งูผีจองเวร


     บางครั้งอาจเกิดขึ้นได้ เรื่องของแรงอาฆาตสุดแรงจากสัตว์เลื้อยคลาน เช่นงูเห่า งูจงอาง เป็นต้น แรงอาฆาตจากงูจงอาง ที่หากใครพรากลูกพรากเมียครอบครัวมันไป มันจะตามไปฆ่าล้างแค้น และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนมันจะตามไปจนเจอ และจัดการตอนเผลอ เรื่องต่อไปนี้นะครับเป็นแรงอาฆาตจากงูครับ เล่นเอาเสียหลักกันไปเลย ลองไปติดตามชมกันเลยครับ

     สมัยหนุ่มผมอยู่บางนาใกล้ๆ วัดทุ่ง มีถนนขรุขระไปออกก้นซอยอุดมสุขได้ ใกล้กับซอยนั้นมีร้านอาหารป่าเป็นโรงเรือนชั้นเดียวโล่งๆ ด้านซ้ายตั้งโต๊ะเตี้ยๆ กลางแจ้งมีเสื่อปูให้ลูกค้านั่งล้อมวงดื่มกินกันอย่างสบายใจ

ร้านนี้มีทั้งงูเห่า เต่า ตะพาบ ไปถึงเก้ง กวาง แย้ผัดเผ็ดใส่เปราะหอมก็ขายดี บางวันมีเมนูพิสดารเป็นเนื้อเสือ เนื้อหมีด้วย หลายๆ คนก็อยากลองกินดู

ผมมีเพื่อนสนิทชื่อเจ้าหมั่น อาชีพขับรถกระบะรับจ้าง วันไหนกลับเร็วก็จะมาชวนผมไปกินเหล้า ผลัดกันเลี้ยง...ตอนนั้นมีแค่ 200-300 บาทก็ได้เมากันเต็มที่แล้วครับ

เจ้าหมั่นชอบชวนไปร้านอาหารป่าที่ว่าบ่อยกว่าที่อื่น มันบอกว่าถูกปากดี!

เราชอบนั่งกลางแจ้งมากกว่านั่งโต๊ะในร่ม สั่งเหล้าโซดาน้ำแข็ง...ที่ขาดไม่ได้คืองูเห่าผัดเผ็ด วันไหนเงินหนาก็จะสั่งเลือดและดีงูมากิน เจ้าหมั่นบอกว่าแก้หนาว นัยน์ตาดีเหมือนตางู...ข้อสำคัญคือเป็นยาโป๊วที่พวกผู้ชายชอบกินกัน

ตอนจะเข้าห้องน้ำเราต้องเดินผ่านกรงใส่งูเป็นๆ ทั้งน่ากลัวและน่าสงสารบอกไม่ถูก มีลูกค้าบางคนมาชี้ว่าจะเอาตัวนั้นตัวนี้ บางคนก็ดูเขาปาดคองูเอาแก้วรองเลือดแดงข้น... กินทั้งเลือดงูดีงูอย่างหน้าตาเฉย!

ผมไม่เคยกินทั้งสองอย่าง...มองเขาถลกหนังงูเห็นเนื้อขาวๆแต่มันยังไม่ตาย เพราะบิดไปมา จนผมต้องเดินหนี... นึกถึงตางูที่จ้องมองราวร่ำร้องว่ามนุษย์นี่ช่างใจร้ายสิ้นดี

วันหนึ่ง เจ้าหมั่นสั่งงูผัดเผ็ดตามเคย ผมสั่งยำกบกับแกงหอยขม มีแม่ค้ามาขายเมี่ยงคำเลยสั่งมารองท้อง รายการนี้ต้องจ่ายเงินก่อน...เจ้าหมั่นหายไปข้างในพักใหญ่ก็เดินสูบบุหรี่ ยิ้มกริ่มกลับมา...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันไปจัดการกับเลือดและดีงูมาเรียบ ร้อยแล้ว

เวลาผ่านไปจนมืดค่ำ...เจ้าหมั่นคุยฟุ้งถึงสรรพคุณดีงู แต่ผมนึกถึงพวกงูเห่าในกรงที่รอความตาย บางตัวแถกไถจนปากเปื้อนเลือดแล้วตันคอหอยจนไม่นึกอยากกิน

สามทุ่มกว่าลูกค้าก็บางตาลง รถราทยอยกันออกไป หนุ่มสาวบางคู่เดินคลอเคลียกันไปขึ้นรถยนต์ เลี้ยวขวาเข้าซอยอุดมสุข
...อาจจะมีบังกะโลสุขใจเป็นจุดหมายก็ได้?

เราลุกอืดอาดไปที่รถเจ้าหมั่นที่จอดแอบอยู่ริมทางด้านใน ตอนนั้นยังเป็นทุ่งหญ้าและป่าละเมาะค่อนข้างรก...ไม่ช้าก็ขับรถย้อนกลับทาง เดิมเพื่อกลับบ้าน

ผมเขม่นตาขวายิบๆ ใจนึกถึงแต่พวกงูที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ในกรง...แสงไฟพวยพุ่งอยู่บนทางขรุขระ สองข้างทางเปล่าเปลี่ยวน่าใจหาย...จู่ๆ ภาพนั้นก็ปรากฏขึ้นกะทัน หัน ต่อหน้าต่อตาเราทั้งสองคน!

งูดำเมื่อมตัวหนึ่งกำลังเลื้อยปราดๆ จากพงหญ้าด้านซ้าย ตัดหน้ารถในระยะใกล้ ลำตัวขนาดใหญ่ราวต้นแขน ยาววาเศษ...หรือไม่ก็ราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุดลงเลย

"เฮ้ย! อะไรวะ..." เราตะโกนแทบพร้อมๆ กัน เจ้าหมั่นด่าตามเป็นชุดขณะที่ตะบึงรถแล่นทับงูตัวนั้นไป คิดว่าคงจะราวๆ กลางลำตัว ส่วนผมขนหัวลุก รู้สึกหนาวเยือกจากต้นคอลงไปตามแผ่นหลังเหมือนถูกนาบด้วยก้อนน้ำแข็ง

เสียงรถเบรกเอี๊ยด เจ้าหมั่นเปิดประตูออกไปพร้อมกับคำราม

"ดีละ! กูจะเอามึงไปผัดเผ็ดกินพรุ่งนี้ซะเลย"

ผมนั่งตัวแข็งอยู่กับที่ แว่วเสียงเพื่อนบ่นอะไรพึมพำ ก่อนจะเดินมาบอกว่าไม่เห็นอะไรเลย! ขนาดรถทับมันกลางตัวเห็นๆ จนน่าจะขาดกลางแล้ว แต่ไม่รู้ว่างูตัวนั้นมันหายไปไหน? เจ้าหมั่นคว้าไฟฉายจากเก๊ะไปส่องดูให้แน่ใจ ไม่ช้าก็ผิดหวังกลับมาขึ้นรถ

"ไอ้ห่...งูผีหรือไงวะ? ตัวยาวเป็นวา โดนทับกลางตัวเสือกหายไปเฉยเลย"

คืนนั้นผมนอนหลับๆ ตื่นๆ ฝันเห็นแต่งูในกรง ปากเปรอะเลือดส่งเสียงกรีดแหลม...ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดจนผมสะดุ้งตกใจ ตื่น ใจสั่น เหงื่อกาฬแตกซิก

วันรุ่งขึ้นก็ได้ข่าวว่าเจ้าหมั่นเป็นไข้หนัก นอนซมอยู่กับบ้าน...ผมไปเยี่ยมก็เห็นมันหน้าซีดขาว แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เสียงพูดแหบแห้งเต็มที

"มันจะกินเลือดกู...มันจะกินดีกู! ไอ้งูผีเปรตนั่น...โอย..."

     ผมขนลุกซ่าไปทั้งตัว พูดจาปลอบโยนไปตามเรื่อง เมียมันเอายากับน้ำมาให้เจ้าหมั่นก็เอะอะว่าเป็นเลือดงูแดงสด... มันกินไม่ลง! เลือดงูผีตัวใหญ่ ยาวตั้งเกือบสองวา

ไม่มีความคิดเห็น