เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : ฆ่าหนูทำไม (เรื่องจริงจากการทำแท้ง)
เรื่องนี้ขอฝากไว้เป็นข้อคิด "ฆ่าหนูทำไม" ประสบการณ์จริงจาก สมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
บาปหนาที่สุดก็คือการฆ่าทำลายชีวิตคน รวมถึงการทำแท้งนี่แหละค่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเราเองนะคะ แต่เป็นเรื่องของเพื่อนสมัยมัธยมปลาย ซึ่งก็ถือว่าใกล้ตัวพอสมควร เรื่องก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว พอดีนึกขึ้นได้ก็เลยได้โทรไปหาเพื่อนเพื่อคุยเรื่องนี้อีกครั้ง อาจจะมีการใส่ประโยคสนทนาเข้าใจเพื่อเพิ่มความเข้าใจการอ่านนะคะ
ตอน ม. ปลาย เราย้ายมาเรียนโรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่งแล้วเราก็เจอกับเพื่อนๆที่คบกันมาจนถึงทุกวันนี้ แก๊งค์เราเป็นแก๊งค์ใหญ่ มีเพื่อนอยู่ทั้งหมดเก้าคน ช่วง ม.5 มีเพื่อนของเพื่อนเราที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน สมมติว่าชื่อชมพู่ ส่วนเพื่อนเราที่มาเล่าทุกอย่างในเราฟังสมมติว่าชื่อแพรนะคะ
ต้นเดือนที่ผ่านมาเป็นงานแต่งเพื่อนคนหนึ่งในแก๊งค์ ม.ปลาย จึงเกิดการรวมตัวกันขึ้น โดยทุกคนยืนยันกันว่าจะไปงานแน่นอน จนถึงคืนก่อนวันงานหนึ่งคืน แพรไปรับเราที่บ้าน เพื่อมารวมตัวกันที่บ้านเพื่อนอีกคนก่อนที่จะไปงานแต่งในวันพรุ่งนี้
เรา : ตกลงอีพู่มันจะมามั้ยนี่ ไหนบอกมาวันนี้ไง
แพร : กูก็ไม่แน่ใจวะ แต่มันว่ามันจะให้พี่แถวบ้านมันมาส่งนะ เพราะมันจะพาลูกมาด้วย
เรา : อ๋อๆ ดีดี จะได้เจอหลานด้วย แล้วลูกล่ะ
แพร : พรุ่งนี้จะพามา วันนี้เราก็กินเหล้ากันให้เต็มที่
เรา : เออ เสียดายนะ อีพู่ไม่มาวันนี้ เพื่อนมาครบทุกคนเลย พรุ่งนี้วันงานก็ไม่ค่อยได้คุยเล่นกันแน่เลย
แพร : กูก็ไม่รู้จะว่ายังไงว่ะ ลูกชายกันก็เพิ่งจะเดินเตาะแตะๆ ไหนจะในท้องอีกล่ะ
เรา : ห๊าาา ท้องอีกแล้วเหรอ
แพรทำสีหน้าหนักใจ แล้วพยักหน้า
เรา : โอ๊ยย มันจะเอามาทำไมเยอะแยะวะ ทำไมไม่รู้จักคุม ท้องได้ท้องดี
ที่เราพูดแบบนั้นเพราะ เรารู้เรื่องชมพู่มาบ้าง ว่าหลังจบ ม.หก ก็ได้แต่งงานแล้วก็มีลูกสาวคนนึงกับที่พี่ที่ทำงานด้วยกัน แล้วก็เลิกรากันไป ชมพู่ก็ไม่เคยไปดูดำดูดีลูกเลย จนมาได้ข่าวมันอีกทีมันก็มีแฟนใหม่พร้อมลูกชายอีกคน นี่ยังจะมีลูกสาวมาอีก แล้วเรื่องในอดีตของชมพู่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราได้แค่ถอนหายใจแรงๆ ซึ่งแพรก็คงจะเข้าใจความรู้สึกเรา
แพร : มันก็ไม่รู้จักคุมเหมือนว่า โตๆแล้ว ก็รู้ว่าลำบาก แม่มันก็มาบ่นให้กูฟังตลอด สงสารแม่มัน เงินก็ไม่มี
เรา : ลูกในท้องนี่ผัวคนเดิมมั้ย
แพร : ผัวคนเดียวกับลูกชายนั่นล่ะ
เรา : แล้วผัวมันทำงานอะไร
แพร : กูก็ไม่รู้ แต่แม่อีพู่แกบ่นๆอยู่ว่าไม่ค่อยได้เรื่อง ขี้เกียจสันหลังยาว
เรา : เอ้า มันกลับมาอยู่บ้านมันเหรอ
แพร : หื่อๆ มันก็อยู่บ้านผัวมันนั่นแหละ มีช่วงนึงลูกมันไม่สบายมันพามาอยู่บ้าน เพราะใกล้โรงพยาบาลกว่าบ้านผัวมัน
เรา : อ๋อ เฮ้อออ อีพู่เอ๊ย กูก็ไม่ได้สนิทกับมันจนจะด่าจะห้ามจะปรามมันได้ ถ้าเป็นกูคงด่ากระเจิงแล้วแพร
แพร : กูก็ด่ามันตลอด แต่มันก็ไม่ฟัง พูดก็พูดเถอะ มันอยู่มาได้ทุกวันนี้โดยมันไม่ฆ่าตัวตายก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
เรา : ทำไมว่างั้นวะ
แพร : บางทีเงินไม่มีติดตัวสักบาทก็มี โทรมาขอยืมกู กูก็ไม่มีให้ ภาระกูก็เยอะ
เราก็ได้แต่รับฟังไป เพราะปัญหาของชมพู่มีเยอะ จนเรามองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร
เรา : มันเป็นเวรกรรมมันนั่นแหละ เมิงรู้มั้ยทุกวันนี้ที่กูไปบริจาคเลือดเพราะอะไร เพราะกูได้รับได้รู้เรื่องของมันนี่แหละ กูสงสารเด็กพวกนั้น กูไปบริจาคกูก็คิดถึงลูกๆอีพู่ที่มันทำแท้งไปนั่นแหละ
แพร : เลิกพูดเถอะเมิง มืดแล้ว
เรา : ไมวะ
แพร : เออน่า เดี๋ยวกูค่อยเล่าให้ฟัง
เราก็เลยเลิกพูดเรื่องนั้นแล้วลืมๆ ไป จนถึงวันงาน ชมพู่ก็ไม่ได้มางาน ติดต่อไม่ได้ เฟสหาก็ไม่ได้ออน สรุปก็ไม่ได้เจอชมพู่เลย แล้วเราก็ลืมเรื่องที่แพรเกริ่นไว้ว่าจะเล่าให้ฟังจนนึกได้จึงโทรไปหาแพร
ชมพู่นั้นตอนเรียน ม.ปลาย เป็นสาวฮอตมาก เพราะหน้าตาดี ผิวขาวจั๊วะ หุ่นดี ตูดเป็นตูด นมเป็นนม ทำให้หนุ่มๆในโรงเรียนแวะเวียนมาจีบไม่ขาดสาย แรกๆ กลุ่มเราก็ไม่ค่อยจะยอมรับชมพู่หรอก แต่เพราะเห็นใจแพร เพราะแพรก็สงสารชมพู่ที่ไม่มีใครคบ เพราะมันเป็นคนแรงๆ บางทีตบรุ่นน้องแบบไม่มีเหตุผล บางทีเพื่อนแค่บอกว่าน้องคนนั้นมองหน้า มันก็เดินเข้าไปตบให้แล้ว ส่วนตัวเราเลยไม่ค่อยชอบชมพู่เอามากๆ แต่กับเพื่อนนางก็ให้สุดใจนะ ช่วยทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเรียน บางทีใช้ไปซื้อของให้ นางก็จะไปทันทีหรือไม่ก็ใช้ผู้ชายในสต๊อกของนางไป บางทีนางก็ขอเงินพวกผู้ชายมาเลี้ยงขนมพวกเรา ด้วยความที่ชมพู่เป็นคนสวย หัวกระไดบ้านจึงไม่แห้ง เธออยู่กับแม่ พ่อเลี้ยง แล้วก็น้องชาย ส่วนพ่อเป็นช่างไฟ โดนไฟช๊อตตายคาเสาไฟ ตั้งแต่ชมพู่ยังเด็ก ทำให้ขาดเสาหลัก แม่ก็ทำงานเป็นแม่บ้านที่อนามัยตำบล ครอบครัวชมพู่ถือว่าลำบากมาก แต่แทนที่ชมพู่จะทำตัวลำบาก เธอกับใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายจากเงินที่พวกผู้ชายให้มา ได้ทีละร้อยสองร้อย แทนที่นางจะเอากลับไปซื้อกลับข้าว นางกลับเอาไปซื้อขนมเลี้ยงเพื่อน ซึ่งตอนนั้นเพื่อนๆไม่มีใครรู้ว่านางลำบาก คิดว่านางเป็นคุณหนูด้วยซ้ำ มีแพรคนเดียวที่รู้ แต่แพรก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง เพราะกลัวชมพู่จะอาย ชมพู่ใช้ชีวิตไปกับผู้ชายเรื่อยๆ เรียนไม่ค่อยจะเข้า ผลสุดท้ายก็คือเรียนไม่จบตามระเบียบ แต่นางก็ไม่ได้ใส่ใจ ความจริงชมพู่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่แฟนชมพู่เรียนมหาลัยแล้ว ครอบครัวสองฝ่ายรับรู้ จนถึงขั้นว่าจะแต่งงานกัน
หลังจากเรียนจบเราก็ไม่ได้ข่าวชมพู่อีกเลย เพราะต่างคนต่างแยกย้ายไปเรียนที่อื่น บางคนก็ทำงาน มีครอบครัวไป
จนช่วงหนึ่งเราเรียนอยู่มหาลัยแพรก็โทรมาหาเรา
แพร : มด เมิงอยู่หอกับใคร
เรา : กับรูมเมทอ่ะ ทำไมเหรอ
แพร : เปล่าหรอก กูอาจจะไปธุระในเมืองเลยถามเมิงดูก่อน
เรา : ออๆ จะมานอนกับกูเหรอ มาได้นะ
แพร : เออๆ เดี๋ยวกูโทรหาใหม่
นานแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกัน เราจึงค่อนข้างตื่นเต้นที่แพรอาจจะมาหา แต่แพรก็ไม่ได้มา แล้วบอกเราว่าได้ที่พักแล้ว พอเราจะไปหาที่โรงแรม ก็ไม่ให้ไป บอกว่ามากันหลายคน เดี๋ยววันหลังจะมาหาใหม่ เราก็ไม่เอะใจอะไร ผ่านไปนานมาก แพรก็มาหาเรา
แพร : กูดีใจมากที่วันนั้นเมิงบอกว่าเมิงอยู่ห้องกับเมท
เรา : ทำไมวะ
แพรทำหน้าหนักใจก่อนเล่าให้เราฟัง
แพร : อีพู่มันไปทำงานกับกู ไปอยู่กับกู แล้วมันเกิดท้องกับพี่ที่ทำงาน กูก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมมันคลื่นไส้บ่อยๆ ก็แอบสงสัยอยู่ จนมันหายไปสองวัน กูก็ไม่ได้ตาม เพราะปกติมันก็ไปนอนกับผู้ชายอยู่แล้ว จนมันโทรหากู
แพรหยุดพูดพร้อมทำหน้าหนักใจกว่าเดิม จนเราหงุดหงิด จะพูดก็ไม่พูด
แพร : มันมาทำแท้งในเมืองนี่แหละ มาคนเดียว แล้วมันตกเลือดหนักมาก จนต้องนอนอยู่ตรงคลินิกทำแท้งที่ข้างหน้าเปิดเป็นโรงพยาบาลเอกชนนั่นแหละ (ที่นี่ถ้าคนจังหวัดนั้นอาจจะรู้จักดี เพราะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีเสียงลือว่าด้านหลังรับทำแท้งเถื่อน)
เราทำหน้าตกใจ เพราะไม่คิดว่าชมพู่จะกล้าทำแบบนั้น
แพร : มันให้กูโทรไปหาเมิง มันไม่อยากนอนอยู่นั่น เพราะมันกลัว มันได้ยินเสียงเด็กร้องไห้อยู่ตลอด ทั้งๆ ที่ไม่มีเด็กที่มีชีวิตรอดอยู่เลย แต่กูไม่อยากให้เมิงเดือดร้อน กูเลยพาแฟนกูเข้ามารับมันไปนอนโรงแรม กูโคตรละอายใจเลย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
เราได้แต่นั่งฟังเงียบๆ เอาจริงๆเราไม่อยากยุ่งเรื่องนี้เลย แต่เรามองออกว่าแพรคงอึดอัดอยากระบายจึงต้องทนฟังไป นึกขอบคุณมันอยู่ลึกๆ ที่มันไม่ให้ชมพู่มานอนกับเราให้วันนั้น เพราะถ้าบอกว่าชมพู่จะมานอนด้วย คงยินดีต้อนรับ เพราะไม่รู้ และคิดไม่ถึงเรื่องว่าเพื่อนไปทำอะไรไม่ดีมาแน่นอน
แพร : ตอนไปรับมันที่คลินิกกูนี่แทบหายใจไม่ออก คนเต็มไปหมด แม่พาลูกมาก็มี ผู้ชายพาแฟนมาก็มี เด็กวัยรุ่นซะส่วนใหญ่ แต่ที่น่าหดหู่ใจคือเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ยังมาทำแท้งด้วย ส่วนมากเด็กวัยรุ่นก็จะใส่หน้ากาก บางคนก็นั่งร้องไห้ตาแดงก่ำ ไม่มีใครที่สีหน้าสดใส ทั้งพามา ทั้งคนจะทำเอง
แพรเล่าด้วยสีหน้าอมทุกข์สุดๆ ภาพคงติดตามา เราแค่คิดตามยังนึกภาพออก
แพร : แล้วกูก็ไปถามคนที่ยืนอยู่ที่เคาเตอร์ ใส่ชุดขาวนะ แต่ไม่ใช่ชุดพยาบาลหรอก เหมือนเสื้อช๊อป กูก็เรียกไม่ถูก
เรา : เสื้อกราวน์หมอป่ะ เออๆ ช่างเถอะ
แพร : ไม่ใช่หรอก ใส่เสื้อชอปแหละ แล้วก็ใส่แมทปิดปาก เหมือนเจ้าหน้าที่อยู่ในโรงพยาบาล กูก็ไปถามหาชื่อพร้อมนามสกุล ปกติถ้าไปถามแบบนี้เค้าก็จะเปิดแฟ้มหา หรือคีย์ในคอมใช่มะ อันนี้ไม่มีคอม ไม่มีแฟ้มไรเลย ที่เคาเตอร์มีแต่โทรศัพท์ภายในกับตะกร้ายาสามสี่ตะกร้าแค่นั้น แล้วเจ้าหน้าที่คนนั้นก็บอกกูว่า อ๋อน้องเดินเข้าไปหาเองเลยค่ะ นอนอยู่ในนั้นแหละ คือเค้าให้กูเดินเข้าไปหาเอง เหมือนไม่มีการบันทึกข้อมูลใดๆ กูก็งงๆ แล้วก็เดินเข้าไป แฟนกูก็บอกจะรอข้างนอกนะ กูก็เออๆ พอเดินเข้าไป ก็เจอคนนอนอยู่สี่ห้าเตียง กลิ่นเลือดนี่คลุ้งไปหมด มันเหมือนไม่มีความสะอาดอะไรเท่าไหร่ คนนอนอยู่ก็แต่งตัวธรรมดา ส่วนใหญ่นอนชันขาอาซ่าหมด เอาผ้าห่มปิดไว้ กูไม่ค่อยกล้ามองหน้าแต่ละคนหรอก แต่ก็มองผ่านๆ จนไปเจออีพู่นอนเหงื่อแตกหน้าซีดอยู่นั่นแหละ อ่อ แอร์ในนั้นเย็นยังกะขั้วโลกเหนือนะเว่ย
เรา : แล้วอีพู่ทำไมเหงื่อแตก
แพร : อย่าเพิ่งขัดสิ
เรา : เอ่า 555+
แพรดึงหน้าเข้าดราม่าต่อ
แพร : กูก็ไปเรียกมัน ตอนนั้นอยากจะด่ามันนะ ว่าทำไมทำแบบนี้ แต่เห็นสภาพมันแล้วกูกลัวมันตายจริงๆ หน้านี่เหลืองๆดำๆ ไปหมด ตัวนี่ซีดเลย แล้วมันก็บอกให้กูพามันออกไปหน่อย มันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว กูเลยบอกว่าเออๆ แล้วก็ค่อยๆ พยุงมันออกมาแบบทุลักทุเล มันก็ไปหยุดที่เคาเตอร์ เจ้าหน้าที่คนเดิมก็ถามเพื่อนมารับแล้วเหรอ อีพู่มันก็พยักหน้า แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้ยาอะไรมาไม่รู้เป็นกำๆ กูก็เอามาอ่านดู เหมือนเป็นยาแก้ปวดอะไรเทือกนั้น พอออกมาได้ กูก็พามันขึ้นรถ แล้วมันก็นอนยาวอยู่เบาะหลังนั่นแหละ ถ้าตำรวจมาตรวจกูยังไม่รู้จะบอกยังไงเลย แล้วก็พากันไปพักที่โรงแรมนั่นแหละ
เรา : ดีแล้วเมิงไม่ให้กูไปหา ไม่ให้กูรับรู้ ไม่งั้นกูก็คงนอนไม่หลับอีกนาน แล้วเมิงได้ทำบุญอะไรบ้างมั้ย
แพร : เมิงเอ๊ย ตั้งแต่วันนั้นกูไม่เคยได้นอนหลับเลย เหมือนมันติดตา แล้วมันก็นึกบาปอยู่ในใจ ทั้งๆที่ดูๆแล้ว กูก็ไม่ได้ผิดอะไร เป็นใครเห็นเพื่อนสภาพนั้นก็คงต้องช่วย ถึงจะไม่อยากจะยุ่งแค่ไหน
เรา : แล้วแฟนเมิงว่าไง
แพร : ตอนนั้นมันก็ไม่ว่าไงหรอก ก็เฉยๆ มันก็ไม่ค่อยพูด
เรา : พี่... ใช่ไหม
แพร : เออ แฟนเก่ากูนั่นล่ะ ก่อนหน้านี้ก็รักกันดี พอเกิดเรื่องนี้ มันเหมือนมีอะไรมาให้ทะเลาะกันตลอด แล้วก็เลิกกันไป
เรา : เมิงคิดมากหรือเปล่า ไม่เกี่ยวหรอก
แพร : เออ แต่ก็ช่างเถอะ มาเล่าเรื่องอีพู่ต่อ คือหลังจากนั้นมันก็ยังอยู่กับกูนะ แต่มันไปทำงานบ้าง ไม่ไปบ้าง กูเป็นคนพามันเข้าไปทำงาน กูก็พลอยซวยไปด้วย โดนด่าตลอด จนบางทีอยากจะบอกให้มันลาออก แต่ลาออกก็ไม่พ้นกูอยู่ เพราะช่วงนั้นมันก็กินอยู่กับกู ค่าห้องก็ยืมกูจ่าย ก็เหมือนกับกูออกค่าห้องเอง ไม่ค่อยจะได้คืน กูก็ให้มันตลอดร้อยสองร้อยพอให้ได้กินข้าวกินปลา ก็อยู่กันมาแบบนั้นแหละ จนมันไปติดผู้ชายที่เป็นคนปัจจุบันนี่แหละ เหล้า ยา การพนัน ผู้ชายคนนั้นเอาหมด มันก็รักเค้าแทบตาย ไปอยู่บ้านเค้า โดนเค้าซ้อมเค้าตีก็ทน พอจะตายมาก็วิ่งมาหากู กูไม่ช่วยก็จะกะไรอยู่ หนักสุด ขอตังค์กูไปซื้อยาพาราแก้ปวดกิน คือมันไม่มีตังค์สักบาทเลย น้ำมันมอไซด์กูก็เติมให้ไปยี่สิบบาทหยอดเหรียญเอา ไม่ใช่กูงกนะ แต่เมิงเข้าใจใช่มั้ย ทำงานรายวันกันสามสิบสี่สิบบาทมันก็ใช้จ่ายยากอยู่
เรา : เออๆ แล้วสุขภาพมันเป็นไงบ้าง
แพร : ก็แรดได้เหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แค่ไม่มีตังค์แค่นั้น ไม่มีตังค์กินเบียร์ มันก็กินเหล้าขาวกัน กูล่ะยอมใจ
เราได้แต่ส่ายหัวกับพฤติกรรมชมพู่ ลำบากแล้วยังไม่เจียมตัวอีก ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมหรอก แต่ทำไมมันคิดไม่ได้
เรา : แล้วตอนนี้มันเป็นยังไง
แพร : ไปอยู่กับผัวคนนั้นถาวรแล้ว กูก็ย้ายที่ทำงานไง เลยไม่ได้เจอกันอีก กูโล่งมาก ไม่ต้องทนนอนไม่หลับเพราะฝันบ้าๆบอๆอีก
เรา : ฝันไรวะ
แพร : ไหนๆ ก็เล่าแล้ว กูยังไม่เคยเล่าให้ใครฟังนะ รวมถึงอีพู่ด้วย ถ้ากูเล่าให้คนอื่นฟังเค้าก็จะรู้ว่าอีพู่มันไปทำอะไรไม่ดีมาแน่ๆ
เรา : เมิงอย่าบอกว่าเมิงฝันเห็นลูกมันนะ
แพร : กูมั่นใจนะว่าใช่ กูนอนอยู่กับมันนี่แหละ แล้วอยู่ดีดีก็ฝันว่ามีเด็กมาวิ่งเล่นพังข้าวของให้ห้อง ในฝันกูก็นอนอยู่กับอีพู่ แล้วกูก็ตื่นขึ้นมา ด่าเด็กคนนั้นว่าอย่ามาพังข้าวของนะ เดี๋ยวตีตายเลย แต่เด็กคนนั้นก็ไม่หยุด โยนเครื่องสำอางค์บนโต๊ะเครื่องแป้งกูพังหมด กูก็วิ่งไปคว้ามือไม่ให้ปาต่อ มันหลุดมือกูไปกระโดดบนตัวอีพู่ แล้วก็หัวเราะ เด็กตัวโตมากตัวดำ ตาสวดๆ (ตาถลน ตาโตมาก) กูเดาอายุไม่ได้เลย เหมือนทารกนะ แต่มันก็ใหญ่จนวิ่งเล่นได้ พอมันขึ้นไปกระโดดบนตัวอีพู่เท่านั้น กูก็ตกใจ แต่ในฝันคืออีพู่นอนไม่รู้สึกอะไรเลย เด็กนั้นก็กระโดดไม่หยุด เหยียบท้องเหยียบไส้อยู่แบบนั้นนอนมาก แล้วเหมือนกูก็ไม่ได้ไปผลักออกแต่มีแต่บอกอย่าทำๆ ลงมาๆ คือตอนนั้นก็ไม่รู้นะว่าทำไมไม่ไปผลัก แล้วเด็กก็หันมาจ้องหน้ากู กูก็เลยสะดุ้งตื่น
เรา : โหยย ขนลุก น้ำตากูจะไหล เด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย
แพร : ผู้ชายว่ะ
เรา : แล้วเล่าให้มันฟังมั้ย
แพร : ไม่ได้เล่า แต่ชวนมันไปทำบุญ มันก็ว่าเงินไม่มี เดี๋ยวมีเงินค่อยไป กูก็ชวนบ่อยๆ จนมันรำคาญมันก็เลยยอมไป แต่เงินทำบุญเงินกูนะ เพราะมันไม่มี
เรา : เอ้า แล้วแบบนี้มันจะได้บุญเหรอเนี่ย
แพร : กูก็ไม่รู้หรอก พอพาไปที่วัด ก็เลยพามันถวายสังฆทาน แล้วมันก็ทำแบบขอไปที กูโกรธมันมากเลยนะ คือทำไมเป็นคนใจบาปขนาดนี้หน้าตาก็สวย แล้วมันก็ใช้แฟนมันมารับ ทั้งๆ ที่กูชวนไปให้อาหารปลา
เรา : เออ กูสงสัยอย่างนึง ที่มันไปทำแท้งอ่ะ ลูกใคร
แพร : มันไม่ยอมบอก แต่กูว่ามันคงไม่รู้มากกว่า ก็รู้ว่ามันมั่ว
เรา : เออๆๆ ต่อๆ
แพร : กูก็ไปให้อาหารปลา แล้วก็หลวงพ่อก็เดินมาที่ท่าน้ำ เรียกถามกูว่าเพื่อนไปไหนแล้ว กูก็บอกกลับไปแล้ว หลวงพ่อก็ถามกูว่าเพื่อนไปทำอะไรมา กูก็บอกไปนะว่ามันไปทำแท้งมา หลวงพ่อก็เลยยิ้มๆ แล้วบอกว่า หลวงพ่อไม่รู้ว่ากูไปยุ่งเกี่ยวแบบไหน แต่มีเด็กผู้หญิงตามกูอยู่ แต่ไม่ได้ตามจะทำร้ายนะ แต่เหมือนมีอะไรต่อกัน กูก็ขนลุก แล้วก็ถามหลวงพ่อมาว่าอะไรยังไง หลวงพ่อก็ได้แต่บอกทำบุญให้เค้าบ่อยๆ ส่วนเพื่อนโยมน่ะ เค้าทำลายหลายชีวิต กรรมหนักมาก โยมก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยนั่นแหละ แค่นี้โยมก็ได้รับความลำบากแล้วใช่ไหม แล้วหลวงพ่อก็พูดแบบทำนองว่าไม่ลำบากกายก็ลำบากใจ มาถึงตอนนี้กูก็นึกโกรธอีพู่มาก ทำไมต้องให้กูไปรับไปรู้
เรา : แต่หลวงพ่อก็บอกนี่ว่าเค้าไม่ได้มาทำร้าย อย่าไปคิดมากเลย กูพูดตรงๆนะ กูว่าเพราะเมิงคิดไปเองว่าเมิงเกี่ยวข้อง จิตเมิงเลยไปโฟกัสอยู่แต่ตรงนั้น พอเกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับเมิง เมิงก็ไปโทษว่าเพราะเรื่องนั้นแน่ๆ เมิงก็เลยไม่สบายใจ
แพร : ก็จริงของเมิงแหละ แต่ตั้งแต่แยกกับมันกูก็ไม่เจออะไรแปลกๆ แล้วล่ะ ไม่ได้ติดต่ออะไรมันด้วย มันก็ไม่ติดต่อมา เฟส ไลน์ก็ไม่เล่น โทสับนี่น่าจะไม่มี
เรา : เมิง ที่ตามเมิงเด็กผู้หญิง ในฝันเมิงเด็กผู้ชาย เมิงคิดมากไปเองมั้งเรื่องฝัน
แพร : ไม่คิดมากหรอก มันมีอะไรเยอะกว่านั้น
แล้วพอดีวันนั้นเรามีธุระต้องไป ก็เลยจบเรื่องไปแค่นั้น จนผ่านไปสักพักใหญ่ๆ น่าจะสี่ห้าเดือนได้ เรานึกได้ก็เลยโทรไปหาแพรเรื่องนี้อีก
พอดีช่วงนั้นเราได้ข่าวว่าชมพู่มาทำงานในเมือง ก็เลยนึกเรื่องมันขึ้นมาได้ ว่าเหมือนยังรู้ไม่หมด (เผือกยังไม่ครบ) ก็เลยโทรไปหาแพรอีก
เรา : แพร เมิงจำเรื่องอีพู่ที่เล่าค้างไว้คราวก่อนได้มั้ย
แพร : อ๋อๆ เออ จำได้ นี่เมิงโทรมาเผือกโดยเฉพาะเลยเหรอ
เรา : เออ ก็ยังข้องใจอยู่หลายเรื่อง แล้วนี่มันมาทำงานในเมือง กูว่าจะไปเล่นกับมันอยู่
แพร : เมิงรู้ได้ไง ว่ามันมาทำงานในเมือง
เรา : ไปเจออี... (เพื่อนอีกคน) มา มันบอกว่ามันมาทำงานนี่ อีพู่ก็มา ก็เลยรู้
แพร : อ๋อ เมิงยังไม่เจออีพู่ใช่มะ
เรา : เออๆ ใช่ๆ ไม่รู้จะได้ไปหามันมั้ย แต่นึกเรื่องมันได้ก็เลยโทรหาเมิงเนี่ย
ทีนี้ขอเล่าเป็นเรื่องราวนะคะ ตามที่แพรเล่าให้ฟัง
อย่างที่เกริ่นตั้งแต่แรกคือชมพู่เป็นคนสวย มีคนมาจีบเยอะ แล้วก็ไปกับเค้าหมด ทั้งๆที่มีแฟนอยู่แล้ว แล้วทีนี้พอแฟนเรียนจบ ที่บ้านก็คุยถึงขั้นจะแต่งงานกัน แต่แฟนมันมีคนอื่นก่อน ซึ่งมันไม่เคยระแคะระคาย มันเหมือนคนที่คิดว่าตัวเองทำได้ แต่คนอื่นอย่าทำ แล้วแฟนมันคนนั้นคือมันรักมากอยู่ พอรู้ว่าถูกนอกใจ มันก็ไปเฝ้าไปตามไปนอนอยู่บ้านเค้า ทีแรกแม่แฟนมันก็รักมันมากเพราะมันหน้าตาดี น่ารัก แต่ไม่เคยรู้นิสัยมัน แต่พอมันไปอยู่บ้านเค้า แม่แฟนมันก็เอามาพูดให้คนฟังจนหมด รวมถึงแม่แพรด้วย แพรจึงได้รู้ว่า ชมพู่มันไปกินๆนอนๆ ไม่ได้ทำงานบ้านอะไรเลย เสื้อผ้าหมกไว้ไปเดือนๆ กว่าจะซัก ซักก็ซักแบบแล้วๆไป ไม่ได้สะอาดอะไร ห้องอะไรไม่เคยเก็บกวาด แฟนมันก็อยู่บ้างไม่อยู่บ้าง แต่ก็ติดต่อกับแฟนใหม่เค้าอยู่ ชมพู่ก็เลยอยู่เหมือนหมาไปงั้นแหละ จนมันเกิดท้องขึ้นมา เรื่องนี้แพรก็เพิ่งจะรู้ตอนที่โดนคาดคั้นชมพู่ให้บอกทุกอย่างเพราะเจออะไรไม่ดี (เดี๋ยวเล่านะคะ) ทีนี้แม่แฟนมันก็มาบอกแม่มันว่าชมพู่ท้อง แต่แฟนไม่ยอมแต่ง จึงคุยกับแม่มันว่าจะให้ตังค์ไปเอาออก ไม่รู้คุยกันยังไง ก็ตกลงว่าไปเอาเด็กออก ก็ได้เงินมาหกพันบาท ก็เข้าเมืองเลย ชมพู่มันก็ร้องไห้ตลอด ตอนนั้นเด็กห้าหกเดือนแล้ว คือมีอวัยวะครบแล้ว มันก็ไปที่โรงพยาบาลทำแท้งที่เดิมนั่นแหละ ที่ให้แพรไปรับ (แต่เรื่องนี้เกิดก่อนนะ ตั้งแต่พวกเราเรียนจบ ม.ปลายใหม่ๆ) แล้วหมอเค้าก็ให้ยาสอดมา มันบอกว่าวันนั้นคนเยอะมาก ไม่มีเตียงว่าง แล้วตอนนั้นก็สี่ทุ่มกว่า พอมันสอดยาเข้าไป หมอก็ให้ออกไปนั่งรอแต่ตอนนั้นไม่มีที่นั่งเลย แม่มันเลยพามันออกมานั่งข้างนอก พอประมาณเที่ยงคืนมันก็เริ่มปวดๆ แล้วช่วงนั้นหน้าหนาว มันบอกว่ามันก็นอนอยู่บนม้านั่งหน้าโรงพยาบาลเพราะไม่กล้าไปไหนไกล แล้วพอเริ่มปวด มันก็โทรหาแฟนมัน แต่แฟนมันอยู่กับแฟนใหม่ก็ด่ามัน แล้วก็ปิดเครื่องหนีไป ตอนนั้นมันบอกว่ามันทั้งโกรธทั้งน้อยใจ แล้วพอปวดท้องทนไม่ไหว แม่มันก็พยุงเข้าไปหาหมอ แต่ปรากฏว่าเด็กไม่หลุดออกมาเอง หมอจึงให้ขึ้นขาหยั่งคีบออกมา มันบอกเด็กตัวโตมากแล้ว มีแขนขา ทุกอย่าง แล้วหมอบอกว่าหัวขาดอยู่ข้างใน ยังคีบออกไม่ได้ รอสักพักก่อน แล้วหมอก็ให้มันกินยาอะไรไม่รู้ ตอนนั้นมันบอกหนาวสั่น เจ็บไปหมด ทรมานมาก แล้วกว่าหมอจะคีบออกมาหมด พอเสร็จแล้วแทนที่จะได้นอนพักก่อน เตียงกลับไม่ว่าง หมอให้รับยาแล้วกลับเลย ไม่มีอาการตกเลือดหรือแทรกๆใด นอกจากเสียเลือดมากแค่นั้น แล้วแม่มันก็พามันออกมานอนที่เดิมนั่นแหละจนเช้า ถึงได้เหมาสามล้อพาไปขึ้นรถที่ บขส กลับบ้าน
เราว่าเรื่องนี้ที่เราเล่า คนอ่านก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน มันเป็นความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกใช่ไหมคะ
มาต่อที่เหตุการณ์ที่ทำให้แพรต้องเค้นให้ชมพู่เล่าทุกอย่างออกมา หลังจากแพรฝันแปลกๆ แล้วก็ไปทำบุญมา ก็ไม่ได้ฝันอะไรอีก แต่คราวนี้มาตัวเป็นๆ แรกๆ มาเป็นเสียงก่อน คืนนั้นแพรนอนคนเดียว ชมพู่ไปนอนที่อื่น แพรได้ยินเสียงเด็กร้องไห้เบาๆ สติครบถ้วน แต่ไม่กล้าลืมตา มันเป็นเหมือนเสียงที่นึกคิดในใจ แต่ได้ยินอยู่จริงๆ หัวเตียงที่ห้องจะหันไปทางประตูทางเข้า โดยประตูทางเข้าจะอยู่ด้านขวา แพรได้ยินเสียง ฮึ ฮึ เหมือนเด็กร้องไห้จนไม่มีเสียงแล้วกลั้นสะอื้นแล้ว แพรนอนนิ่งไม่ยอมลืมตา แล้วสักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนเล็บเคาะประตู แต่เบามาก เคาะแบบ แคร่ก แคร่ก สองที แพรนอนฟังอยู่สักพักเสียงทุกอย่างก็หายไป แพรตัดสินใจเลยว่าไม่เอาแล้วมาบ่อยเหลือเกิน คือมีเหตุการณ์แบบนี้บ่อยมาก โดยเฉพาะวันที่ชมพู่ไม่อยู่ พอตัดสินใจได้ ก็กะจะพูดกับชมพู่ตรงๆ ถามทุกอย่าง แต่รอหลายวันชมพู่ก็ยังไม่กลับมา คราวนี้หายไปเป็นอาทิตย์ ติดต่อไม่ได้ งานก็ไม่ไปทำจนต้องถูกไล่ออก วันหนึ่งแพรออกไปสังสรรค์กับเพื่อนจนดึก กลับห้องมาประมาณสี่ห้าทุ่ม แพรเห็นว่าชมพู่ไม่อยู่เลยพาแฟนใหม่กลับมาห้องด้วย แล้วบังเอิญแฟนใหม่แพรตัวสูงมาก พอเงยหน้าไป เขาเห็นผ้ายันต์เล็กๆ เล็กมาๆ สีขาวอยู่บนขอบประตูที่เป็นช่องบานเกร็ดด้านบน (อันนี้ไม่รู้เรียกบานอะไรเป็นใสๆให้แสงเข้าได้อ่ะค่ะ) พอดึงลงมาแพรก็งงว่ามีได้ไง เพราะว่าเดือนที่แล้วก็ทำความสะอาดขอบประตูอยู่ก็ไม่เห็นมี นึกไปนึกมาก็เลยถึงบางอ้อว่าต้องเป็นชมพู่แน่ๆ เพราะมันประจวบเหมาะกับที่เกิดเหตุการณ์แปลกๆในห้อง มาช่วงพักหลังๆนี่ แพรจึงให้แฟนเอาออก ก็ถือเข้ามาให้ห้องด้วย ทีนี้แฟนแพรปลุกแพรกลางดึกว่าข้างห้องเลี้ยงเด็กเหรอ ร้องไห้น่ารำคาญจนนอนไม่หลับเลย แฟนแพรบอกร้องไห้เสียงดังมาก แต่แพรไม่ได้ยิน แต่ก็พอจะรู้ว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงอะไร แฟนแพรบอกว่าเหมือนมีลูกหลายคนนะ ร้องน่ารำคาญอิ๊บหาย แล้วแฟนแพรก็ตะโกนขึ้นไปว่า รำคาญโว๊ย คนจะหลับจะนอน แบบเหมือนตะโกนด่าข้างห้อง แต่แพรรู้ดีว่าเสียงไม่ได้มาจากข้างห้องแน่ แต่ไม่กล้าบอกแฟน จนสายๆ แฟนกำลังจะกลับก็เดินออกมาเจอกับพี่ข้างห้องที่เป็นผัวเมียน่าจะกำลังจะออกไปข้างนอก คือห้องเพื่อนจะอยู่ห้องในสุด แล้วมีห้องฝั่งเดียว ห้องติดกันก็คือห้องสองผัวเมียนี่ แฟนก็งงว่าทำไมไม่มีเด็ก ไม่มีผ้าอ้อมตาก ไม่เหมือนห้องที่มีเด็ก ถ้าจะว่าอยู่ในห้องมองเข้าไปก็ไม่เห็นมีใคร แถมตอนปิดก็ล๊อกห้อง จนแฟนแพรหันมามองแพรแล้วบอกด้วยเสียงขรึมๆว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน สรุปแพรก็เล่าให้แฟนฟัง แฟนแพรก็ไม่กล้าไปนอนห้องแพรอีก แล้วบอกให้แพรย้ายมาอยู่กับแฟนแทน แพรก็เห็นด้วย เพราะไม่อยากอยู่แล้ว อีกอย่างก็จะเป็นเหตุผลให้อยู่ห่างจากชมพู่ได้ แพรก็เลยรอให้ชมพู่กลับมาจะได้คุย ชมพู่ก็เหมือนจะโกรธๆ จนทะเลาะกัน แล้วแพรก็พูดทุกอย่าง จนชมพู่ยอมเล่าให้ฟัง และยอมรับว่าเป็นคนเอายันต์มาไว้เอง เพราะกลัวว่าเด็กจะตาม ชมพู่บอกว่าครั้งที่แม่พาไปทำไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งแรกที่ไปทำกับหมอ ก่อนหน้านั้นก็เคยมีมาบ้าง น่าจะสองสามครั้ง ที่นับครั้งไม่ได้เพราะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเด็กหรือแค่เลือด แต่ถ้าเกิดประจำเดือนผิดปกติ ชมพู่ก็จะเริ่มกินยาขับเลือดออกแล้ว บางครั้งก็ออกมาเป็นตัวแล้วเหมือนที่เห็นในรูปอุลตร้าซาวด์เด็กสองเดือนสามเดือนนั่นแหละ แล้วครั้งที่สองที่ไปหาหมอ ก็ที่ตกเลือดนั่นแหละ
บทสรุปชีวิตชมพู่ค่ะ
จากที่ไม่มางานแต่งเพื่อน เพื่อนก็เริ่มสนใจในชีวิตชมพู่มากขึ้น เพราะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น มีคนเอารูปชมพู่ให้ดูเราแทบไม่เชื่อสายตา ชมพู่ที่เคยหุ่นดี ผิวขาว ตอนนี้อ้วนเกือบเจ็ดสิบกิโลแถมยังท้องโตโย้เย้ หน้าตาไม่เหลือเค้าความสวย แถมผิวที่เคยขาวกับคล้ำดำ พูดง่ายๆว่าถ้าเจอที่อื่นก็คงจำไม่ได้ แล้วตอนนี้ชมพู่ก็เลี้ยงลูกชายกับแฟนขี้ยาคนปัจจุบัน โดยอยู่บ้านเฉยๆ ไมได้ทำงาน เงินก็ไม่มีใช้ มีพ่อแม่แฟนที่ให้บ้างเพราะสงสารหลาน แล้วยังท้องลูกสาวอีกคนหนึ่งได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว (ปัจจุบัน) แล้ววันที่เป็นงานแต่ง ลูกชายป่วยหอบหืดเข้าโรงพยาบาล แต่นางก็น่าจะบอกเพื่อน แต่ก็เงียบไปเฉยๆ มาบอกเอาทีหลัง ส่วนลูกสาวคนแรก ก็อยู่กับพ่อ ชมพูไม่เคยติดต่อไปเลยไม่เคยพูดถึง ในเฟสบุคก็มีรักลูกชายอย่างนั้นอย่างนี้ สรุปก็คือลูกที่รอดชีวิตอยู่ก็สามคน แล้วที่เหลือก็คือทำแท้งไม่ทราบจำนวน ฃ
เรื่องก็มีแค่นี้ค่ะ เรื่องนี้อาจจะไม่ได้เป็นเรื่องผีน่ากลัวอะไร แต่น่าจะเป็นอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดี ว่าชีวิตของคนที่ทำกรรมหนานั้นเจริญยาก จากที่เคยเฟื่องฟูหน้าตาสวยงามเงินใช้ไม่ขาดมือ จนตอนนี้เพื่อนกลับต้องพูดว่ามันไม่ฆ่าตัวตายก็ดีถมไป
ใครคิดจะไปทำแท้ง หรือไปเกี่ยวข้องอยากให้คิดใหม่นะคะ อย่างสร้างบาปสร้างกรรมอะไรเลย สมัยนี้ทุกอย่างเปิดกว้าง ไม่มีพ่อแม่คนไหนฆ่าลูกตายเพราะลูกตั้งท้องการวัยอันควรหรอกค่ะ ทำให้เค้าเกิดมาแล้วก็เลี้ยงดูเค้าด้วยนะคะ
หดหู่ ไม่รู้จะพูดอะไร ทุกวันนี้เราก็บริจาคเลือดแล้วนึกถึงลูกชมพู่นี่แหละค่ะ เพราะเราไม่เคยเกี่ยวข้องหรือรู้จักใครที่เคยทำแท้งมา ถึงแม้จะไม่รู้จักเด็กๆ เหล่านั้น เราก็ได้แต่ภาวนาว่าให้เค้าไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่ใช่เด็กที่โดนทำแท้งจะไปไหนไม่ได้ต้องคอยเป็นวิญญาณตามติดแม่เหมือนที่เคยได้ยินมา
ยาวไปนิดนึงนะคะ พิมพ์ไปลงไป ไม่ได้พิมพ์ทิ้งไว้ ขอโทษถ้ามีคนรอนานนะคะ
เรื่องจากพันทิป เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : ฆ่าหนูทำไม (เรื่องจริงจากการทำแท้ง)
เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด
Post a Comment