รถออฟฟิต
"รถออฟฟิต" เรื่องสยองขวัญโดยสมาชิกพันทิปนาม "เด็กหญิงจูดี้ขี้บ่น" โปรดติดตามเรื่องราวของ "เด็กหญิงจูดี้ขี้บ่น" และขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย
จูดี้ว่า หลายคนคงชอบฟัง The Shock เหมือนกันกับจูดี้แหล่ะเนอะ
จูดี้เลยคิดว่า จะดีมั๊ยหากจูดี้จะพิมพ์ไว้ให้ เผื่อมีใครที่ชอบอ่านแต่ไม่กล้าฟัง....
ประเดิมตอนแรกก่อนเลยแล้วกันนะคะ ในตอนที่มีชื่อว่า "รถออฟฟิต"
......................................................................................................
หลังจากที่ผมนำรถของออฟฟิตมาใช้และจอดไว้ที่หน้าบ้าน ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ
แต่วันที่ 4 จู่ๆก็มีคนมาถามแม่ของผมว่า...
"ทำไมลูกชายถึงนอนในรถล่ะ ทำไมไม่เข้าไปนอนในบ้าน ไม่ต้องกลัวหรอก จอดรถไว้แถวนี้ไม่หายหรอก"
แม่ก็เลยมาถามผม แต่ผมก็ได้ปฏิเสธไปว่าผมก็นอนในบ้านปกตินะ ไม่ได้ไปนอนในรถ
แล้วเราก็ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป......
เวลาล่วงเลยมาประมาณ 2-3 อาทิตย์ ก็มีคนมาบอกกับแม่ของผมอีก ว่าทำไมลูกชายถึงไปนอนในรถ
ซึ่งผมก็บอกแม่กลับไปว่า "ผมจะไปนอนในรถได้ยังไง ในเมื่อเมื่อคืนเราก็นอนอยู่ด้วยกัน แม่ก็เห็นอยู่"
ในตอนนั้นผมก็เอะใจว่าอาจจะเป็นโจรมางัดแงะรถก็ได้ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อน เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับผม
ช่วงเวลาประมาณตี 1 จู่ๆก็มีเสียงหมาหอนเกรียวกราว...ด้วยความเป็นห่วงรถ ผมจึงเดินออกมาดู
พบว่าไฟภายในรถเปิดอยู่
เอ๊ะ...นี่ผมไม่ได้ปิดไฟเหรอ??
ผมหันหลังกลับเข้าบ้านเพื่อไปเอากุญแจ แต่พอกลับออกมา ในตอนที่กำลังจะเปิดประตูบ้านก็ปรากฏว่าไฟในรถได้ดับไปแล้ว
ผมตัดสินใจเดินออกมาและลองไขรถ เปิดรถตรวจดูความเรียบร้อยภายในรถแล้วจึงกลับเข้าบ้านไป
แต่เหตุการณ์มันไม่จบแค่นั้น...สักพักหมาก็เริ่มหอนขึ้นอีกครั้ง
ด้วยความที่กลัวว่ารถจะหาย ผมจึงออกมาดูรถอีกครั้ง
รถคันนี้จอดอยู่ห่างจากตัวบ้านประมาณ 100 เมตร โดยหันหน้าออกไปยังถนน หันหลังให้กับบ้าน
ผมมองออกมาจากในบ้าน พบว่าไฟในรถยังคงเปิดอยู่...แต่ที่น่าแปลกไปกว่านั้น ผมเห็นเงาของไหล่คนนั่งอยู่ที่เบาะคนนั่งหน้าทางซ้ายมือ
ผมตกใจมาก คิดว่าเป็นขโมย จึงตัดสินใจรีบหยิบกุญแจรถ เปิดประตูบ้าน แล้ววิ่งอ้อมไปยังหน้ารถ
แต่ทันทีที่ผมไปถึงหน้ารถ....ไฟในรถก็ดับลง และไม่มีเงาของใครเลยสักคนในรถ
ผมไขรถเข้าไปดูอีกครั้ง.......รอบตัวมีแต่ความเงียบ ไม่มีอะไร และ...ไม่มีใคร
ช่วงเวลาเพียงแค่ 3 วินาทีที่ผมหันไปหยิบกุญแจรถ ถ้าหากจะมีใครอยู่ในรถแล้วหนีออกมาจากรถ
อย่างน้อยๆ ผมก็ควรจะได้ยินเสียงปิดประตูรถ แต่นี่กลับไม่มีอะไรเลย.....
ผมเริ่มเอะใจกับสิ่งที่ผมเห็นและสิ่งที่ได้ยินมาจากคนที่มาเล่าให้แม่ของผมฟัง
สิ่งที่น่าแปลกคือ ในรถของออฟฟิตทุกคัน จะมีการนิมนต์พระมาตั้งไว้ในรถ ยกเว้น...คันนี้คันเดียว
ผมจึงนิมนต์พระที่บ้าน เป็นลักษณะของสร้อย แล้วคล้องไว้ในรถ
คืนนั้น...เวลาประมาณตี 4 คุณแม่ผมออกมาเพื่อเตรียมตัวจะไปขายของ
แม่ของผมเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ที่บริเวณฝากระโปรงรถ จู่ๆเงานั้นก็ลุกขึ้นแล้วชี้มาทางแม่
ไม่สามารถบอกได้ว่าเงาที่ว่าเป็นเงาของผู้ชายหรือผู้หญิง แต่เงานั้นมีท่าทางที่สื่อให้เห็นว่ามีความโกรธแค้นอยู่มาก
แม่เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าบ้านมาเรียกผม แต่เมื่อผมออกไปดูก็ไม่มีอะไร
ด้วยความสงสัยจึงสอบถามถึงอดีตของรถคันนี้กับทางออฟฟิต...
ไม่มีใครรู้ว่ารถคันนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร
รู้แต่เพียงว่ารถคันนี้เป็นรถมือสองที่ซื้อต่อมาจากบริษัทๆหนึ่งอีกที
ผมจึงสอบถามประวัติรถคันนี้จากเพื่อนของผมที่ทำอยู่ที่บริษัทประกันของรถคันนี้
เพื่อนก็สืบเสาะหาประวัติให้จนพบว่านานมาแล้วรถคันนี้เกิดอุบัติเหตุเสียหลักพุ่งชนคนเสียชีวิตแถวๆมอเตอร์เวย์
อุบัติเหตุครั้งนั้นรุนแรงมากถึงขั้นต้องตัดท้ายรถออก ส่วนคนที่ถูกชนก็ลำตัวขาดครึ่ง ตัวรถก็นำไปบิ้วต์ขึ้นมาใหม่
หลังจากผมรู้ประวัติรถคันนี้แล้ว เมื่อสามวันก่อน ตอนผมขับรถไปยังแถวๆนวมินทร์
ตอนนั้นดึกแล้ว ผมก็นึกในใจขึ้นมาว่า หากมีอยู่จริง จะอยู่ในรถนี้ก็อยู่ได้ แต่ต่างคนต่างอยู่ เพราะรถคันนี้ไม่ใช่ของคุณแล้ว
ที่ผมพูดออกไปเพราะผมรู้ดีว่าในรถคันนี้มีวิญญาณทั้งคนที่ถูกชนและคนที่ขับชน
หลังจากขับไปได้เรื่อยๆจนถึงประมาณรังสิต
ผมก็รู้สึกว่าพวงมาลัยรถเริ่มบังคับไม่ได้ เหมือนกับว่ามันพยายามที่จะหมุนไปหมุนมาเอง
ผมจึงตัดสินใจจอดรถข้างทาง ..เปิดประตูรถแล้วพูดออกมาว่า
"ถ้าคุณจะแบบนี้นะ คุณลงมาเดี๋ยวนี้เลย ถ้าหากไม่ลง พรุ่งนี้ผมจะไปวัดแล้วคุณเชิญคุณออกไป"
ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร หรืออยากให้ผมเป็นตัวตายตัวแทนของเขาหรือเปล่า
แต่โดยปกติแล้วรถคันนี้ เป็นรถที่ไม่ค่อยมีคนใช้....เค้าเลยเอารถมาให้ผมใช้หรือเปล่า
แต่ทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรนะครับ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
จู่ๆสุนัขที่เลี้ยงไว้ก็เห่าขึ้นมา พี่ป๋องเลยทักว่า "ในขณะที่เล่าไปก็มีหมาเห่าด้วยนะครับ"
"อ๋อ...ปกติแล้วหมาก็เห่าแบบนี้ประจำครับ ช่วงประมาณตี 1-2 เหมือนกับว่าเค้าออกมาปรากฏตัวให้เห็น"
หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ทางออฟฟิตเองก็ไม่ได้จัดการใดๆกับรถ
คุณนกเจ้าของเรื่องให้เหตุผลว่าเนื่องจากที่บริษัทเป็นบริษัทจีน ซื้อต่อมาก็ไม่เคยเจิมหรืออะไร
ทุกวันนี้ผมก็เอาพระออกจากรถไปแล้ว เพราะถือว่ามีสัญญากันว่าหากคุณอยู่ถ้าผมเป็นอะไรขึ้นมา ผมก็จะไม่ให้คุณอยู่แล้ว
เหมือนว่าถ้าเขาอยากอยู่ ก็ให้เขาอยู่ ถ้าหากเขาหมดกรรม เขาก็คงไปเอง
รถคันนี้เป็นรถญี่ปุ่นกระบะตอนเดียวนะจ๊ะ............
เรื่องนี้ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่เนอะ เอาไว้อยากให้พิมพ์เรื่องไหนให้อ่านก็บอกกันนะจ๊ะ
เรื่องจากพันทิป The Shock ตอน รถออฟฟิต
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปนาม เด็กหญิงจูดี้ขี้บ่น
Post a Comment