เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : บ้านพักสยอง


     ผลงานสยองสร้างจากเรื่องจริง โดยสมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : บ้านพักสยอง แถวๆบางบัวทอง ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

หายจากการเขียนเรื่องผี ไปเขียนเรื่องเพื่อนอยู่หลายวัน ก็รู้สึกสนุกไปอีกแบบ แต่ก็ไม่ใช่ทางเหมือนเรื่องผี พยายามจะนึกๆ เรื่องผีที่เคยได้ฟังมา แล้วเอามาแต่งเรียบเรียงมาตั้งกระทู้ ก็ยังนึกไม่ออก คือมันมีหลายเรื่อง แต่เป็นเรื่องสั้นๆ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เลยพยายามคิดเรื่องที่น่ากลัวมาเป็นเค้าโครงดีกว่า วันนี้เลยจะมาเล่าเรื่อง บ้านพักสยอง ให้ฟังค่ะ
เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : บ้านพักสยอง (1)
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่บางบัวทอง ทางทีมเราไปซัพพอทงานที่นั่น ก็ไปกันเกือบเดือนเหมือนเดิมค่ะ แล้วฝ่ายบุคคลก็มีความยุติธรรมสูง  ให้ผู้หญิงที่ขับรถไม่เป็นไปพักข้างนอก พวกผู้ชายพักหอในบริษัท หึหึ คิดยังไม่รู้ แต่คราวนี้ไม่ใช่ไอ้บีหรอกค่ะมารับพวกเรา แต่เป็นพี่ตี๋ พนักงานที่สาขานั้น มารับมาส่งแทน เรื่องงานก็ดำเนินไปปกตินะคะ ทีมเราก็ไปกันครบทีม ทั้งชายหญิง คราวนี้มีตัวละครเยอะหน่อยนะคะ เพราะทีมเรามีคนใหม่เข้ามาเพียบ จากตอนที่อุดร มีแค่เรา พี่ภัทร พี่พลอย พี่ตา แล้วก็บี (ผช.คนเดียวในทีม) พอมาเชียงใหม่มี ลูกพลับ กับหมวย เพิ่มมาอีกสอง คราวนี้บางบัวทอง มาอีกเพียบเลยค่ะ ผู้หญิงมี ฝน มาเพิ่มคนนึง ส่วนผู้ชายเพิ่มมาบึ้มเดียวสามคน มีพันธ์ หยอง (เค้าชื่อพีท แต่หัวหยอง เพื่อนเลยเรียกแบบนั้น) แล้วก็โจ แล้วจะบอกว่า Gen เดียวกันหมดเลย คือ อายุ 24-25 เท่ากันหมด แสบทรวงทีเดียวค่ะ แต่ละคน ทั้งชาย ทั้งหญิง การทำงานก็เป็นไปอย่างสนุกสนาน เพราะคุยกันรู้เรื่อง เพื่อนเยอะ คราวนี้ตัดมาที่ความสยองที่เกิดขึ้นกันค่ะ
บ้านพักที่ทาง HR หาให้อยู่ในหมู่บ้านจัดสรร ที่บางบัวทอง ไม่บอกชื่อนะคะ แต่เชื่อคนรู้จักเยอะแน่ อิอิ (หมู่บ้านนี้อยู่ซอยโรงเรียนสารสาสน์บางบัวทอง นั่น ชัดเลยใช่มั้ยล่ะ ใครอยู่แถวนั้น) บ้านพักก็ไกลจากที่ทำงานเหลือเกิน กว่าจะเลิกงาน กว่าจะกลับบ้าน กว่าจะหาอะไรกิน ดีสุดก็เซเว่นแหละค่ะ กะร้านบะหมี่หน้าเซเว่นทางเข้าหมู่บ้าน ถ้ามีธูระเรื่องงาน พวกเราจะจะแอบไปเวสเกตกันบ่อยๆ พอได้เห็นเมืองกับเค้าบ้าง 555+ ขออธิบายทางเข้าหมู่บ้านนิดนึง จากปากซอยมาก็มีเซเว่นกับโลตัสเอ๊กเพลสอยู่ 2-3 ที่ หน้าหมู่บ้านก็มีเซเว่น มีกาแฟสด ที่พวกเราพอได้อาศัยรองท้องก่อนไปทำงาน แล้วก็มีบะหมี่ ที่เปิดบ้างไม่เปิดบ้าง วันไหนตั้งใจมากิน ก็ไม่ค่อยจะเปิดหรอก สุดท่ายก็ต้องมาม่าเซเว่น 555+ หน้าหมู่บ้านก็มีป้อมยาม แล้วบ้านพักของพวกเราอยู่ประมาณซอยที่สาม บ้านก็เป็นบ้านจัดสรรทั้วไป เป็นบล๊อคๆ หลังบ้านชนกัน ข้างบ้านชนกัน ถนนเป็นสี่แยกทุกซอย ซอยสามที่เราอยู่ มีบ้านอยู่สี่หลัง สองฝั่งถนน สมมติเลี้ยวซ้ายเข้าไป สองหลังฝั่งซ้ายมีคนอยู่ค่ะ ส่วนของเราอยู่ท้ายซอยฝั่งซ้ายติดกำแพงหมู่บ้าน ซึ่งมองออกไปเป็นทุ่งนา ตอนนั้นข้าวกำลังเขียว บรรยากาศตอนเช้าดีสุดๆ แต่บ้านหลลังที่อยู่ติดกับเราไม่มีคนอยู่ค่ะ เราก็ค่อยๆ สำรวจบ้านไป ประตู้เป็นประตูเหล็กต้องใช้รีโมทเปิด มีสัญญาณกันขโมย หน้าบ้านมีศาลอยู่ จะบอกว่าพวกเรามีนิสัยเสียอย่างนึงที่เหมือนกันคือ ไม่เคยเอาอะไรมาไหว้ศาล  ไม่บอกไม่กล่าวว่าจะมาอยู่ เราหนักสุด ไม่เคยไหว้พระก่อนนอน เพราะรู้สึกว่าไหว้ทีไรฝันทุกที (มีครั้งหนึ่งไปดูดวงที่วัด อยู่ดีดีหมอดูก็ทักขึ้นมาว่าไหว้พระบ้างนะ เรานี่ขนลุกค่ะ รู้ได้ไง ว่าไม่ไหว้พระ คือเราเซ้นแรงมากเรื่องนี้ เลยทำเป็นไม่เชื่อไป)  หน้าบ้านก็มีราวให้ตากผ้าด้วยค่ะ มีชั้นวางรองเท้าให้อย่างดี พอเข้าไปในบ้านชั้นล่าง เปิดประตูเข้าไป ก็เป็นบันไดขึ้นไปชั้นสอง มีห้องเก็บของใต้บันได ฝั่งขวาเป็นชุดโฮมเทียเตอร์ อันนี้บริษัทเอามาเอง แล้วก็มีชุดโซฟาให้ ถัดไปเป็นโต๊ะกับข้าว 6 ที่นั่ง โต๊ะไม้ ซึ่งพวกเรายึดเป็นที่วางเครื่องสำอางค์สำหรับแต่งตัวไปทำงาน แล้วก็มีห้องน้ำเล็กหนึ่งห้อง มีห้องครัว มีตู้แขวนลอย มีอ่างล้างจาน มีชั้นเก็บของ ครบครัน และมีเครื่องซักผ้าด้วย หลังบ้านมีก๊อกน้ำ มีอ่างปูนยาวๆ สำหรับรองน้ำ ข้างบ้านมีต้นมะยมสูงประมาณ 2 เมตร ก็ไม่สุงมาก ยังต้นเล็กอยู่ ส่วนหลังบ้านเรามีบ้านหลังที่หันหลังชนกันจากของซอยถัดไป แต่ไม่มีคนอยู่ และไม่มีผ้าม่าน มองเห็นของข้างในชัดเจน มีตู้เย็นสองชั้นอยู่ด้วย เราก็แอบสงสัยไม่มีคนอยู่ ทำไมมีตู้เย็น ก็พูดกัน ก็สังเกตุว่าหลังตู้เย็นยังมีเชือกอยู่ น่าจะแกะไว้ อาจจะมีคนย่ายเข้ามา คือมันเป็นกระจกใสๆ อ่ะค่ะ ถ้าไม่มีผ้าม่านบังก็มองทะลุปรุโปร่งกันเลยทีเดียว ที่นี่ไปชั้นสอง ปูด้วยไม้ปาเก้ เดินแต่ละที่ดังเอี๊ยดอ๊าด เราไม่ชอบเลยจริงๆ บ้านที่มีไม้แบบนี้ ฝั่งขวามีห้องสองห้อง มีห้องน้ำเล็กหนึ่งห้อง ห้องฝั่งซ้ายของห้องน้ำมีเตียงนอนแต่ไม่มีแอร์ ห้องฝั่งขวาเป็นเหมือนห้องโล่งๆ แต่มีโต๊ะหมู่บูชา ส่วนห้องใหญ่อยู่ทางฝั้งขวาของบันได ประตูตรงกับห้องนน้ำ มีตู้เสื้อผ้า มีห้องน้ำขนาดใหญ่ มีอ่างอาบน้ำ มีกระจกด้วย ส่วนห้องก็มีแอร์ นอนได้ประมาณสิบคน อารมณ์นอนที่นอนปิคนิคนะ คือที่เราไปพักไม่ได้ไปแค่ทีมเรา ทีมเรามีหกคน แล้วก็มีพี่จากแผนกอื่นอีกสี่คน ขอเรียก เอ บี ซี ดี เลยละกัน (ตัวละครเยอะมาก) สรุปห้องที่นอนได้มีสามห้อง แต่ไม่มีแอร์ เลยนอนห้องเดียวกันไปเลยสิบคน ไม่อึดอัดค่ะ ห้องน้ำมีสามห้องก็แบ่งกันใช้ได้ เรากับพี่ตากับลูกพลับจะลงไปใช้ข้างล่างสามคน เพราะพวกเราชอบแต่งหน้าทำงาน เครื่องสำอางค์ก็วางอยู่ข้างล่างด้วย สรุปเวลาแต่งตัว เรายึดชั้นล่างกันเลยทีเดียว สะดวกสบายมากค่ะ แต่ภายใต้ความสะดวกสบายก็มีความสยดสยอง เหอๆๆๆ

เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : บ้านพักสยอง (2)
วันแรกของการเข้าพักที่บ้าน พวกเราขอกลับเร็ว เพราะอยากไปทำความสะอาดบ้านเก็บข้าวเก็บของด้วย ก็เลยพากันกลับตอน 17.00 น. คือถึงเวลาเลิกงานกลับเลย (ปกติทำงานต่างสาขาอย่างน้อยสองทุ่ม) พี่ตี๋ก็ไปส่งเราที่บ้านครั้งแรก พวกเราขอให้พี่ตี๋รอพาไปกินข้าวด้วย ขอเก็บของแป๊บนึง ตอนนั้นเข้าบ้านมาแต่ทีมเรานะคะ พวกพี่ เอ บี ซี ดี เซ็ทอัพคนละส่วน ทีมนั้นทำถึงเที่ยงคืนทุกวัน แต่เค้าได้โอทีนะคะ เพราะเค้าทำหน้างาน แต่ของเราได้แต่เบี้ยเลี้ยงรายวัน ฮือๆๆ เราให้พี่ตี๋นอนรอที่โซฟาหน้าทีวี ก็เปิดทีวีดูไป ซักพักแกก็ผลอยหลับไป พวกเราก็พากันเก็บของอะไรเสร็จสรรพก็ลงมา เห็นพี่ตี๋นั่งอยู่แล้ว ก็พากันออกมา พี่ตี๋เอารถกระบะมาส่ง ก็ต้องมีคนนั่งหลัง ลูกพลับ กับหมวยอาสาไปนั่งหลัง ส่วนไอ้ฝน มันนิสัยไม่ค่อยดี กระโดดนั่งหน้าก่อนใครเพื่อนตอนนั้นหมั่นไส้นะ เหมือนไม่รุ้กาลเทศะ ควรให้ผู้ใหญ่ขึ้นก่อนป่ะ สรุป เรากับพี่พลอย กับฝนนั่งหน้า แค่สามคน ส่วนที่เหลือนั่งหลังหมด (ไม่รู้เคืองไอ้ฝนป่าว) พอออกรถได้สักพัก
พี่ตี๋ : ตอนที่หลับอยู่มีใครลงมาปืดทีวีป่าว
ฝน : ไม่นะพี่ พวกเราอยุ่ชั้นสองตลอด
เรา : เฮ่ย พี่ตี๋อย่าพูดงี้สิ มดยิ่งรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่
พี่ตี๋ : เออ มีแน่ล่ะ พี่ก็รู้นะว่าหมู่บ่านนี้มันแรง แต่ไม่คิดว่าหลังที่พวกเธอพักก็จะเป็น
พี่พลอย : เอาอีกแล้วเหรอ
พี่พลอยมองหน้าเรา เพราะคราวที่สมุทรสาครยังสยองกันอยู่
เรา : เอาจริงๆ นะ มดอ่ะรู้สึกได้ตั้งแต่เข้ามาแล้ว เหมือนพวกเราไม่ได้อยู่กันแค่นี้ เหมือนมันแน่นเต็มบ้านไปหมด มันอึดอัดยังไงไม่รู้ จะทำอะไรก็เหมือนมีคนมองตลอด
พี่ตี๋ : พี่ว่าน่าจะเป็นผีบ้านผีเรือนมาดูแหละ เห็นมากันหลายคนมั้ง เลยสงสัย
ฝน : สรุป ใครปิดทีวีพี่
พี่ตี๋ : ตอนที่พี่นอนอยู่ พี่เปิดทีวีไว้ กึ่งหลับกึ่งตื่น พี่เปิดทีวีไว้ใช่มะ แล้วสักพักพี่เห็นแว๊บเหมือนผู้หญิงใส่ประโปรงยาวๆ เดินงึมงำๆ มา ปิดทีวี คือเค้าเหมือนบ่นอะไรสักอย่างอย่างเสียงที่พูดออกมาอ่ะนะ แต่จริงๆคือฟังไม่รู้เรื่องไม่เป็นภาษา แต่พี่กลับเข้าใจเฉยเลย คือเค้าบอกว่า เปิดทีวีทิ้งไว้ทำไมถ้าไม่ดูประมาณนี้ พอทีวีปิดพี่ก็สะดุ้งตื่นเลย แล้วก็ไม่เห็นใคร
พวกเราเงียบกันทั้งรถ สรุปก็สยองกันอยู่สี่คนหน้ารถ ก็ไปกินข้าวกันปกตื กลับมาก็อาบน้ำนั่งดูทีวีกัน ยังไม่มีใครขึ้นไปนอน เพราะมัวนั่งเล่นนั่งหยอกกัน จนพวกพี่เอ บี ซี ดี กลับ พวกนั้นซื้อพวงมาลัยกับธุปมาไว้ศาลหน้าบ้าน ตอนนั้นพวกพี่ยังไม่เข้าบ้าน แต่ด้วยความที่บ้านเป็นกระจก แล้วศาลมันก็อยู่ตรงห้องนั่งเล่นพอดี แต่ไม่มีแอร์นะคะ มีแต่พัดลม ระหว่างที่เรายังไม่รู้ว่าพวกพี่เค้ากลับมาแล้ว อยู่ดีดีม่านก็เปิดออกวูบบบ เหมือนลมพัด ทั้งๆที่เปิดพัดลมตั้งนานมันไม่พัดปลิวขนาดนั้น พอม่านเปิดออกพวกเราก็เห็นพวกพี่เอกำลังไหว้ศาลพอดี พี่ตาก็ยกมือไหว้ แล้วพูดขึ้น เผื่อด้วยแล้วกันนะ (ให้พวกพี่เอไหว้เผื่อ) ส่วนเรากลัวนะ แต่เป็นคนพยายามไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลยไม่สนใจกัน คิดว่าอยู่บ้านหลังเดียวกัน ใครไหว้ก็ได้หรอก
พี่เอ : ทำไมไม่ไหว้ศาลกัน รู้มั้ยว่าเค้าไม่โอเคเลยนะ (พีเออายุประมาณห้าสิบ เป็นสาวอาวุโสสุดค่ะ แกเดินเข้าบ้านมาแวะหาพวกเรา)
พีภัทร : อะไรเหรอพี่เอ
พี่เอ : ยังไงพรุ่งนี้ก็หาอะไรมาไหว้เค้าหน่อยแล้วกัน
เราก็พอจะรู้แล้วว่าพี่เอหมายถึงอะไร สรุปวันนั้นก็เข้านอนกันปกติ เราก็ตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัว เวลาแต่งตัวเราจะเปิดม่านให้แสงเข้าพอได้สว่างตอนแต่งหน้า มันก็จะมองเห็นบ้านที่อยู่หลังบ้านพอดีใช่มั้ยคะ ทุกอย่างก็ปกติ ตู้เย็นก็ยังเห็นอยู่ ยังไม่มีใครย้ายเข้า
ลูกพลับ : ไปขโมยมาใช้ดีมั้ย เอาไว้หลังนั้นก็ไม่มีใครใช้
เรา : ถ้าเจ้าของเค้ามาทวงล่ะ
แล้วเราก็ทำหน้าผีใส่ลูกพลับ
กลับจากทำงานประมาณสามทุ่ม พวกเราเหนื่อยมาก แต่เราต้องซักผ้า ซึ่งเวลาซักผ้าจะต้องไปเปิดก๊อกหลังบ้านที่ต้นมะยม แต่เวรกรรมเครื่องซักผ้าไม่ใช่แบบอัตโนมัติ แต่เป็นสองถัง ต้องคอยเปิดปิดน้ำ แล้วไฟหลังบ้านสลัวๆมากค่ะ เราก็เปิดประตูไปเดินไปเปิดน้ำ รอบแรกไม่คิดอะไร ไปคนเดียวได้ พอเปิดได้ก็วิ่งกลับเข้าบ้าน แอบเสียว 55+ แล้วกำลังจะปิดประตูเพระากลัวยุงเข้า ไม่มีมุ้งลวดนะคะ เผอิญสายตาเหลือบไปเห็นตู้เย็นเปิดอยู่ ในบ้านหลังนั้นมืดนะคะ แต่มีแสงจันทร์ก็พอมองเห็นว่าเปิดอยู่ คือเป็นตู้เย็นสองชั้นใช่มั้ยคะ เราเห็นชั้นล่างเปืดอ้ากว้างเลยค่ะ แต่มันไม่ได้ถูกใช้งานอะไร ก็เริ่มหวั่นแล้วค่ะ พอจะไปปืดน้ำเรียกหมวยไปเป็นเพื่อน 555+ มันก็เข้าใจนะคะ สรุปใครจะไปเปิดปิดน้ำซักผ้าต้องไปสองคนตลอด
พี่บี : พี่เอลุกมายืนทำไรดึกๆอ่ะ
พี่ซี : เออ หนูตกใจหมด
พี่เอ : ยืนอะไรวะ
พี่บี : ก็เมื่อคืนหนูเห็นพี่มายืนอยู่ตรงประตูเนี่ย หันหน้ามองไปทางทีมพี่ภัทรอ่ะ
พี่ซี : เออ เห็นยืนอยู่ตั้งนาน เหมือนยืนนึกอะไรอยู่
พี่เอ : ผีหลอกสิพวกเอ็ง ไม่ใช่พี่เว่ยยย พี่ไม่ได้ลุกไปไหนเลย
พวกเราถูกปลุกด้วยเสียงคุยกันเรื่องสยองแต่เช้า
พี่ภัทร : หาาา จริงเหรอพี่เอ เมื่อคืนหนูฝัน

เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : บ้านพักสยอง (3)
พี่ภัทรดีดตัวขึ้นจากที่นอน เสียงพี่ภัทรทำให้สติทุกตื่นเต็มที่
พี่ตา : พี่ภัทรจะมาเล่าอะไรตอนนี้เนี่ยยย ไปเล่าที่อื่นดีมั้ย
พี่ภัทร : แก พี่ฝันจริงๆ พี่ฝันว่าเรากลับจากทำงาน พี่เปิดประตูแล้วเดินเข้ามา หันไปอีกทีพวกแกอยู่นอกบ้าน ประตูก็เปิดไม่ได้ แล้วก็มีผู้หญิงใส่กระโปรงยาวๆ แต่จำไม่ได้ว่าสีอะไร เดินมาจากปากซอย มาบอกพวกแกว่า พวกแกเข้าไม่ได้หรอก อีนั่นเข้าได้คนเดียว แล้วชี้มาทางพี่
ขนลุกสิค่ะ กระโปรงยาวๆ ใช่คนเดียวกับพี่ตี๋เห็นมั้ยเนี่ย
เรา : แล้วไงต่ออ่ะเจ้
พี่ภัทร : พี่ก็เลยบอกว่าให้น้องมันเข้ามาเถอะ มันอยากอาบน้ำจะตายอยู่แล้ว ตอนนั้นพี่คิดว่าเค้าเป็นเจ้าของบ้านนะ เหมือนเค้ามาดูว่าเราอยู่กันเยอะ เลยไม่อยากให้วุ่นวายหลายคน
พี่เอ : แล้วพี่พวกแกเห็นเมื่อคืนใส่ชุดอะไรวะ ซี บี
พี่ซี : เออว่ะ ไม่ได้สังเกตุนะพี่ หนูก็ว่าเป็นพี่ ไม่ได้สนใจ ก็นอนต่อเลย เหนื่อยด้วย
สรุป บ้านนี้ไม่ชอบมาพากลแน่นอน เจ๊าะแจ๊ะกันอีกสักพักก็เป็นอันว่าแยกย้ายเตรียมตัวไปทำงาน ความรู้สึกในบ้านก็เหมือนเดิมนะคะ เหมือนมีคนอยู่ด้วยตลอด เวลาจะทำอะไรเหมือนมีคนมอง แม้กระทั่งตอนอาบน้ำ คือไม่มีกะจิตกะใจจะอาบน้ำเลยค่ะ ทุกคนลงมารถที่หน้าบ้าน แต่ยังไม่เปิดประตูออกไปนะคะ บางคนเดืนไปซื้อของเซเว่นหน้าปากซอยก่อน
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยค่ะ ตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่ามันดังได้ยังไง ทุกคนไม่ได้ไปทำอะไรมัน สรุปทุกคนวิ่งขึ้นชั้นสอง และสัญญาณมันก็ดังอยู่แบบนั้น แล้วปิดไม่เป็นกันไงคะ ดังอยู่นานมาก กว่าจะปิดกันได้ แล้วหูแทบแตกค่ะ คือมันดังมากจริงๆ แล้วดัง กริ๊งงงงงงงงงงงงง ยาวๆ เลย ไม่มีพัก สรุป หูอื้อกันไปทั้งวันค่ะ หอพักในบริษัทเสร็จแล้ว พวกพี่หน้างาน เอบีซีดี ย้ายเข้าไป ทีนี้บ้านก็เหลือเราหกคน หดหู่เข้าไปอีก
เรากลับมาบ้านวันแรกที่พวกพี่เอย้ายออก คือที่นอนเป็นที่นอนปิกนิกใช่มั้ยคะ แล้วเราก็เอาที่นอนวางไว้ชิดกำแพงด้านบน คือไม่ได้พับที่นอนอยู่แล้ว พับแต่ผ้าห่ม พอกลับไป คือที่นอนเหมือนถูกคนดึงลงอ่ะค่ะ มันไม่ชิดกำแพง คือเหมือนถูกลากลงมาประมาณคืบนึง ตอนนั้นพวกเราก็คิดว่า คงเป็นพวกพี่เอล่ะมั้ง มาดึงลง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าดึงลงทำไมอยู่ดี เราก็อาบน้ำนอนปกติ พอตอนเช้าไปถามพวกพี่เอ ก็บอกว่าไม่ได้ดึงนะ พวกเราก็งงตาแตก กลับไปอีก ก็เป็นอีกค่ะ คราวนี้เละกว่าเดิมล่ะ ผ้าห่มถูกรื้อ ทีแรกตกใจกันมากคิดว่าโจรขึ้นบ้าน แต่พอไปดูของมีค่า ไอแพด โทรศัพท์ เงินที่ทิ้งไว้ ก็ไม่มีของใครหาย คราวนี้พวกเราคิดไปว่าเจ้าของบ้านที่ให้เช่า คงมาตรวจดูความเรียบร้อย วันต่อมาเลยไปแจ้งฝ่ายบุคคลว่าเหตุการณ์เป็นแบบนี้ ซึ่งพวกเราไม่โอเคอ่ะค่ะ เพราะถึงเป็นเจ้าของบ้านแต่เราเช่าแล้วควรขออนุญาติก่อน เพราะฝ่ายบุคคลก็บอกว่าไม่มีใครมาขออนุญาติอะไรนะ เราเลยให้โทรไปถาม เจ้าของบ้านก็บอกว่า ไม่ได้เข้าไปนะ อาจจะเป็นลมพัดหรือเปล่า พวกเราก็แบบ อืมม หน้าต่างไม่ได้เปิดสักบาน ลมคงจะเท่าพายุงวงช้างล่ะมั้ง ถึงจะยับเยินได้ขนาดนั้น ตอนนั้นพวกเราเชื่อว่าเป็นเจ้าของบ้านนั่นแหละเข้าไปรื้อเพราะเห็นอยู่กันหลายคน คงเป็นห่วงบ้าน พวกเราก็เลยไม่ได้อะไรมาก แต่มันไม่ใช่น่ะสิคะ กลับไปก็เป็นสภาพเดิมอีก เลยยอมแพ้ เออ อยากทำอะไรก็ทำไป อย่าขโมยของก็พอ สามวันติดกันที่ห้องเป็นแบบนั้น
ต่อมาก็มีเหตุการณ์แปลกๆ ทุกวันกับบ้านหลังนี้

เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : บ้านพักสยอง (4)
ก่อนถึงคืนมหาวิปโยค คืนสุดท้ายที่พักที่นี่ (คืนสุดท้ายเจอดีตลอด) เหตุการณ์แปลกก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น
- เราปิดแอร์ก่อนออกจากบ้าน มั่นใจเพราะเป็นคนปิดเอง สับสวิตช์ไฟเองด้วย พอกลับมา แอร์กลับเปิดอยู่ เราเลยโดนด่า แต่ไม่ได้โวยวายอะไร ยอมรับส่งๆไปว่าลืมปิด ทั้งๆ ที่ไม่ใช่
- บ้านด้านหลัง ประตูตู้เย็น บางวันก็ปิด บางวันก็เปิดข้างบน บางวันก็เปิดข้างล่าง ตู้เย็นใหม่เอี่ยมนะคะ ไม่ได้ถูกใช้แน่นอน
- สัญญาณกันขโมยดังบ่อยมาก จนน่าโมโห บางทีตีห้าก็ดังขึ้นมาจนคิดว่าขโมยขึ้นบ้าน แก้วหูจะพัง อยู่เกือบๆเดือน ดังไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง อันนี้ก็ยังเป็นไปได้ว่า มันขัดข้องจากระบบมัน ไม่ใช่เรื่องเล้นลับอะไร
- พวกเราเปิดไฟหน้าบ้านทิ้งไว้ทุกวัน เพราะรู้ว่าจะกลับมาดึก เพราะมันต้องมืดมาก แต่กลับมาบางวันไฟก็เปิดอยู่ บางวันไฟก็ปิด อันนี้ไม่แน่ใจว่าเจ้าของบ้านไปปิดหรือเปล่า
- ครั้งนึงพี่ตาซักผ้า สายปล่อยน้ำ เราจะปล่อยออกไปหลังบ้าน ตัวเครื่องอยู่ในครัว คือเรามีก้อนหินทับไว้ ซักเสร็จพี่ตาเดินเปิดสวิชต์ไปปล่อยน้ำ กลับไปอีกทีลื่นก้นจ้ำเบ้า เพราะสายมันปล่อยน้ำในครัวซะงั้น วิดน้ำกันยกใหญ๋ มองไม่เห็นความเป็นไปได้เลย ว่ามันเข้ามาได้ไง ซักเป็นสิบยี่สิบรอบไม่เห็นมีปัญหา
- วันหนึ่งเรากลับบ้าน บ้านฝั่งตรงข้ามปกติจะไม่ค่อยเจอกัน เหมือนเค้ามารอพวกเรากลับ แล้วเอาน้ำแดง กับพวงมาลัยให้พวกเรา แล้วบอกว่าพอดีผมซื้อมาไหว้ศาลบ้านผม พวกคูณเอาไปไหว้บ้านนั้นด้วยสิ ผมซื้อมาเยอะ คือเรารู้สึกแปลกๆ นะ แบบนี้ก็มีเหรอ ซื้อของไหว้มาเยอะ แล้วมาแบ่งบ้านอื่น เออ คนไทยน้ำใจงามแท้ เราก็ให้พี่ภัทรเอาไปไหว้คนเดียว แล้วก็บอกไหว้เผื่อด้วย เพราะพวกเราขี้เกียจไหว้ อยากเข้าบ้านไปพักผ่อนมากกว่า
- พี่ตี๋เล่าให้ฟังว่ามารับพวกเรา แล้วบ่านตรงข้ามเค้าวิ่งออกกำลังกายอยู่ก็เรียกพี่ตี๋ว่ามารับคนบ้านหลังนั้นใช่มั้ย เป็นคนที่นี่รึป่าว พี่ตี๋ก็ว่าใช่ผมเป็นคนที่นี่ แต่พวกนั้นมาจากต่างถิ่น แล้วเพื่อนบ้านก็บอกว่า เนี่ยคุณบอกพวกเค้าทำตัวดีดีหน่อยนะ ผมเห็นผีผู้หญิงมานั่งห้อยขาอยู่ระเบียงแทบทุกวันเลย น่าจะเป็นเจ้าที่อ่ะ แต่ก่อนผมไม่เคยเห็นนะ ผมอยู่นี่มาจะสองปีแล้ว
- หมู่บ้านนี้มีโจรขึ้นบ่อยมาก ทั้งๆที่มียามหน้าหมู่บ้าน ตรวจคนเข้าออกตลอด แต่ก็จับโจรได้ทุกครั้ง เกิดความเสียใจแค่เล็กน้อยเท่านั้น
- เราวางเครื่องสำอางค์บนโต๊ะอาหาร กลับมามันตกลงมาแตกเฉยเลย ทั้งๆที่วางไว้ลึกอย่างดี เป็นไปยากมากที่จะตกลงมา
- ตุ๊กตาเราที่เอาไปด้วย กลับมาบ้าน บางทีก็ย้ายไปอยู่ที่นอนพี่ตา หาคนแกล้งไม่เจอ
- นั่งดูทีวีกันอยู่ดีดี อยู่ๆ มันก็เปลี่ยนช่อง เหมือนมีใครทับรีโมต แต่ไม่มีใครทับแน่นอน
- กลางดึกจะได้ยินเสียงเหมือนคนเดินบนบ้าน แต่เดินเบามาก พื้นบ้านเป็นไม้ปาเก้ เวลาเดินเลยมีเสียง
- ผ้าม่านตรงห้องนั่งเล่น บางทีก็เหมือนมีคนแง้มให้เปืดออก ทั้งๆ ลมก็ไม่ได้พัด
นี่เป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆที่เกิดขึ้นทุกวันกับบ้านหลังนี้ แต่มันก็พอจะคิดไปทางวิทยาศาสตร์ได้บ้าง พวกเราเลยยังอยู่กันต่อได้ แล้วไม่จิตตกเท่าไหร่ อีกอย่างยังไม่เจอจังๆ มั้ง
จนวันที่วุ่นวายที่สุดในโลกมาถึง

เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : บ้านพักสยอง (5) ตอนจบ
พรุ่งนี้เราก็จะได้กลับสำนักงานใหญ่กันแล้ว โดยขึ้นเครื่องบ่ายสอง ดังนั้นพวกเรามีเวลานอนตื่นสายได้ จะบอกว่าไปอยู่บางบัวทองไม่ได้ดริ๊งค์กันเลยค่ะ จนวันสุดท้ายนี่แหละต้องจัดหนัก คือแถวนั้นไม่คุ้นทาง แล้วบริษัทไม่มีรถมาให้ใช้ เราเลยไม่มีโอกาสได้ไปแช่แว๊บที่ไหนกันเลยค่ะ จนพี่ภัทรวางแผนคืนนี้ไว้เสร็จสรรพ บ่านนี่แหละ กินได้ทั้งคืนดี ใครเมาก็นอนได้เลย เหมาะมาก
สรุป วันนั้นทีมผู้หญิง ทำสุกี้ให้เป็นอาหารค่ำ พวกผู้ชายก็มากันหมด พวกเราให้พี่ตี๋มาส่ง โดยพวกผู้ชายก็นอนที่บ้านนี้เลย ก็มาหมด บี พันธ์ หยอง โจ รวมพวกเราอีกหกคนก็เป็นสิบคน ทีนี้มีพี่ตา กับลูกพลับที่ไม่ดื่มแอลกอฮอร์ นอกนั้นเละหมด เรานั่งกินไปเรื่อยๆ คือตอนนั้นมีหลายยี่ห้อมากคือซื้อมากินที่บ้านค่ะ เอามาหมด มีวอสก้า มี Absolut แจ๊คเดเนียล รีเจนซี่ยังมีค่ะ คือ แด๊กกันมั่วมาก กะให้ตายไปข้างนึงเลย ระหว่างกินก็เล่นเกมเศรษฐีวงเหล้ากันค่ะ จนแบบไอ้พันธ์อ๊วกแตกอ่ะ โดนแต่เพียวๆ คือพอเราเริ่มเมา เราก็เริ่มเสียงดังกันใช่มั้ยคะ จนหยุดไม่อยู่ ไอ้พันธ์วิ่งไปอ๊วกหลังบ้าน กลับมามันมาบอกไอ้บีไอ้หยองว่า
พันธ์ : เฮ่ย สาวบ้านนั้นแหล่มชอบหายว่ะ ป่ะๆๆ จีบสาวกัน
พี่ภัทร : สาวไหนวะ
พันธ์ : สาวบ้านข้างหลังไง ขนาดมืด ยังรู้ว่าสวย
ลูกพลับ : เมิงเมาและ มองไรก็สวยไปหมด
เรา : เฮ่ย แต่บ้านหลังนั้นไม่มีคนอยู่นะเว่ย
ทุกคนเงียบ
พันธ์ : มี๊
มันเถียงทั้งๆที่มันเมานั่นแหละค่ะ คือไม่รู้ว่าคนเมาพูดความจริงรึป่าวนะ แต่ก็ขนลุกแปลกๆ
พันธ์ : มาๆ มาดูกับกู
พันธ์ลากบีไปดู โดยแหวกผ้าม่านออกไป
บี ; ไหนวะสาวของเมิง
พันธ์ : นั่นไง นั่งอยู่โซฟาอ่ะ
แล้วบีก็กลับมา
บี : ถ้ามันจะเมามาก ไม่เห็นมีใครสักคน
คือพวกเมิงอาจคิดว่ากันเมา แต่พวกกุเยี่ยวจะราดแล้วจ้ะ
หยองเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างห้องครัว
พรึ่บบบ ไฟดับ
หยอง : เฮ่ย ใครปืดไฟแกล้งกูวะ
แล้วไฟมันก็ติดขึ้นมาเอง  เราเริ่มกระดกเหล้าเข้าปากหนักขึ้นๆ เพราะไม่อยากเจออะไร ขอเมาหลับไปดีกว่า
บี : เฮ่ย ใครมีเกมส์สนุกๆ มาเล่นมั่งวะ เกมส์เศรษฐีเบื่อแล้วว่ะ แมร่ง มีแต่ไอ้พันธ์กับไอ้หยองได้กิน
เรา : มีๆๆ หมุนขวด โดนใคร คนนั้นยกแจ๊คเพียวฃ
บี ; เฮ่ย มันธรรมดาไปเว่ยย เหล้าก็กินๆ กันไปเถอะ มันจะได้เมากันทุกคนจะได้สนุกกัน
ทุกคนเห็นด้วย
พี่ภัทร : แล้วจะโดนลงโทษยังไงวะ
โจ : ใครโดนให้วิดพื้นสิบที
หมวย : เฮ่ย ผู้หญิงล่ะ
โจ : ผู้หญิงก็วิดกำแพงไป (ท่าวิดพื้นของผู้หญิง)
โอเคสรุปเราก็เล่นเกมไปเรื่อยๆ เสียงดัง วุ่นวายมาก
สักพักพี่ภัทรอ๊วกแตก เข้าห้องน้ำข้างล่าง ไอ้บีดันปวดฉี่ จะไปหลังบ้านก็ไม่เหมาะ มันเลยวิ่งขึ้นไปบนบ้าน คือบีเป็นผู้ชายตัวใหญ่มาก หนักร้อยกว่า สูงร้อยเก้าสิบ แล้วมันวิ่งจนเหมือนบ้านจะถล่ม สักพัก ได้ยินเสียง ร้อง เฮ่ยยยยยย ดังมากกก เรานึกว่ามันล้ม หรือสะดุดอะไร เพราะเมากันมาก ไอ้โจกับลูกพลับวิ่งขึ้นไปดู
โจ : เป็นเห้อะไรของร้องดังเลยยย
บี : สัสเอ๊ยย ลงไปก่อน
แล้วก็วิ่งลงมานั่งในวง กระดกเหล้าฮึบๆ สองแก้วเพรียวๆ รวดเดียว
พี่ภัทร : นี่เมิงฉี่แล้วเหรอ เล็กมากสินะ เร็วมาก
พี่ภัทรแซวบีน้อย แบบ 18+ แต่ไอ้บียังเงียบอยู่ เวลาผ่านไปสักพัก ไอ้บีกระดกเหล้าไม่หยุด จนนั่งหลับไปเลย สภาพทุเรศมาก ส่วนไอ้หยองหลับในท่าถือโทรศัพท์ คือมันนอนหงายอ่ะค่ะ มื่อถือโทรศัพท์ค้างอยู่แบบนั้น ที่เหลือก็นั่งกินต่อ
โจ : อะไรวะคออ่อนกันยิ้ม ยังไม่ทันเที่ยงคืนเลย ตายกันหมดแล้ว
เรา : เออ เก็บหลักฐานดิ๊
พี่ตาก็ตะเวนถ่ายรูป ฮามากค่ะ สภาพแต่ละคน
สักพักไอ้พันเดินขึ้นไปบนบ้าน มันบอกจะไปนอน คือ มันเมามาก จนไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน ต้องไปนอนยังไง แต่มันรู้แค่ว่าต้องนอนในบ้าน จากนั้นวงก็เงียบลง แต่ผู้หญิงยังไม่มีใครกล้าขึ้นไปนอนบนบ้านค่ะ ต้องรอขึ้นไปพร้อมกัน ซึ่งเรา พีภัทร พี่พลอย หมวย โจ้ ยังนั่งดวลกันอยู่ ลูกพลับกับพี่ตานอนบนโซฟา ไอ้หยองนอนกับพื้นบ้าน อยู่ดีดีไอ้บีก็ตื่นขึ้น คือมันนั่งหลับอยู่
บี : บ้านหลังนี้ไม่ได้มีแค่พวกเราอยู่ใช่มั้ย
พวกเรามองหน้ากันเลิกลั่ก
พี่ตา ; มีแค่พวกเราไม่แค่พวกเราจะมีใคร ไม่ให้ใครเข้ามานะ
พี่ตาพูดเน้นเสียง เหมือนจะทำให้สิ่งที่มองไม่เห็นได้ยินว่าไม่อนุญาติให้อยู่ในบ้านนะ
บี : เค้าอยู่บนบ้าน เค้ายืนชี้หน้าผมอยู่หน้าห้องน้ำเลยพี่
ลูกพลับ : เยดเข้ ใครวะ
เรา : อีพลับ เมืงจะถามทำหอกอะไร ก็รู้อยู่ไม่มีใครอยู่บนบ้าน ถ้าไม่ใช่
พี่ภัทร : ผี!!!
เฮ่ยยยยย
อยู่ดีดีไอ้พันธ์ที่อยู่บนห้องก็ร้องขึ้นจังหวะนั้น แต่ร้องแล้วก็เงียบไป พวกเราเลยคิดว่าคงโดนแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าขึ้นไปดู ไอ้โจคิดแผนชั่ว ปลุกไอ้หยอง ให้ตื่น แล้วไล่ไปนอนบนบ้านกับไอ้พันธ์เพื่อที่จะได้มีคนไปดูไอ้พันธ์ด้วย หยองเดินขึ้นไปบนบ้าน แบบโซซัดโซเซ เพราะเมาหนักมาก พอมันถึงมุมเลี้ยวของบันได คือบันได เป็นบันไดวนอ่ะค่ะ หรือเรียกไรไม่รู้ ที่พอถึงครึ่งทางต้องเลี้ยวก่อน
หยอง : อ้าวพี่ พี่มาขวางผมทำไมเนี่ย แล้วบอกให้ผมขึ้นไปนอน
ไอ้หยองพูดกับใคร ?? พวกเราเริ่มขยับตัวเข้าหากันอัตโนมัติ
เพล้ง ขาพี่พลอยไปเตะโดนขวดวอสก้าล้ม แต่ไม่แตก ไอ้โจเอื้อมมือจะไปหยิบขึ้น เพราะมันหกเลอะเทอะ แต่พอเอื้อมไป ขวดกับกลิ้งๆๆ ไปอีก แล้วไฟก็ดับพรึ่บบ นี่มันหนังผีชัดๆ คือทุกอย่างมันบ้าไปหมด แล้วไฟก็ติดๆดับๆ โจ้ร้องเฮ่ย เรากระโดดกอดพี่ภัทร พี่ภัทรนั่งสวดมนต์เลยค่ะ คือ ตรงที่ขวดหยุด จังหวะที่ไฟสลัวๆ ค่อยๆจะติดอ่ะค่ะ เราเห็นเหมือนเท้าใครไม่รู้อยู่ตรงขวดเลย ซึ่งพอมาถามก็เห็นทุกคน พอไฟติด หยองก็เดินลงมาหาพวกเรา แล้วก็บ่น
หยอง : เป็นแมร่งอะไร ไฟดับบ่อยจัง บ้านก็ตั้งแพง ไฟฟ้าห่วยแท่
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงง
ไอ้หยองพูดไม่ทันขาดคำเสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้น ซึ่งมันดังมาก พวกเราต้องวิ่งขึ้นไปช่วยกันปิดบนบ้านเลยค่ะ คือเรา พี่ตา ลูกพลับ บี  วิ่งขึ้นไป สุดท้ายก็ปิดได้ คือสัญญาณกันขโมยมันอยู่ในห้องใหญ่ที่เรานอนไงคะ ทีนี้พอปิดสัญญาณได้ เราก็เลยไม่พากันลงไปดีกว่า พากันนอนเลย แล้วให้บีไปเอาที่นอนในตู้มาปูนอนด้วยกัน คือเราไม่ได้อะไรกันอยู่แล้ว หญิงชายไม่ค่อยถือกัน บีเดินไปเปิดประตูตู้
พรึ่บบบบ
ที่นอนผ้าห่มที่ยัดอยู่ตู้เต็มๆ หล่นลงมากองทับมันเลยค่ะ บีมันเมาด้วยเลยเสียจังหวะเซล้ม พวกเราต้องรีบไปช่วยกันขนผ้าที่ทับออกให้ ฮือๆๆๆ อยู่ดีๆลูกพลับก็ร้อง ฮือๆ หลับตาปี๋เลยค่ะ พูดไม่ได้ศัพท์ แล้วบีก็พูดขึ้น อือหือชัดเลย ป่ะ เป็นอันว่าเราลุกจะไปข้างล่างอย่างพร้อมใจค่ะ เราไม่กล้ามองที่ตู้
เรา : เดี๋ยวๆๆ ไอ้พันธ์ล่ะ ไปดูมันหน่อยมั้ย
เรายังห่วงพันธ์อยู่ เพราะยังไม่มีใครขึ้นมาดู เราเดาว่าพันธ์น่าจะนอนอยู่ห้องฝั่งซ้ายของห้องน้ำที่มีเตียง ไอ้บีนำทับเปิดประตูเข้าไป ที่จริงประตูไม่ได้ปิดหรอกค่ะ แค่แง้มไว้ อ๊ากกกกก ไอ้พันนอนแก้ผ้าค่ะ แก้ผ้าจริงๆ แก้จนเห็นปิกาจู๋ชัดเลย ลูกพลับกับพี่ตาปิดตากันแทบไม่ทัน ส่วนเรายืนอึ้ง เพราะยังเมาๆอยู่
เรา : บีๆ เอาผ้าห่มปิดจุ๊ดจู๋มันดิ๊
เราเรียกสติบี ให้เอาผ้าคลุมให้เพื่อน แล้วเรียกพันธ์ให้ตื่น ไอ้พันธ์ทะลึ่งพรวดขึ้น แต่ดีที่มือมันยังกุมผ้าห่มไว้ มันร้องเฮ่ย แล้ววิ่งฝ่าพวกเราลงไปข้างล่าง แต่มือยังกุมผ้าห่มข้างหน้านะคะ แต่คือพอมันวิ่งผ่านไป สิ่งที่เราจะเห็นคือข้างหลัง เอ่อ กินข้าวไม่ลงอีกหลายวัน สุดท้ายเราก็ลงมารวมตัวกันกลางบ้านจนได้ แล้วก็พากันนั่งอยู่แบบนั้นจนเช้า แต่เราเผลอหลับไปอยู่เพราะเมามากเหมือนกัน พอเช้าขึ้นมา พวกเราก็กล้าหลับกันทุกคน คือนอนกันแบบไม่มีที่นอนอ่ะค่ะ เราให้พี่ตากับลูกพลับนอนโซฟาเพราะไม่ได้เมา ส่วนเราไปเอาผ้าเช็ดตัวมาห่ม กับขอหมอนที่อยู่กับโซฟามาหนุน สลบสไลกันไปเลย ตื่นอีกทีคือเสียงโทรศัพท์ดังค่ะ เหมือนแฟนไอ้บีจะโทรมา ตอนนั้นก็ประมาณ 11 โมงแล้ว พวกเราแยกย้ายกันไปเตรียมตัวกลับ เพราะดอนเมืองก็ใช้เวลาเดินทางนานอยู่ ขึ้นเครื่องบ่ายสองห้าสิบ กว่าจะไปเช็คอืน เราเตรียมเสร็จบ่ายโมง รถตู้บริษัทก็มารับ แล้วพาพวกผู้ชายแวะไปเอาของ คือมันเก็บของไว้แล้ว รอไปเอาของอย่างเดียว พอจะขึ้นรถตู้
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
สัญญาณกันขโมยดังขึ้นอีกค่ะ คือจะส่งกันให้ถึงวินาทีสุดท้ายเลยใช่มั้ย ?? พวกเราให้พวกผู้ชายเข้าไปปิดสัญญาณกันขโมย ส่วนพวกเรานั่งรถตู้ แล้วพวกมันก็วิ่งออกมา ตอนรถตู้จะออก เราแอบมองไปในบ้านผ่านศาลไปตรงห้องนั่งเล่น เห็นคนยืนมองรถพวกเราอยู่ เห็นจริงๆ ค่ะ อันนี้คือที่เราเห็นจะจะ แต่เราอยู่บนรถแล้วไม่กลัวอะไรแล้ว อีกอย่างเค้าอยู่ไกลด้วย ลิมไปเลยว่าผีหายตัวได้ 555+
พอไปถึงดอนเมืองประมาณบ่ายสอง ก็เรื่มเล่ากันเลยค่ะ เดี๋ยวสรุปง่ายๆให้เข้าใจนะคะ ว่าแต่ละคนเจออะไรกันบ้าง   
หยอง.....ไอ้หยองโชคดีกว่าใครเพื่อนเพราะจำอะไรไม่ได้เลย แม้กระทั่งว่าคุยกับใครที่บันได               
บี....ส่วนไอ้บีน่าจะโดนหนักสุด ตอนมันไปเข้าห้องน้ำที่ชั้นสองมันเห็นผู้หญิงใส่กระโปรงสีหม่นๆ จะเป็นสีอะไรก็ไม่เป็น งงมั้ยคะ ยืนชี้หน้ามันอยู่หน้าประตูห้องน้ำ มันเลยรีบลงมาทั้งๆที่ยังไม่ได้เยี่ยว แล้วทั้งคืนมันก็ไม่ได้เยี่ยวเลย คือไม่กล้าแม้จะเข้าห้องน้ำ ส่วนตอนที่มันไปเอาผ้าห่มในตู้ แล้วลูกพลับร้องฮือๆ มันเงยหน้าขึ้นดู มันก็เห็นเป็นชายกระโปรงยาวๆ แล้วมีเท้าโผล่ออกมา เห็นแค่ครั้งครั้ง คืออยู่ในตู้นะ ไม่ใช่การนั่งห้อยขา เหมือนคนลอยทะลุตัวมาครึ่งตัวล่าง แต่มันบอกไม่ได้มองสูงกว่านั้น รีบพากันลงมาก่อน ส่วนตอนขวดกลิ้ง ก็เห็นกันทุกคน
โจ.... โจเห็นแค่ตอนที่ขวดกลิ้งแล้วไฟดับ จังหวะไฟหรี่ค่อยๆ ติดมันก็เห็นเท้าอยู่ตรงขวด
เรา... เห็นเท้าตรงขวดพร้อมเพื่อน กับตอนรถตู้ออกจากหน้าบ้าน มองเข้าไป เห็นคนยืนมองพวกเราผ่านกระจกห้องนั่งเล่น โดยยืนตรงผ้าม่านแง้มออกนิดๆมุมบ้าน
ลูกพลับ..... ตอนที่เห็นในตู้เสื้อผ้า ลูกพลับมองเห็นผ้าปลิวๆ อยู่ในตู้ ก็มองว่าผ้าอะไร แต่ดูไปดูมา มันก็คิดได้ว่า ผ้าไม่ได้ถูกแขวนจะปลิวในตู้ได้ยังไง มันเลยร้อง ฮืออๆๆๆ ขึ้น แต่ไม่เห็นเท้าโผล่เหมือนไอ้บีนะ
พันธ์.... พันธ์บอกว่าตอนที่มันขึ้นไปบนบ่าน มันไม่มีสติอะไร รู้สึกอยากอ๊วก แต่ไม่มีแรงลุกอ๊วก คือไปถึงเห็นประตูห้องแง้มอยู่เลยเข้าไปนอนเลย นอนได้สักพักสะดุ้งเพราะอยากอ๊วก แต่เห็นผู้หญิงยืนอยู่ปลายเตียงก็จำได้ว่าเป็นผู้หญิงที่เห็นอยู่บ้านหลังบ้าน แต่มันเห็นแว๊บเดียว ยังไม่ทันได้กลัวหรือทักอะไร มันก็ก้มอ๊วกออกมาเลอะตัวเอง พอเงยหน้าขึ้น มันก็เห็นผู้หญิงคนนั้นลอยอยู่ แล้วก็แว๊บหายไป มันเลยร้องเฮ่ยขึ้น แล้วก็หลับไปตอนไหนไม่รู้เมามาก ส่วนเสื้อผ้า มันจำได้ว่ามันถอดเอง เพราะเลอะอ๊วก แต่ถอดตอนไหนไม่รู้ และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถอดออกหมด แล้วตอนถอดมันก็บอกว่ามันหลับอยู่ นอนถอดด้วย งงกับมันเหมือนกัน แต่มันก็บอกว่างงกับตัวเองเหมือนกัน
สรุปก็เจอดีกันถ้วนหน้า แล้วก็ไม่ติดใจอะไร ไม่ตามสืบว่าบ้านหลังนั้นมีอะไร อาจจะเพราะเจอเรื่องแบบนี้กันบ่อยเลยปล่อยๆผ่านไป แต่ใครรู้ประวัติก็มาเล่าได้นะ หมู่บ้านจัดสรรที่บางบัวทอง ซอยโรงเรียนสารสาสน์ ^_^

เรื่องจากพันทิป เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : บ้านพักสยอง

เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด

ไม่มีความคิดเห็น