ศัตรู มิตรภาพ อาฆาต ความตาย


     เรื่องราวจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 3341624 สาวสวยจากพัทลุง  นักเล่าจากแดนทักษิณผู้มีสัมผัสสยอง มีเรื่องราวความสยองจากภาคใต้ มากมายโปรดติดตามผลงานและเรื่อง "ศัตรู มิตรภาพ อาฆาต ความตาย " ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องจริง!!!! ขอขอบคุณเรื่องราวสยองไว ฌ ที่นี้ด้วย

….เรื่องที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้    เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง  ทุกคนในเรื่องนี้และทุกการกระทำมีตัวตนอยู่จริงๆ
แต่บางบุคคลในเรื่องนี้  เธอก็ไม่มีโอกาสได้ลุกมาอ่านมันแล้ว  ดิฉันจึงขอนำเรื่องเล่านี้ มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นอุทธาหรณ์
และอาจจะเป็นแนวทางในการเลือกคบเพื่อน  แก่ใครก็ตามที่อาจจะเจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน  จึงขอปรับเปลี่ยนชื่อของบุคคลที่ปรากฏในเรื่องเล่าต่อไปนี้ใหม่ทั้งหมด  เพื่อมิให้บุคคลที่รู้จักพวกดิฉันเกิดความขุ่นข้องหมองใจใดๆ
ทั้งนี้การเล่าในครั้งนี้มิได้ต้องการประจานผู้ใด  หากใครบางคนจะมาอ่านแล้วรู้สึกว่าใช่เรื่องของเธอ
ก็อย่าได้จองเวรกันเลย  .....

.......เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ตอนที่ดิฉันเดินทางจากพัทลุง   เข้ามาเรียน  ปี.1 ที่ ม.ราชภัฏสงขลา  ตอนนั้นดิฉันเข้าห้องเรียน
โดยไม่รู้จักใคร  เพราะเพื่อนที่มาด้วยกัน จากที่เดิม เรียนคณะอื่น  เลยต้องมาเริ่มทำความรู้จักเพื่อนใหม่ในห้องเอาเอง
แรกๆตอนเข้าห้องเรียน  หากคนที่ไม่มีเพื่อนมาเรียนด้วยกัน  ก็จะดูเชิงแบบคุมเชิงกันก่อน  ดิฉันเองก็เช่นกัน
เพราะเรามาจากต่างจังหวัด  เลยต้องนิ่งเพื่อดูท่าที  ก็จะมีเพื่อนชายส่งยิ้มให้บ้าง

.....พอวันหลังๆ ก็มีนางนึงเข้ามาทักทายดิฉัน  เพราะได้เป็นบัดดี้บัดเดอร์กัน  แต่ก็ไม่ได้ไปสนิทสนมอะไรกัน
แบบคุยกันแค่พอประมาณ    จนมีสาวนางนึง  ดูท่าเธอจะเป็นหัวโจกและเป็นคนชอบมีพวก  เธอเป็นคนกล้าที่หน้าตาดี
จึงรวบรวมคนที่เธอถูกชะตาเข้ากลุ่ม  สมมุติว่าเธอชื่อ “เกด” ก็แล้วกัน

.....เกด ก็เป็นคนเจ้าถิ่น คือเมืองสงขลานี่เอง  เธอจึงมีความคุ้นชินและใจกล้ามากกว่าชาวต่างถิ่นที่เข้ามาเรียน  คนไหนที่เกดอยากได้เข้ากลุ่ม  เธอก็จะเข้ามาตีสนิท  ชวนคุย  ช่วงนั้นดิฉันเองก็ยังติดกับเพื่อเก่าๆอยู่ เลยยังไม่ค่อยเข้าไปสุงสิงกับกลุ่มของเกดเท่าไหร่แต่เกดก็จะตามติด  คือไม่ว่าดิฉันจะทำอะไร  เกดก็จะเข้ามาชวนตลอด
จนดิฉันเข้าไปอยู่ในกลุ่ม ของเกดในที่สุด

.....ในกลุ่มเรา จะมี6คน คือ ดิฉัน  เกด  มุก  ตะนอย  จำปา  จำปี    เกดดูจะเป็นคนฉลาดในการเลือกคนเข้ากลุ่ม
เพราะเกดเป็นคนสวย  แต่ค่อนข้างขี้เกียจและหัวทึบเข้าใจอะไรได้ยาก  เธอตีซี้เอาจำปี และจำปา มาเข้ากลุ่ม
  เพราะสองคนนี้ขยันในการเรียน และเป็นคนฉลาดหัวไว กว่าคนอื่นๆ
ส่วนตะนอยกับมุก  เป็นสองสาวสวยที่มีตัง ดูไฮโซ  เกด  อยากให้ตัวเองดูไฮโซไปด้วย เลยตีสนิทตะนอยกับมุกมาเข้ากลุ่ม
ส่วนตัวดิฉันเอง  ดิฉันก็ไม่ทราบหรอกว่าทำไมเกดถึงมาตีสนิทพาเข้ากลุ่ม  อาจจะเพราะดิฉันเป็นคนนิ่งๆ หน้าตาเข้าขั้นก็เป็นได้ละมั้ง

.....แต่อยู่มาไม่นาน  สันดานเสียๆของเกดเริ่มโผล่  อารมณ์ชอบเอาเพื่อนไปนินทา  จนทำให้มุกกับตะนอย ไฮโซประจำกลุ่มนางไม่ทนกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว  ก็หันไปเข้ากับอีกกลุ่มแทน จึงเหลือแค่ดิฉัน  เกด  จำปี จำปา 4คน
เพราะต้องทำงานร่วมกัน และดิฉันใส่ใจในการช่วยทำงาน  ทำให้ดิฉัน  สนิทกับจำปีและจำปาไปโดยปริยาย
โดยที่เกดเธอก็ยังลิงโลด  เพราะเวลาเจอกันที่มหาลัย  พวกเราจะปล่อยให้เกดทำตัวเหมือนตัวเองเป็นหัวหน้ากลุ่ม
เกดชอบจิกหัวใช้เพื่อน  จนจำปีกับจำปาเคยแอบนินทากับดิฉันถึงเกดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจที่สุดเท่าที่เคยเจอมา

.....แต่เพราะจำปีและจำปา  เป็นเด็ก  ตจว.  จึงไม่อยากมีปัญหากับเกด  ที่เป็นเด็กเจ้าถิ่น เลยปล่อยให้เกดได้ใจไปแบบนั้น
เกดมีแฟนและเพื่อนผู้ชายหลายคน  พวกเราเคยหลงเข้าไปในกลุ่มเพื่อนของแฟนเกด  รู้สึกไม่ชอบใจเลย
เพราะพวกนั้นชอบสุมหัวต้มน้ำกระท่อมกินกันดึกๆดื่นๆ  เกดเองก็นั่งกินด้วย  แถมชวนพวกเรากินทั้งๆที่พวกเราเอางานไปให้เกดช่วยทำถึงห้อง  ดิฉันก็แปลกใจค่ะ  ว่าทำไมพวกวัยรุ่นรู้แหล่งขายใบกระท่อมในเทศบาลนครสงขลา  แต่ตำรวจดันไม่รู้  หากจะมีตำรวจสงขลาผ่านมาอ่าน  ก็อยากฝากให้คอยไปสังเกตบ้านหลังนึง  ในซอยอารีย์อพาทเมนต์   เลย4แยกทางเข้าเก้าเส้งดู  จะมีบ้านหลังนึงในซอยนั้น ผูกสุนัขขนฟูสีขาวไว้หน้าบ้านตลอด24ชม. เพื่อคอยเห่าคน คุณเลี้ยวเข้าไปก็เห็นแล้ว  ลองพากันไปตรวจค้นดูหน่อยเป็นไร  ขายกันทุกคืน   (ที่รู้เพราะพวกเพื่อนแฟนเกดบอกกล่าวกัน)

........พอเจอแบบนั้น  พวกเรา3คน  ก็ไม่ไปแล้ว  ห้องเช่าของเกดกับแฟน  เพราะกลัวสายตาเพื่อนๆของแฟนเกด  และการพูดจาแทะโลมพวกเรา  เราเลยพากันไปสุมหัวที่ห้องของดิฉันแทน  เพราะดิฉันเช่าห้องอยู่คนเดียว  ทีนี้เกดก็จะมาช่วยทำบ้างนานๆครั้ง  แต่เวลาเกดมา  ก็จะมาแบบนั่งโม้นอนโม้นินทาคนอื่นเหยียบหัวคนที่ด้อยกว่าเสียมากกว่า  เราก็รับฟังแต่ก็อืมๆไปแบบนั้นเสียมากกว่า  ณ  เวลานั้นพวกเราอยากจะเทเกดออกจากกลุ่มมากๆ  แต่ก็ทำไม่ลง  เลยอยู่แบบนั้นเรื่อยมาจนขึ้นปี2

.....เมื่อมีการตัดเกรด ตอนปี1  เกดผ่านมาได้แบบเฉียดโดนรีไทร์ พออยู่ปี2 ดูเกดจะเริ่มสำนึก  ว่าควรขยันกว่านี้  เกดก็เริ่มทำตัวดี  ช่วยงานมากขึ้น  แต่ยังชอบนินทาเหยียบคนด้อยกว่าเหมือนเดิม   จนมาเกิดเหตุการณ์เพื่อนของแฟนเกดพยายามจะข่มขืนเกด  ตอนที่แฟนเกดเมาหลับตอนตั้งวงเหล้า  ก็เป็นพวกเพื่อนที่มากินน้ำต้มกระท่อมด้วยกันนั้นแหละ
เกดนอนหลับบนเตียง  ส่วนแฟนและเพื่อนๆพากันเมาเหล้า นอนพื้น  แต่เพื่อนคนนึงตื่นมาเห็นขาอ่อนของเกดเลยพยายามจะล่วงละเมิดเพราะเห็นคนอื่นๆเมาสลบหมด  เกดตื่นมาเจอเลยโวยวายจนเป็นเรื่องราวเกือบฆ่ากันตาย

......พอเกิดเหตุนั้นขึ้น   ทุกครั้งที่แฟนของเกดจะตั้งวงมั่วสุม  ก็จะพาเกดมาส่งที่หอพักของดิฉัน  ให้เกดมานอนกับดิฉัน
เพื่อป้องกันปัญหานั้นอีก  ซึ่งดิฉันก็ต้อนรับ  จนวันนึงเกดพาเพื่อนคนนึงมาเข้ากลุ่ม  เธอชื่อก้อย   ก้อยเป็นคนสงขลา  แต่ก็จัดเป็นคนต่างพื้นที่เหมือนดิฉัน  เพราะก้อยเป็นคนระโนด  อำเภอสุดขอบชายแดนด้านบนติดนครศรีเลย

.....ก้อยเป็นผู้หญิง   ที่ซื่อๆ รูปร่างผอม สูง160กว่าๆ  ที่เกดเอาก้อยมาเข้ากลุ่ม  เพราะเห็นว่าก้อยไม่มีเพื่อน
  คือที่ผ่านปี1มาได้  เพราะก้อยย้ายไปกลุ่มนั้นทีกลุ่มนี้ที  แต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับใครเป็นพิเศษ  เพราะก้อยเป็นคนจน
และหน้าตาก็ไม่ได้โดดเด่น   และก้อยเป็นคนที่หัวอ่อน  พอเจอเกด  เกดชักนำมาเข้ากลุ่มเรา  ก้อยก็ดูจะยินดี
พอก้อยเข้ามาในกลุ่ม  เธอก็กลายเป็นเบ๊ของเกดในกลุ่ม   ไม่ว่าเกดจะสั่งอะไรบอกอะไร  ก้อยก็จะทำให้  แม้แต่ไปซื้อผ้าอนามัย  เพราะเกดซื้อใจก้อยด้วยการไปรับไปส่งก้อยทุกครั้งที่ไปเรียน

.....ก้อย  เช่าหอพักถูกๆอยู่แถววชิรา  จริงๆก้อยมีแฟนแล้ว  แต่แฟนก้อยจะทำงานอยู่ต่างจังหวัด  นานๆครั้งจะมาหาก้อยสักครั้ง  ทำให้ช่วงนั้นก้อยถูกเกดชักนำพาไปไหนด้วยตลอด  เพราะเกดมีรถ แต่ก้อยไม่มีรถ  เธออาศัยนั่งรถสองแถวไปเรียนมาตลอด  พอเจอเกดมาทำดีแบบนั้น  ก้อยก็ยอมก้มหัวให้เกดมาตลอด

……พอก้อยมารู้จักกับดิฉัน และจำปี  จำปา  ก้อยก็ดูจะนิยมชมชอบพวกเรา3คนไปด้วย  เพราะพวกเราปฏิบัติกับก้อยเหมือนเพื่อนที่เท่าเทียมคนนึง  ไม่เคยทำกับก้อยเหมือนเบ๊  แต่ก้อยก็ยังยอมก้มหัวให้เกดเหมือนเดิม  ก้อยบอกว่า  เกด มีบุญคุณกับเธอ  เพราะทำให้เธอได้มีเพื่อน  มีสังคมเหมือนคนอื่น  เพราะแฟนเกดมีตัง  เวลาไปกินอะไรกันกับกลุ่มเพื่อนเกดก็จะพาก้อยไปด้วย

......แต่เพราะความใกล้ชิดที่มีมากเกินไปกับแฟนของเกด  เริ่มทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจระหว่างเกดกับก้อย
จนวันนึง  เกดมาคุยกับพวกดิฉัน  โดยบอกว่าขอให้เทก้อยทิ้งจากกลุ่ม  พวกเราก็สงสัยว่า ก้อยมันไปทำอะไรให้เกด เธอถึงคิดจะเททิ้ง   เกดบอกว่า  เธอไม่ชอบใจ  เธอคิดว่าก้อย แอบคิดไม่ซื่อกับแฟนของเธอ  เกดเล่าว่า
เกดไปรับก้อยที่ห้องพักเหมือนปกติ   แต่วันนั้นแฟนเธอจะใช้รถ  แฟนเกดเลยขับรถไปรับก้อย   ก้อยก็ซ้อนท้าย
โดยมีเกดนั่งกลาง   เพราะความที่ก้อยใส่กระโปรงยาว  เลยต้องนั่งแบบไพล่ข้าง

.....เกดบอกว่า  แทนที่ก้อย จะจับเอวเธอ  ที่นั่งอยู่ตรงกลาง  แต่ก้อยดันไปจับที่เอวของแฟนเธอ
และเกดก็ไม่ชอบใจ  ที่แฟนเธอคุยดีกับก้อย  และเพื่อนๆชายของแฟนเธอก็ดูจะชมชอบก้อยอยู่เช่นกัน
(ดิฉันคิดในใจ  ก็แน่ล่ะ ก้อยเป็นผู้หญิงซื่อๆนิสัยดี พูดจาเรียบร้อยหน้าตาก็พอควง ใครจะไม่ชอบ)
เกดเลยคิดจะตัดไฟแต่ต้นลม  ด้วยการเทก้อยออกไปจากกลุ่ม

......เราก็บอกจะเทไอ่ก้อยทิ้งได้ไง   เพราะตอนนั้น เราใส่ชื่อก้อยในกลุ่มทำงานทุกงาน  ซึ่งก้อยก็ช่วยทำตลอด
แต่เกด ก็ขอให้พวกเรา เอาชื่อก้อยออก  ไม่ต้องใส่ชื่อให้ในปกงาน   ทั้งจำปีและจำปา ผู้ไม่ชอบการมีปัญหา ก็เอาแต่มองหน้ากัน และมองหน้าดิฉัน  ดิฉันเห็นว่าเรื่องนี้ดิฉันไม่เห็นด้วย  เพราะมันจะโหดร้ายเกินไปไม๊  ที่จะเทเพื่อนทิ้งรวมทั้งเทชื่อออกจากปกงานที่ทำไปแล้วแบบนี้  ถ้าทำแบบนั้นเท่ากับฆ่าไอ่ก้อยทิ้งเลยนะ  มันจะเรียนจบได้ยังไง
ดิฉันก็บอกเกดไปแบบนั้น  เกดดูจะหงุดหงิด  ที่ดิฉันไม่เอาด้วย  แต่ก็ทำอะไรดิฉันไม่ได้  เพราะเอาจริงๆดิฉันคือหัวหน้างานไม่ใช่เกด

......เกด  เลยหันไปเทก้อยเป็นการส่วนตัว  ด้วยการไม่ไปรับไปส่งก้อย  บางครั้งก็แกล้งก้อยว่าจะไปรับ  แล้วก็ไม่ไปรับ  ก้อยก็โทรหาดิฉันเพราะใกล้จะเข้าเรียนแล้ว  แต่เกดยังไม่โผล่ไปรับ   (ตอนนั้นพวกเรารวมทั้งเกดอยู่มหาลัยแล้ว)
ดิฉันพอรู้ก็เริ่มไม่ชอบใจที่เกดไปทำแบบนั้น  เลยเข้าไปต่อว่าเกด  ว่าทำไมต้องไปแกล้งมันแบบนี้
ดิฉันกับเกดเริ่มไม่ชอบใจกัน  เพราะเรื่องที่เกดไปแกล้งก้อย

.....ดิฉันจึงดัดนิสัยเกด  ด้วยการไปรับไปส่งก้อยเสียเอง   และเล่าเรื่องที่เกดตั้งใจทำกับก้อย ให้ก้อยฟัง  ก้อยพอรู้ก็นั่งร้องไห้  ระบายความในใจเกี่ยวกับเกดออกมาให้ดิฉัน และจำปี จำปาฟังหมด  ก้อยบอกเธอไม่เคยคิดที่จะไปตีท้ายครัวเกดใดๆทั้งสิ้น  และไม่เคยคิดร้ายแบบนั้นกับเกด  มีแต่ความรักเพื่อน และยอมให้เกดเหยียบหัวใช้มาตลอด  ซึ่งก้อยก็รู้ตัวว่ากำลังโดนเกดเหยียบหัวใช้  แต่ก็ยอม  เธอก็เสียใจมากที่เกดมาคิดกับเธอและทำกับเธอแบบนี้

.....ความสัมพันธ์ของพวกเรากับเกดเริ่มไม่สู้ดีนัก  เพราะแทนที่พวกเราจะช่วยกันเทก้อยทิ้ง  กลับกลายเป็นว่าพวกเราเห็นใจก้อยแทน และคอยปกป้องก้อย  ก้อยเริ่มมีปากมีเสียงและปฏิเสธเกดมากขึ้นในสิ่งที่เธอเห็นว่าเธอไม่ควรทำ
จนหลังๆมาเกดเริ่มมาเรียนบ้างไม่มาเรียนบ้าง  พวกเรารู้แล้วว่า มันคือสัญญาณของคนที่จะไม่เอาการเรียนแล้วแหละ
พอเกดมาเรียนทีนึง  ก็จะมาพูดจิกเหน็บแนมใส่ก้อย  พอก้อยเริ่มเถียง  เกดก็บอก

    “เออนะ  เดี๋ยวนี้เริ่มทำหรอยแล้วและนะ  มีคนคอยช่วยแล้วหนิ   อย่าหรอยแรงนะอิก้อย กุอิตบเอาไม่ใช่ไซ”

.....จนคืนนึง  ก้อยก็โทรมาหาดิฉันกลางดึก  พร้อมเสียงสะอื้นร้องไห้....

“ฮือ ฮืออออ...หยก  มารับกุที”
“ไซ ก้อย  พันพรือ เป็นไหรอ่ะ  ร้องไซ”

“อิเกด พาน้องมารุมตบกุแรกเดี๋ยวใจ มันพึ่งหลบกันไปนิ”
“เออๆ ตอเดี๋ยวกุไปรับนะ “
.....ดิฉันเลยรีบขับรถไปที่ห้องเช่าของก้อย  พอไปถึงห้องเห็นไฟปิดสนิท  ห้องเช่าของก้อยเป็นห้องแถวราคาถูกดูโทรมๆ ไม่มีหน้าต่าง  ดิฉันก็เคาะประตูห้อง

ปึงๆๆ .........”ก้อย  นี้หยกนะ เปิดตูที”

.....ก้อยเปิดประตู   ห้องเธอมืดมาก...
“ไหน ไซนิก้อย  ไม่เปิดไฟ”
“อย่าเปิดต่ะ กุอาย”
....ดิฉันไม่สนใจเลยเปิดไฟ  พอไฟสว่าง  ดิฉันอึ้งไปเลย  เพราะข้าวของในห้องของก้อย กระจุยกระจายเต็มไปหมด
จนดูน่ารันทดใจ  สมุดกระดาษ หนังสือเรียนโดนฉีกทึ้ง  หน้าของก้อยเต็มไปด้วยคราบน้ำตา  ที่พึ่งแห้ง  แต่นัยน์ตายังแดง
เส้นผมของก้อยก็กระเซิง  ดิฉันสวมกอดก้อย  ปลอบใจและขอให้เธอเล่าเรื่องให้ฟัง

.....ก้อยก็เล่าว่า   เกดมาเคาะประตูห้อง  ตอนแรกก้อยไม่ยอมเปิด  แต่เกดบอกเธอมาคนเดียว  อยากมาคุยปรับความเข้าใจกับก้อย  น้ำเสียงของเกดดูจริงจังมาก  ก้อยเลยยอมเปิด  แต่พอเปิดประตู  ก็เจอเกดเอาน้องสาวมาด้วย
น้องสาวของเกด รูปร่างอ้วนใหญ่  ก็พากันดันตัวก้อยเข้าห้อง แล้วลงกลอน
เกดใช้ให้น้องสาวช่วยจับตัวก้อย  ก้อยตัวเล็กกว่า  สู้แรงไม่ได้  เลยโดนเกดจิกหัวตบหน้า  พร้อมกับสั่งสอนว่า

   “มืงอย่ามาทำหรอยบ้านกุ จำไว้อิก้อย  กุพามืงเข้ากลุ่ม ไม่ใช่ให้มืงมาหรอยกับกุ ไม่สำนึกบุญคุณกุเลย”

....ทีนี้เกดก็ใช้ให้น้องสาวช่วยตบก้อย   แล้วเกดก็ไปกระจุยข้าวของในห้องของก้อย จนเป็นแบบที่เห็น  แล้วก่อนจะกลับ
เกดก็ยังขู่เอาไว้ว่า   ถ้าก้อยยังเถียงเกด เวลาอยู่ต่อหน้าพวกดิฉัน  เกดจะพาน้องมาตบก้อยอีก

.....ดิฉันโกรธเกดขึ้นมาทันที  ดิฉันไม่เคยตบตีกับใครมาก่อน  แต่เกิดความรู้สึกอยากจะตบเกดล้างแค้นให้ก้อย
ดิฉันจะพาก้อยไปแจ้งความ   แต่ก้อยบอก  อย่าไปแจ้งเลย   เพราะเกดขู่เอาไว้ว่า ถ้าก้อยไปแจ้งความ นอกจากเกดจะตามตบก้อยแล้ว  ยังจะให้พวกเพื่อนๆของแฟนเกดที่เป็นขี้ยาพากันมารุมโทรมก้อย  ก้อยกลัวเพราะอยู่คนเดียว
ดิฉันเลยให้ก้อย เก็บข้าวของที่พอเก็บได้   ไปอยู่ที่หอดิฉันชั่วคราว

......ดิฉันเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับกลุ่มเพื่อนเก่า  ที่มาจากจังหวัดเดียวกัน  พวกเพื่อนๆชายดิฉันก็จิตใจดี
บอกว่าหากพวกผู้ชายของเกดมาทำร้ายพวกดิฉันขอให้โทรหาทันที  แล้วได้พบกัน
ความสัมพันธ์ของพวกดิฉันกับเกด  เลยจบสิ้นแค่ตรงนั้น  พอเกดรู้ว่าดิฉันรับก้อยมาอยู่ด้วยที่หอ
ก็โทรมาด่าดิฉัน อาฆาตจะตบดิฉันอีกคน   ดิฉันก็ไม่กลัว ท้าเกดกลับไปว่า
   “มืงกับกุตัวๆเอาม้าย  มืงอ่ะนะเหยียบเพื่อนทำหรอย ว่าตัวเองมีพวกช่วย กะเบอะตัวๆกับกุนิกล้าม้ายละอิเกด”

.....ดิฉันกล้าท้าตบกับเกด  เพราะรู้ดีว่า เกด จะไม่ห้าวเลยถ้าไม่มีพวกช่วย  ดิฉันก็ขู่เกดกลับไปว่า...

“เอาต่ะ  มืงคิดว่ามืงมีพวกแค่คนเดียวเหอ  เพื่อนกุกะลุย  มืงทำกุมืงก็ได้พบพวกกุเหมือนกัน แต่ถ้ามืงคิดว่าตัวมืงหรอยมาตัวๆกับกุนิ  อิได้จบ  ไม่งั้นมืงก็อย่ามายุ่งกับไอ่ก้อยอีก  สิ้นเวรกรรมกันไปต่ะ”

.....เพราะความที่ดิฉันเป็นคนไม่ค่อยพูด  พอพูดท้าออกไป  เกด ก็รู้ว่าดิฉันเอาจริง  พอสิ้นงานกลุ่มชิ้นสุดท้ายที่ดิฉันใส่ชื่อของเกดไว้ในกลุ่มด้วยแล้ว   เกดก็เนรเทศตัวเอง  ไปตีซี้เข้ากับอีกกลุ่มซึ่งคงจะเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วที่จะรับเกดเข้ากลุ่ม
เหตุที่รับ ก็เพราะเกดเป็นคนหน้าใหญ่  ชอบออกตัวออกตังให้กลุ่ม

.....กลุ่มของดิฉัน  ดิฉันจึงขึ้นมาเป็นเปรียบเสมือนหัวหน้ากลุ่มแบบเต็มตัว  และมีกันแค่4คน  คือดิฉัน  จำปี จำปา
และก้อย  เพราะพวกเราอยู่กันแบบเพื่อนที่เท่าเทียมกัน  เลยสนิทกันมากขึ้น   เรื่องของเกดเริ่มหายไปจากชีวิตพวกเรา
แต่แล้ว.....................................

….วันนึง   ก้อย  มาบอกพวกเราว่าเธอท้อง   พวกเราก็พลอยตกใจไปด้วยเพราะยังเรียนอยู่  ก้อยทุกข์ใจมากก้อยบอก ก้อยท้องกับแฟน  ที่นานๆจะมาหาสักครั้งนั่นแหละ  พวกเราเป็นห่วงก้อยก้อยบอกว่า  จะให้ที่บ้านรู้ไม่ได้  เพราะที่บ้านหวังให้เธอเรียนจบ  เป็นหน้าเป็นตาของบ้าน  เพราะบ้านเธอลำบาก

....ดิฉันเลยบอกให้ก้อยบอกแฟน      ก้อยก็ทำตาม  แต่พอแฟนก้อยรู้  ก็บอกว่ายังไม่พร้อมมีลูก  ยังไม่มีหลักมีฐานเลย
จะเอาปัญญาไหนมาเลี้ยง   แฟนก้อย  ขอให้ก้อยไปเอาเด็กออก  ก้อยมาปรึกษาพวกเราเรื่องเอาเด็กออก
  ดิฉันค้านหัวชนฝา   เพราะรู้ถึงสิ่งที่จะตามมา   มันจะกลายเป็นโรคกรรมไม่รู้จบ  ทำแท้งก็เท่ากับฆ่าคน คนนึง
ดิฉันกล่อมก้อยว่าอย่าไปทำ    ดิฉันพยายามไปพูดคุยกับแฟนของก้อย  พร้อมกับบอกผลเสียที่จะตามมาต่างๆนาๆ
แต่แฟนก้อย  ก็ตอบกลับมาว่า

“เขายังไม่มีปัญญาจะเลี้ยงลูกตอนนี้   หรือดิฉันจะเอาไปเลี้ยงแทนไม๊  อย่ามายุ่งเลยชีวิตของเขากับก้อย  มันเรื่องระหว่างเขากับเมีย”

.....ดิฉันเองก็หน้าชาเหมือนโดนตบหน้า  ก็เลย  อ่ะ  งั้นแล้วแต่มืงแล้วกันจะเอาไง   แล้วแฟนของก้อยก็ส่งเงินมาให้ก้อย3000 เพื่อเอาไปทำแท้ง  แต่มันต้องใช้เงิน 5000  ก้อยไม่มีจะขอยืมดิฉัน2000  ดิฉันเลยบอกถ้าจะเอาไปทำแท้งอย่ามายืมกุ  กุไม่ให้มืงยืมหรอกนะ

.....ก้อยก็บอกเข้าใจ  ไม่ว่ากัน   แต่ก้อยก็ไปเอาเด็กออกที่ร้านทำแท้งเถื่อนในหาดใหญ่  ดิฉันไม่ทราบหรอกว่า  อยู่แถวไหน
ก้อยหายไปหลายวัน   ดิฉันโทรหาไม่ติด  ไปตามที่ห้องก็ไม่อยู่  ถามคนแถวนั้นเขาก็บอก  ก้อยไม่กลับมาห้องหลายวันแล้ว
ดิฉัน  จำปี จำปา  ร้อนใจมาก  พยายามโทรหาก้อยตลอด  แต่เธอปิดโทรศัพท์

.....ผ่านไป1สัปดาห์  ก้อยกลับมาเรียน  ในสภาพอิดโรย  ขอบตาคล้ำ  ร่างกายซูบเซียว  สีหน้าไม่สู้ดีเลย  พอเราเจอก้อยก็เข้าไปซักถามก้อยทันที  ก้อยบอกก้อยไปทำแท้งมาแล้ว  ก้อยไม่รู้จะไปยืมเงินใครไปทำแท้งอีก2000  เลยบากหน้าไปขอยืมเกด  และเกดก็เป็นคนพาก้อยไปถึงแหล่งทำแท้งหาดใหญ่  พอทำแท้งกลับมา   เกดก็ให้ก้อยไปอยู่กับเกด  เพื่อพักฟื้น
เกดขอให้ก้อยอภัยเรื่องที่เธอเคยทำกับก้อย   ก้อยเป็นคนหัวอ่อน  พอเจอเกดทำดีเข้าใส่  ก้อยก็ตามเกดเหมือนเก่า

.....พวกเราก็ไม่ว่าก้อย  เพราะเกดคงเป็นที่พึ่งของก้อยได้จริงๆเกี่ยวกับสถานการณ์บาปกรรมแบบนี้  เพราะถ้าจะให้ดิฉัน
พาก้อยไปหาแหล่งทำแท้ง  ดิฉันก็ไม่รู้จะไปตรงไหน   ก้อยกลับไปติดตามเกดอยู่ต้อยๆ ในสภาพซูบโทรมแบบนั้น
หน้าตาของก้อย  เหมือนคนป่วยหนักตลอดเวลา  ขอบตาคล้ำ  ความสวยสดหายไปหมดเลย
และต้องคอยตามรับใช้เกดในกลุ่มใหม่เหมือนขี้ข้าเช่นเดิม
....วันนึง  ขณะที่พวกเรา3คน  กำลังสุมหัวกันทำงานอยู่ในห้องของดิฉันที่หอพัก  พวกเรากำลังเม้ามอยหนุ่มๆที่มาจีบดิฉัน
กันอย่างสนุกเฮฮา  จู่ๆเสียงประตูห้องดิฉันก็ดัง

        “ก๊อกๆ ก๊อกๆ”

        “ใครคะ”

ดิฉันตะโกนถามออกไป

        “เราก้อยเอง หยก”

ดิฉันแปลกใจ    เลยรีบเปิดประตู  ก้อยยืนร้องไห้อยู่หน้าห้อง  หน้าตาเธออิดโรยเช่นเดิม

“ฮือออออออออ  หยก  กุไม่เหลือใครแล้ว”

“อะไรของมืงก้อย  มืงเป็นไหร  ใครทำไหรมืง”

“อิเกดมันประจานกุให้กลุ่มเพื่อนใหม่มันฟัง  ว่ากุยืมตังมันไปทำแท้ง  มันเอากุไปว่าเสียๆหายๆคนรู้ทั้งห้องแล้ว”

“อิเกดเปรด YES แหม่มเอ๊ย”  ดิฉันสบถคำด่าเป็นภาษาท้องถิ่น

....ดิฉันพาก้อย เข้ามานั่งในห้อง  ก้อยผอมและซูบไปมาก  อันเป็นผลจากการทำแท้ง  ก้อยบอกเธอกินไม่ได้  นอนไม่ค่อยหลับ  เพราะรู้สึกกังวล   ก้อยบอกว่า  เธอรู้เรื่องที่เกดเอาเธอไปพูดประจานในกลุ่มเพื่อนใหม่เป็นที่สนุกปาก  จากเพื่อนในห้องคนนึง  ที่รู้มาอีกที   พวกเขาบอกก้อยว่า  เกด  นินทาบอกว่าก้อยเป็นกะXรี่ ขาย HEE จนท้องแล้วไม่มีปัญญาหาตังไปทำแท้ง  ต้องไปยืมเกด

....พอเธอรู้  เธอก็ไปรบกับเกด  เกดก็ตอกหน้าก้อยว่า  เกดพูดจริง  เพราะก้อยยืมจริง  ทำแท้งจริง หรือจะเถียง
พอก้อยบอกเรื่องที่เกดว่าก้อยขายHEE จนพลาดท้อง  ทำไมไปบอกคนอื่นแบบนั้น  เกดก็ตีหน้ามึนบอกไหนหลักฐาน
ว่าเกดพูด    ก้อยก็เลยยืนด่าเกดที่หน้าห้อง  จนคนออกมาดูเต็มไปหมด  เกดจะตบก้อย  ก้อยบอกเธอก็เตรียมจะตบสู้
แต่แฟนเกด มาดึงเกดเข้าห้องไป   ก้อยขอให้เพื่อนของแฟนเกดอีกคนให้มาส่งที่หอดิฉัน เพราะไม่รู้จะไปไหน

.....ดิฉันถามไปถึงแฟนของก้อย  ว่าเขาได้มาดูก้อยบ้างเปล่า  ก้อยก็เอาแต่ร้องไห้  บ่นว่าเธอมีแฟนก็เหมือนไม่มีแล้วทุกวันนี้    ก้อยนั่งอยู่ที่ห้องดิฉันสักพัก  ก็ขอให้ดิฉันไปส่งก้อยที่ห้องเช่า  ดิฉันขอให้ก้อยนอนด้วยกันที่ห้อง  แต่ก้อยบอกก้อยคิดถึงห้อง  อยากกลับห้อง  ห้องที่แฟนเธอเคยมาอยู่ด้วย  ดิฉันไปส่งก้อย  ก่อนจะลากลับเพราะดึกมาก
เสียงก้อยพึมพำบอกว่า

   “กุจะเอาคืนมืงอิเกด  คอยแล...มืงทำกุ ”
.........เป็นประโยคที่ดิฉันได้ยินแว่วมา หลังจากก้อยปิดประตูห้อง  และก็เป็นประโยคสุดท้ายที่ดิฉันได้ยินจากเพื่อนที่ชื่อก้อย
เพราะวันรุ่งขึ้น   ก้อยโทรบอกดิฉันว่าจะกลับไปบ้านที่ระโนด   คงจะได้เจอกันอีกนะ   ดิฉันก็คิดว่าเป็นการลากลับบ้านธรรมดาของก้อย......................แต่ก้อยหายไปหลายวันมาก  จน

.....มีเพื่อนคนนึง   ที่เป็นคนบ้านเดียวกับก้อย ได้มาแจ้งข่าวทุกคนในห้องว่า…
       “เพื่อนก้อย  เสียแล้วนะ”

.......เพื่อนเล่าว่า  ก้อยกลับไปบ้าน และผูกคอตายกับต้นมะขามริมรั้วบ้าน  ร่างห้อยโตงเตง...พ่อไปเจอศพก็ใกล้ค่ำแล้ว
ทุกคนที่บ้านสันนิษฐานว่า  ก้อยมีปัญหากับแฟน  โดนแฟนบอกเลิก  ก้อยเลยคิดสั้นฆ่าตัวตาย
ดิฉันตกใจ  จนร้องไห้   มันมึนและสับสนไปหมด
พวกดิฉันรู้ดีว่า  มันไม่ใช่แค่ปัญหากับแฟนหรอก  ปัญหากับใครบางคนแถวนี้ด้วยแหละคนนึง  ที่มันนั่งอึ้งฟังอยู่ด้วย

ดิฉันเลยยืนขึ้นพูดลอยลมว่า  ก่อนที่ก้อยจะกลับบ้าน  ดิฉันไปส่งก้อยที่ห้อง  ก่อนดิฉันกลับ  ดิฉันได้ยินก้อยพึมพำว่า

       “กุจะเอาคืน  ที่มืงทำกุคอยแล”

..............แต่คืนนี้ดึกแล้วขอตัวไปนอนก่อนนะคะ  เดี๋ยวจะมาเล่าต่อพรุ่งนี้ค่ะ ง่วง....

….ดิฉันจึงถามเพื่อน  ที่เป็นคนบ้านเดียวกับก้อย   ว่ารู้จักบ้านก้อยไม๊    เขาก็ตอบว่า  เขาไม่รู้จักบ้านของก้อยว่าอยู่ตรงไหน
รู้แค่ว่าเป็นคนบ้านอะไร  เพราะเคยเห็นหน้ากันมาก่อน  แต่ไม่ได้สนิทอะไรมากมาย  ก็แบบรู้จักแต่ผิวเผิน
แต่เขารู้ว่าศพของก้อย  พ่อแม่เอาไปตั้งที่วัดไหน   ดิฉันจึงป่าวประกาศบอกเพื่อนๆในห้อง  ว่าจะซื้อพวงหรีดไปวาง
งานศพก้อย  โดยจะฝากเพื่อนชายที่เป็นคนบ้านเดียวกับก้อยไป  ในนามของเพื่อนร่วมห้อง   จึงขอรวบรวมเงินจากเพื่อนๆ
ตามแต่กำลังของแต่ละคน   ก็ได้รับความร่วมมือจากทุกคนเป็นอย่างดี  รวมทั้งเกดคู่กรณีด้วย

.......ดิฉัน  ไม่สามารถไปช่วยงานศพก้อยได้   เพราะติดเรียน  เอาแต่ฟังเพื่อนชายคนบ้านเดียวกับก้อยมาเล่าให้ฟัง  เพราะเขาขี่รถไปกลับบ้านมหาลัย  และเป็นคนเอาพวกหรีดไปวาง  เพื่อนบอกว่า  พ่อแม่ก้อยตาแดงก่ำตลอดเวลา  บ้านก้อยไม่ได้ร่ำรวยอะไร  งานศพก็ไม่ได้ใหญ่โต  มีแค่พวกเครือญาติ และคนในละแวกหมู่บ้าน  พวงหรีดก็จะมีแค่ของพวกเรา  กับของ
อบต. และของมหาลัย  เขาบอกว่าแฟนของก้อยมาช่วยงานศพด้วยและเดินซึมตาแดงตลอดเวลาเช่นกัน

.....พอตั้งสวด3วันก็เผา  วันเผา ดิฉัน  จำปี และจำปา  ก็ขอให้เพื่อนชายคนนั้น พาพวกเราไปที่วัด  พวกเราเอาเงินไปร่วมทำบุญ แสดงตนว่าเป็นเพื่อนของก้อยที่มหาลัย  เลยได้รับการต้อนรับจากพ่อแม่ก้อยค่อนข้างดี  โดยที่ดิฉันก็ชวนเกดให้ไปด้วยกัน  แต่เกดบอก ไม่ว่าง  (ใจจริงๆคงกลัวมากกว่า) พอดิฉันปะหน้าตัวเป็นๆของแฟนก้อย  ดิฉันก็เข้าไปทัก  ถามว่านี่แฟนก้อยช่ายหม้ายคะ (ขออภัยที่ดิฉันเป็นคนใต้ จึงอาจมีภาษาใต้ปนไปในการเล่า)

……เขาก็บอกว่าช่ายครับ   ดิฉันจึงชวนเขาพูดคุยในเรื่องของก้อย  และชีวิตของก้อยที่ต้องเจอตอนอยู่ที่มหาลัย
เล่าทุกๆอย่างให้แฟนเขาฟัง  ทุกอย่างจริงๆ  แฟนเขาก็เงียบฟัง แล้วก็ร้องไห้ เขาบอกเขาเป็นแฟนที่แย่จริงๆ
ไม่เคยไปดูแลก้อย  เอาแต่ทำงาน เพราะคิดแค่ว่าวันที่ก้อยเรียนจบ  เขาจะไปขอก้อยกับพ่อแม่ของก้อยเพื่อแต่งงานอยู่กินกัน
พอเขารู้สิ่งที่ดิฉันเล่าให้ฟัง เขาก็ร้องไห้  เพราะสงสารแฟนตัวเองที่โดนเพื่อนกระทำย่ำยีหลายอย่าง  โดยที่เขาไม่เคยรู้เลย

.....ดิฉันเล่าให้แฟนก้อยฟัง  ว่าก้อยน่ะรักเขามาก  เคยมาบ่นให้ดิฉันฟังบ่อยๆตอนเป็นๆว่า   ก้อยน่ะเป็นห่วงแฟน
เพราะรู้ว่าแฟนตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงิน  จนไม่ค่อยจะซื้ออะไรกิน  มักจะบ่นๆให้ดิฉันกับเพื่อนได้ยินเสมอว่า
“มันจะกินอะไรยังวะ”  อยู่แบบนี้ตลอด  แต่ก็ไม่กล้าโทรไปกวน  ก้อยบอกว่าเขารู้ว่าแฟนตัวเองเป็นคนขี้โมโห
หากโทรไปกวนตอนกำลังทำงาน  แต่ก้อยก็บ่นถึงแฟนทุกที  ก้อยเป็นผู้หญิงที่ดีคนนึงนะ...อยู่ในเมืองผู้ชายมากมาย
หลายคนก็เคยแสดงตนว่าสนใจก้อย  แต่ก้อยไม่เคยวอกแวกนอกทางเลย ไม่รู้ทำไมมันถึงกลับบ้านมาผูกคอแบบนี้

.....แฟนก้อย  ก็นั่งซึม น้ำตาไหลตลอด  แล้วเขาก็เล่าให้ดิฉันฟังว่า  ก่อนก้อยจะผูกคอตาย  ก้อยโทรหาเขา
ตอนนั้นเขาทำงานอยู่ที่ อ.หัวไทร  ก้อยบอกเขาว่า  ก้อยกลับมาบ้าน  อยากเจอเขาให้มาหาได้ไหม
แต่ตอนนั้นเขายังติดงานอยู่  เพราะนายจ้างเร่งงาน  เขาก็เลยบ่ายเบี่ยงบอกไว้คราวหน้านะ  ตอนนี้กลับไปหาไม่ได้
แล้วก้อยก็เริ่มบ่นพึมพำใส่เขาในเชิงน้อยใจว่า   ยังเป็นแฟนกันอยู่ม้าย  เคยรักเคยคิดถึง เคยห่วงกุมั่งม้าย

.....แฟนก้อยบอก  พอก้อยมาแนวนั้น  เขาก็หงุดหงิด  เลยขึ้นเสียงด่าก้อย  ว่า.....

“เป็นไหรนักหนาของมืงนิก้อย  กุทำงานมืงเข้าใจมั่งหม้ายล่ะ  ฟังกุมั่งลองแล บอกว่าหลบไม่ได้กะหลบไม่ได้และอ่อ”

….ก้อยก็ตอบกลับมาว่า....

   “มืงต้องให้กุตายก่อนเออ  ถึงอิหลบมาหาได้  เอาพันนั้นม้ายบ่าว”

   “เอาต่ะ  มืงอยากตายก็ตายเลยนิก้อย  แหลงไม่รู้ฟัง  แข๊ปๆตายนะ กุได้ไปเผา  กุเบื่อมืงจังแล้วนิ”

.....พอเล่ามาถึงตรงนี้ แฟนก้อยก็ปล่อยโฮอีกฮึดใหญ่   เขาบอกคงเพราะก้อยน้อยใจ  แต่เพราะก้อยก็ใช้ไม้นี้กับเขามาหลายครั้งแล้ว  จนเขาคิดว่าก้อยคงไม่กล้าทำจริงๆ  ก็เลยประชดและท้าไปแบบนั้น  มารู้อีกทีคือหลานของก้อยโทรบอกเขาว่า
น้าก้อยผูกคอตายเสียแล้ว  เขาก็ทิ้งงานกลับมาหาก้อยเลย   กลับมาทันก่อนเขาเอาศพก้อยใส่โลงพอดี  เขาก็พุ่งเข้ากอดศพก้อยไว้แน่นร้องไห้คร่ำครวญ  เขาได้แต่ขอโทษก้อยซ้ำไปซ้ำมา  เหมือนคนบ้า  จนญาติๆของก้อยต้องมาแยกเขาไปปลอบใจ
แล้วเอาร่างก้อยใส่โลง

…….แฟนก้อยเล่าต่อว่า  จนตอนนี้  เขาก็ยังไม่ได้อาบน้ำเลย  เพราะเขาอยู่เฝ้าศพก้อยตลอด3วัน เขาบอกเขาไม่อยากไปไหนแล้ว  อีกไม่นานก็จะไม่มีร่างของก้อยอยู่บนโลกใบนี้แล้ว   กลิ่นตัวของก้อยยังติดเสื้อผ้าตอนที่เขากอดอยู่เลย
ดิฉันก็ได้แค่แอบคิดในใจว่า  มาทำแบบนี้ตอนก้อยมันไปแล้ว  มันจะไปรับรู้อะไร  ทำไมตอนมันเป็นๆไม่ทำดีกับมัน ใส่ใจมัน  แต่ก็แอบสงสารเขาอยู่ไม่น้อย   และดิฉันก็สงสารก้อยมากด้วย  ไม่นานมานี้  เห้ย...ก้อยมันยังมานอนคุยเล่น..ไปไหนมาไหนกับฉันอยู่เลย   แต่ตอนนี้ ก้อยดันมานอนอยู่ในโลงเสียอย่างนั้น  พอคิดแบบนั้น  ภาพของก้อยตอนยังอยู่มันผุดเข้ามาในหัวดิฉันเต็มไปหมด  น้ำเสียงของมัน  น้ำตาของมัน  มิตรภาพของดิฉันกับก้อย  ทำเอาดิฉันน้ำตาริน

......เราอยู่ร่วมงาน  จนถึงเวลาส่งก้อยไป    ..ดิฉันไม่กล้าเข้าไปดูตอนเขาเปิดโลงก้อยก่อนเผา   แต่แฟนก้อยยังตามไปเกาะขอบโลงร้องไห้เสียงดังลั่นงาน  จนชาวบ้านที่ไปมุงดูต้องช่วยกันลากร่างของแฟนก้อยไปนั่งสงบจิตใจ
แต่ดูเหมือนแฟนก้อยจะอาการหนักมาก  ร้องไห้ตลอดเวลา  จนควันไฟจากปล่องเมรุพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า  พวกเราจึงพากันไปร่ำลาพ่อแม่และญาติๆของก้อยขอตัวกลับ   มีคำถามเกิดขึ้นในใจมากมายหลายอย่าง  ว่านี่มันเรื่องจริงหรือ
ก้อยมันตายแล้วจริงๆหรอ  ทำไมล่ะ ทำไมมันทำแบบนั้น  น้อยใจแฟนแค่นั้นหรอ  หรือเพราะก้อยมันแบกรับเรื่องราวหลายๆอย่างที่มาสุมเป็นปัญหาชีวิตมากเกินจะรับไหวแล้ว  เลยตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองแบบนั้น

....จริงๆก้อยมันก็สู้ของมันนะ  สู้แบบ...ก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวบางๆไร้พวกพ้องคนนึง   มันก็เอาตัวรอดของมันได้คนเดียว
กินอะไรดีๆมันก็ไม่ค่อยได้กินเหมือนชาวบ้าน  ดิฉันยังแอบนับถือมันเลยนะว่า   เห้ยมันเก่งนะ  เรามารู้จักมันตอนปี2แล้ว
จริงๆก็เห็นหน้ามาตลอด  แต่ไม่เคยไปสุงสิง  พอได้รู้ชีวิตของมัน  เรานับถือมันเลย ที่เอาตัวรอดมาได้  หลายๆคนฐานะดีกว่ามัน  พอเปิดเทอมมาก็โดนรีไทร์ออกไปซะอย่างนั้น   กยศ. ก้อยมันก็ไม่ได้กู้ด้วย  พ่อแม่มันก็ทำนา  ฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไร  ที่นาก็เช่า  มันได้เงินจากบ้านเดือนละ3-4พันเอง  พอแบ่งจ่ายค่าห้องแล้ว ก็เหลือกินไม่กี่บาท.........

........ดิฉันได้แต่นึกในใจว่า ....

“กุสงสารมืงนะก้อย  กุขอให้มืงไปสู่ภพภูมิที่ดีๆถ้าชาติหน้ามีจริง ให้เราได้เป็นเพื่อนกันอีกก็แล้วกันหมดทุกข์หมดโศกไป”

.....เราสามคนขับมอเตอร์ไซค์จากวัดที่ระโนด  กลับมาถึงแพขนานยนต์ข้ามฝากที่สงขลาก็ใกล้ค่ำ   จำปี กับจำปา  เพื่อนที่ไปด้วยกันก็ชวนดิฉัน  ไปนั่งเล่นชิวๆยามพลบค่ำที่หัวพญานาคพ่นน้ำ  เรานั่งเหม่อมองทะเล  มองกลุ่มคนอื่นๆที่มานั่งเช่นกัน
ตอนนั้นบรรยากาศโพล้เพล้ ลมทะเลเย็นๆปะหน้าผมปลิวไสว   คิดๆแล้วก็ท้อในใจ  เกิดความรู้สึกว่า  ไม่มีคนชื่อก้อยอยู่กับพวกเราแล้ว  มันก็รู้สึกโหวงเหวงนะ   ดูท่าจำปี ก็จะรู้สึกเช่นเดียวกันกับดิฉัน  เพราะอยู่ๆนางก็พูดขึ้นมาว่า

    “คิดถึงไอ่ก้อยเนอะ   ถ้ามันอยู่  เราพอได้แกล้งมันเล่นบ้าง  ได้เห็นมันบ้าบอ-งอแงหน่อย”

จำปา ก็โวยวายใส่จำปี

    “มืงจะบ้าเออ ไปเอ่ยถึงมัน   โบราณเขาถือ  ว่าอย่าไปเอ่ยถึงคนพึ่งตายในเชิงคิดถึง  เดี๋ยวมันจะมาหา”

     “อ้าว  เหรอ  อ่ะ ...ไม่หรอกมั้ง  ไอ่ก้อยมันไม่มาหรอก “

แล้วจำปีก็พนมมือ ทำตลกหน้าตาย เอ่ยปาก

     “ไอ่ก้อยเห้อ  กูคิดถึงมืงแต่ไม่ได้แปลว่ากุอยากเจอมืงนะ  มืงไม่ต้องมาหากุน๊า  กุขลาดผี  อยากได้อะไร ไปหาจำปานะ”

      “เหย็ดพ่อมืงเออ  ให้มันมาหากุ  ไปหามืงนั้นและ  ชอบเขกหัวมัน  ท่าแลคืนนี้มาหามืงแน่”

.....ทั้งจำปีจำปา  ถึงจะเศร้า  แต่ก็ยังพูดจาติดตลกตามนิสัยของพวกนาง  ก็ทำเอาดิฉันยิ้มเหมือนได้เหมือนกัน........
ดิฉันไปส่งทั้ง2คนที่หอตัวเอง  ก่อนที่ดิฉันจะกลับห้อง  เมื่อตอน3ทุ่มหลังจากหาข้าวกินเรียบร้อยแล้ว
ดิฉันกลับถึงห้องด้วยใจหม่นหมอง  มันอึมครึมแปลกๆ  ข้าวของบางชิ้นที่เป็นของก้อยยังอยู่ในห้องดิฉันอยู่เลย
ไม่ว่าจะเป็นกระจก  หวี  น้ำหอม  กิ๊ฟหนีบผม  หรือรองเท้า  เสื้อนักศึกษาก็อยู่ตัวนึง  กระโปรงยาวก็ยังอยู่ในตู้
......ดิฉัน  อาบน้ำ ล้างตัว  เปลี่ยนเสื้อผ้า  แล้วนอนอ่านหนังสือเงียบๆจนดึกก็ปิดไฟนอน
พอต้องมานอนคนเดียวแล้วก็รู้สึกแปลกๆดี  เพราะก่อนหน้านี้จะมีก้อยมานอนด้วยอยู่ตลอด
ดิฉันหลับไปนานเท่าใดไม่รู้ได้  สะลึมสะลือ  กลิ้งไปกลิ้งมา  หอพักดิฉันอยู่ในเขตคนไม่เยอะ  พอตกดึก ก็เงียบมาก
และอากาศก็เย็นจนไม่ต้องเปิดพัดลม
….เตียงหอพักดิฉันเป็นเตียงโครงเหล็ก  ขยับตัวทีนึง ก็จะมีเสียง เอี๊ยดอ๊าดเบาๆ  พอได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดขอเตียงทีไร
ใจมันคิดไปถึงตอนที่พวกเราโดดเด้งเล่นฟัดเหวี่ยงกัน ขึ้นขย่มตัวก้อยจนเสียงเตียงดังเอี๊ยดอ๊าดทุกที
ป่านนี้ก้อยมันจะทำอะไรอยู่น้อ
มืงไปถึงไหนแล้ว
นรก..สวรรค์ ยมบาล ไปเจอหรือยังก้อย
หรือมืงจะยังห้อยโตงเตงทรมานอยู่ที่ต้นมะขาม  ต้องผูกคอตายซ้ำไปซ้ำมาอยู่หรือเปล่าน้อ
กุห่วงมืงจังก้อย...เห้อ
....ดิฉันนอนคิดอะไรเกี่ยวกับก้อยไปเรื่อยเปื่อย  กลัวมันตายไปแล้วก็ยังลำบากหนักกว่าเก่า  เพราะก้อยทำบาปไว้มาก
ถึง2กระทงตามความเชื่อ  คือทั้งทำแท้ง  กับ ฆ่าตัวตาย  ถ้าตามความเชื่อคือ  วิญญาณจะไปไหนไม่ได้  ต้องผูกคอตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะถึงอายุไขจริงๆ

...พอนอนๆดิฉันตะแคงข้าง หันหน้าไปทางประตูห้อง  และประตูห้องของดิฉัน  ด้านล่างจะมีช่องเล็กๆ พอที่จะมองเห็นแสงไฟจากนอกห้อง  ที่เป็นทางเดินในตัวตึกส่องเข้ามา  และดิฉันจะมองเห็นด้านหน้าห้องได้ในระยะประชิด


ดวงตาของดิฉันถึงกับเบิกโพลงขึ้นในความมืด   หัวใจดิฉันรู้สึกวูบ มันอึ้ง  กระเดือกน้ำลายไม่ลง  มันจุกไปที่ลิ้นปี่  ลากลงไปคอหอย  ปั่นป่วนไปถึงท้องน้อย  มองทะลุช่องเล็กๆใต้ประตูออกไป

    เท้าคล้ำๆมอๆของใครก็ไม่รู้ เห็นแค่ตรงข้อเท้า
ยืนอยู่หน้าประตู  ดิฉันขนลุกซู่ๆ  ดิฉันจึงตะโกนออกไปทันที

   “ก้อยอ๋อ  นั่นมืงใช่ไม๊ ”

.....เงียบ................
ไม่มีสัญญาณตอบรับ  ข้อเท้าใครคนนั้นยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ  ดิฉันยันกายขึ้นนั่ง  หันไปมองและพยายามจะก้มมองลอดใต้ช่องประตูนั้นออกไป เพื่อส่องดูชัดๆ  ดิฉันไม่กล้าเปิดประตู  เพราะกลัวจะเป็นคนอื่น

“ก้อย  ใช่มืงหรือเปล่าที่อยู่ข้างนอก”

....ดิฉันยืนขึ้นใกล้ๆประตูและถามออกไป   มีเพียงแค่บานประตูกั้นเราเอาไว้  ดิฉันยังถามย้ำๆ ก้อย  ก้อย ก้อยเห้อ
แต่ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา  ดิฉันเลยก้มลงมองลอดอีกครั้ง   ก็หายไปแล้ว

.....ดิฉันมั่นใจว่า  นั่นคงเป็นก้อยแน่ๆ เพราะดิฉันรู้สึกได้  คืนต่อมา  ดิฉันนอนอ่านหนังสือเสร็จดึกดื่น ก็ปิดไฟนอนอีก
พอตะแคงตัวหันหน้าไปทางประตู  ก็เห็นข้อเท้าสองข้างที่หน้าประตูอีก  แล้วก็มาแบบนี้อยู่ถึง3คืนติดๆ  ดิฉันเลยเอาไปเล่าให้จำปี  จำปาฟังที่มหาลัย เรื่องที่ก้อยตามมาแล้วมายืนอยู่ที่หน้าห้อง

.....จำปีจำปาก็กลัว  กลัวว่าก้อยจะตามไปหาพวกตน  เที่ยวยกมือพนมสาธุ  ก้อยเอ๊ย  อย่ามาหลอกมาหลอนกันนะ
รู้แล้วว่ารักกันเพื่อนกัน  แต่อย่ามาหาพวกกุนะ  ไปหาอิเกดนู่นนะ  เอาให้หนักๆเลย

........คืนต่อๆมา.......ดิฉันกำลังนอนพิมพ์งานบนเตียงนอน  เวลาก็น่าจะเกินเที่ยงคืนไปแล้ว
เพราะวันนั้นเป็นวันศุกร์  จำปี  จำปา กลับบ้านที่  ตจว. แต่ดิฉันไม่กลับ  เลยนอนทำงานกลุ่มไปเรื่อยๆ
พอกำลังพิมพ์ๆงานอยู่  ก็มีเสียง

>>>>>ก๊อกๆ  ก๊อกๆ<<<<<<
….ดิฉันตกใจ  เพราะกำลังตั้งใจกับหน้าจอ  แต่ก็ตะโกนถามไป

“นั้นใครคะ?”
...เงียบ....ดิฉันเลยพูดใส่ออกไปเลยว่า  “ก้อยเห้อ  อย่ามาทำพันนี้ต่ะ มีไหรกะให้มาเข้าฝันเพื่อนนะ
มาทำอยู่พันนี้  ฉ้านม่ายโร้เธออิเอาไอ่ไหร  มาต่ะ  มาเข้าฝันนะ  มีไหรกะให้บอก จะเป็นจะตายช้านกะยังเพื่อนเธอ”
แต่ถึงอย่างนั้น ดิฉัน ก็ ไม่ได้ฝันอะไรเกี่ยวกับก้อยเลย

......2วันถัดมา  เปิดเรียนวันจันทร์  เรานั่งกันแถวๆโรงอาหารมหาลัย3คน   เกดเข้ามาขอนั่งด้วย  บอกมีเรื่องจะขอคุยกับดิฉัน  จริงๆ เราก็ไม่คุยกันมานานแล้วเรียกว่าไม่ไสปากกัน   แต่เมื่ออยากคุยดิฉันก็ให้คุย  เกดนั่งลงขอบตามันคล้ำๆ  เกดเริ่มเล่าเรื่องของมัน   เกดบอกว่า  มันฝันเห็นก้อยมา3คืนติดแล้ว 

อู้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย     จำปีและจำปาถึงกับอุทานออกมาแทบจะพร้อมๆกัน เมื่อได้ยินว่าก้อยไปเข้าฝัน

...เกดก็เริ่มเล่า  บอกฝันว่า  เกดขับรถมอเตอร์ไซค์  ข้ามสะพานไปทางเกาะยอ  แบบขับตาก-ลมหน้าตาหัวเราะยิ้มแย้มกันมีความสุขมากในฝัน  โดยมีก้อยน่ะนั่งซ้อนท้าย   ในฝันจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกัน  รู้แต่ว่า  มีความสุข เกดขับไปคุยไป  หันหน้ามาหัวเราะกันลั่นสะพานติณ

   “ก็แค่ฝัน แปลกตรงไหน  ก็มืงพามันตะลอนอยู่สมัยมันเป็นๆ”

.....เกดเล่าต่อว่า   พอขับๆไป   มือของก้อยในฝันมาเกาะอยู่ที่เอวของเกด   แต่นิ้วของก้อยน่ะค่อยๆจิกเข้ามาในเนื้อของเกด    ในฝันเกดก็เริ่มเจ็บ เลยร้องบอกให้ก้อยปล่อยมือ  แต่ยิ่งบอกก้อยยิ่งจิกนิ้วเข้าเนื้อเกดแรงขึ้น  จนเลือดของเกดไหลออกมาตามนิ้วของก้อย  พอเกดหันหน้ามาจะด่าก้อย  หน้าของก้อยก็ค่อยๆบวมขึ้น  แบบบวมฉุ ช้ำเลือดช้ำหนองเลย
หัวก้อยบวมโตจนเท่าบาตรพระ  แล้วเลือดก็ไหลออกจมูก    เกดก็กลัวในฝันคือดิ้นสู้จะให้หลุดจากก้อย ให้ได้


....เกดบอก รู้สึกตัวอีกทีว่าฝันไป  คือตอนที่ตัวเองกลิ้งตกเตียง กระทบพื้นจนเจ็บนั่นแหละถึงได้ตื่น
เกดว่าทำไมถึงได้รู้สึกเหนื่อยขนาดนั้นก็ไม่รู้..(  (ใช่สิ ก็มืงนอนฝันแล้วคงละเมอดิ้นบนเตียงไงเลยเหนื่อย)  )


พอคืนที่2 เกดว่า  เกดก็ฝันอีก  ทีนี้ฝันว่าตัวเองมานอนอยู่ที่เตียงในห้องดิฉัน คนเดียว  แล้วก็นอนมองไปปลายเตียง
แล้วเห็นก้อย  ใส่ชุดนักศึกษากระโปรงยาว  นั่งอยู่ที่ปลายเตียง  ก้อยนั่งหันหลังให้  เห็นแต่ผมกระเซิงสภาพเหมือนตอน
ที่เกดพาน้องไปรุมตบก้อย  ในฝันเกดว่าเกดเหมือนจะเรียกชื่อก้อย   เรียกซ้ำๆ แต่ก้อยไม่หันหน้ามาคุยด้วย
แล้วก้อยก็ลุกขึ้นเดินลิ่วๆออกประตูหลังห้องไป

.....คืนที่ 3 เกดฝันว่า  เหมือนเธออยู่ในงานรับปริญญา   แต่ใครเป็นใครมั่งก็ไม่คุ้นหน้า  รู้แต่ว่าเธอเดินคุยกับก้อย
ใส่ชุดนักศึกษาทั้งคู่ เดินคุยกัน  แต่จำไมได้ว่าคุยอะไรกันบ้าง

....พอเกดเล่าจบก็พึมพำว่า...

  “3คืนติดๆแล้วนิ  ที่กุฝันถึงไอ่ก้อย กุกลัวจังเสียแล้ว  ช่วยเพื่อนทีต่ะหยก”

  “แล้วกุอิช่วยมืงพรือ กุไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการไล่ผีทีอ่ะ กะเบอะตอนมืงอยู่ มืงทำไหรมันไว้มั่งจำได้ม้าย”

   “กุรู้แล้ว ว่ากุทำมันไว้เยอะ  ตอนรู้ว่ามันผูกคอ กุก็ตกใจ  ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไรทีอ่ะ”

    “ก่อนมันอิกลับบ้านไปผูกคอ  กุเคยบอกลอยๆไว้แล้วนะว่าไอ่ก้อยมันบอกไว้พรือ  มันว่ามันอิเอาคืนมืง”

    “แล้วกุอิทำพรือดีอ่ะนิ”

.....ดิฉันจึงแนะนำให้นังเกด  ไปทำบุญกรวดน้ำ  ถวายสังฆทาน  อุทิศบุญ  และขออโหสิกรรมจากไอ่ก้อยมัน
ถ้าเป็นไปได้  ก็ไปหาที่บวชชีพราหมณ์ให้มันสัก3วัน  เพราะจากที่ดิฉันรับฟังเรื่องราวมา  เรื่องกับเกด คงไม่ใช่เหตุหลัก
ที่ทำให้ก้อยตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองหรอก  คงเป็นแค่ส่วนหนึ่ง  หลักๆคงน่าจะเกิดมาจากแฟนมากกว่า
แต่เพราะอาจจะยังโกรธแค้นอยู่  เพราะตอนเสียชีวิตไป  เรื่องราวกับเกดยังสดๆร้อนๆอยู่
ถ้าก้อยจะตายไปแบบนั้น ก็คงจะยังยึดเหนี่ยวอารมณ์แค้นเกดไว้เป็นสิ่งสุดท้ายด้วยเช่นกัน  และวิญญาณของก้อยเลยมาแสดงออกต่อเกด  ด้วยการเข้าฝัน  แต่คงทำอะไรไม่ได้มากกว่า นอกจากกวนไม่ให้เกดได้หลับสบาย


.....เกดก็ไปทำตามในส่วนแรก  และไปบวชชีพราหมณ์ที่วัดถ้ำสุมโน3วัน  พอ เกดกลับมา สภาพเกดดูดีขึ้น
เกดมาเล่าให้ฟังว่า   เกดไม่ฝันเห็นก้อยเลยตั้งแต่ไปบวชชีพราหมณ์   วิญญาณของก้อยคงหายโกรธเธอแล้ว
ดิฉันก็ดีใจด้วย  และคิดว่าก้อยคงจะหายโกรธเกดจริงๆ  เพราะอาจจะเห็นในความตั้งใจของเกด  เพราะเกดไม่เคยทำอะไรแบบนี้เพื่อใคร

......ส่วนเงาหน้าห้องของดิฉัน  ก็ไม่มีมาปรากฏให้เห็นเลย   เราก็ใช้ชีวิตของเราไปตามวิถีทางของนักศึกษาอย่างสงบ
มีกิน มีเล่น มีเที่ยวบ้าง  ข้าวของ ที่เป็นของก้อย  ดิฉันเก็บมันใส่ไว้ในตู้อย่างดี  เพื่อเตือนใจว่า
ครั้งนึงเราเคยมีเพื่อนคนนี้นะ   และคิดว่าป่านนี้วิญญาณของก้อยคงจะหายแค้นได้แล้ว

..............................แต่......................................................
..........  จำปีก็โทรมาบอกดิฉันว่า   ไอ่เกดขับรถชนต้นไม้ เข้าโรงบาลที่หาดใหญ่ ไปเยี่ยมมันไม๊
ดิฉันพากันไปเยี่ยมมัน  ในฐานะที่เคยเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน  ก็เลยพากันไปที่โรงบาลหาดใหญ่
โชคดีที่มันไม่เป็นอะไรมาก  แค่คิ้วแตก  กระดูกข้อเท้าเคล็ด  กับแผลถลอกเต็มตัว  พอเจอหน้ากัน  ก่อนจะกลับ
เกดก็เปรยกับดิฉันว่า

      “ไอ่ก้อยมาเอาคืนกุแน่ๆ”

      “มืงขับรถไม่ดีเอง  เกี่ยวไรกับมัน อย่าไปโทษมันต่ะมืง”

       “ก็กุเห็นไอ่ก้อยนั่งซ้อนท้ายกุทางกระจกมองหลังนิหยกกุถึงตกใจจนขับเสยต้นไม้”

      “กุเคยบอกแล้ว  มันจะเอาคืนมืง  นี้มันก็คงเอาคืนแล้วไง ดีแล้วแค่เจ็บไม่ถึงตาย อ่อ ..ไอ่ก้อยติดเงินมืงอยู่2000
ใช่ไม๊......มืงก็อธิษฐานถึงมัน  กล่าวยกหนี้ให้มันเสียก็ดีนะ  ได้ไม่มีไรมาติดค้างกันอีก”

     “อืม ได้ “

.....ดิฉันได้แต่นึกถึงก้อยในใจ  ว่าพอแล้วนะก้อย  เลิกจองเวรไอ่เกดได้แล้วนะ
เลิกอาฆาต  วิญญาณมืงจะได้สงบ  กุจะคอยทำบุญไปให้มืงนะก้อย

.....ผ่านไปอีกหลายวัน  คืนนั้นดิฉันนอนหลับแล้วฝันเห็นก้อย....
ก้อยมานั่งอยู่ที่ปลายเตียง   ในชุดนักศึกษากระโปรงยาวนั่นแหละ
ติดกิ๊ฟตัวที่อยู่ในห้องด้วย  ในฝันดิฉันเรียกชื่อก้อย
แต่ก้อยไม่พูดอะไร  หันมายิ้มให้  แล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปทางประตูหลังห้อง

.....และนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย  ที่ดิฉันฝันเห็นก้อย และก็เป็นการฝันเห็นในสภาพคนปกติ
ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครฝันเห็นก้อยอีกเลย  คล้ายๆว่าก้อยจะมาบอกลา  แต่คงพูดกันไม่ได้  เลยได้แค่มานั่งยิ้มให้
แล้วลุกเดินออกหลังห้องไปเงียบๆ  ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้  ก้อยมันจะไปทำอะไรอยู่
อาจจะไปตามภพภูมิที่กรรมกำหนด  หรือไปชดใช้กรรมอยู่ที่ไหนสักที่  หรืออาจจะกำลังเฝ้ามองพวกเราอยู่ห่างๆ

.....และตอนนี้ดิฉันก็มีสมาชิกใหม่เข้ามาในกลุ่มแล้ว  เป็นน้องรหัสผู้หญิง  หน้าตาสวยทีเดียว  ดิฉันเทคแคร์ พาไปไหนมาไหนด้วยกันในสงขลา  พาไปเลี้ยงข้าว เลี้ยงไอติม  แม้แต่ หวี  กิ๊ฟติดผม  รองเท้า  น้ำหอม  กระจก  เสื้อ กระโปรงนักศึกษา ดิฉันก็ยกให้น้องหมด  เพราะน้องใส่ได้พอดี  เป็นไงคะ ดิฉันเป็นพี่เทคที่ใจดีใช่หรือเปล่า  มีอะไรยกให้น้องหมดเลย
คงไม่ต้องถามนะคะ  ที่ยกให้น้องไป  เป็นของใคร  เหอๆๆๆๆ สวัสดีค่ะ  จบละ

เรื่องจากพันทิป  ศัตรู____มิตรภาพ___อาฆาต_____ความตาย
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3341624

ไม่มีความคิดเห็น