เรื่องเล่าสยองขวัญ "โรงเรียนประจำที่สุดเฮี้ยน"
เรื่องราวสุดหลอนใน "โรงเรียนประจำที่สุดเฮี้ยน" จากสมาชิกพันทิปหมายเลข 1862378 ที่เล่าน่าสยองขวัญมาก ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
สวัสดีค่ะ สาวกพันทิพ และ สาวกที่ชอบอ่านเรื่องราวสุดสยองขวัญและสุดแสนที่จะขนลุกขนพอง เรื่องนี้เราเองเจอมากับตัวซึ่งสมัยนั้นยังอยู่เพียงแค่มธยมที่ 3 เองค่ะ เรื่องนี้จำเป็นจะต้องบอกกันก่อนนะคะว่า อยู่ที่วิจารณญาณแล้วแต่บุคคล อยู่ที่ความเชื่อของบุคคลเท่านั้นนะคะ เรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องจริงทั้งหมด ที่ไม่มีการแต่งแต้มเสริมส่วนใดๆ นอกจากชื่อตัวละครเพียงเท่านั้นนะคะ
เริ่มเรื่องกันก่อนเลย สมัยนั้นเราเรียนอยู่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง โรงเรียนนี้ตั้งมาร่วมร้อยกว่าปีแล้วค่ะ และประวัติศาสตร์ในเรื่องลี้ลับนั้นก็ช่างมีเยอะแยะ ฟังจากปาก่ของรุ่นพี่จากรุ่นสู่รุ่นมาเยอะ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย จนมาวันหนึ่ง เป็นวันที่เราจะจบมัธยมศึกษาที่3 อีก1อาทิตย์ถัดไป เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า วันนั้นเราและเพื่อนๆในกลุ่มกำลังจะไปเปลี่ยนจากรองเท้านักเรียน เป็นรองเท้าสลิปเปอร์ และเราจำเป็นจะต้องเดินผ่านห้องดนตรีไทย และ ห้องอาหารอาจารย์ ดูๆไปวันนั้นก็เป็นวันธรรมดา บ่ายแก่ๆของวันพฤหัสฯ เราและเพื่อนๆของเราได้เดินผ่านห้องดนตรีไทย ซึ่งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเดินมาถึงห้องอาหารของอาจารย์ ซึ่งข้างหลังของห้องอาหารอาจารย์นั้น เป็นตึกนอนเก่า ซึ่งจะมีบันไดเดินขึ้นไปชั้น2 แต่แล้วห้องลึกลับดังกล่าวนั้น ตลอดระยะเวลาที่เราเรียนโรงเรียนนี้มา ไม่เคยเห็นว่าถูกเปิด หรือ ถูกปลดกุญแจโบราณออกเลยสักนิด วันนั้นคงเป็นวันดีคืนดีสำหรับเราค่ะ เรากับเพื่อนเดินผ่านไป และแล้วแม่กุญแจโบราณที่เป็นสนิมเกาะอยู่ก็หลุดลงมากับพื้น ทันใดนั้นเอง ประตูก็ค่อยๆแง้มออกค่ะ ด้วยความที่วัยเรายังเด็ก อยากรู้อยากเห็นกับเพื่อนๆ เลยปรึกษากันว่าจะรีบไปเปลี่ยนสลิปเปอร์ และเข้าไปดูกันว่าข้างบนนั้นเป็นยังไงค่ะ หลังจากที่เราและเพื่อนๆเราเปลี่ยนสลิปเปอร์เสร็จก็ได้ตกลงกันแบ่งเป็นกลุ่มๆค่ะ กลุ่ม3กลุ่มขึ้นไปสำรวจ ล่า ท้า ผี กับ ความกล้าของพวกเราเอง จริงๆตอนแรกเราจะขึ้นกันไปทั้งกลุ่มแต่บอกตามตรงว่า พื้นมันแลดูจะผุพัง และเดินแค่ก้าวเข้าไปก้าวเดียวเท่านั้น ก็มีเสียง แอ๊ดดดดดด.......บนพื้นไม้ ทำให้พวกเราตัดสินใจว่า ค่อยๆขึ้นกันไปทีละเล็กละน้อย กลุ่มละ 3-5 คนดีกว่า และแล้ว ตัวเราเองก็ไม่ได้ขึ้นเป็นกลุ่มแรกค่ะ เพราะว่าเรากลัวววว เอาจริงๆนะคะ ตอนนั้นใจยังไม่กล้าพอ เลยดันๆเพื่อนขึ้นไปก่อน และเราจะตามขึ้นไป พอกลุ่มแรกขึ้นไปก็มีลมโชยๆ ผ่านลอดประตูนั้น (ประตูนั้นพอเปิดออกปุ๊ป ก็จะเจอบันไดขึ้นไปเลยค่ะ) เราและเพื่อนๆเราที่เหลือรอดูสถานการณ์ข้างล่างก่อนค่ะ และแล้วลมที่โชยมาก็ได้กลิ่นที่มันมาพร้อมกับกลิ่นอับๆ และ กลิ่นคาวๆของเลือดจางๆ จำได้แม่นที่สุดเลยค่ะ เราและเพื่อนๆของเราต่างขนลุกขนพองกันไปตามๆกัน พอกลุ่มแรกขึ้นไป สักพักมีเสียงกรี๊ดลงมาทำให้พวกเราต่างผงะ และตกลงว่าจะเอาไงดีกันต่อวะ ขึ้นไปไม๊ พอกลุ่มแรกลงมา ก็เกิดคำถามต่างๆนานาค่ะ ว่าเป็นไง อะไร เกิดอะไร กรี๊ดทำไม
เราได้คำตอบจากเพื่อนที่อยู่อีกฝั่งตะโกนว่า เห้ย....ไก่บินได้ บินไปชั้น2 ข้ามจากอีกตึก แต่ว่าพวกกลุ่มแรกขึ้นไป งงกันค่ะ กลิ่นเลือดจางๆ คือกลิ่นไก่ที่แบบว่า แห้งตายแล้ว มีแต่กระดูกและเสดขนไก่บางๆที่ไม่เต็มตัว เอาแล้วไง พอกลุ่มแรกขึ้นไปทำให้เราหวั่นๆแล้ว จะขึ้นไปดีไม๊ แต่ก็โดนเพื่อนบอกว่า ไม่ขึ้นถือว่าปอดแหก ด้วยความไม่ชอบให้ใครดูถูกค่า...เราเลยป่ะ ขึ้นไปให้เห็นกับตาจ้า......
สรุปว่าเราและเพื่อนๆเราซึ่งเป็นกลุ่มที่2 ได้เดินขึ้นไป ระหว่างที่เราก้าวเท้าขึ้นบันไดทีละก้าว ทีละก้าว ก็จะได้ยินเสียงดัง เอี๊ยดดด....อ๊าดดดด....ตามมาพร้อมกับจังหวะเท้าที่เราก้าวไปบนบันได พอเราเดินขึ้นไปสุดทางบันไดจะเจอทางสามแยก ให้เลือกเลี้ยวไหนดี ระหว่าง ซ้ายหรือขวา พวกเราตกลงเลี้ยวขวากัน เพราะว่าทางซ้ายมือดูแลไม่ไกลมีห้องแค่ห้องเดียว แต่ด้านขวามีเป็นสิบๆห้องค่ะ เราเลยเลือกจะเดินก้าวไปทางนั้น พอเลี้ยวขวาไปปั๊ป เราเองก็ผงะกับห้องที่เป็นกรง งงกันทีเดียวว่าทำไม๊......ทำไมนะ ต้องเป็นห้องลูกกรงเหมือนห้องขังด้วยนะ ใจก็ตุ้มๆต่อมๆ เอาแล้วไง จะก้าวก็ไม่ค่อยกล้าจะก้าว ผ่านไปทีละห้อง สองห้อง จนห้องที่สาม เห็นกระจกบานใหญ่ติดอยู่กับผนังห้อง ตรงกลางเด่นชัด และฝั่งตรงข้ามนั้นก็มีรูปผู้หญิงโบราณ สวยมากกกก เรายืนสะดุด เหมือนมนสะกดนิ่งให้มองรูปภาพนั้นระหว่างเรากับเอ (นามสมมุติ) เรากับเอยืนมองภาพผู้หญิงผ่านกระจก และเพื่อนเราอีก2คนตะโกนเรียกให้เราเดินไปต่อ
บี : แกยืนดูอะไร รีบมาเร็ว
เรา : เคๆ กำลังจะไปแล้ว เหมือนตัวเองหลุดจากความฝันได้สักพัก และเรากับเอก็รีบเดินไป เพื่อไปดูซากไก่จ้า และก็หยุดวิจารณ์กันมาว่า คงจะตายได้มาเป็นปีแล้วมั๊ง แต่แล้ว
เอ : แก เมื่อกี๊มีคนตะโกนว่า ไก่บินไม่ใช่หรอ มันจะตายได้ไง
เรา : มันแห้งกรังไปหมดแล้ว ตายนานแล้ววว.....
และแล้วเราก็อยู่ในความเงียบสงบค่ะ ไว้อาลัยให้ไก่แบบงงๆ ระหว่างที่เรากำลังเดินกลับไป เรากับเอก็ยังติดใจรูปผู้หญิงแสนสวยในกระจกไม่หาย เรากับเอ หันไปมองในกระจก แต่แล้ว ผู้หญิงคนนั้น จากที่ตอนแรก ปากเค้าปิดสนิท ไม่มีรอยยิ้มสักมุมนึง แต่เรากับเอ กลับเห็นเค้ายิ้มให้ และ ในกระจกนั้นมีเงาผู้หญิงเดินผ่านไปจ้าาาา......เรากับเอ ไม่รอช้าค่ะ เท้าติดสปรีทแล้ว วิ่งไม่คิดชีวิต ในใจไม่กลัวด้วยบันไดจะพังไม๊ เอาตัวเองให้รอดก่อน แล้วอีกสองคน ตามลงมาเองนะ
หลังจากกลุ่มที่สามได้เดินเข้าไปข้างในนั้น ก็เดินขึ้นไปปกติค่ะ ไม่มีอะไรให้น่าสงสัย พวกนางเองยังคงลัลล๊ากับการล่าท้าผี แต่พวกที่อยู่ข้างล่างสิคะ หลอนกันอยู่ และแล้วลมเย็นๆ เย็นจะยะเยือกก็พัดเข้ามาที่ขาพวกเรา ทุกคนต่างก็รอลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น สักพักพวกนางก็ตะโกนมาว่าไหนไก่??? อ้าว ไก่หายไปไหน และกำลังจะเดินไปถึงห้องที่สามแต่ปรากฏว่าเดินเข้าไปไม่ได้ค่ะ กลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าเหลือเชื่อค่ะ ว่าห้องที่มีผู้หญิงแสนสวยอยู่ตรงข้ามกระจกนั้น ตอนนี้ได้มีไยแมงมุมกั้นทางตรงไปค่ะ กั้นเป็นรูปกากบาทค่ะ แล้วพวกนางก็เดินลงมาแบบมึนๆงงๆ ปนหลอนๆเล็กน้อย เพราะว่า ซี(นามสมมุติ) ได้พยามๆมองดูผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ตรงทางริมสุดของทางเดิน ป๊าดดด....เป็นผู้หญิงแต่ชุดไทยซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่เราเห็นในรูปค่ะ เอาซะช๊อคไปเลย หลังจากนั้นพวกเราก็คุยกัน และได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในรุ่นของเราค่ะ หลังจากเวลานั้น เราทุกคนก็ไปทานอาหารเย็นกันที่โรงอาหารของโรงเรียน และไปอาบน้ำต่อ เรื่องก็ยังไม่หยุดค่ะ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเราก็จะต้องมากินผลไม้ก่อนเรียนภาคค่ำกันค่ะ แต่ระหว่างที่ทานอยู่นั้น เรากับเพื่อนๆเราเองได้คุยกันในเรื่องลี้ลับกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนกระทั่งอยู่ดีๆ เราก็พูดถึงผู้หญิงคนนั้นกับเอ และบี พูดว่า เค้าสวยเนอะ แต่ทำไมมันดูหลอนๆ บลาๆๆๆไป สักพักยังพูดไม่ทันจบ ฟ้าร้องดังเปรี้ยงงงง....และแล้วไฟดับพรึ่บบบบ...... กรี๊ดสิคะ พอสักพักไฟมา เราให้บีหน้าซีด และบอกว่า แกชั้นเห็นผู้หญิงคนนั้น ตรงเสาธง เห็นเค้ายิ้มให้ ใส่ชุดเดิมมมม แล้วมันก็ร้องไห้ค่ะ หลังจากนั้นไฟก็มา และพวกเราก็เรียนตามปกติ จนถึงเวลาเข้านอน ต่างคนก็ต่างกราบหมอน เพื่อให้หลับฝันดี รวมทั้งเรา แต่นี่เพิ่งจะเริ่มจุดเริ่มต้นของเราค่ะ ที่ทำให้เราไม่สามารถมีวันลืมได้เลยในช่วงคืนนั้น
คืนนั้นหลังจากที่เราทุกๆคนเข้านอนแล้ว ประมาณช่วงตี1-2 ได้ เพื่อนเราเรียกเราไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย แต่ว่าเราขี้เกียจลุกค่ะ ห้องน้ำอยู่ใกล้มาก เดินไปประมาน 15 ก้าวก็ถึงแล้ว แต่ขี้เกลียด ประมานว่า กูจะนอนต่อ เมิงก็ไปคนเดียวสิคะ!!!
สักพัก เราก็นอนแบบไม่สนใจ จนมันกลับมา เราหันไปบอกมันว่า กูปวดฉี่อ่ะ ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนที มันด่าเช็ดเม็ดเลยค่ะ ประมานว่า กูชวนไม่ไป แล้วเมิงจะมาชวนกูทำไม๊!!! ในเมื่อมันไม่ไปเป็นเพื่อน เราก็ไปคนเดียวก็ได้วะ หึหึ ระหว่างเดินไปเข้าห้องน้ำชีวิตตัวเราเองก็ยังเดินหน้าปกติในความมืด และคลำทางไปได้อย่างถูก เราเดินไปเปิดไฟห้องน้ำตรงมุมห้อง และเพื่อนเรา เองอีกคนก็นอนติดตรงห้องน้ำ มันก็ถามว่าเราหรอ เราก็อือๆ และเราก็เข้าห้องน้ำไป กำลังถอดกุงเกง สักพักไฟดับ เราก็ตะโกนไปบอกเพื่อนว่า คุณเมิงจะปิดไฟทำห่ารากไรคะ กูจะฉี่ ฉี่ไม่ออกกันพอดี แล้วเราก็เปิดประตูเอื่อมมือไปเปิดไฟ สักพัก ถอดกุงเกงรอบสอง ไฟก้ดับอีก เราก็ไม่ได้แปลกใจไร เราก็ด่าๆว่าๆเพื่อนไป แต่มันก้บอกว่าเปล่าสักหน่อยนะคะ เราก็ไม่เชื่อ พอรอบที่สามเท่านั้น ไฟยิ้มก้ปิดอีก เราก็ฉี่ท่ามกลางความมืดมิดค่ะ พอเสร็จธุระกิจของเราแล้ว เราก็ออกมาด่ามัน มันบอกว่าเห็นมีใครก็ไม่รุปิดแต่มันไม่ได้ถามนะ สักพักเราก็เดินกำลังจะไปนอนค่ะ ตรงข้ามทางเดินของเรา เราเห็นผู้หญิงคนนั้น แต่ว่าคราวนี้นางไม่ได้อยู่ในกระจก หรือ ภาพบนฝาผนังแล้วจ้า นางมาแบบตัวเป็นๆให้เราเห็นจ้า เราก็ช๊อคสิคะ ในใจกูท่องแต่ พุทโธ พุทโธ แล้ววิ่งสู้ฟัดเลยค่า เตียงเราอยู่ชั้นสอง เชื่อไม๊เราไม่ปีนบันไดขึ้นแล้ว กระโดดจากเตียงเพื่อนขึ้นไปเตียงเรา ประหนึ่งว่าเดี๊ยนเป็นยิมนัสติกเลยจ้า ระหว่างที่วิ่งผ่านนางไป ขนเราก้ลุกซู่ตามๆกันไปนะคะ พอขึ้นเขียง เอ้ย ขึ้นเตียงแล้ว ผ้าห่มอันเป็นที่รักก้ได้คลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ว่าเพื่อนเราข้างๆสะกิดเรา ถามว่าเป็นเห้ไรคะ??? สักพักเท่านั้นล่ะค่ะ ไม่ทันได้ตอบนางมองไปปลายเตียงเรา เห็นนางคนนั้นลอยขึ้นมาตรงปลายเท้าเรา มันก็รีบคลุมตามสิคะ เราเลยหันไปพยามกึ่งพูด หรือ ตะโกนเบาๆก้ไม่รุว่า กูขอไปนอนเตียงเมิงด้วยสิ กูกลัว แต่มันก้กลัวเหมือนกันค่ะ มันกลับบอกเราว่า สวดมนต์ สิยะ!!! เอิ่มจ้าสวดก้สวด นางก้สวดตามด้วย คราวนี้ผ้าห่มที่เราคลุมมิดหัวเรา มันกลับเลื่อนลงมาเองอย่างช้าๆ เราไม่พูดพร่ำทำเพลงค่ะ กระโดดไปเตียงเพื่อนเราเลยค่ะ มันก้ให้มานอนเบียดๆกัน เตียงก้แคบเหลือเกิ๊นนนนน แต่เราก้ต้องทำใจยอมรับมัน และแล้วเรากับเพื่อนเราเหมือนโดนอำ ทั้งๆที่ลืมตา ประหนึ่งว่าเท้านางทับเราทั้งสองค่ะ แล้วพูดว่า ให้เห็นรอบเดียวไม่ชอบ ชอบลองของดีนัก ก็จัดให้จ้า น้ำตาเรากับเพื่อนเริ่มไหลแล้วคะ่ บอกว่าจะทำบุญไปให้ ขอร้องนะคะ ปล่อยหนุสองคนไปเหอะค่ะ และแล้วนางก็ไปจ้า แต่ก็ยังมีทิ้งท้ายให้ในความฝัน
ในความฝันที่เราฝัน เป็นภาพเมื่อตอนบ่ายที่เราทำกิจกรรมกับเพื่อนล่าท้าผี แต่ที่จำได้แม่นเลย
นางในฝันบอกกับเราว่า ภายในเจ็ดวัน ถ้าไม่ทำบุญให้นาง นางจะให้เราไปอยู่เป็นเพื่อน จ้าาาาา
พอวันที่กลับบ้าน ทำกับข้าวกับแม่เลย และบอกว่า จะทำบุญอย่างหนัก ทั้งใส่บาตร ทั้งถวายสังฆทาน กรวดน้ำ ทุกอย่าง และแล้วก้ลุ้นค่ะ 7 วันกูไม่ตาย เย้ๆๆๆ แต่เพื่อนตัวดีสิคะ ไม่ยอมจบ ประหนึ่งว่า ชั้นอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคะ่ วันเสาร์นางโทรนัดกันว่าวันอาทิตย์นี้จะขึ้นไปตึกนั้นอีก ไอ้เราก้คิดว่าทำบุญให้แล้วคงไม่มีไรแล้ว เลยตบปากรับคำอย่างเป็นหมั้นเป็นเหมาะค่ะ ว่า จะไปอีกรอบ คราวนี้นางจัดเต็ม กล้องวีดีโอ ไมค์จิ๋ว และแล้วพอวันอาทิตย์มาถึง 6 โมงเย็นเป็นช่วงที่เรารับปากกัน เราขึ้นไปอีกรอบ เวลานั้นเป็นช่วงโพล้เพล้แล้ว แน่ๆไฟในกล้องจะไม่จ้ามาก แต่แล้วถ่ายๆอัดๆไปเรื่อยๆ เราได้ยินเสียงตะกุกตะกัก อยู่บนฝ้า นึกถึงผีช่องแอร์เลยจ้า เพื่งไปดูมาได้สักพักค่ะ มันค่อยมาเรื่อยๆ ดังเข้ามา สักพัก หนูกระโดดลงมาจากช่องฝ้าค่ะ เราแทบกรี๊ด ไม่ได้กลัวหนูนะ กลัวว่าจะเป็นอย่างอื่น น้ำตาจิไหลแล้วในตอนนั้น เพื่อนเราก็อัดไปเรื่อยๆไปจนถึงไยแมงมุม สักพักเหมือนกล้องโดนสปอร์ตไลท์ฉายเข้ามาในกล้องค่ะ มองไม่ออกว่าเป็นอะไร เราเดินกลับไปตรงทางเดินเพื่อนเราก้ยังถือกล้องอยู่นะ อัดคลิปไปนะ ไปถ่ายจนถึงห้องขังคุกเก่า ซึ่งห้องนี้เคยเป็นห้องทรมาณนักโทษญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกค่ะ โรงเรียนเราตั้งมาเป็นร้อยกว่าปีแล้วค่ะ เพื่อนเราก็ถ่ายในห้องที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรมากมาย เป็นอันเสร็จภาระกิจ เรากับเพื่อนตกลงกันว่า จะเปิดดูกันในวันจันทร์ ต่อกับ ทีวีโรงเรียนให้เพื่อนในห้องเราดูกันค่ะ พอถึงวันจันทร์ เรากับเพื่อนอาบน้ำกินข้าวเย็นเสร็จ ก็มาห้องโถงเล็กเพื่อเอากล้องมาต่อ ตอนแรกดูๆกันก็ขำ มีเสียงวี๊ดว้าย ล้อเลียน นู่นนี่นั่นเรื่อยเปื่อย จนถึงตอนแสงจ้า กล้องไปจับไก่ เหมือนไก่มันย้ายที่เองได้ แต่เราตอนที่อยู่ตรงนั้น มันไม่ได้ย้ายยยยนะเฟร้ยยยย และอีห้องขังคุกค่ะ เรากับเพื่อนๆทุกๆคน เห็นชัดมากว่า มีผู้ชาย พยามกระชากลูกกรง เอามือจะจับกล้อง ตะโกนเรียกพวกเรา แต่ตอนที่เราถ่ายกลับไม่มีอะไรเลยนะคะพอตัดภาพผู้ชายปุ๊ป ไฟดับทั้งตึก กลิ่นธูปคละคลุ้ง เอาเป็นว่า พอแล้ว เรากับเพื่อนเราต้องไปขอขมาเค้าที่ตึกกันอีกรอบค่ะ และแล้วไม่กล้าลองดีอีกเลย ขอบอกว่า เรื่องที่เล่ามาทุกๆอย่างเป็นเรื่องจริงนะคะ อยู่ที่วิจารณญาณ ของผู้อ่านค่ะ และต้องขออภัยที่มาเล่าต่ออย่างล่าช้าค่ะ
เรื่องจากพันทิป เรื่องเล่าสยองขวัญ "โรงเรียนประจำที่สุดเฮี้ยน"
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 1862378
Post a Comment