เครื่องพิมพ์ดีดผีสิง


     ว่ากันว่าวิญญาณสามารถสิงสถิตในสิ่งของต่างๆได้ เรื่องราวของความผูกพันกับสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ในตอนที่มีชีวิตอยู่นั้นบางครั้งเมื่อตายแล้วไม่ยอมไปผุดไปเกิดนั้น อาจด้วยความอาลัยอาวรณ์แล้ว ไม่ยอมไปเกิดหรือต้องการส่วนบุญเพื่อไปเกิด หรืออาจจะเสียชีวิตโดยขณะนั้นใช้สิ่งของชิ้นนั้นในช่วงที่ตาย เรามีเรื่องราวสุดเฮี้ยนแบบนี้ลองไปสัมผัสเรื่องจริงนี้กันเลยครับ

     เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเราอยู่ปี3ครับ (ขอโทษนะที่เล่าแบบกระโดดไปกระโดดมา ผีไหนจำขึ้นใจก็จะเอามาเล่าก่อนครับ ^^) ตอนปี3 เราต้องไปฝึกงานเป็นเวลา1เดือน คือไปฝึกกับเพื่อนๆ อาจารย์ให้แบ่งกลุ่มกันไป กลุ่มเราไป5คนครับ พวกเราฝึกงานที่สถานที่ราชการแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคเหนือ(ขอไม่กล่าวชื่อสถานที่นะครับ)...เราไปถึงก่อนล่วงหน้า1วัน  แล้วไปถึงที่นั่นก็เย็นมากแล้ว เจ้าหน้าที่บอกพวกเราว่า ยังไม่ได้ทำความสะอาดบ้านพักให้พวกเราเลย ให้พวกเรานอนในสำนักงานไปก่อนได้มั๊ย พวกเราก็ยังไงก็ได้ เพราะเดินทางไกล ต่างคนต่างเพลียครับ ก่อนจะไปพวกเราตกลงกันว่า ถ้าไปถึงจะไปไหว้ศาลพระภูมิ เจ้าที่เจ้าทางกันก่อน เพราะต้องอยู่อีกตั้งเดือนนึง แต่พอเอาเข้าจริงๆ นาทีนั้นเพลียครับ อยากอาบน้ำนอน ก็เลยไม่มีใครนึกถึงเรื่องไปไหว้เจ้าที่เจ้าทาง พวกเรานอนกันในห้องสำนักงานครับ ก็จะมีตู้เอกสาร โต๊ะทำงาน เรียงๆกันอยู่ แล้วก็มีเครื่องพิมพ์ดีดแบบโบราณตั้งอยู่ครับ

มันถูกตั้งอยู่โดดๆเครื่องเดียวเลย แต่มันยังไม่ใช่ประเด็นครับ พี่คนที่มาส่งพวกเราเอาเสื่อ ผ้าห่ม มาให้นอน แล้วก็พาไปดูห้องน้ำสำหรับอาบน้ำ แล้วพี่เค้าก็กลับไปเลยครับ เหลือแต่พวกเรา5คน ก็ทยอยๆกันไปอาบน้ำ (5คนผู้ชายทั้งหมดครับ) แล้วก็นอนครับ ก็นอนเรียงๆกัน ปิดไฟด้วย เปิดแอร์ในห้องทำงาน สบายเลยครับ กะว่าคืนนี้คงนอนหลับสบายแน่ๆ ผมเองก็สวดมนต์ก่อนนอนเหมือนเดิม พอสวดมนต์เสร็จ หัวถึงหมอนปุ๊บก็ไม่มีใครคุยกันเลย ต่างคนต่างนอน ผมมารู้สึกตัวอีกที ตอนที่ได้ยินเสียงนี้ครับ....ต๊อก...ต๊อก  แต๊ก...ต๊อก...ต๊อก....!!!!! ใช่ครับ มันเป็นเสียงพิมพ์ดีดครับ เหมือนมีใครซักคนกำลังพิมพ์ดีดอยู่  ผมลืมตาตื่นมา หันหน้าไปมองเพื่อน ก็พบว่ามันก็นอนมองหน้าผมเหมือนกัน ต่างคนต่างพูดไม่ออก ได้ยินใช่ป่ะ มันถามผมเบาๆ ผมก็พยักหน้าให้มัน  เชี่ย...มาวันแรกก็เจอเลย เพื่อนผมพูดแล้วมันก็หลับตานอนครับ แต่เพื่อนอีก3คนไม่มีใครตื่นนะ ผมเองก็ไม่ค่อยกลัวอยู่แล้ว แค่หวาดๆ ก็เลยนอนต่อเหมือนกัน แต่.....เสียงพิมพ์ดีดมันดังขึ้นเรื่อยๆครับ ผมก็เริ่มรำคาญ เพื่อนผมมันดูจะกล้ามากกว่า...มันลุกขึ้นเลยครับ เดินไปเปิดไฟ  พอไฟเปิดปุ๊บ เสียงพิมพ์ดีดหายไป เพื่อนอีก3คนก็ตื่น เพราะไฟส่องตามัน 3คนนั้นถามว่ามีอะไรทำไมเปิดไฟ ผมก็เล่าให้ฟัง ที่นี้ ไม่มีใครกล้านอนเลยครับ ก็เลยตัดสินใจกันว่า จะเปิดไฟนอนนี่แหล่ะ  ก็มานอนกันต่อครับ แต่คราวนี้ขยับเข้ามานอนติดๆกันมากขึ้น  ก็เหมือนเดิมครับ เสียงพิมพ์ดีดมา  ต๊อก...แต๊ก...แต๊ก...ต๊อก...แต๊ก!!!!....


....คราวนี้ได้ยินกันทั้งหมด5คนเลย เชี่ย มาอีกแล้วหว่ะ เพื่อนผมคนที่กล้าๆหน่อยมันลุกขึ้นครับ ผมก็ลุกตามมัน พอผม2คนลุกขึ้นยืนแล้วมองไปทางเครื่องพิมพ์ดีด เสียงก็หายไปครับ เพื่อนมันเลยเดินไปยกเครื่องพิมพ์ดีดตั้งขึ้น  ที่นี่หล่ะเมิง พิมพ์ไม่ได้แน่ เพื่อนพูดประมาณนี้ แล้วมันก็หันหลังกลับมาครับ  พอมันหันมาปุ๊บ เครื่องพิมพ์ดีดล้มลงมาวางเหมือนเดิมดัง...ปั๊งงงง....พวกผมนี่สะดุ้งเลย ขนลุกเกรียว....แต่เพื่อนผมคนที่ไม่กลัวอ่ะ มันบอกว่า โอเคๆ เดี๋ยวใส่กระดาษให้ อยากบอกอะไรพิมพ์ไว้นะครับ  อย่ามารบกวนกันเลย พวกผมขอนอนนะครับ เพื่อนผมพูดแล้วมันก็กลับมานอนครับ ผมเองก็พนมมือพูดในใจว่าอย่ามารบกวนกันเลย เดี๋ยวจะทำบุญไปให้ ....แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครับ เสียงหายไป พวกเราก็นอนกัน พอตอนเช้า พวกเรารีบตื่น เพราะเดี๋ยวเค้าจะมาทำงานกัน พอตื่นก็เก็บที่นอนครับ เพื่อนผมคนนึงมันดันเดินไปดูที่เครื่องพิมพ์ดีด มันพูดติดตลกว่า ใส่กระดาษไว้ให้แล้วเผื่อเค้าจะมาบอกหวย  มันเดินไปถึงมันก็เงียบไปครับ ผมเห็นมันดูอึ้งๆ ก็เลยแซวมันว่า ตะลึงเลยหรอ เห็นเลขหรอ มันส่ายหน้าบอกว่าเปล่า ไม่มีเลข แต่พวกมาดูเองเหอะ พวกผมก็เข้าไปดูครับ อึ้งกันทุกคน บนกระดาษมีตัวหนังสือถูกพิมพ์ไว้ว่า  "ทำบุญ หิว" เพื่อนผมดึงกระดาษออกแล้วมันก็ฉีกทิ้งถังขยะครับ มันพนมมือไว้บอกว่าเดี๋ยวจะไปทำบุญให้


     สรุปว่า ผีที่มาพิมพ์ดีด คือพนักงานผู้หญิงคนนึงที่เคยทำอยู่ที่นี่ครับ วันนั้นเค้าทำงานกลับคนสุดท้าย แล้วเกิดเป็นลมเสียชีวิตคาเครื่องพิมพ์นี้ เค้ามีโรคประจำตัวอยู่แล้วครับกว่าจะมีคนมาเจอศพก็ตอนเช้าแล้ว....พวกผมได้รู้จากพี่ๆที่ทำงานที่นั่นแหล่ะครับ แล้วก็ให้พี่ๆเค้าพาไปทำบุญอุทิศส่วนบุญไปให้เรียบร้อย ก็สบายใจ พี่เค้าบอกว่า ที่นี่เจอกันประจำไม่ไปผุดไปเกิดซักที

ไม่มีความคิดเห็น