แม่จ๋ามารับหนูที
เว็บเเทงบอลออนไลน์
"เด็กหญิงจูดี้ขี้บ่น" นักเล่าเรื่องสยองขวัญสมาชิกพันทิป เสนอเรื่อง "แม่จ๋ามารับหนูที" โดยเจ้าตัวยืนยันว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง โปรดติดตามเรื่องราวของ "เด็กหญิงจูดี้ขี้บ่น" และขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเองนะคะ
ถึงแม้จะไม่เห็นผีตัวเป็นๆ แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากเหตุการณ์นั้น...มันรุนแรงมาก
มากจนถึงขนาดว่า...เราจะนอนที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
----------------- ---------------- -----------------
หลังจากรายการทีวีรายการหนึ่งประกาศว่าจะจัดคอนเสิร์ตที่ห้างเซนทรัลเวิร์ล จูก็ไม่รีรอที่จะรีบซื้อตั๋วทันที
ด้วยความที่ไม่อยากรบกวนเพื่อนเลยไม่ได้รบเร้าเพื่อนคนไหนให้ซื้อตั๋วไปดูเป็นเพื่อน
หรือแม้กระทั่งไม่ได้คิดจะที่ขออาศัยหอ ห้องพัก หรือบ้านเพื่อนคนไหนเลย (จูอยู่ต่างจังหวัด)
ดังนั้น หลังจากได้ตั๋วแล้ว จูจึงหาโรงแรมจาก Agoda ใช้หลักเพียงว่า ราคาไม่แพง อยู่ใกล้ห้างเซนทรัลเวิร์ล
และแล้วจูดี้ก็จองโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งราคาไม่ถึงพันค่ะ ดูจากการประมาณกิโลเมตรในแผนที่แล้ว ก็ไม่ไกลเท่าไหร่
จะนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือเดินเอาก็คงพอไหวค่ะ
- ออกเดินทาง 1 วันก่อนการแสดงคอนเสิร์ต -
ไม่ว่าจะเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ ข้ามน้ำข้ามทะเล...ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่จูจะรู้สึกเหมือนวันนี้
ความรู้สึกคือ "อย่าไปเลย....กลับบ้านเถอะนะ....อย่าไปเลย"
แม้ความรู้สึกจะบอกถึงขนาดนี้แล้ว แต่จูก็ยังด้นดั้นไปที่กรุงเทพเพื่อไปชมคอนเสิร์ตนี้เพราะจ่ายเงินทุกอย่างไปหมดแล้ว
ความรู้สึกนี้มีตลอดทางจนถึงกรุงเทพเลยล่ะค่ะ
- แม่เป็นห่วง -
พอถึงกรุงเทพ เราก็ไลน์หาแม่เลยค่ะว่าถึงแล้ว เพราะกลัวท่านจะเป็นห่วง
และก็คิดไม่ผิดจริงๆ หลังจากที่แม่อ่านข้อความแล้ว แม่รีบโทรหาเราทันที
แม่: ถึงกรุงเทพแล้วเป็นยังไงบ้าง ไม่หลงทางใช่มั๊ย
จู: สบายมากเลยแม่ นั่งรถไฟฟ้ามาลง แล้วต่อมอไซค์รับจ้างอีกนิดก็คงถึงแล้ว
แม่: เหรอ....ดูแลตัวเองดีๆนะ แม่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย ถึงโรงแรมแล้วบอกแม่ด้วยนะว่าโรงแรมเป็นยังไง
หรือหนูจะให้แม่โทรหาเพื่อนแม่ ไปนอนบ้านป้าเค้ามั๊ย แล้วพรุ่งนี้ค่อยให้ป้าเค้ามาส่งที่ห้าง
จู: หนูไม่เป็นไรหรอกจะแม่ หนูโอเค เดี๋ยวถึงโรงแรมแล้วหนูไลน์หานะจ๊ะ
แม่: ถ้ามีอะไรรีบโทรหาแม่นะ
จู: จะ ไม่ต้องเป็นห่วงน้า จะรายงานเป็นระยะๆเลย
- เช็คอิน -
หลังจากเดินผ่านแหล่งที่ผู้คนเดินกันขวักไขว่หน้าห้างเซนทรัลเวิร์ลแล้ว
ตอนนั้นก็เวลาประมาณเกือบ 3 ทุ่มเข้าไปแล้ว สิ่งที่มีในมือคือใบจองห้องพัก
รู้แค่เพียงโรงแรมชื่ออะไร อยู่ซอยที่เท่าไหร่ แค่นั้นเลย
ถ้าจะเดินแบบไม่รู้ปลายทางแบบนี้ คืนนี้คงจะหาโรงแรมไม่เจอ
เราเลยจ้างตุ๊กๆให้ไปส่งที่ซอยที่ว่าค่ะ
ซอยนี้แคบมาก มากแค่รถยนต์ 1 คันเล็กๆวิ่งได้ เรามองตามป้ายเพื่อหาป้ายโรงแรม
มีโรงแรมมากมายในซอยเล็กๆแห่งนี้ และมีทั้งใหม่และเก่า
ได้แต่หวังในใจว่าโรงแรมที่เราเลือกก็คงจะใหม่อยู่ เพราะดูรูปใน Agoda แล้วใช้ได้
นั่งมาเรื่อยๆจนเจอป้ายโรงแรมก็รีบบอกให้พี่เค้าหยุด และทำการจ่ายเงินไป
ป้ายโรงแรมอยู่ที่ปากซอยเล็กๆในซอยนั้นแหล่ะค่ะ
เราต้องเดินเข้าไปข้างในอีกนิดหน่อย
ปากซอยมีร้านเสริมสวย ซอยนี้คนไม่พลุกพล่าน
มีผู้หญิงนั่งเรียงรายกันแถวข้างทาง (ลักษณะเหมือนรอใคร......)
แต่เราก็ไม่ได้สนใจ เดินต่อไปจนเจอกับโรงแรม
เมื่อเปิดเข้าไป โรงแรมนี้ก็ไม่ต่างจากโรงแรมอื่นๆทั่วไป
มีชายคนหนึ่งเดินมาต้อนรับ พร้อมกับถามว่าได้จองไว้หรือไม่
เราจึงส่งเอกสารการจองให้เขาไป
หลังจากเขาจัดการเรื่องเช็คอินให้เราเสร็จ เขาจึงหยิบกุญแจแล้วแจ้งว่าจะพาเราไปยังห้องพัก
- ใช้ได้ทุกอย่าง...เชิญตามสบายเลยนะครับ -
เขาพาเราเดินขึ้นบันไดหินอ่อน (ลายออกแนวบ้านคนจีนโบราณอ่ะค่ะ) ขึ้นมายังชั้น 3
มองดูแล้วชั้นนี้มีห้องทั้งหมด 6 ห้อง มีไฟทางเดิน 2 ดวง ดวงแรกอยู่ใกล้บันไดที่เราขึ้นมา
ส่วนอีกดวง อยู่สุดทางเดิน ลักษณะห้องพักด้านนอกทำเราแปลกใจอยู่ไม่น้อย
แต่ละห้องจะมีหน้าต่างบานเกล็ดสองบาน บานเล็กเท่ากับหน้าต่างระบายอากาศในห้องน้ำ อยู่ข้างๆประตูห้อง
ไม่มีห้องไหนเลยที่เปิดไฟ มันให้ความรู้สึกที่ว่า...ทั้งชั้นเนี่ย ชั้นอยู่คนเดียวใช่ป่าวว้า
แกร๊กๆๆ ...... สิ้นเสียงไขประตู พนักงานก็รีบเข้าไปเปิดไฟในห้อง
เรารีบเดินตามเข้าไป เผื่อมีอะไรหักหรือพัง จะได้บอกให้เขาเปลี่ยนให้ได้
ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าห้องดี เขาก็รีบเปิดไฟในห้องน้ำ แล้วก็บอกด้วยความเร็วว่า
" ของทุกอย่างในนี้ใช้ได้หมดนะครับ ทีวี แอร์ ห้องน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่น หากมีอะไรก็กด 0 โทรลงไปได้
อันนี้กุญแจของคุณครับ"
แล้วเขาก็รีบเดินจากไป........
- แก้วเป๊กในห้องน้ำ -
หลังจากที่พนักงานเดินจากไป.....ความรู้สึกวูบแรก
"ปิดประตูสิ! ข้างนอกน่ากลัวกว่าข้างในเยอะ"
พอรู้สึกแบบนั้น ร่างกายก็รีบตอบสนองสั่งให้จูรีบปิดประตูห้องทันที
จูมองไปที่หน้าต่างบานเกล็ด หน้าต่างสองบานนั้นสูงจากพื้นประมาณ 170 เซน
ในขณะที่จ้องหน้าต่างอยู่ จู่ๆก็มีเสียง แกร๊ก........ฟืด..........แกร๊ก..........ฟืดดดดด
เสียงคล้ายกับคนที่เดินไม่ถนัดแต่ใช้ไม้เท้าช่วยเดิน ดังมาจากทางบันได
เสียงเหมือนกับว่ากำลังเดินมาตามทางเดิน
ด้วยความตกใจจึง รีบหมุนบานเกล็ดให้พับปิดลงมา แล้วเลื่อนม่านปิดหน้าต่างทันที
เสียงนั้นสิ้นดังผ่านหน้าห้องไปทางสุดผนังทางเดิน แต่ก็ไม่ได้ยินว่าจะมีเสียงเปิดเข้าห้องไหนแต่อย่างใด
จูเริ่มสำรวจห้องพัก เปิดไฟทุกดวง แล้วลงนั่งที่ปลายเตียง พลางควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้
"มีคนอยู่ข้างหลัง!"
ความรู้สึกนี้มาแรงมาก แรงมากจนเราสะดุ้งตกใจความรู้สึกตัวเอง
จูเงยหน้าขึ้นมา มองตรงไปข้างหน้า เงาสะท้อนจากจอทีวีที่ยังไม่ได้เปิด สะท้อนมาว่าไม่มีอะไร
แต่ขนที่แขนและหลังกลับตรงกันข้าม ขนลุกตั้งขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลสักเท่าไหร่
ไลน์
จู: แม่...หนูถึงโรงแรมแล้ว
แม่: เป็นยังไงบ้างลูก โอเคมั๊ย
จู: รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก คือลักษณะห้องมันก็ปกตินะ แต่หนูรู้สึกแปลกๆอ่ะ เหมือนผิดที่ผิดทาง
แม่: ให้ป้าไปรับมั๊ย แม่ถามป้าแล้ว ป้าเอ็ดใหญ่เลย บอกว่ามาทำไมไม่บอก ไปนอนโรงแรมทำไม
จู: หนูจ่ายเงินไปแล้ว เสียดายอ่ะ เดี๋ยวหนูอาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกินก่อนนะ หิวมากเลย
แม่: มีอะไรให้รีบโทรมานะ โทรศัพท์อยู่ข้างตัวแม่ตลอด
จู: ขอบคุณจะ หนูจะรายงานเป็นระยะนะ
จูเก็บเสื้อผ้าแขวนที่ราว จัดข้าวของ รู้สึกตะหงิดในใจว่านี่ชั้นจะนอนไหวไหมสองคืนเนี่ย
ในห้องนี้ มีความรู้สึกเหมือนเราไม่ได้อยู่คนเดียวตลอดเวลา เหมือนมีใครอยู่ในห้องกับเราอีกหนึ่งคน
ถึงแม้ตาจะมองไม่เห็น แต่ความรู้สึกที่บอกมานั้นแรงมากจริงๆ
จูหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
"อื้อหือ.......ห้องน้ำทำไมเก่าแบบนี้ล่ะ"
สภาพห้องน้ำเก่ากว่าสภาพห้องมาก แปลกมากจริงๆ
ฝักบัวจากสีขาวก็กลายเป็นสีเหลืองล่อนๆ
รอบอ่างล้างหน้าทำด้วยปูที่มีกระเบื้องสี่เหลี่ยมสีเทาปูรอบๆ
มองไปที่ชั้นวางพวกสบู่ยาสีฟันและ.....
แก้วเป๊กแบบนี้วางคว่ำอยู่บนจานรองสองใบ ซึ่งตั้งไว้ที่ชั้นบนสุดของชั้นวางของ
"เอ้ย.......เค้าใช้แก้วแบบนี้แปรงฟันกันเหรอ?"
"แก้วเอาไว้ไหว้อะไรหรือเปล่า?"
ด้วยความกลัวในสิ่งแปลกๆและความรู้สึกตัวเอง จึงรีบอาบน้ำให้เสร็จแล้วรีบแต่งตัวเพื่อออกไปข้างนอกทันที
ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู ก็ได้ยินเสียงคล้ายๆกับเสียงคนตำน้ำพริก
เสียงนี้ดังมากกกกกก เสียงเหมือนมาจากฝั่งตรงข้ามห้อง
เอาวะ! มีเพื่อนอยู่ชั้นเดียวกันแล้ว สบายใจได้แล้วนะ จูคิดปลอบใจตัวเอง
แต่ปรากฏว่า เมื่อเปิดประตูออกไป
ไม่มีไฟห้องไหนเปิดเลยสักห้องเดียว และหลังจากเปิดประตูเสียงตำนั้นหยุดไปครู่นึง แล้วก็ดังต่อ
แต่ลักษณะในการตำเปลี่ยนไป คือตำเร็วและแรงขึ้น
"วิ่งสิครับ รออะไร"
รีบกดล็อคลูกบิดห้อง แล้ววิ่งลงไปชั้นล่างทันที
- ฟรึบ! -
หลังจากเดินหาซื้ออะไรกินแล้ว จูก็กลับมาที่ห้อง
ซึ่งแน่นอนว่ามีความรู้สึกว่าไม่อยากกลับห้องเลย
จำใจต้องกลับห้อง เพราะจะให้เดินต่อก็คงจะเดินไม่ไหว เนื่องจากเหนื่อยมาก
เมื่อเปิดประตูเข้าโรงแรม พนักงานชายคนนั้น ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน
พนักงาน: สบายดีนะครับ?
จู: คะ?
พนักงาน: อ๋อ ไม่มีอะไรครับ โชคดีนะครับ
คำพูดของพนักงานฟังดูพึลึกชอบกล
จูเดินพลางคิดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดอยู่ที่หน้าห้องตัวเอง
พอไขกุญแจแล้วเปิดเข้าไป ....... ความรู้สึกมันบอกว่าใช่เลย
"มีคนอยู่ในห้องจริงๆนะ"
จูเลยรีบเปิดไฟ เผื่อว่าจะเป็นใครมาขโมยของ
แปร๊บ แปร๊บ...... หลอดฟลูออเรสเซนส์กระพริบ แต่กว่าที่หลอดจะติดนั้น
สายตาของจูมองไปที่ปลายเตียง ภาพที่เห็นคือ แว๊บหนึ่งจูเห็นเป็นผู้หญิงชุดสีขาวผมยาวนั่งอยู่ที่ปลายเตียง
เห็นด้วยสายตาของตัวเองเพียงแว๊บไฟกระพริบเดียว พอไฟติดก็ยังทำใจดีสู้เสื้อ มองจ้องไปที่ปลายเตียง
"รีบปิดประตูสิ ข้างนอกน่ากลัวกว่าเยอะ"
เสียงเดิมที่อยู่ในใจที่เคยบอกตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
จูเลยจัดการปิดประตูล็อคกลอน วางอาหารทั้งหมด แล้วรีบถ่ายรูปห้องทันที
เอามือถือถ่ายประตู ถ่ายตรงม่านที่บานเกล็ด ถ่ายโต๊ะวางทีวี เปิดไฟห้องน้ำ ถ่ายห้องน้ำ
ถ่ายที่นอน......แต่จู่ๆไม่รู้ว่าใจคิดอะไร จึงกระชากผ้านวมสีน้ำตาลอ่อนออกมา...
"ผ้าปูที่นอนสีแดง"
เฮ้ย.....โรงแรมทำไมใช้ผ้าปูสีแดงอ่ะ ปกติต้องสีขาวไม่ใช่เหรอ
"น่ากลัวว่ะ" จูสบถกับตัวเองในใจ แต่ก็ยังถ่ายรูปต่อไป แล้วส่งให้แม่และเพื่อนสนิท 1 คน
ไลน์
แม่: ห้องเล็กนะ ไม่มีหน้าต่างเหรอ?
จู: อืม ไม่มีหน้าต่างแบบให้ดูวิวเหมือนที่อื่นเลย มีแต่ไอ้บานเล็กๆสองบานตรงทางเดิน
แม่: ให้ป้าไปรับมั๊ย?
จู: ไม่เป็นไรจะ นอนแล้วนะ ฝันดีจะแม่
แม่: มีอะไรก็โทรมานะ แม่นอนดึก
ไลน์
แอน: เอ้ยแก....นอนคนเดียวเหรอ?
จู: อืมดิ ก็มาคนเดียวนี่หว่า จะได้หาผชที่ไหนมานอนด้วย
แอน: อ้าวเหรอ นึกว่ามากับเพื่อน
จู: เหอะ มาคนเดียวจริงๆ แต่ว่าแก...ช่วยดูให้หน่อยสิ ว่าห้องนี้มีอะไรแปลกๆมั๊ย?
แอน: แกจะต้องนอนกี่คืน?
จู: คืนนี้กับคืนพรุ่งนี้
แอน: พรุ่งนี้คอนเสิร์ตจบกี่โมง
จู: ห้าทุ่มโน่นแหล่ะมั้ง
แอน: งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่เซนทรัลเวิร์ลนะ บ่ายโมง
จู: โอเค ฝันดี
จูปิดไฟ ล้มตัวลงนอนบนที่นอนที่ใจก็ยังคิดว่าประหลาดอยู่
นอนหงายอยู่บนเตียง ความรู้สึกเหมือนกับว่ายังมีใครอยู่ในห้องทำกิจวัตรยังไม่เสร็จ
เสียง แกร๊ก ฟรืด แกร๊ด ฟรืด ดังจากข้างนอกอีกครั้ง.....
" คุณพระคุณเจ้า ที่นี่ที่ไหนกันเนี่ย มันมีอะไร ทำไมเราต้องรู้สึกแปลกขนาดนี้"
จูขยับตัวนอนตะแคงไปทางขวา ด้วยความเคยชิน แต่ทันใดนั้น.......
.......ฟรึ่บบบบบบบบบบบบ..........
มันมีลมวูบมาที่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกเย็น...และที่แย่ไปกว่านั้นคือเตียงยุบตัวลงไป
จูกระโดดขึ้นมา เปิดไฟ แล้วมองไปที่เตียงด้วยความตกใจ
ลมอะไร ตรงนั้นไม่มีแอร์ เพราะแอร์ตั้งอยู่ที่ปลายเตียง เหนือทีวี
เตียงยุบทำไม? ความคิดมีร้อยล้านแปดผุดขึ้นมาในหัว
สติหลุด ขวัญกระเจิง ไปหมดแล้ว
ความรู้สึกที่สัมผัสได้ (แต่ตาไม่ได้เห็นนะคะ) คือมีผู้หญิง คนนั้นแหล่ะคนเดิมที่เห็นตอนไฟกระพริบ....
"นอนยิ้มให้จากบนเตียง"
โทรหาแม่
จู: แม่หนูนอนไม่หลับ มันรู้สึกแปลก หนูเครียด หนูกลัว
แม่: ให้ป้าไปรับมั๊ย?
จู: มันดึกแล้วแม่ ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่แม่ได้เอาอะไรใส่กระเป๋าหนูมาบ้างไหม?
ที่ถามแม่ออกไปอย่างนั้นเพราะแม่มักจะแอบเอาของที่แม่คิดว่าสำคัญใส่กระเป๋าให้ทุกครั้งที่เดินทาง
โดยที่เราก็มักจะไม่รู้ว่าแม่เตรียมไว้ให้
แม่: เปิดซิปช่องข้างๆด้านขวานะลูก มียาคลายเครียดอยู่ กินซะ
จูไม่ใช่คนทานยานอนหลับค่ะ แต่ว่าที่บ้านจะมียาคลายเครียดติดไว้เสมอ
เพราะแม่เป็นคนค่อนข้างเครียดกับปัญหา บางทีแม่จะต้องใช้ยาเพื่อให้นอนหลับ (แต่ก็ไม่บ่อยค่ะ)
แม่: แม่ก็ไม่รู้ทำไมเอายานี้ใส่กระเป๋าให้เหมือนกัน
จู: โอเคค่ะไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูจะกินดู
หลังจากวางหู ก็รีบกินยาหนึ่งเม็ดตามที่แม่บอก
แล้วก็นอนทั้งๆที่เปิดไฟหมดทุกดวงนั่นแหล่ะค่ะ
เราไม่สามารถหลับตาลงได้เพราะความกลัวที่มี แต่สุดท้ายก็เผลอหลับไป
- อย่าโกรธเรานะ -
เช้าวันใหม่เริ่มขึ้น วันนี้คือวันที่จะมีคอนเสิร์ต แต่ความรู้สึกของเราคือ อย่าได้อยู่ห้องไปนานกว่านี้เลย
จึงตัดสินใจรีบอาบน้ำแต่งตัว คว้ากระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกมาจากโรงแรมทันที
ความรู้สึกที่ได้เดินอยู่ข้างนอก หรือแม้กระทั่งแค่หน้าโรงแรม มันช่างแตกต่างจากอยู่ในห้องมาก
เวลาผ่านไปจนกระทั่งบ่ายโมง จูนัดเจอแอนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างเซนทรัลเวิร์ล
แอน: เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม
จู: โหย อย่าให้เล่า กว่าจะหลับต้องกินยานอนหลับอ่ะ ทั้งกลัว ทั้งเครียด อึดอัด
แอน: แต่เค้ามาดีใช่ปะ?
จู: ใคร?........ เอ้ย แกหมายความว่ายังไง?
แอน: อย่าโกรธเราเลยนะ อันที่จริงที่เราพูดไปเมื่อคืน เราก็แอบหวังว่าแกจะเข้าใจแล้ว แต่แกดันไม่ได้สนใจ
จู: แกอย่าบอกนะว่าแกเห็น
แอน: ให้ชั้นพูดก่อนมั๊ยว่าชั้นเห็นอะไร?
ชั้นเห็นผู้หญิง ใส่ชุดขาว ผมยาวสีดำ อยู่ในทุกๆรูปที่แกถ่าย เค้าอยู่ที่นั่นแหล่ะแก
ได้ฟังแล้วจูก็หน้าเสียทันที เพราะใช่ไง ผู้หญิงที่เพื่อนพูด กับสิ่งที่เห็นตอนไฟกระพริบเมื่อวาน คือคนเดียวกัน
แอนพูดไปพลางเปิดรูป แล้วชี้ไปยังจุดต่างๆที่เธอเห็นว่ามีผู้หญิงคนนั้นอยู่ในรูป
แอน: แล้วเค้าก็ยังรอแกกลับห้องอยู่
"........................................................"
จูน้ำตาไหล นึ่ง อี้ง พูดไม่ออก ภาพผุดขึ้นมาในหัวทันที
ภาพที่เธอนั่งอยู่ที่ปลายเตียง ยิ้มรอเรากลับห้อง........ภาพชัดเหลือเกิน
- แม่จ๋ามารับหนูที -
ภาพจากคำพูดของแอนที่ว่า ผู้หญิงคนนั้นนั่งรอเรากลับห้องอยู่ที่ปลายเตียง
ภาพนั้นติดอยู่ในหัวตลอดระยะเวลาที่รอดูคอนเสิร์ต
ในขณะที่นั่งรออยู่นั้น จู่ๆก็มีสายเรียกเข้า ซึ่งเบอร์ที่โทรเข้ามาคือ ....แม่
จู: จะแม่....มีอะไรเหรอ?
แม่: หนูต้องอยู่ทำอะไรที่กรุงเทพต่ออีกหรือเปล่า พรุ่งนี้อ่ะ
จู: ไม่จะ ไม่มีอะไรแล้ว ทำไมเหรอ?
แม่: ถ้ามีอะไรต้องทำพรุ่งนี้ แล้วยังต้องค้างที่กรุงเทพ แม่จะให้ป้าไปรับ คืนนี้ก็ไปค้างบ้านป้า
จู: อ๋อ ไม่มีอะไรจะ แค่คอนเสิร์ตมันเลิกดึกอ่ะ เลยต้องค้าง เพราะมันดึก คงไม่มีรถกลับ
ว่าแต่ว่า ถ้าพรุ่งนี้หนูมีอะไรต้องทำ ทำไมหนูคืนนี้หนูต้องไปนอนบ้านป้าเหรอ?
แม่: ไม่มีอะไรหรอก แค่ป้าเค้าเห็นรูปแล้วเค้าก็นึกออกว่าโรงแรมอะไร
ป้าเค้าบอกว่าถ้ารู้ตั้งแต่เมื่อคืนว่านอนที่นั่น ป้าเค้าจะไปรับตั้งแต่เมื่อคืนเลย
จู: ขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมอ่ะ โรงแรมมีอะไรเหรอ?
แม่: แม่ก็ไม่รู้หรอกว่ามีอะไร ป้าเค้าแค่บอกว่ามันอันตราย แต่แม่ดูแล้วก็อึดอัดเหมือนกันนะ .... ที่ที่มันอึดอัดก็นะ มันก็ต้องมีบ้างแหล่ะลูก
จู: แม่รู้อะไรมา เล่ามาซะดีๆ
แม่: ไม่หรอก ป้าเค้าแค่บอกว่ามันอันตราย แต่ตอนแม่ดูรูปที่หนูถ่ายจากตรงประตู เข้าไปในห้อง แวบแรกที่แม่ดู แม่เห็นเหมือนปลายเท้าคนนอนอยู่บนเตียง แต่พอมองดีๆอีกทีก็ไม่มีนะ สงสัยจะตาฝาด แต่เมื่อคืนแม่ก็ฝันไม่ดีเลย
จู: โอ๊ยแม่พอแล้ว.......... แม่จ๋าาาา คือคอนเสิร์ตมันเลิกดึกนะ แต่แม่มารับหนูเถอะนะจ๊ะ คืนนี้หนูคงนอนที่นั่นไม่ได้แล้ว
แม่: อืม ถ้าหนูไม่บอกให้แม่ไปรับ แม่ก็ตัดสินใจมานอนรอหนูที่บ้านป้าอยู่แล้วล่ะ แม่รู้สึกไม่ค่อยดี
จู: โอเคจะ งั้นคอนเสิร์ตจบแล้วเจอกันที่บ้านป้าจะ
** เหตุผลที่ไม่ให้แม่มารอรับที่ห้าง เพราะแม่ไม่รู้เส้นทางในกรุงเทพค่ะ แม่รอที่บ้านป้า แถวๆเซนทรัลบางนาค่ะ **
เริ่มมีความสบายใจเกิดขึ้นในใจเล็กน้อย ว่าคืนนี้ไม่ต้องทนนอนที่โรงแรมที่สุดแสนจะน่ากลัวอีกต่อไป
แต่อีกเกินครึ่งใจก็ยังรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่โรงแรมหลังจากคอนเสิร์ตจบตอนห้าทุ่ม.....กลัวมากๆ
ตลอดเวลาที่ดูคอนเสิร์ต ก็มีเสียงดังลอยมาตามลมว่า "กลับเร็วๆสิ....กลับมาได้แล้ว"
จูมองไปรอบๆ ก็ไม่มีใครมีท่าทางว่าคุยกันหรือลุกๆนั่งๆเหมือนจะออกจากคอนเสิร์ตแต่อย่างไร
เอาแล้วไง หลอนอีกแล้ว..........
หลังจากคอนเสิร์ตจบ....จูรีบเรียกพี่วินตรงดิ่งไปยังโรงแรม
บริเวณปากซอยของโรงแรมมีแท็กซี่จอดอยู่สองคัน ... เอาล่ะ เรามีรถไปบางนาแล้ว
จู: พี่คะ...ไปเซนทรัลบางนาไหมคะ
คนหนุ่ม: โอ้ย ไม่ไปหรอก มันไม่มีคน วิ่งเสียเที่ยว
จู: แล้วพี่จอดอยู่เฉยๆพี่จะได้ตังเหรอ เท่าไหร่ก็จ่าย เพราะต้องรีบไปธุระจริงๆ เนี่ยก็รีบมาเช็คเอ้าท์ต้องรีบกลับจริงๆพี่
คนหนุ่ม: ลุง......ไปมั๊ยบางนา
ลุง: เหมานะ ไม่กดมิเตอร์
จู: เอาแค่ลุงไป จะเหมาหรือจะกดมิเตอร์หนูก็ไปทั้งนั้นแหล่ะค่ะ
ลุง: สี่ร้อย
จู: ไปค่ะ ลุงรออยู่นี่นะ ห้านาทีหนูออกมาแล้วรีบออกรถไปเลยนะคะ
ลุงพยักหน้าตอบรับ จูรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังโรงแรม แล้วตรงดิ่งไปยังห้องทันที
"เข้ามาสิ ชั้นรอเธออยู่" .... ใช่ค่ะ จูอาจจะโดนเพื่อนปั่นหัว สร้างภาพหลอนในหัว
แต่ภาพนั้นอาจจะมีจริงๆได้ แค่ตาของจูมองไม่เห็นแค่นั้นเอง
ทันทีที่เปิดประตู ขนก็ลุกซู่ขึ้นมาทันที ....
จูผลักประตูให้เปิดออกค้างไว้ เปิดไฟ รีบเก็บทุกอย่างยัดใส่กระเป๋าเป้ โดยที่ไม่หันไปมองรอบๆข้างแต่อย่างใด
"จะไปไหน....อยู่ด้วยกันก่อน" มีเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู
สติหลุดอีกครั้ง ไม่เอาแล้วโว้ย ของเขิงในตู้เย็นในห้องน้ำ ซื้อใหม่ก็ได้วะ (ขออภัยที่ไม่สุภาพค่ะ)
จูรีบหยิบสะพายเป้ไปที่ไหล่ รีบปิดประตู ดึงกุญแจที่คาอยู่ที่ประตูออก แล้ววิ่งลงไปที่ล็อบบี้ทันที
จู: เช็คเอ้าท์ค่ะ
พนักงานหยิบกุญแจไปดูหมายเลขห้อง แล้วหันมายิ้มให้ 1 ครั้ง......ไม่รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมีเรื่องดีๆแฝงอยู่เลย
พนักงาน: พักสองคืน...... (เงยหน้ามายิ้มอีกครั้ง)
ไม่ได้ดื่มอะไรในตู้เย็นใช่ไหมคะ
จู: ไม่ค่ะ
พนักงาน: เรียบร้อยค่ะ
ใส่เกียร์หมาวิ่งไปหาลุงแท็กซี่ทันทีค่ะ
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดนัดพบของแม่และจู
พอแม่เห็นจูแค่นั้นแหล่ะค่ะ โผเข้ามากอดเหมือนจูไปเกาหลีมา 3 ปี แล้วจึงเอาสร้อยพระที่เตรียมมาคล้องคอจูทันที
แม่: เป็นไงบ้างลูก
จู: สบายดีแล้วแม่
แม่: พรุ่งนี้แม่จะพาไปทำบุญนะ
จู: แม่รู้อะไรมาเหรอ เล่ามาเถอะ
แม่: จากป้าแม่น่ะไม่รู้หรอก แต่แม่รู้จากหมอดู ตอนบ่าย แม่กับป้าไปดูดวงมา แล้วแม่ก็ให้เค้าดูหนูว่าตอนนี้เป็นยังไง
เค้าบอกว่ามีผู้หญิงจะเอาลูกไปอยู่ด้วย เพราะว่าเค้าถูกใจหนูมาก แล้วหนูก็ดันไปอยู่ในที่ของเค้าพอดี ให้หนูออกมา
จู: อ่อ เล่าเป็นเรื่องเป็นราวเลย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปทำบุญด้วยกันเนอะ
หลังจากกลับจากที่นั่น.....และทำบุญหลังจากนั้นแล้ว ก็ไม่ได้เจอสิ่งผิดปกติหรือผู้หญิงคนนั้นแต่อย่างใด
สำหรับรูปภาพที่ขอดูนะคะ เนื่องจากแม่มีการลบ account line เดิมของแม่ ทำให้รูปโดนลบไปหมดแล้ว
ส่วนในเครื่องป้าก็ไม่มีแล้วค่ะ ป้าเป็นคนขยันลบ ดังนั้นจูจึงขอเอารูปที่ใกล้เคียง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่สถานที่จริงนะคะ
ห้องน้ำ ลักษณะคล้ายๆแบบนี้ค่ะ ตรงด้านขวาที่เหมือนจะมีชั้น ของจริงเป็นชั้นพาสติกสามชั้นแล้วมีแล้วเป๊กวางอยู่ชั้นบนค่ะ
ส่วนกระจกก็จะเป็นกระจกกลมรียาวกว่านี้ แต่มีราสีน้ำตาลอยู่รอบๆ ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นก็คล้ายๆกันค่ะ
ห้องนอน แคบแบบนี้ค่ะ แต่ไม่สวยขนาดนี้ ตัวที่ผ้าปูที่นอนเป็นสีแดงเลือดหมูแต่ออกสดนิดหน่อย
แต่มีผ้าคลุมเป็นผ้านวมสีขาวที่ข้างนอกเป็นสีน้ำตาลแดงๆหน่อยอ่ะค่ะ
เราจะไม่คุยกันเรื่องชื่อโรงแรม หรือซอยนะคะ
ขอให้ฟังกันในมุมประสบการณ์จากเพื่อนมาเล่าให้ฟังก็แล้วกันค่ะ
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ได้มีส่วนใดที่แต่งขึ้นเองค่ะ ขอบคุณค่ะ
เรื่องจากพันทิป แม่จ๋ามารับหนูที
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปนาม เด็กหญิงจูดี้ขี้บ่น
"เด็กหญิงจูดี้ขี้บ่น" นักเล่าเรื่องสยองขวัญสมาชิกพันทิป เสนอเรื่อง "แม่จ๋ามารับหนูที" โดยเจ้าตัวยืนยันว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง โปรดติดตามเรื่องราวของ "เด็กหญิงจูดี้ขี้บ่น" และขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเองนะคะ
ถึงแม้จะไม่เห็นผีตัวเป็นๆ แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากเหตุการณ์นั้น...มันรุนแรงมาก
มากจนถึงขนาดว่า...เราจะนอนที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
----------------- ---------------- -----------------
หลังจากรายการทีวีรายการหนึ่งประกาศว่าจะจัดคอนเสิร์ตที่ห้างเซนทรัลเวิร์ล จูก็ไม่รีรอที่จะรีบซื้อตั๋วทันที
ด้วยความที่ไม่อยากรบกวนเพื่อนเลยไม่ได้รบเร้าเพื่อนคนไหนให้ซื้อตั๋วไปดูเป็นเพื่อน
หรือแม้กระทั่งไม่ได้คิดจะที่ขออาศัยหอ ห้องพัก หรือบ้านเพื่อนคนไหนเลย (จูอยู่ต่างจังหวัด)
ดังนั้น หลังจากได้ตั๋วแล้ว จูจึงหาโรงแรมจาก Agoda ใช้หลักเพียงว่า ราคาไม่แพง อยู่ใกล้ห้างเซนทรัลเวิร์ล
และแล้วจูดี้ก็จองโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งราคาไม่ถึงพันค่ะ ดูจากการประมาณกิโลเมตรในแผนที่แล้ว ก็ไม่ไกลเท่าไหร่
จะนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือเดินเอาก็คงพอไหวค่ะ
- ออกเดินทาง 1 วันก่อนการแสดงคอนเสิร์ต -
ไม่ว่าจะเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ ข้ามน้ำข้ามทะเล...ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่จูจะรู้สึกเหมือนวันนี้
ความรู้สึกคือ "อย่าไปเลย....กลับบ้านเถอะนะ....อย่าไปเลย"
แม้ความรู้สึกจะบอกถึงขนาดนี้แล้ว แต่จูก็ยังด้นดั้นไปที่กรุงเทพเพื่อไปชมคอนเสิร์ตนี้เพราะจ่ายเงินทุกอย่างไปหมดแล้ว
ความรู้สึกนี้มีตลอดทางจนถึงกรุงเทพเลยล่ะค่ะ
- แม่เป็นห่วง -
พอถึงกรุงเทพ เราก็ไลน์หาแม่เลยค่ะว่าถึงแล้ว เพราะกลัวท่านจะเป็นห่วง
และก็คิดไม่ผิดจริงๆ หลังจากที่แม่อ่านข้อความแล้ว แม่รีบโทรหาเราทันที
แม่: ถึงกรุงเทพแล้วเป็นยังไงบ้าง ไม่หลงทางใช่มั๊ย
จู: สบายมากเลยแม่ นั่งรถไฟฟ้ามาลง แล้วต่อมอไซค์รับจ้างอีกนิดก็คงถึงแล้ว
แม่: เหรอ....ดูแลตัวเองดีๆนะ แม่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย ถึงโรงแรมแล้วบอกแม่ด้วยนะว่าโรงแรมเป็นยังไง
หรือหนูจะให้แม่โทรหาเพื่อนแม่ ไปนอนบ้านป้าเค้ามั๊ย แล้วพรุ่งนี้ค่อยให้ป้าเค้ามาส่งที่ห้าง
จู: หนูไม่เป็นไรหรอกจะแม่ หนูโอเค เดี๋ยวถึงโรงแรมแล้วหนูไลน์หานะจ๊ะ
แม่: ถ้ามีอะไรรีบโทรหาแม่นะ
จู: จะ ไม่ต้องเป็นห่วงน้า จะรายงานเป็นระยะๆเลย
- เช็คอิน -
หลังจากเดินผ่านแหล่งที่ผู้คนเดินกันขวักไขว่หน้าห้างเซนทรัลเวิร์ลแล้ว
ตอนนั้นก็เวลาประมาณเกือบ 3 ทุ่มเข้าไปแล้ว สิ่งที่มีในมือคือใบจองห้องพัก
รู้แค่เพียงโรงแรมชื่ออะไร อยู่ซอยที่เท่าไหร่ แค่นั้นเลย
ถ้าจะเดินแบบไม่รู้ปลายทางแบบนี้ คืนนี้คงจะหาโรงแรมไม่เจอ
เราเลยจ้างตุ๊กๆให้ไปส่งที่ซอยที่ว่าค่ะ
ซอยนี้แคบมาก มากแค่รถยนต์ 1 คันเล็กๆวิ่งได้ เรามองตามป้ายเพื่อหาป้ายโรงแรม
มีโรงแรมมากมายในซอยเล็กๆแห่งนี้ และมีทั้งใหม่และเก่า
ได้แต่หวังในใจว่าโรงแรมที่เราเลือกก็คงจะใหม่อยู่ เพราะดูรูปใน Agoda แล้วใช้ได้
นั่งมาเรื่อยๆจนเจอป้ายโรงแรมก็รีบบอกให้พี่เค้าหยุด และทำการจ่ายเงินไป
ป้ายโรงแรมอยู่ที่ปากซอยเล็กๆในซอยนั้นแหล่ะค่ะ
เราต้องเดินเข้าไปข้างในอีกนิดหน่อย
ปากซอยมีร้านเสริมสวย ซอยนี้คนไม่พลุกพล่าน
มีผู้หญิงนั่งเรียงรายกันแถวข้างทาง (ลักษณะเหมือนรอใคร......)
แต่เราก็ไม่ได้สนใจ เดินต่อไปจนเจอกับโรงแรม
เมื่อเปิดเข้าไป โรงแรมนี้ก็ไม่ต่างจากโรงแรมอื่นๆทั่วไป
มีชายคนหนึ่งเดินมาต้อนรับ พร้อมกับถามว่าได้จองไว้หรือไม่
เราจึงส่งเอกสารการจองให้เขาไป
หลังจากเขาจัดการเรื่องเช็คอินให้เราเสร็จ เขาจึงหยิบกุญแจแล้วแจ้งว่าจะพาเราไปยังห้องพัก
- ใช้ได้ทุกอย่าง...เชิญตามสบายเลยนะครับ -
เขาพาเราเดินขึ้นบันไดหินอ่อน (ลายออกแนวบ้านคนจีนโบราณอ่ะค่ะ) ขึ้นมายังชั้น 3
มองดูแล้วชั้นนี้มีห้องทั้งหมด 6 ห้อง มีไฟทางเดิน 2 ดวง ดวงแรกอยู่ใกล้บันไดที่เราขึ้นมา
ส่วนอีกดวง อยู่สุดทางเดิน ลักษณะห้องพักด้านนอกทำเราแปลกใจอยู่ไม่น้อย
แต่ละห้องจะมีหน้าต่างบานเกล็ดสองบาน บานเล็กเท่ากับหน้าต่างระบายอากาศในห้องน้ำ อยู่ข้างๆประตูห้อง
ไม่มีห้องไหนเลยที่เปิดไฟ มันให้ความรู้สึกที่ว่า...ทั้งชั้นเนี่ย ชั้นอยู่คนเดียวใช่ป่าวว้า
แกร๊กๆๆ ...... สิ้นเสียงไขประตู พนักงานก็รีบเข้าไปเปิดไฟในห้อง
เรารีบเดินตามเข้าไป เผื่อมีอะไรหักหรือพัง จะได้บอกให้เขาเปลี่ยนให้ได้
ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าห้องดี เขาก็รีบเปิดไฟในห้องน้ำ แล้วก็บอกด้วยความเร็วว่า
" ของทุกอย่างในนี้ใช้ได้หมดนะครับ ทีวี แอร์ ห้องน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่น หากมีอะไรก็กด 0 โทรลงไปได้
อันนี้กุญแจของคุณครับ"
แล้วเขาก็รีบเดินจากไป........
- แก้วเป๊กในห้องน้ำ -
หลังจากที่พนักงานเดินจากไป.....ความรู้สึกวูบแรก
"ปิดประตูสิ! ข้างนอกน่ากลัวกว่าข้างในเยอะ"
พอรู้สึกแบบนั้น ร่างกายก็รีบตอบสนองสั่งให้จูรีบปิดประตูห้องทันที
จูมองไปที่หน้าต่างบานเกล็ด หน้าต่างสองบานนั้นสูงจากพื้นประมาณ 170 เซน
ในขณะที่จ้องหน้าต่างอยู่ จู่ๆก็มีเสียง แกร๊ก........ฟืด..........แกร๊ก..........ฟืดดดดด
เสียงคล้ายกับคนที่เดินไม่ถนัดแต่ใช้ไม้เท้าช่วยเดิน ดังมาจากทางบันได
เสียงเหมือนกับว่ากำลังเดินมาตามทางเดิน
ด้วยความตกใจจึง รีบหมุนบานเกล็ดให้พับปิดลงมา แล้วเลื่อนม่านปิดหน้าต่างทันที
เสียงนั้นสิ้นดังผ่านหน้าห้องไปทางสุดผนังทางเดิน แต่ก็ไม่ได้ยินว่าจะมีเสียงเปิดเข้าห้องไหนแต่อย่างใด
จูเริ่มสำรวจห้องพัก เปิดไฟทุกดวง แล้วลงนั่งที่ปลายเตียง พลางควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้
"มีคนอยู่ข้างหลัง!"
ความรู้สึกนี้มาแรงมาก แรงมากจนเราสะดุ้งตกใจความรู้สึกตัวเอง
จูเงยหน้าขึ้นมา มองตรงไปข้างหน้า เงาสะท้อนจากจอทีวีที่ยังไม่ได้เปิด สะท้อนมาว่าไม่มีอะไร
แต่ขนที่แขนและหลังกลับตรงกันข้าม ขนลุกตั้งขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลสักเท่าไหร่
ไลน์
จู: แม่...หนูถึงโรงแรมแล้ว
แม่: เป็นยังไงบ้างลูก โอเคมั๊ย
จู: รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก คือลักษณะห้องมันก็ปกตินะ แต่หนูรู้สึกแปลกๆอ่ะ เหมือนผิดที่ผิดทาง
แม่: ให้ป้าไปรับมั๊ย แม่ถามป้าแล้ว ป้าเอ็ดใหญ่เลย บอกว่ามาทำไมไม่บอก ไปนอนโรงแรมทำไม
จู: หนูจ่ายเงินไปแล้ว เสียดายอ่ะ เดี๋ยวหนูอาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกินก่อนนะ หิวมากเลย
แม่: มีอะไรให้รีบโทรมานะ โทรศัพท์อยู่ข้างตัวแม่ตลอด
จู: ขอบคุณจะ หนูจะรายงานเป็นระยะนะ
จูเก็บเสื้อผ้าแขวนที่ราว จัดข้าวของ รู้สึกตะหงิดในใจว่านี่ชั้นจะนอนไหวไหมสองคืนเนี่ย
ในห้องนี้ มีความรู้สึกเหมือนเราไม่ได้อยู่คนเดียวตลอดเวลา เหมือนมีใครอยู่ในห้องกับเราอีกหนึ่งคน
ถึงแม้ตาจะมองไม่เห็น แต่ความรู้สึกที่บอกมานั้นแรงมากจริงๆ
จูหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
"อื้อหือ.......ห้องน้ำทำไมเก่าแบบนี้ล่ะ"
สภาพห้องน้ำเก่ากว่าสภาพห้องมาก แปลกมากจริงๆ
ฝักบัวจากสีขาวก็กลายเป็นสีเหลืองล่อนๆ
รอบอ่างล้างหน้าทำด้วยปูที่มีกระเบื้องสี่เหลี่ยมสีเทาปูรอบๆ
มองไปที่ชั้นวางพวกสบู่ยาสีฟันและ.....
แก้วเป๊กแบบนี้วางคว่ำอยู่บนจานรองสองใบ ซึ่งตั้งไว้ที่ชั้นบนสุดของชั้นวางของ
"เอ้ย.......เค้าใช้แก้วแบบนี้แปรงฟันกันเหรอ?"
"แก้วเอาไว้ไหว้อะไรหรือเปล่า?"
ด้วยความกลัวในสิ่งแปลกๆและความรู้สึกตัวเอง จึงรีบอาบน้ำให้เสร็จแล้วรีบแต่งตัวเพื่อออกไปข้างนอกทันที
ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู ก็ได้ยินเสียงคล้ายๆกับเสียงคนตำน้ำพริก
เสียงนี้ดังมากกกกกก เสียงเหมือนมาจากฝั่งตรงข้ามห้อง
เอาวะ! มีเพื่อนอยู่ชั้นเดียวกันแล้ว สบายใจได้แล้วนะ จูคิดปลอบใจตัวเอง
แต่ปรากฏว่า เมื่อเปิดประตูออกไป
ไม่มีไฟห้องไหนเปิดเลยสักห้องเดียว และหลังจากเปิดประตูเสียงตำนั้นหยุดไปครู่นึง แล้วก็ดังต่อ
แต่ลักษณะในการตำเปลี่ยนไป คือตำเร็วและแรงขึ้น
"วิ่งสิครับ รออะไร"
รีบกดล็อคลูกบิดห้อง แล้ววิ่งลงไปชั้นล่างทันที
- ฟรึบ! -
หลังจากเดินหาซื้ออะไรกินแล้ว จูก็กลับมาที่ห้อง
ซึ่งแน่นอนว่ามีความรู้สึกว่าไม่อยากกลับห้องเลย
จำใจต้องกลับห้อง เพราะจะให้เดินต่อก็คงจะเดินไม่ไหว เนื่องจากเหนื่อยมาก
เมื่อเปิดประตูเข้าโรงแรม พนักงานชายคนนั้น ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน
พนักงาน: สบายดีนะครับ?
จู: คะ?
พนักงาน: อ๋อ ไม่มีอะไรครับ โชคดีนะครับ
คำพูดของพนักงานฟังดูพึลึกชอบกล
จูเดินพลางคิดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดอยู่ที่หน้าห้องตัวเอง
พอไขกุญแจแล้วเปิดเข้าไป ....... ความรู้สึกมันบอกว่าใช่เลย
"มีคนอยู่ในห้องจริงๆนะ"
จูเลยรีบเปิดไฟ เผื่อว่าจะเป็นใครมาขโมยของ
แปร๊บ แปร๊บ...... หลอดฟลูออเรสเซนส์กระพริบ แต่กว่าที่หลอดจะติดนั้น
สายตาของจูมองไปที่ปลายเตียง ภาพที่เห็นคือ แว๊บหนึ่งจูเห็นเป็นผู้หญิงชุดสีขาวผมยาวนั่งอยู่ที่ปลายเตียง
เห็นด้วยสายตาของตัวเองเพียงแว๊บไฟกระพริบเดียว พอไฟติดก็ยังทำใจดีสู้เสื้อ มองจ้องไปที่ปลายเตียง
"รีบปิดประตูสิ ข้างนอกน่ากลัวกว่าเยอะ"
เสียงเดิมที่อยู่ในใจที่เคยบอกตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
จูเลยจัดการปิดประตูล็อคกลอน วางอาหารทั้งหมด แล้วรีบถ่ายรูปห้องทันที
เอามือถือถ่ายประตู ถ่ายตรงม่านที่บานเกล็ด ถ่ายโต๊ะวางทีวี เปิดไฟห้องน้ำ ถ่ายห้องน้ำ
ถ่ายที่นอน......แต่จู่ๆไม่รู้ว่าใจคิดอะไร จึงกระชากผ้านวมสีน้ำตาลอ่อนออกมา...
"ผ้าปูที่นอนสีแดง"
เฮ้ย.....โรงแรมทำไมใช้ผ้าปูสีแดงอ่ะ ปกติต้องสีขาวไม่ใช่เหรอ
"น่ากลัวว่ะ" จูสบถกับตัวเองในใจ แต่ก็ยังถ่ายรูปต่อไป แล้วส่งให้แม่และเพื่อนสนิท 1 คน
ไลน์
แม่: ห้องเล็กนะ ไม่มีหน้าต่างเหรอ?
จู: อืม ไม่มีหน้าต่างแบบให้ดูวิวเหมือนที่อื่นเลย มีแต่ไอ้บานเล็กๆสองบานตรงทางเดิน
แม่: ให้ป้าไปรับมั๊ย?
จู: ไม่เป็นไรจะ นอนแล้วนะ ฝันดีจะแม่
แม่: มีอะไรก็โทรมานะ แม่นอนดึก
ไลน์
แอน: เอ้ยแก....นอนคนเดียวเหรอ?
จู: อืมดิ ก็มาคนเดียวนี่หว่า จะได้หาผชที่ไหนมานอนด้วย
แอน: อ้าวเหรอ นึกว่ามากับเพื่อน
จู: เหอะ มาคนเดียวจริงๆ แต่ว่าแก...ช่วยดูให้หน่อยสิ ว่าห้องนี้มีอะไรแปลกๆมั๊ย?
แอน: แกจะต้องนอนกี่คืน?
จู: คืนนี้กับคืนพรุ่งนี้
แอน: พรุ่งนี้คอนเสิร์ตจบกี่โมง
จู: ห้าทุ่มโน่นแหล่ะมั้ง
แอน: งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่เซนทรัลเวิร์ลนะ บ่ายโมง
จู: โอเค ฝันดี
จูปิดไฟ ล้มตัวลงนอนบนที่นอนที่ใจก็ยังคิดว่าประหลาดอยู่
นอนหงายอยู่บนเตียง ความรู้สึกเหมือนกับว่ายังมีใครอยู่ในห้องทำกิจวัตรยังไม่เสร็จ
เสียง แกร๊ก ฟรืด แกร๊ด ฟรืด ดังจากข้างนอกอีกครั้ง.....
" คุณพระคุณเจ้า ที่นี่ที่ไหนกันเนี่ย มันมีอะไร ทำไมเราต้องรู้สึกแปลกขนาดนี้"
จูขยับตัวนอนตะแคงไปทางขวา ด้วยความเคยชิน แต่ทันใดนั้น.......
.......ฟรึ่บบบบบบบบบบบบ..........
มันมีลมวูบมาที่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกเย็น...และที่แย่ไปกว่านั้นคือเตียงยุบตัวลงไป
จูกระโดดขึ้นมา เปิดไฟ แล้วมองไปที่เตียงด้วยความตกใจ
ลมอะไร ตรงนั้นไม่มีแอร์ เพราะแอร์ตั้งอยู่ที่ปลายเตียง เหนือทีวี
เตียงยุบทำไม? ความคิดมีร้อยล้านแปดผุดขึ้นมาในหัว
สติหลุด ขวัญกระเจิง ไปหมดแล้ว
ความรู้สึกที่สัมผัสได้ (แต่ตาไม่ได้เห็นนะคะ) คือมีผู้หญิง คนนั้นแหล่ะคนเดิมที่เห็นตอนไฟกระพริบ....
"นอนยิ้มให้จากบนเตียง"
โทรหาแม่
จู: แม่หนูนอนไม่หลับ มันรู้สึกแปลก หนูเครียด หนูกลัว
แม่: ให้ป้าไปรับมั๊ย?
จู: มันดึกแล้วแม่ ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่แม่ได้เอาอะไรใส่กระเป๋าหนูมาบ้างไหม?
ที่ถามแม่ออกไปอย่างนั้นเพราะแม่มักจะแอบเอาของที่แม่คิดว่าสำคัญใส่กระเป๋าให้ทุกครั้งที่เดินทาง
โดยที่เราก็มักจะไม่รู้ว่าแม่เตรียมไว้ให้
แม่: เปิดซิปช่องข้างๆด้านขวานะลูก มียาคลายเครียดอยู่ กินซะ
จูไม่ใช่คนทานยานอนหลับค่ะ แต่ว่าที่บ้านจะมียาคลายเครียดติดไว้เสมอ
เพราะแม่เป็นคนค่อนข้างเครียดกับปัญหา บางทีแม่จะต้องใช้ยาเพื่อให้นอนหลับ (แต่ก็ไม่บ่อยค่ะ)
แม่: แม่ก็ไม่รู้ทำไมเอายานี้ใส่กระเป๋าให้เหมือนกัน
จู: โอเคค่ะไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูจะกินดู
หลังจากวางหู ก็รีบกินยาหนึ่งเม็ดตามที่แม่บอก
แล้วก็นอนทั้งๆที่เปิดไฟหมดทุกดวงนั่นแหล่ะค่ะ
เราไม่สามารถหลับตาลงได้เพราะความกลัวที่มี แต่สุดท้ายก็เผลอหลับไป
- อย่าโกรธเรานะ -
เช้าวันใหม่เริ่มขึ้น วันนี้คือวันที่จะมีคอนเสิร์ต แต่ความรู้สึกของเราคือ อย่าได้อยู่ห้องไปนานกว่านี้เลย
จึงตัดสินใจรีบอาบน้ำแต่งตัว คว้ากระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกมาจากโรงแรมทันที
ความรู้สึกที่ได้เดินอยู่ข้างนอก หรือแม้กระทั่งแค่หน้าโรงแรม มันช่างแตกต่างจากอยู่ในห้องมาก
เวลาผ่านไปจนกระทั่งบ่ายโมง จูนัดเจอแอนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างเซนทรัลเวิร์ล
แอน: เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม
จู: โหย อย่าให้เล่า กว่าจะหลับต้องกินยานอนหลับอ่ะ ทั้งกลัว ทั้งเครียด อึดอัด
แอน: แต่เค้ามาดีใช่ปะ?
จู: ใคร?........ เอ้ย แกหมายความว่ายังไง?
แอน: อย่าโกรธเราเลยนะ อันที่จริงที่เราพูดไปเมื่อคืน เราก็แอบหวังว่าแกจะเข้าใจแล้ว แต่แกดันไม่ได้สนใจ
จู: แกอย่าบอกนะว่าแกเห็น
แอน: ให้ชั้นพูดก่อนมั๊ยว่าชั้นเห็นอะไร?
ชั้นเห็นผู้หญิง ใส่ชุดขาว ผมยาวสีดำ อยู่ในทุกๆรูปที่แกถ่าย เค้าอยู่ที่นั่นแหล่ะแก
ได้ฟังแล้วจูก็หน้าเสียทันที เพราะใช่ไง ผู้หญิงที่เพื่อนพูด กับสิ่งที่เห็นตอนไฟกระพริบเมื่อวาน คือคนเดียวกัน
แอนพูดไปพลางเปิดรูป แล้วชี้ไปยังจุดต่างๆที่เธอเห็นว่ามีผู้หญิงคนนั้นอยู่ในรูป
แอน: แล้วเค้าก็ยังรอแกกลับห้องอยู่
"........................................................"
จูน้ำตาไหล นึ่ง อี้ง พูดไม่ออก ภาพผุดขึ้นมาในหัวทันที
ภาพที่เธอนั่งอยู่ที่ปลายเตียง ยิ้มรอเรากลับห้อง........ภาพชัดเหลือเกิน
- แม่จ๋ามารับหนูที -
ภาพจากคำพูดของแอนที่ว่า ผู้หญิงคนนั้นนั่งรอเรากลับห้องอยู่ที่ปลายเตียง
ภาพนั้นติดอยู่ในหัวตลอดระยะเวลาที่รอดูคอนเสิร์ต
ในขณะที่นั่งรออยู่นั้น จู่ๆก็มีสายเรียกเข้า ซึ่งเบอร์ที่โทรเข้ามาคือ ....แม่
จู: จะแม่....มีอะไรเหรอ?
แม่: หนูต้องอยู่ทำอะไรที่กรุงเทพต่ออีกหรือเปล่า พรุ่งนี้อ่ะ
จู: ไม่จะ ไม่มีอะไรแล้ว ทำไมเหรอ?
แม่: ถ้ามีอะไรต้องทำพรุ่งนี้ แล้วยังต้องค้างที่กรุงเทพ แม่จะให้ป้าไปรับ คืนนี้ก็ไปค้างบ้านป้า
จู: อ๋อ ไม่มีอะไรจะ แค่คอนเสิร์ตมันเลิกดึกอ่ะ เลยต้องค้าง เพราะมันดึก คงไม่มีรถกลับ
ว่าแต่ว่า ถ้าพรุ่งนี้หนูมีอะไรต้องทำ ทำไมหนูคืนนี้หนูต้องไปนอนบ้านป้าเหรอ?
แม่: ไม่มีอะไรหรอก แค่ป้าเค้าเห็นรูปแล้วเค้าก็นึกออกว่าโรงแรมอะไร
ป้าเค้าบอกว่าถ้ารู้ตั้งแต่เมื่อคืนว่านอนที่นั่น ป้าเค้าจะไปรับตั้งแต่เมื่อคืนเลย
จู: ขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมอ่ะ โรงแรมมีอะไรเหรอ?
แม่: แม่ก็ไม่รู้หรอกว่ามีอะไร ป้าเค้าแค่บอกว่ามันอันตราย แต่แม่ดูแล้วก็อึดอัดเหมือนกันนะ .... ที่ที่มันอึดอัดก็นะ มันก็ต้องมีบ้างแหล่ะลูก
จู: แม่รู้อะไรมา เล่ามาซะดีๆ
แม่: ไม่หรอก ป้าเค้าแค่บอกว่ามันอันตราย แต่ตอนแม่ดูรูปที่หนูถ่ายจากตรงประตู เข้าไปในห้อง แวบแรกที่แม่ดู แม่เห็นเหมือนปลายเท้าคนนอนอยู่บนเตียง แต่พอมองดีๆอีกทีก็ไม่มีนะ สงสัยจะตาฝาด แต่เมื่อคืนแม่ก็ฝันไม่ดีเลย
จู: โอ๊ยแม่พอแล้ว.......... แม่จ๋าาาา คือคอนเสิร์ตมันเลิกดึกนะ แต่แม่มารับหนูเถอะนะจ๊ะ คืนนี้หนูคงนอนที่นั่นไม่ได้แล้ว
แม่: อืม ถ้าหนูไม่บอกให้แม่ไปรับ แม่ก็ตัดสินใจมานอนรอหนูที่บ้านป้าอยู่แล้วล่ะ แม่รู้สึกไม่ค่อยดี
จู: โอเคจะ งั้นคอนเสิร์ตจบแล้วเจอกันที่บ้านป้าจะ
** เหตุผลที่ไม่ให้แม่มารอรับที่ห้าง เพราะแม่ไม่รู้เส้นทางในกรุงเทพค่ะ แม่รอที่บ้านป้า แถวๆเซนทรัลบางนาค่ะ **
เริ่มมีความสบายใจเกิดขึ้นในใจเล็กน้อย ว่าคืนนี้ไม่ต้องทนนอนที่โรงแรมที่สุดแสนจะน่ากลัวอีกต่อไป
แต่อีกเกินครึ่งใจก็ยังรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่โรงแรมหลังจากคอนเสิร์ตจบตอนห้าทุ่ม.....กลัวมากๆ
ตลอดเวลาที่ดูคอนเสิร์ต ก็มีเสียงดังลอยมาตามลมว่า "กลับเร็วๆสิ....กลับมาได้แล้ว"
จูมองไปรอบๆ ก็ไม่มีใครมีท่าทางว่าคุยกันหรือลุกๆนั่งๆเหมือนจะออกจากคอนเสิร์ตแต่อย่างไร
เอาแล้วไง หลอนอีกแล้ว..........
หลังจากคอนเสิร์ตจบ....จูรีบเรียกพี่วินตรงดิ่งไปยังโรงแรม
บริเวณปากซอยของโรงแรมมีแท็กซี่จอดอยู่สองคัน ... เอาล่ะ เรามีรถไปบางนาแล้ว
จู: พี่คะ...ไปเซนทรัลบางนาไหมคะ
คนหนุ่ม: โอ้ย ไม่ไปหรอก มันไม่มีคน วิ่งเสียเที่ยว
จู: แล้วพี่จอดอยู่เฉยๆพี่จะได้ตังเหรอ เท่าไหร่ก็จ่าย เพราะต้องรีบไปธุระจริงๆ เนี่ยก็รีบมาเช็คเอ้าท์ต้องรีบกลับจริงๆพี่
คนหนุ่ม: ลุง......ไปมั๊ยบางนา
ลุง: เหมานะ ไม่กดมิเตอร์
จู: เอาแค่ลุงไป จะเหมาหรือจะกดมิเตอร์หนูก็ไปทั้งนั้นแหล่ะค่ะ
ลุง: สี่ร้อย
จู: ไปค่ะ ลุงรออยู่นี่นะ ห้านาทีหนูออกมาแล้วรีบออกรถไปเลยนะคะ
ลุงพยักหน้าตอบรับ จูรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังโรงแรม แล้วตรงดิ่งไปยังห้องทันที
"เข้ามาสิ ชั้นรอเธออยู่" .... ใช่ค่ะ จูอาจจะโดนเพื่อนปั่นหัว สร้างภาพหลอนในหัว
แต่ภาพนั้นอาจจะมีจริงๆได้ แค่ตาของจูมองไม่เห็นแค่นั้นเอง
ทันทีที่เปิดประตู ขนก็ลุกซู่ขึ้นมาทันที ....
จูผลักประตูให้เปิดออกค้างไว้ เปิดไฟ รีบเก็บทุกอย่างยัดใส่กระเป๋าเป้ โดยที่ไม่หันไปมองรอบๆข้างแต่อย่างใด
"จะไปไหน....อยู่ด้วยกันก่อน" มีเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู
สติหลุดอีกครั้ง ไม่เอาแล้วโว้ย ของเขิงในตู้เย็นในห้องน้ำ ซื้อใหม่ก็ได้วะ (ขออภัยที่ไม่สุภาพค่ะ)
จูรีบหยิบสะพายเป้ไปที่ไหล่ รีบปิดประตู ดึงกุญแจที่คาอยู่ที่ประตูออก แล้ววิ่งลงไปที่ล็อบบี้ทันที
จู: เช็คเอ้าท์ค่ะ
พนักงานหยิบกุญแจไปดูหมายเลขห้อง แล้วหันมายิ้มให้ 1 ครั้ง......ไม่รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมีเรื่องดีๆแฝงอยู่เลย
พนักงาน: พักสองคืน...... (เงยหน้ามายิ้มอีกครั้ง)
ไม่ได้ดื่มอะไรในตู้เย็นใช่ไหมคะ
จู: ไม่ค่ะ
พนักงาน: เรียบร้อยค่ะ
ใส่เกียร์หมาวิ่งไปหาลุงแท็กซี่ทันทีค่ะ
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดนัดพบของแม่และจู
พอแม่เห็นจูแค่นั้นแหล่ะค่ะ โผเข้ามากอดเหมือนจูไปเกาหลีมา 3 ปี แล้วจึงเอาสร้อยพระที่เตรียมมาคล้องคอจูทันที
แม่: เป็นไงบ้างลูก
จู: สบายดีแล้วแม่
แม่: พรุ่งนี้แม่จะพาไปทำบุญนะ
จู: แม่รู้อะไรมาเหรอ เล่ามาเถอะ
แม่: จากป้าแม่น่ะไม่รู้หรอก แต่แม่รู้จากหมอดู ตอนบ่าย แม่กับป้าไปดูดวงมา แล้วแม่ก็ให้เค้าดูหนูว่าตอนนี้เป็นยังไง
เค้าบอกว่ามีผู้หญิงจะเอาลูกไปอยู่ด้วย เพราะว่าเค้าถูกใจหนูมาก แล้วหนูก็ดันไปอยู่ในที่ของเค้าพอดี ให้หนูออกมา
จู: อ่อ เล่าเป็นเรื่องเป็นราวเลย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปทำบุญด้วยกันเนอะ
หลังจากกลับจากที่นั่น.....และทำบุญหลังจากนั้นแล้ว ก็ไม่ได้เจอสิ่งผิดปกติหรือผู้หญิงคนนั้นแต่อย่างใด
สำหรับรูปภาพที่ขอดูนะคะ เนื่องจากแม่มีการลบ account line เดิมของแม่ ทำให้รูปโดนลบไปหมดแล้ว
ส่วนในเครื่องป้าก็ไม่มีแล้วค่ะ ป้าเป็นคนขยันลบ ดังนั้นจูจึงขอเอารูปที่ใกล้เคียง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่สถานที่จริงนะคะ
ห้องน้ำ ลักษณะคล้ายๆแบบนี้ค่ะ ตรงด้านขวาที่เหมือนจะมีชั้น ของจริงเป็นชั้นพาสติกสามชั้นแล้วมีแล้วเป๊กวางอยู่ชั้นบนค่ะ
ส่วนกระจกก็จะเป็นกระจกกลมรียาวกว่านี้ แต่มีราสีน้ำตาลอยู่รอบๆ ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นก็คล้ายๆกันค่ะ
ห้องนอน แคบแบบนี้ค่ะ แต่ไม่สวยขนาดนี้ ตัวที่ผ้าปูที่นอนเป็นสีแดงเลือดหมูแต่ออกสดนิดหน่อย
แต่มีผ้าคลุมเป็นผ้านวมสีขาวที่ข้างนอกเป็นสีน้ำตาลแดงๆหน่อยอ่ะค่ะ
เราจะไม่คุยกันเรื่องชื่อโรงแรม หรือซอยนะคะ
ขอให้ฟังกันในมุมประสบการณ์จากเพื่อนมาเล่าให้ฟังก็แล้วกันค่ะ
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ได้มีส่วนใดที่แต่งขึ้นเองค่ะ ขอบคุณค่ะ
เรื่องจากพันทิป แม่จ๋ามารับหนูที
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปนาม เด็กหญิงจูดี้ขี้บ่น
Post a Comment