ยาย ผีปอบ
ความเชื่อพื้นบ้านของไทย ปอบ จากหนังสุดคลาสสิคกับการลองโอ่งแบบรัวๆ ผีปอบ มาจากภาคอีสาน เป็นผีที่กินของดิบ ๆ สด ๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม โดยมีความเชื่อว่า ผู้ที่จะกลายเป็นปอบนั้น มักจะเป็นผู้เล่นคาถาอาคม หรือคุณไสย พอรักษาคาถาอาคมที่มีอยู่กับตัวไม่ได้ หรือกระทำผิดข้อห้าม ปอบคือจิตวิญญาณมิจฉาทิฏฐิ จะเข้าแฝงร่างสิงสู่คนที่เป็นสื่อให้ และใช้ร่างหรือรูปลักษณ์ของคนๆนั้น ไปกระทำการไม่ดีต่างๆ และเชื่อด้วยว่า หากวิญญาณปอบเข้าสิงสู่ผู้ใด จะกินตับไตไส้พุงของผู้ที่โดนสิงจนกระทั่งตาย ฟังเรื่องจริงต่อไปนี้กันเลยครับ
พ่อแม่ผมอาศัยอยู่ที่บ้านพักราชการ ในศูนย์ดูแลคนชราแห่งหนึ่ง ตัวผมทำงานไกลเลยไปเช่าหออยู่ใกล้ๆ ที่ทำงาน จะกลับมาบ้านพ่อแม่บ้างเป็นบางครั้ง ที่บ้านจะมีไก่ชนที่ผมรักมาก ฝากให้พ่อช่วยดูแล มีอยู่คืนหนึ่ง พ่อโทรมาหาผมบอกว่าไก่ชนตายไปตัวนึง พอรุ่งเช้าผมรีบกลับบ้านเพื่อไปดูไก่ชนตัวที่เหลือ เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นโรคติดต่อ แต่ก็ไม่ใช่ครับ ผมจึงไปทำงานและก็กลับที่พักตามปกติ พอตกกลางคืน พ่อผมก็โทรมาอีก บอกว่าได้ยินเสียงไก่ร้องแปลกๆ เหมือนตัวที่ตายเมื่อวาน ผมเลยรีบบึ่งมาดูแลไก่
ลักษณะที่เลี้ยงไก่จะเป็นสุ่ม มีผ้าคลุมไว้เพื่อให้ไก่ได้หลับนอนตอนกลางคืน ขณะที่ผมเฝ้าอยู่นั้นเอง สายตาผมก็เหลือบไปเห็นแมวสีดำตัวหนึ่ง ซึ่งผมไม่เคยเห็นแมวตัวนี้มาก่อน มันพยายามเดินไปเดินมาห่างๆ จากสุ่ม แล้วอยู่ๆ มันก็หายไปโดยที่ผมไม่ทันสังเกตุ ทันใดนั้น ไก่ชนผมก็ดิ้นๆ และร้องเสียงดัง เพียงไม่กี่อึดใจก็เงียบไป ผมรีบเปิดผ้าคลุมออก ปรากฏว่าไก่ชนผมนั้นตายแล้ว โดยลักษณะคอหัก และน้ำหนักตัวซูบเบาลงเฉยๆ ผมรีบไปบอกพ่อ พ่อผมเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า ‘ต้องใช่แน่ๆ’ ผมก็ซักถามพ่อได้ความว่า ‘ไม่นานนี้ มียายคนหนึ่งเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่ศูนย์พักคนชรา กำนัน และผู้ใหญ่บ้านเขามาฝากเอาไว้ ชาวบ้านแถวนั้นไม่ยอมให้ยายคนนี้อยู่ในหมู่บ้าน เพราะเขาเชื่อกันว่ายายแกเป็นปอบ พอย้ายมาอยู่ที่นี่ มานอนร่วมกับคนอื่นไม่นาน คนที่นอนข้างๆ ยายแกก็จะตายโดยไม่ทราบสาเหตุ เลยต้องแยกยายคนนั้นให้นอนในห้อง..’ ผมได้ฟังก็รู้สึกอึ้งเหมือนกันครับ เพราะนึกว่าเรื่องแบบนี้จะมีแต่ในละคร
วันต่อมาพ่อมาบอกผมว่า ยายคนนั้นเดินปร๋อเลย จากที่ร่างกายไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง นั่นยิ่งทำให้เพิ่มความมั่นใจว่า ยายแกเป็นปอบจริงๆ.. หลังจากนั้นไม่นาน แม่ของผมก็ป่วยครับ ต้องพักอยู่ที่บ้าน แล้วพอตกเย็นก็มักจะเห็นยายคนนี้แกมาเดินวนเวียนอยู่หน้าบ้าน เป็นแบบนี้เป็นประจำ บางวันมีซื้อขนมมาฝากด้วย พยายามจะยัดเยียดให้แม่ผมกิน แต่ผมเอาไปทิ้งตลอด.. หลายวันผ่านไป อาการของแม่ผมก็ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น พ่อบอกให้ไล่ยายคนนี้ไป และห้ามกินของที่แกเอามาให้เด็ดขาด เย็นวันนั้น ผมก็เห็นยายแกมาตะล่อมๆ ที่หน้าบ้านอีก ครั้งนี้ผมทนไม่ไหวแล้ว เลยตัดสินใจเดินออกไปพูดว่า ‘บ้านนี้ไม่มีใครต้อนรับยาย กลับไปเถอะ!’ จากที่ยายแกพยายามพูดดีมาตลอด แกเปลี่ยนสีหน้าทันที เหมือนไม่ใช่คนปกติเลยครับ ตานี่ดำสนิท น่ากลัวมากๆ แล้วยายก็ตะโกนว่า ‘อย่าให้ถึงทีกูบ้างแล้วกัน!’ แล้วแกก็เดินจากไป..
แล้วใช่ว่ายายแกจะละเลิกความพยายาม ในทุกๆ เย็นแกก็ยังมาเดินตะล่อมๆ แถวหน้าบ้านผม แต่พักหลังดูยายแกโทรมๆ เหมือนผีเลย ผมปิดประตูบ้าน และพยายามไม่ออกไป ช่วงนั้นผมต้องคอยเฝ้าแม่ทุกวันเลยครับ.. หลังจากนั้นไม่นาน อาการของแม่เริ่มดีขึ้นๆ ตามลำดับ.. จนมีวันหนึ่งพ่อกลับมาบอกว่า ยายแกเสียแล้ว สภาพศพของยายนั้น เหมือนคนตายมานานแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งตาย จากคนร่างท้วมเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะดีใจ หรือเสียใจดี เพราะพ่อผมบอกอีกว่า ‘ปอบจะตายก็ต่อเมื่อได้ทายาทแล้ว..’ และพ่อผมสันนิษฐานว่า ทายาทปอบก็คือ 1 ในหญิงชราที่นี่แหละ เจ้าหน้าที่ต้องทำการแยกคนที่น่าสงสัยไปนอนในห้องคนเดียว ไม่กล้าให้นอนรวม เพราะกลัวว่าคนข้างๆ จะตายโดยไม่ทราบสาเหตุอีก.. แต่จากนั้นมา ไก่ชนผมก็ไม่ตายอีกเลย เพราะผมทำห้องให้อยู่ และมีพระตั้งอยู่หน้าห้องด้วยครับ..
Post a Comment