทำอะไรไม่ได้ผมจึงกดโทรศัพท์หาพ่อ และถามว่ามีใครอยู่ในบ้านไหมเพราะตอนนี้มีคนอยู่ในห้องชั้น3 พ่อผมบอกว่าอาจจะเป็นพี่ชายก็ได้ไปดูให้ดีดี และสงสัยว่ามีคนเข้าไปได้ยังไงเพราะก่อนออกมาพ่อผมเป็นคนล็อคประตูเองกับมือและกุญแจอยู่ที่พ่อผมด้วย
จากนี้ไปจะเป็นบทสรุปของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เจสัน
พ่อบอกกับผมว่าให้รีบโทรหาพี่ชาย ก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงไม่มีใครพูดถึง "ตำรวจ" รวมทั้งตัวของผมเอง ผมรีบโทรหาพี่ชายทันที
ผมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนั้นให้พี่ฟัง พี่ผมยืนยันกับผมว่า มันที่อยู่ในห้องไม่ใช่พี่ผมอย่างแน่นอน (ตอนที่คุยกับพี่ผมลงมาชั้น1แล้ว)
และสั่งให้ผมอย่าทำอะไรผลีผลาม ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่อยู่ภายในห้อง พี่บอกให้ระวังตัวเองไว้ก่อน ไม่นานจะถึงบ้านให้รอจนถึงตอนนั้น
ผมวางสายและทำการไขกุญแจบ้านเอาไว้เผื่อมีเรื่องราวที่ไม่ดีเกิดขึ้นจะได้หนีทัน เพราะทางออกมีทางเดียวเท่านั้นคือหน้าบ้าน ทางเข้าก็เช่นกัน!!บ้านผมไม่มีระเบียงยื่นออก ถ้ามันจะหนีทางหน้าต่างมันจะต้องใช้บันไดที่สูงมากเพื่อปีนลงมาจากชั้น3 และถ้ามันจะหนีจากชั้น4 ไม่มีทางแน่นอน
ในหัวของผมตอนนั้น สิ่งเดียวที่ผมเชื่อว่าอยู่ในห้องคือ ขโมย! เพราะพ่อและแม่ผมจะเก็บของมีค่าไว้ในห้อง และเสียงที่ผมได้ยินมันเสียงคนรื้อของเหมือนหาบางสิ่งบางอย่างชัดๆ มันเปิดเก๊ะไม้ เปิดตู้เสื้อผ้า และดูเหมือนมันจะรีบด้วย เพราะตอนที่ผมเรียกชื่อพี่ดูเหมือนจะเป็นการเร่งให้มันตะกุยหาหนักกว่าเดิม ....................... ผมรอพี่ไม่ไหวแล้ว
ที่หลังศาลอากงจะมีมีดเเล่มใหญ่อยู่หนึ่งเล่ม ผมหยิบมีดเล่มนั่น และมุ่งหน้าไปยังชั้น3 ไม่กลัวหรอ ! ทำไมไม่รอพี่ ! ทำไมไม่แจ้งตำรวจ !
เพื่อนๆครับถ้าหากเพื่อนๆเจอเหตุการณ์ในตอนนั้นเหมือนผม ในความเป็นจริงสถาณการณ์แบบนี้มีเวลาให้คิดคำนวณมันน้อยจริงๆ +กับวุฒิภาวะและลักษณะนิสัยของผมที่ไม่กลัวใคร ที่ได้มาจากพ่อผม และในตอนนี้ผมมีอาวุธ ประตูห้องเป็นแบบผลักเข้า ผมจะต้องเห็นมันก่อนแน่นอน
"ก๊อก..ก๊อก...ก๊อก เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย.................." ผมตะโกนพร้อมกับเคาะประตู
ผมเองก็ไม่ทราบว่าเป็นเวลาเท่าไหร่ จำไม่ได้แต่เสียงรอบข้างมันเงียบเหลือเกิน มีเพียงเสียงของผมเท่านั้นที่ดังก้องไปทั่วบ้าน และดูคล้ายกับมีเพียงมันและผมเท่านั่นที่อยู่บนโลกใบนี้ มันอาจจะดูเกินจริงแต่ดูเหมือนกับว่าค่ำคืนนี้มันเงียบผิดปกติจริงๆ เงียบเกินไป!
"ก๊อก..ก๊อก...ก๊อก เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย .....เป็นใครวะ" ผมยืนกรานกับมันและเคาะประตูหนักกว่าเดิม มือขวากำมีดเอาไว้แน่น
.......เสียงรื้อของภายในห้องหยุดไป !!
"เป็นใครวะ ไอสั_ ว์ เปิด....................กูบอกให้เปิด" ผมตะโกนด่าทอมันมือซ้ายบิดลูกประตูอย่างรุนแรงหวังให้มันเปิด
........เสียงรื้อของดังขึ้นอีกครั้ง
ในตอนนั้นผมก้มลงมาลอดช่องประตูเข้าไป มันทำให้ผมแน่ใจได้อย่างชัดเจนว่า มันเป็นขโมยแน่นอน เพราะอะไรหรอครับ ?
ผมเห็น "ขา" ขาของมนุษย์อย่างเราๆนี่แหละครับไม่ได้ผิดแปลกเลย ภาพติดตาผมชัดเจนจนถึงทุกวันนี้
"ปัง...ปัง ไอเ_ยกูบอกให้เปิด..................เปิดเปิด" ผมใช้ขาถีบประตูอย่างรุนแรง จนประตูสั่นเสียงดังลั่นไปทั่วบ้านผมมั่นใจว่าข้างบ้านต้องได้ยินอย่างแน่นอน และในจังหวะที่ผมกำลังจะเปลี่ยนนจากถีบเป็นเคาะแทน เพื่อนๆครับจากนี้ผมอยากให้เพื่อนๆคิดภาพตาม ถึงเวลาในค่ำคืนนั้นความเงียบ ความวังเวง สิ่งที่อยู่ภายในห้อง และมีเพียงเรากับมัน ยังไม่ทันที่ผมจะเคาประตู มีเสียงที่ดังสนั่นในหูของผม มันไม่ใช่เสียงของคนที่พูดแบบปกติแน่นอน เพราะมันก้องและกังวานอยู่ในหู เสียงที่ดังสนั่นนั่นพูดพร้อมกับเคาะประตูกลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
"เคาะทำไม......................................เคาะทำไม...........................................เคาะทำไม"
ไฟในห้องดับไป
เฮ้อ ! เพื่อนๆครับผมอยากจะหยุดเล่าเพียงเท่านี้จริงๆ ผมไม่อยากจำภาพและเสียงในวันนั้นเหลือเกิน มันยากเหลือเกินที่จะลืมแต่ผมเริ่มแล้วผมจะต้องทำให้จบ เสียงที่ผมได้ยิน เชื่อเถอะครับ เพื่อนๆไม่สามารถจิตนาการและเข้าใจได้อย่างที่ผมได้ยินเลยว่ามันเป็นยังไง มันทั้งดังและก้องกังวาน กรีดกลางไปในหัวใจจนถึงกับทำให้ผมใจหายและขาทรุดทันที !! ลักษณะคงคล้ายกับคำว่า "ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม" และเสียงนั่นผมขอยืนยันกับเพื่อนๆว่า มันไม่ใช่เสียงคน....... ไม่ใช่ .........................ไม่ใช่อย่างแน่นอน
ผมร้องเหมือนเป็นคนบ้า ฉี่แตกรดกางเกง ในตอนนั้นขาผมไม่มีแรงแล้วมันอ่อนล้าไปหมด ผมต้องคลานลงมาจากชั้น3 และในขนาดที่กำลังคลานลงบันได้ เสียงประตูห้องค่อยๆแง้มออก
ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ หวังว่าจะอยากฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อ ผมอยากให้เพื่อนๆเข้าใจ ขอให้เช้ากว่านี้อีกหน่อยและผมสัญญาว่าต่อไปผมจะเล่าจนจบแน่นอน ตอนนี้ผมใจสั่นบอกไม่ถูก ผมขอตัวไปอยู่ห้องแม่ก่อนนะครับ
เสียใจ 7-1 เมื่อคืนอยู่ ร้องไห้ จากนี้ไปจะจบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้น! ใครกันแน่ที่อยู่ในห้อง? และคนที่กำลังออกมาจากห้องเป็นใคร ?
จนถึงตอนนี้หากมีเพื่อนๆคนไหนที่ยังตั้งคำถามกับผม ผมอยากให้ย้อนไปอ่านช่วงที่ 1 อีกครั้งนะครับ การที่ผมต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเร้นลับ ที่ผมไม่สามารถบอกกับตัวเองได้ว่ามันคืออะไร ผมหายใจติดขัด ขาดช่วง เหมือนจะขาดอากาศหายใจตายไปตรงนั่น ด้วยความกลัว!
ผมพยายามจะใช้ความกล้าที่มีทั้งหมด ลุกขึ้น และวิ่งไปให้เร็วที่สุดแบบไม่คิดชีวิต แต่เหมือนความกล้าในตอนนั้นจะไม่สามารถช่วยผมได้เลย
มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมเผชิญหน้ากับมันแล้ว จนถึงตอนนี้ ประตูได้ถูกเปิดออกจนสุด...!
ผมอยู่ในท่านอนคว่ำพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเพื่อคลานหนี ใช้ท้องตัวเอง และแรงที่แทบจะไม่มีเหลือแล้ว............
ผมทำได้ดีที่สุดแค่นั้น น้ำตาผมไหล แต่สิ่งเดียวที่ผมไม่สามารถทำได้อีกต่อไป คือการตะโกนออกมาดังๆ ดังที่สุด เท่าที่ในชีวิตจะสามารถตะโกนให้ดังได้!! เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ ! ผมไม่สามารถทำได้ พยายามร้องให้ดังยังไงก็มีแต่เสียงที่ดังอยู่ในลำคอเท่านั้น !!
มีคนกำลังจ้องมองมาจากประตูห้อง ! ที่แขนขวามีเลือดไหลพราะเผลอทำมีดบาดตัวเองจากการตกใจเสียงที่ตะโกนและทุบประตูกลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยว มีดตกอยู่ตรงนั่น ! ผมไร้อาวุธ ! ไร้เรี่ยวแรง ! ไร้เสียง !
มันกำลังเดินเข้ามาหา... ผมอยู่ในท่านอนคว่ำระหว่างบันใด เหมือนสัตว์ที่ไร้ทางหนี และรอความตาย
เพื่อนๆครับผมย้ำอีกครั้งนะครับว่าผมไม่ได้หันหลังกลับไป แต่ผมมองผ่านหางตา และสัมผัสได้จากความรู้สึก มันเหมือนกับเวลาที่เรามองไปข้างหน้า และหางตาทั้ง2ข้างเราจะรู้ว่ามีคนอยู่ ผมใช้ความรู้สึกนั้น
"ฆ่ากู.. .. ฆ่ากูให้ตายไปเลย" ผมทำได้แค่คิดครับเสียงผมไม่มีเหลืออีกต่อไปแล้ว
"อึกกกกกก....................อื้อ.............." ผมพยายามคลานหนี ..เสียงจากลำคอและอากาศหายใจผมแทบขาดช่วงไปแล้ว
"แม่ช่วยผมด้วย ........................พ่อช่วยผมด้วย"
แต่ผม ก็ ไม่สามารถทำได้ ตอนนั้นผมหลับตา ผมคิดถึง พ่อแแม่ คิดถึงญาติผู้ใหญ่ลุงพี่ป้าน้าอา และพูดกับตัวเองในใจ "ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย"
จนมาถึงคนสุดท้าย คือ คุณตา ! ผมหลุดจากพันธนาการและสาวเท้าวิ่งแบบไม่คิดชีวิต "ช่วยด้วย .......ช่วยด้วย"
ผมวิ่งจนมาถึงด้านล่าง พี่ผมมาแล้ว ...
พี่ผมเดินเข้ามากอดผมไว้ ในตอนนั้นผมร้องไห้ฟูมฟายไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว พี่ผมเหมือนจะทำตัวไม่ถูก และเหมือนจะรีบวิ่งขึ้นไปดูด้านบน
ผมรั้งมันไว้จนถึงกับทำให้มันโมโห สุดท้ายก็รั้งไม่อยู่ มันขึ้นไปชั้นบน ผมได้แต่นั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่หน้าบ้าน ไม่นานนักมันก็เดินลงมาพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับพ่อ (อ่าว ไม่เจอใครข้างบนเลยหรอ เดินมาแบบชิวๆ และไอที่อยู่ในห้องไม่เห็นหรอ อ่าว..)
ผมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พ่อฟังอย่างไม่ได้ใจความมากนัก พ่อก็ขอสายพี่ผม มันคุยกับพ่ออีกซักพักก็วางสาย
ผมบอกกับตัวเอง ไม่ว่ายังไงก็ตามอยู่ที่นี่ในคืนนี้ไม่ได้แล้ว ต่อให้ต้องนอนข้างถนนก็ยอม ผมจะไม่เข้าไปในบ้านอีกเป็นอันขาด ไม่มีทาง !!
พี่ผมถามว่า"เป็นอะไรวะ..ไม่เห็นมีเ_ยอะไรเลย ห้องนั่นประตูมันก็เปิดอยู่ไฟก็ไม่เปิดเลยหลอนเองป่าว" หลอนโพ่งงงงงงงงงงงงง - -"
มันพยายามให้ผมขึ้นไปดูว่าไม่มีอะไร ผมก็ได้แต่ร้องโวยวายฉุดกระชากกันอยู่ตรงหน้าบ้าน ตอนนั้นอาม่าตรงข้ามบ้าน เปิดประตูออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นผมกับพี่ชายฉุดกระชากกันอยู่ด้วยความที่แกไม่รู้ก็เข้ามาห้าม แต่ผมไม่ได้สนใจเลย ผมเผลอมองไป ตรงหน้าต่าง ห้องพ่อแม่ !
ผมเห็นบางสิ่งบางอย่างแง้มมองลงมาอยู่ตรงมุมหน้าต่างหลังผ้าม่าน มันเป็นลักษณะเงาดำๆ สูงใหญ่มาก น่าแปลกที่ผมไม่เห็นดวงตาของ
เงาร่างนั้น แต่ผมรู้สึกว่า ผมประสานสายตากับมัน และมันจ้องมองผมด้วยความอาฆาต โกรธแค้น ไม่รู้จะใช้คำพูดยังไง ผมหันไปบอกทุกคนและชี้ไปในทันที "นั่นไง นั่นไง" ทุกคนมองขึ้นไปพร้อมกัน จนถึงจุดนี้เพื่อนๆต้องสามารถเดาได้แน่นอนว่า เงานั้นต้องไม่อยู่แล้วแน่ๆ ใช่ครับ มันหายไปแล้ว
ผมพยายามเรียกสติกลับคืนมา พร้อมทั้งเล่าเหตุกาณ์ให้อาม่าและอาแปะฟัง (อยู่กัน2คนเป็นเฒ่าแก่มีลูกคนเดียวแต่งงานไปอยู่อีกบ้าน) อาม่าก็ปลอบใจเหมือนกับทุกคน จนผมเห็นลุงมา ถึงแม้ลุงจะไม่ได้บอกผมว่า พ่อเป็นคนให้ลุงมาแต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าจะรู้ๆกัน ลุงขอโทษอาม่าและคนอื่นๆที่ตอนนั้นเริ่มออกมาดูกันเยอะแล้ว ความกลัวของผมจึงเริ่มลดถอยลงไป เพราะอุ่นใจแล้วว่า กูมีพวก ลุงพาผมและพี่ขึ้นไปดูที่ห้องอีกครั้ง
มันมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่หลายอย่าง อย่างเช่นประตูไม่ได้ถูกปิดและล็อค แต่มันเปิดอยู่และถูกตัวรั้งคล้องไว้เท่านั้น (ที่ไม่ให้ประตูมันปิดเอง)
ผมถามพี่ว่า เปิดประตูไว้หรอ มันบอกว่ามันเป็นแบบนี้ตั้งแต่มันเดินขึ้นมา ลุงเก็บมีดขึ้น ในตอนนั้นเลือดผมเริ่มแห้ง ลุงนำมีดไปวางไว้ข้างประตูและเดินเข้าไปในห้องพร้อมพี่ มีแต่ผมที่ยังกล้าๆกลัวๆอยู่ แต่ก็ต้องเข้าไป ผมเข้าไปในห้องก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เพราะทุกอย่างดูปกติ
เรียบร้อย ไม่มีร่องรอยของการรื้อค้น ตู้ที่ผมคิดว่ามันน่าจะถูกเปิดก็ปิดอยู่ ทุกอย่างดูปกติ ! ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลุงผมเดินไปตรงบริเวณที่ผมเห็นเงาดำๆ และก็ก้มลงเก็บบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา สิ่งนั่นคือ "ตะกุด" ครับ
มันตกอยู่ตรงพื้น ซึ่งส่วนนั้นจะมีเก๊ะที่ไว้เก็บเสื้อผ้า มันตกอยู่ใกล้กับที่เก็บ กกน.ของน้องสาวผม ลุงบอกว่า ใครเป็นคนเอามาไว้แบบนี้
ผมเองครับ ! เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมไปหยิบมาจากหิ้งพระเห็นว่าสวยดี และคิดว่าเท่ห์ห้อยเอว แต่ผมเดินเข้าไปทาครีมในห้องแม่และถอดทิ้งไว้
บนเก๊ะเก็บซื้อผ้านั้น จนกระทั่งมันตกลงมา ผมเล่าเหตุการณ์ให้ลุงฟังอีกครั้งตั้งแต่แรก ลุงบอกให้จัดการโทรหาพ่อซะ พอพ่อผมได้รู้เรื่องก็โกรธมาก
เพราะเคยเตือนผมหลายครั้งแล้วว่าอย่ายุ่งกับห้องพระ ในคืนนั้นพวกเราก็ไปนอนกันที่บ้านลุงครับ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก
เรามาถึงกันที่โคราช ศพตาผมไม่ได้เก็บนะครับเผาเลย เราจัดการพิธีงานศพของคุณตาเรียบร้อย คืนนั้นในครอบครัวผมก็นั่งกินเหล้ากัน
และหยิบยกประเด็นที่เกิดขึ้นเป็นหัวข้อพูดคุย พ่อ บอกกับทุกคนในวงว่า ตะกุดนั่น ได้มาจากปู่ ปู่ได้มาจากทวด และคิดว่าผมคงทำไม่ถูกต้องที่
เอาลงมาแล้วไม่ดูแลให้ดี เลยมาเตือน กลับไปต้องให้ผมขอขมาและไม่ให้นำไปใส่อีก
นี่คือเรื่องราวที่เกิดในค่ำคืนนั้นครับ ขอโทษเพื่อนๆ ที่ผมทำให้รอและทำให้ผิดหวังนะครับ แต่ผมต้องการให้เพื่อนๆได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกสัดส่วน อย่างชัดเจนและมองเห็นภาพให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ ขอบคุณที่ติดตามและสนใจเรื่องราวที่ผมเล่านะครับ
ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาอ่านมากมายถึงขนาดนี้ สิ่งที่ผมเห็นและพบเจอ ผมคงไม่สามารถบอกได้ว่า เขาเป็นใคร ต้องขอโทษด้วยนะครับ
ในปัจจุบันพวกเราได้ย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว
บางคนในวงเหล้าก็บอกว่าเป็นผี บางคนก็บอกว่าเป็นเจ้าของตะกุด บางคนก็บอกว่าเป็นพระ ทุกคนล้วนแต่คาดเดาในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าใช่
แต่ทุกคนก็เงียบลง เมื่อแม่ผมเริ่มพูด "ไม่ใช่คนเดียวหรอกที่เจอ ทั้งชั้นและพ่อแกเจอกันมาแล้ว" แต่ทำไมพ่อแม่เพิ่งจะมาบอก ทำไมต้องปิดเป็นความลับทำไมถึงไม่มีใครเล่าให้ผมฟังเลยหรือกลัวว่าผมจะกลัว ไปๆมาๆคนที่ผมคิดว่าเจอหนักสุดคือผม แต่ที่ไหน เป็นแม่ของผมเอง ในคืนนั่นเป็นการเปิดใจของแม่ผมเป็นครั้งแรก แม่ผมเริ่มเล่า... ทำให้ทุกคนในวงพร้อมใจกันเงียบเพราะเป็นครั้งแรกที่แม่ผมจะเริ่มเล่าประสบการณ์ที่แม่ผมเจอ
ภายในบ้านหลังนั้น
........................................คนที่ช่วยผมให้รอดพ้นจากพัธนาการจะเป็นคุณตาหรือเปล่า หลับให้สบายนะครับ และขอบคุณ "เขาเป็นใคร"ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเท็จจริงแล้วเป็นสิ่งเร้นลับอะไรกันแน่ สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกเพื่อนทุกคนคนว่า "ผมกลัวผีครับ"
จบ ... "เขาเป็นใคร"
แล้วพบกันใหม่คับ
ติดตามตอนต่อไป ประสบการณ์สยองขวัญ "เรื่องเล่าจากปากแม่"
Post a Comment