แต่ปางบรรพ์....ผู้ชดใช้กรรมกับคำทำนาย ที่ไม่มีทางหลีก


      เรื่องราวจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 3341624 สาวสวยจากพัทลุง  นักเล่าจากแดนทักษิณผู้มีสัมผัสสยอง มีเรื่องราวความสยองจากภาคใต้ มากมายโปรดติดตามผลงานและเรื่อง "แต่ปางบรรพ์....ผู้ชดใช้กรรมกับคำทำนาย ที่ไม่มีทางหลีก" เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องจริง!!!! ขอขอบคุณเรื่องราวสยองไว ฌ ที่นี้ด้วย


....ฝนครึ้มๆที่สงขลา  กระทู้นี้ขอเขียนอะไรๆที่ดูจริงจังหน่อย  ปกติชอบเขียนแนวปนขำๆ....แต่มันประสบการณ์ตรงของเรานะ...

….คุณเชื่อเรื่องกรรมไหม.... กรรมที่หมายถึงผลจากการกระทำ...
แล้วคุณเชื่อเรื่องการเวียนว่าย  กลับชาติมาเกิดเป็นอนันต์ชาติไหม..คุณเชื่อในคำทำนายทายทักหรือเปล่า..???..
หากไม่เชื่อ และมองว่ามันคือเรื่องไร้สาระ  วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้   ก็ไม่มีเหตุผลกลใดที่ท่านจะอ่านกระทู้นี้ให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจในหัวจิต   เพราะมันไม่มีประโยชน์ใดๆ นอกจากการเสียเวลาไปเปล่าๆ
แต่หากคุณเชื่อหรือกำลังความคิดครึ่งๆกลางๆขอจงอ่านมันเพื่อทราบไว้ก็แล้วกัน

......เมื่อตอนสมัยวัยรุ่น ม.ต้น    ดิฉันเคยไปบอกพ่อ  เรื่องดิฉันไม่อยากมีสัมผัสที่6  พอจะหาวิธีแก้ได้หรือเปล่า  ดิฉันทรมานกับการต้องรับรู้  ต้องสัมผัสกับคนที่ไม่มีร่างกายบ่อยๆ  จนเหมือนดิฉันจะกลายเป็นบ้าไปเสียเอง  ดิฉันอยากจะเป็นเช่นคนปกติ  ที่ใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องรับรู้ว่า  ตรงนั้นมี  ตรงนี้มี  และเค้ามองเราอยู่

......ความเป็นพ่อที่รักดิฉันมากของพ่อ  ทำให้พ่อดั้นด้นไปตามสำนักดังๆ   เกจิที่ใครบอกว่าขลัง  พ่อก็จะพาขึ้นรถไปหาทั่วทั้งนคร  พัทลุง ตรัง  พ่อพาไปมาหมดทุกที่  แต่พอบรรดาท่านๆเหล่านั้นได้สบตาดิฉัน  พร้อมๆกับการเอาวันเดือนปีเกิดไปผูกดูแล้ว  ต่างก็ส่ายหน้า  บอกเด็กคนนี้มันมีกรรมผูกติดหลังอยู่  ให้ต้องเป็นแบบนี้จนกว่าจะตาย  แก้ไม่ได้หรอก

.....แม่เคยเล่าว่า  สมัยก่อนนั้นพ่อเป็นคนหัวรั้น   นักเลง  ไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้หรอก  พ่อเป็นผู้ชายที่เคยชี้หน้าด่าพระธุดงค์รูปหนึ่งมาแล้ว  เมื่อตอนที่ดิฉันกับพี่สาวฝาแฝดอายุได้เกือบๆ5ขวบ
แม่ว่าตอนนั้น  มีข่าวบอกต่อๆกันในหมู่บ้าน  ว่ามีคนไปเจอพระธุดงค์  แบบธุดงค์ในป่าจริงๆ มาปักกลดอยู่เชิงเขา  ฝั่ง อ.ชะอวด  ใกล้ๆน้ำตกหนานสวรรค์

…..บ้านของดิฉันอยู่ฝั่ง อ.ป่าพะยอม ของพัทลุง  แม่ก็รบเร้าให้พ่อพาไปถวายข้าวปลาแด่พระธุดงค์รูปนั้น  เพราะแม่เป็นคนที่ไม่ค่อยไหว้พระตามวัด  แม่บอกว่าพระตามวัดนั้นอยู่สบายแล้ว  และวัตรปฏิบัติก็หย่อนยานเกินไป  แม่เลยไม่ค่อยถูกใจที่จะทำบุญกับพระตามวัดเท่าไหร่  พอรู้ว่ามีพระธุดงค์มาในป่า ผ่านมาใกล้ แม่เลยรบเร้าให้พ่อพาไป

.....ตอนนั้น พ่อยังพูดคุยกับแม่เหมือนคู่รักปกติ  รักกันดี  พอแม่รบเร้า  พ่อที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรในเรื่องการไหว้พระนัก  ก็จะเหน็บแนมแม่ว่า ไร้สาระหรือเปล่า  ทำมาหากินเถอะ  แต่สุดท้ายก็ยอมพาไป  พ่อมีมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ๆตัวถังน้ำมันใหญ่
พ่อก็จะเอาพี่สาวฝาแฝดดิฉันนั่งบนนั้นข้างหน้าพ่อ  ส่วนตัวดิฉันก็จะนั่งตรงกลางระหว่างแม่กับพ่อ
ขับไปตามถนนเลียบอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส  ขึ้นไปทางน้ำตกหนานสวรรค์ที่อยู่ฝั่ง อ.ชะอวด  และถนนเส้นนี้ก็จะข้ามไปบ้านในเตา  ฝั่ง อ.ห้วยยอด  จ.ตรังได้ด้วยในปัจจุบัน  เส้นทางน่าหวาดเสียวมาก เพราะไต่เขาและถนนแคบ  คนไม่ค่อยรู้หรอกว่าข้ามไปตรังจากพัทลุงได้  ที่เส้นทางนี้เช่นกัน

.....พ่อเอารถมอเตอร์ไซค์ไปจอดที่น้ำตกหนานสวรรค์ แล้วก็ถามคนแถวนั้นถึงพระธุดงค์  ตามเจตจำนงของแม่  พอรู้จุด พ่อก็หิ้วปิ่นโต ดอกไม้ธูปเทียนนำหน้า  แม่ก็กระเตง อุ้มดิฉันไว้ข้างเอว  พร้อมๆกับจูงมือพี่สาวฝาแฝดดิฉันเดินตามพ่อ  จะไปเจอจุดที่พระธุดงค์องค์นั้นอยู่   จริงๆดิฉันจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้แค่ลางๆ จำได้แค่ว่าเคยเจอพระธุดงค์ตอนนั้น   ก็ฟังซ้ำจากแม่เล่าให้ฟังมาอีกทีเมื่อตอนโต

.....แม่ก็ถวายอาหาร  พร้อมดอกไม้  ท่านก็รับไว้  แต่ดูเหมือนท่านจะรับไว้เพื่อเป็นพิธีมากกว่า  เพราะดูจากของที่วางๆอยู่  คงมีคนเข้ามาถวายมากมายอยู่  ส่วนพ่อก็นั่งอยู่ไม่ไกล  แม่ก็สนทนาถามไถ่  ว่าท่านมาแต่ไหน  จะไปไหน
พระธุดงค์รูปนั้นก็บอกว่า  ท่านธุดงค์มาแต่ชุมพร  ธุดงค์มาตามป่าเขาแบบนี้  เพื่อไปให้ถึงยะลา
แม่คุยอยู่สักพักใหญ่ๆ ไม่รู้นึกยังไง  อุ้มทั้งดิฉันและพี่สาวฝาแฝด  ไปนั่งด้านหน้า  ให้ท่านช่วยดูดวงชะตาให้  ท่านก็ว่า
ท่านไม่ใช่หมอดู  ท่านเป็นพระปฏิบัติ  ไม่อยากให้มางมงายกัน  แต่แม่ก็เซ้าซี้  เพราะแม่เชื่อในพระธุดงค์ตามป่าลงตับ  ตามความเชื่อของชาวป่าที่ว่า  ถ้าพระรูปใดธุดงค์อย่างยากลำบากมาตามป่าได้โดยลำพัง  แปลว่าต้องมีดีพอตัว ไม่งั้นคงมรณภาพกลางป่าเสียแน่แท้

.....พอเจอการเซ้าซี้จากแม่  ท่านก็นั่งดูดิฉันกับพี่สาวฝาแฝด  แม่บอกท่านจ้องตานิ่งมาก  ก่อนที่ท่านจะเอ่ยคำทำนายออกมาชนิดที่พ่อเต้นผางชี้หน้าด่าเลยทีเดียว  ท่านเอ่ยออกมาว่า

“เด็ก2คนนี้  มีกรรมแต่ปางก่อนมาร่วมกัน   กรรมจะตัดรอนให้เหลือเพียงหนึ่ง  พึงระวังอย่านำพาไปให้พ้นจากป่าพะยอมและชะอวดก่อน9ขวบ “

แม่ตกใจ แต่พ่อเต้นผางโดดผึงยืน ชี้หน้า  หาว่าพระธุดงค์ท่าน เป็นพระ มาทำนายแช่งชักกันได้อย่างไร  แม่ว่าพระท่านไม่ตอบโต้ได้เพียงเงียบใส่  ก่อนที่พ่อจะลากแม่กลับอย่างไม่พอใจ   นั่นคือสมัยที่พ่อยังไม่เชื่อในสิ่งพวกนี้

.....แต่เมื่อแม่พาพี่สาวฝาแฝดดิฉันจะไปหาตากับยาย ที่ อ.ศรีบรรพต  โดยลืมคำทำนายของพระรูปนั้นไป  เพราะพ่อต่อว่าแม่อย่าไปสนใจ  พระธุดงหรือพระธุเดาส่งเดช  แม่เลยคล้อยตามพ่อ  พาพี่สาวฝาแฝดล่วงแดนเข้าสู่ อ.ศรีบรรพต บ้านตายาย
ผลที่ได้รับคือเป็นไปตามคำทำนายของพระธุดงค์รูปนั้น   อุบัติเหตุจากการถูกรถชน  เข้ามาพรากชีวิตพี่สาวฝาแฝดดิฉันไป  จนทำให้พ่อโกรธแม่อย่างหนักหนา  ไม่เสวนากับแม่จนทุกวันนี้ถ้าไม่จำเป็น

....พอเหตุการณ์  ออกมาตรงตามคำทำนายนั้น  พ่อก็กลายมาเป็นคนที่เชื่อในเรื่องลี้ลับ  ลึกลับพวกนี้ขึ้นมา  เพราะได้ยินมากับหูและรู้มากับตา  ยิ่งพอดิฉันกลายมาเป็นคนมีสัมผัสสิ่งลี้ลับ  พอดิฉันไปบอกพ่อ ว่าอยากหาย  ไม่อยากเห็น  พ่อย่อมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกตามต้องการ  มีข่าวร่างทรงฤาษีตนนึงที่นคร  ว่าท่านเก่งนัก  แก้ปัญหาผีสางได้สารพัด  แต่ท่านมักจะหลบอยู่ในป่าเป็นหลัก  นานๆจะออกมา พ่อก็พาดิฉันดั้นด้นไปพบจนได้

....ท่านฤาษีที่ไปเจอที่ทุ่งสง   ท่านแตกต่างจากที่เคยเห็นในละครค่อนข้างเยอะ  ดูแก่ๆ แต่ไม่ได้สวมเครื่องทรงอะไรที่ดูเป็นทางการ  นุ่งผ้าเก่าๆมอๆ  สภาพเหมือนไม่ซักมาสักครึ่งปี  ท่านบอกท่านปฏิบัติสมาธิอยู่ในป่า  ที่ออกมาเพื่อมารับถวายอาหาร  และช่วยคนที่กำลังทุกข์ก่อนจะกลับเข้าป่าไป  ตอนนั้นดิฉันก็ยังไม่ค่อยมั่นใจนักหรอก  ว่าท่านจะเป็นของจริง


....แต่ดิฉันจำได้ว่า พอดิฉันสบตาท่าน  เมื่อพ่อเรียกให้เข้าไปหา  ท่านก็พูดออกมาดังๆได้ยินกันทั่ว6-7คนที่อยู่ตรงนั้นว่า

“ไม่ต้องเข้ามา  อิหนูอีกคนที่ตามมาด้วย  อยู่ตรงนั้นมันก็ร้อนทรมานแล้วนั่น  นั่งตรงนั้นแหละ”

ดิฉัน ตกใจ  ที่ท่านรู้ ว่าดิฉันมีวิญญาณพี่สาวฝาแฝดคอยตามอยู่  ดิฉันจึงเชื่อ ว่าท่านคือของจริง
ท่านก็สนทนาต่อไปว่า

“ตกใจหรือ  ไม่ต้องตกใจ เราก็คล้ายๆกันนั่นแหละ  เห็นอะไรที่คนอื่นเค้าไม่เห็น  แต่ช้าน ฝึกจิต จนไม่ต้องนั่งเพ่งก็มองเห็นแล้ว  ถ้าเธอฝึกแบบช้าน เธอก็อิเห็นเหมือนกันนี้และ”

   “แต่นุ้ยไม่อยากเห็นค่ะ  นุ้ยทรมาน  มีวิธีที่จะทำให้มันหายไปหม้ายคะ”

  “ช้านช่วยเธอม่ายด้าย  มันเป็นกรรมแต่ปางก่อนของเธอ  กรรมของใครของมัน แต่ช้านแนะนำให้เธอได้แค่บางอย่าง”

พ่อก็ถามขึ้นมาว่า ตัวดิฉันมีกรรมอะไร  ในเมื่อวัยดิฉันเพียงเท่านี้  ไม่เคยทำตัวเลวๆใส่ใคร กรรมมาได้ไง

ท่านก็พูดขึ้นว่า


  “เธอว่าคนเราเกิดมานี้  เกิดมาแล้วกี่ภพชาติ  กรรมมีทั้งดีและเลว  กรรมดีส่งผลดี  กรรมผีส่งผลร้าย  กรรมตายก็ส่งให้คนตาย  กรรมชิUหายก็ทำให้วอดวายถึงชีวี”

  ....ดิฉันนั่งนิ่งฟัง  มีแต่พ่อที่ดูกระวนกระวาย  ท่านฤาษีเหมือนจะเข้าใจดีในความกระวานกระวายของพ่อ ก็พูดต่อไปว่า..

“กรรมเกิดมาแล้ว ทำมาแล้ว  ไม่ว่าจะภพชาติไหน  ตายไปเกิดใหม่ที่ไหน  มันก็ตามเราไปทุกที่  กรรมของอิสาวนี้ กับสาวที่ตามเธอมานั้น  เคยก่อกรรมสังหารชีวิตผู้คนมาแต่ปางก่อนร่วมกัน”

   “หนูเป็นแค่ผู้หญิง  หนูจะไปฆ่าใครคะท่าน”

ท่านก็นั่งนิ่ง หลับตานะ  แต่ไม่ได้ขัดสมาธิอะไรแบบพระ  นั่งปกตินั่นล่ะ แล้วคนที่อยู่ตรงนั้นก็นั่งเงียบกันหมด  ไม่มีใครพูดอะไรได้ยิ่นแต่เสียงนกเสียงกา พอท่านลืมตาท่านก็เอ่ยต่อ

“ชาตินี้เธอเสวยชาติในร่างหญิง  แต่ปางก่อนเธอเสวยชาติในร่างชาย  เป็นทหารปกปักษ์ดินแดนศรีธรรมราช-พัทลุงนี้  ฆ่าฟันผู้คนล้มตายไปมากมาย  ถึงเธอตายไป  แม้นจิตใจเธอจะทำเพื่อดินแดน  แต่กรรมนั้นเที่ยงธรรมของมัน  ไม่ได้แยกแยะว่าทำเพื่ออะไร   ฆ่าคือฆ่า  กรรมคือกรรม  ไร้รูปแบบ  “

...ดิฉันนั่งนิ่ง ใจเสีย....

“แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านนี้เมืองนี้  ยังปราณีเธอ   เธอได้เกิดมาบนดินแดนที่เธอเคยปกปักษ์  อารักษ์เทวดาประจำเมือง  ถึงให้เธอมาเกิดเป็นแฝด  ดวงนึงตายชดใช้  ดวงนึงต้องอยู่คอยช่วย คอยรับรู้เรื่องคนตายต่อไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ  ก็ไม่แน่ว่าเธอจะหมดกรรม  แต่จำไว้  หากไม่พ้นเบญจเพส  เธออย่าไปพ้นจากปักษ์ใต้  เพราะเทวดาประจำทิศ  ท่านจะตามไปปกปักษ์เธอไม่ได้  เธออย่าได้ขวนขวายพยายามจะหาทางแก้เลย  โรคกรรม มันแก้ไม่ได้   ทำได้แค่น้อมรับและชดใช้ต่อไป”


....คำทำนาย และคำเตือนจากท่านฤาษี  ทำดิฉันใจเสีย  เกิดความรู้สึก ทำไม  มันไม่ยุติธรรมเลย  จบชาติไปแล้ว  มันควรจะจบสิ้นแค่นั้นไม่ได้หรอ   ทำไมยังตามมาต่อ  ดิฉันไม่รู้หรอกว่า  ทำไมตอนตายจากชาติก่อนมา  ดิฉันน่าจะลงนรกชดใช้หมดแล้วนี่  นี่มันยุคไหนแล้ว  หากดิฉันนั่งไล่เรียงว่าชาติก่อน ดิฉันควรจะเกิดในยุคไหนของนครศรี  มันก็ควรจะเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วหรือเปล่า ถ้านรกมีจริง  เวลานานขนาดนี้ในนรก  มันควรจะใช้หมดไปแล้วหรือเปล่า   ทำไมยังต้องขึ้นมาชดใช้ต่ออีกล่ะ  ถ้าจำได้ก็คงดีสิ  ว่าพอตายไปในชาติที่แล้ว  ดิฉันไปที่ไหนมาบ้าง  แต่มันจำไม่ได้เลย...


.....ดิฉันจำได้ว่าเราจบการสนทนาเพียงเท่านั้น  เพราะท่านฤาษีต้องกลับเข้าป่า  พ่อเดินมาโอบกอดดิฉันแล้วพาเดินออกมา  พ่อหอมลงบนศีรษะ  แล้วปลอบใจว่า


   “ม้ายเป็นไหรน๊าลูกเห้อ   พ่ออยู่ข้างๆนุ้ยตลอดน๊า  อย่าคิดมากแรง”


พ่อพาดิฉันแว้นกลับจากทุ่งสงด้วยบิ๊กไบค์โบราณคันโต  ดิฉันนั่งกอดพ่อมาตลอดทาง  รู้สึกอบอุ่นมาก   มองข้างทางด้วยความรู้สึกคุ้นเคย  ทั้งๆที่ไม่เคยมา  ยิ่งพอได้คิดว่า  แต่ปางก่อน  เราเกิดเป็นคนปกปักษ์แผ่นดินนี้จริงๆหรอ  เคยฆ่าคนไปมากมายจริงๆหรอ  แล้วใต้แผ่นดินที่รถกำลังวิ่งอยู่นี่หล่ะ  ทับถมกันอยู่กี่ศพ  คนสมัยก่อนรบกันด้วยหอก ดาบ  คงน่าหวาดกลัวน่าดู  ขนาดแค่แผลมีดฟันเล่มเล็กๆในยุคนี้ยังน่ากลัวเลย  พอคิดก็ได้แต่ตื้นตันใจ   บรรพบุรุษเราเก่งเนอะ
ที่ครอบครองแผ่นดินไว้ให้เราได้ตั้งกว้างใหญ่ด้วยหอกและดาบ    มันคงไม่ง่ายเลย  ที่จะปกปักษ์ดินแดนที่รายล้อมไปด้วยศัตรูจากทะเลขนาบสองด้านแบบนี้    ให้เราไปทำคงไม่มีปัญญาแน่ๆ

....มันน่าตลกตรงที่  ตั้งแต่ดิฉันเกิดมา จนตอนนี้อยู่ปี3 แล้ว ยังไม่เคยได้ไปพ้นจากดินแดนด้ามขวานเลย  เพราะคำทำนายคำทักของท่านฤาษีตนนั้น   มันจะมีอยู่อีกไหมบนแผ่นดินไทยนี้  ที่อายุ20กว่าปี  แต่ไม่เคยไปกรุงเทพเลยสักครั้งแบบดิฉันคนนี้

....ตั้งแต่นั้นมา ดิฉันไม่คิดไปสรรหาวิธีที่จะให้สัมผัสที่6หายไปอีกแล้ว  ดิฉันน้อมรับกรรมนั้นแต่โดยดีไปตามวิถีชีวิต  เข้าวัดฝึกสมาธิบ้างตามแต่โอกาส  ที่ชอบไปมากคือวัดถ้ำสุมโน  เพราะเป็นสถานที่ฝึกจิตที่เงียบสงบดีเหลือเกิน  ไปทีไรก็รู้สึกชุ่มเย็นใจ  หากคิดในแง่ดีแล้ว  การที่ดิฉันสัมผัสอะไรแบบนี้ได้  มันก็มีส่วนดีเหมือนกัน  ตรงที่ดิฉันได้รู้แน่ชัดแล้วว่า  การตายไม่ใช่การจบ  แต่มันคือการเปลี่ยนบทบาท ไปสู่อีกภพ  รอวันที่จะต้องกลับมาชดใช้มันใหม่  วนเวียนเปลี่ยนไปตามชาติสภาพที่จะได้รับอีกครั้ง  ความตายก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนะ  เราไม่ได้หายไปไหน  เรายังคงอยู่ บนโลกนี้นี่เอง
พอมานั่งคิดๆถึงตัวเองทีไรก็มีแอบตลก  แต่ปางก่อนดิฉันเป็นผู้ชายงั้นหรอ  ก็ถึงว่าสิ  ทำไมชอบผู้ชายยากจัง นะเรา
คนที่เข้ามาหาก็ตายไม่ก็วอดวายเข้าข่ายดวงกินผัวยังไงไม่รู้


......เหตุผลที่ชอบมาเล่าเรื่องผีลงพันทิป  ดิฉันก็หวังแค่  อยากให้คนเชื่อเรื่องผี  แต่ไม่ใช่เอาไปเชื่อแบบงมงายนะคะ
เชื่อเพื่อให้คิด   เพื่อเอามาเตือนใจตัวเองค่ะว่า  คนเราตายแล้ว  ไม่ใช่มันจบสิ้นแค่นั้น   ยังต้องไปชดใช้กรรมต่อในภพอื่น อาจจะยาวไปถึงชาติหน้า แบบที่ดิฉันกำลังพบเจอนี่หละค่ะ  ไม่ได้จะมาเล่าเพื่อโฆษณาอะไร  แค่อยากโฆษณาเรื่องกรรม  ค่ะ  ว่าเป็นเรื่องจริงแท้  แม้ไม่เห็นชาตินี้  ก็ยังมีต่อชาติหน้า  แล้วคนเราก็ไม่ใช่ว่า จะเกิดมาในสภาพเดิมๆทุกชาติไป   เป็นชาย ก็อาจกลายเป็นหญิง  เป็นคนก็อาจตกไปเป็นหมาเป็นแมว  ได้เช่นกัน  เปรตนั้นก็เป็นภพนึงของโลกเช่นกัน

....หากสวรรค์ คือสถานที่ ที่มีความสบายที่สุด   และนรก  คือสถานที่ที่มีแต่ความทุกข์ทรมาน  โลกของเรานี้ก็คงเป็นภพที่อยู่ตรงกลาง  เพราะมีทั้งความสบายและความทุกข์ปนๆกันไปอย่างที่คุณสัมผัสมันได้ด้วยตา   และก็เป็นสถานที่ให้คุณเตรียมความพร้อมไปสู่โลกหน้าได้เช่นกัน  อยู่ที่คุณว่าจะเลือกทางไหน  หากมั่นใจว่าชีวิตสิ้นสุดแค่หยุดลมหายใจ  อยากทำอะไรก็จงทำไป  ไม่ต้องเชื่อในพระเจ้า หรือศาสดาองค์ใดค่ะ  เพราะกรรม  มันไม่สังกัดศาสดาใดๆ และกรรมจะตอบสนองผู้กระทำ อย่างเที่ยงธรรมเสมอ  ไม่มีปราณี  อยู่ที่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด...........สวัสดีค่ะ

เรื่องจากพันทิป  แต่ปางบรรพ์....ผู้ชดใช้กรรมกับคำทำนาย ที่ไม่มีทางหลีก
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3341624

ไม่มีความคิดเห็น