แอร์สาวกับอาถรรพ์เลข 13
เรื่องจริงต่อไปนี้เกิดขึ้นกับ แอร์โฮสเตสสาวที่เธอต้องไปพัวพันกันกับ อาถรรพ์เลข 13 เป็นเลขที่ฝรั่งกลัวมากและเห็นว่าเป็นเลขอัปมงคล เช่น ศุกร์ 13 หรือบางอาคารไม่มีชั้น 13 แต่เป็นชั้น 12 เอ เลข 13 น่ากลัวจริงหรือ ความเชื่อเรื่องเลข 13 นั้นรุนแรงมากในหลายพื้นที่ เมืองหลายเมืองไม่มีถนนสาย 13 ตึกหลายหลังไม่มีชั้น 13 นอกจากนี้ที่ฝรั่งเศสยังมีบริษัทตั้งเฉพาะ สำหรับจัดหาแขกเพิ่มให้กับงานเลี้ยงที่บังเอิญมีแขกมาร่วม 13 คนพอดี เนื่องจากเชื่อกันว่าหากคนนั่งร่วมโต๊ะกัน 13 คนแล้ว คนแรกที่ลุกจากโต๊ะจะเสียชีวิตภายในปีเดียว อย่างไรก็ตามความเชื่อนี้กำลังแพร่หลาย จากสังคมตะวันตกไปทั่วโลก แม้แต่ในประเทศจีนเอง ซึ่งสมัยก่อนนั้นถือว่าเลข 4 เป็นเลขแห่งความโชคร้ายมากที่สุด เดี๋ยวนี้ก็จัดให้เลข 13 เข้ากลุ่มเลขโชคร้ายไปด้วย และแทบไม่มีอาคารสมัยใหม่อาคารไหนที่มีชั้น 13 ขณะเดียวกันโรงแรมส่วนใหญ่ก็หลีกเลี่ยงที่จะทำห้องพักหมายเลข 13 ด้วย
เรื่องราวทั้งหมดพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวัน พฤ. - ศ. ที่ผ่านมานี้เอง เกิดขึ้นที่ประเทศสาธารณรัฐเซเชลส์ (Republic of Seychelles)ประเทศเซเชลส์นี้เป็นหมู่เกาะ ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย จัดอยู่ในทวีปแอฟริกา เกาะข้างเคียงที่มีชื่อเสียงก็คือเกาะมาดากัสการ์เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่ รร ระดับ 5 ดาว บนเกาะแห่งนี้ น้องไปรท์เจ้าของเรื่องเล่านี้มีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินหนึ่งและเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาก็ต้องไปทำงานและต้องเข้าพักที่ รร แห่งนี้ ก่อนหน้าที่จะเข้าพักเพื่อนร่วมงานหลายๆคนก็ได้บอกแล้วว่าที่นี่มีห้องห้องหนึ่งมีผี แต่ก็ยังไม่บอกกันว่าเป็นห้องเบอร์อะไร ร้องไปรท์ต้องพักที่ รร แห่งนี้เป็นเวลา 2 คืน โดยต้องพักอยู่ลำพังคนเดียวห้องที่ได้พักคือห้อง 184 ลักษณะของห้องจะเป็นห้องที่อยู่ชั้นล่าง อยู่ติดริมทะเล แค่เปิดระเบียงออกไปก็เดินลงสู่ชายหาดได้เลยในห้องพักบริเวณโซนนี้ทาง รร จะจัดให้พักเฉพาะ พนง.จากสายการบินต่างๆเท่านั้น ไม่ได้เปิดให้แขกภายนอกเข้ามาพักภายในห้องพักถ้าเปิดประตูห้องเข้ามา ซ้ายมือจะเป็นระเบียงที่สามารถเปิดออกแล้วเดินสู่ชายหาดได้ ถัดจากระเบียงมาก็จะเป็นโต๊ะตัวเล็กๆพร้อมด้วยโซฟาที่อยู่ปลายเตียง เตียงนั้นจะตั้งอยู่ตรงกลางของห้อง ข้างซ้ายมือคือกำแพง แต่จะห่างจากเตียงประมาณ 1 ม. ถัดขึ้นไปจากหัวเตียงทาง รร แต่งเป็นโต๊ะทำงาน ซึ่งถ้าเกิดนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะเงยหน้าขึ้นมาข้างหน้าก็คือเตียง ถัดไปก็จะเห็นวิวทะเลนั่นเอง ขวามือของโต๊ะทำงานจะมีตู้เสื้อผ้าตู้ใหญ่อยู่ติดกับกำแพง ข้างหลังของโต๊ะทำงานจะเป็นห้องน้ำแบบที่มีอ่างอาบน้ำ ตรงกลางจะถูกกั้นด้วยกำแพงเล็กๆ ทางขวามือก็จะเป็นห้องอาบน้ำแบบฝักบัว พอน้องไปรท์เช็คอินเข้าห้องเรียบร้อยแล้วก็ได้ทำการบอกเจ้าที่เจ้าทางว่ามาขอค้างคืนอ้างแรม เนื่องจากมาทำงาน ขออย่าได้มารบกวนกัน ทั้ง 2 คืนที่น้องไปรท์พักอยู่ห้องนี้ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
พอถึงวันที่ต้องเดินทางกลับกรุงเทพเพื่อนๆที่เคยรู้ประวัติเกี่ยวกับห้องใน รร นี้มาก่อนก็ได้มานั่งจับเข่าคุยกันแล้วก็เริ่มเล่าให้น้องไปรท์ฟัง เหตุการณ์แรกคนที่เจอนั้นเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินหนึ่ง เธอไม่ใช่คนไทยแต่เป็นคนเอเชียนี่แหละเรื่องมีอยู่ว่าพอเธอไปถึงก็เข้าเช็คอินที่ห้องห้องหนึ่ง ห้องนั้นก็เป็นลักษณะเดียวกับที่น้องไปรท์ไปพักมา แต่ว่าคืนแรกที่เธอเข้านอนระหว่างที่นอนอยู่นั้นเธอได้ยินเสียงเหมือนคนเปิดกระจกระเบียงตรงปลายเตียงนั้นดัง ครืด!! แอร์สาวคนนั้นก็ลืมตาขึ้นมองแต่ไม่เห็นใครสักคน เธอจึงคิดว่าอาจจะหูฝาดเลยพยายามข่มตานอนหลับต่อ ต้องบอกก่อนว่าแอร์สาวคนนี้เธอไม่ได้นับถือพุทธ เธอนับถืออีกศาสนาหนึ่งจึงไม่ได้กลัวอะไรเกี่ยวกับเรื่องของวิญญาณ ในระหว่างที่กำลังจะหลับอีกครั้งนั้น อยู่ดีๆเธอก็ได้ยินเสียงฝักบัวเสียงฝักบัวกำลังเปิดอยู่เหมือนกับมีคนกำลังอาบน้ำอยู่ในห้อง Shower หลังหัวเตียงนั่นเอง ด้วยความที่เธอไม่ได้เชื่อเรื่องวิญญาณก็เลยลุกขึ้นมาแหงนหน้ามองไปที่หลังหัวเตียง แต่ภาพที่ปรากฏก็คือ ไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติ ฝักบัวน้ำไม่ไหว เธอจึงพลิกตัว
เพื่อจะลงมานอนต่อ ในระหว่างที่กำลังจะหลับอีกครั้งหนึ่งนั้นเธอก็ได้ยินเสียงคนรื้อตู้เสื้อผ้า ดังกุกกักๆ ดังมาจากหัวเตียงด้านขวามือครั้งนี้แอร์สาวคนนั้นถึงกับโมโห จะลุกขึ้นมาดู แต่แค่ลืมตาเท่านั้นเธอเห็นผู้หญิงผมทอง ผมยาวๆ ใส่ชุดว่ายน้ำเนื้อตัวเปียกปอนยืนอยู่ปลายเตียงหันหน้ามาประสานตากับเธอ ก่อนที่แอร์สาวคนนั้นจะทำอะไรได้ ผู้หญิงผมทองก็ตวาดด้วยเสียงดังว่า "ออกไปจากห้องของชั้น!!" แล้วไฟในห้องก็ดับวูบลง พร้อมกันนั้นเสียงเปิดปิดตู้เสื้อผ้าก็ดังขึ้น รวมถึงประตูระเบียงก็เปิดปิดๆเองแอร์สาวคนนั้นถึงกับสติแตก ต้องรีบวิ่งหนีออกมาจากห้องนั้นโดยเร็ว นั่นคือเหตุการณ์แรง
เหตุการณ์ที่ 2 ก็มีแอร์โฮสเตสของสายการบินหนึ่งไปพักที่ห้องดังกล่าว แอร์คนที่ 2 นี้ก็เป็นคนชาติเดียวกันกับแอร์คนแรกในขณะที่มาถึง รร แห่งนั้นไฟลท์ของเครื่องบินเกิดดีเลย์ จึงเข้ามาเช็คอินดึกประมาณ 3 ทุ่มแล้ว หลังจากที่เธอรับกุญแจห้องจากฟร้อนท์ด้านล่าง พอเดินไปถึงห้องก็เอากุญแจการ์ดนั้นเสียบเปิดประตู หลังจากเปิดประตูออกเธอก็เอาคีย์การ์ดเสียบเพื่อให้ไฟทำงานไฟในห้องก็ติด แอร์สาวคนนั้นยังไม่ได้เอากระเป๋าเข้าในห้องจึงกำลังขยับตัวไปทางประตู สายตาก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงผมทองคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาบริเวณปลายเตียงลักษณะนั่งหันข้าง ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆหันหน้ามาประจันหน้ากับเธอแล้วตะโกนขึ้นสุดเสียงว่า "ที่นี่เป็นห้องของชั้น!!!" พอพูดจบก็ลุกขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าใส่แอร์สาวที่ยืนอยู่หน้าประตู แอร์สาวคนนั้นถึงกับเป็นลม นั่นคือเหตุการณ์ที่ 2
เหตุการณ์ที่ 3 เกิดขึ้นกับแอร์โฮสเตสของอีกสายการบินหนึ่ง แต่ว่าเธอก็เป็นคนชาติเดียวกันกับ 2 คนแรกที่เจอเธอคนนี้เล่าว่าในขณะที่กำลังอาบน้ำฝั่งของฝักบัวอยู่นั้น จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเปิดน้ำลงในอ่างอาบน้ำพร้อมกับเสียงผู้หญิงฮัมเพลงเธอจึงนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกมาดูอีกฝั่ง ก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติ คืนนั้นแอร์สาวคนนี้ก็เข้านอนด้วยความอ่อนล้าจากการทำงานระหว่างที่เธอกำลังนอนหลับอยู่นั้น เธอนอนตะแคงหันหน้ามาทางซ้ายมืออยู่ดีๆเธอก็รู้สึกเหมือนว่าด้านหลังของเธอมีการยวบลงไปเหมือนมีใครขึ้นมาบนเตียง เธอก็เลยพลิกกลับไปดู เห็นผู้หญิงผมทองคนหนึ่งนอนหันหน้ามาทางเดียวกับเธอ แล้วบอกกับเธอเบาๆว่า"ที่นี่ห้องของชั้น เตียงนี้ก็ของชั้น" นั่นคือเหตุการณ์ที่ 3
เหตุการณ์สุดท้าย เหตุการณ์นี้ก็เหมือนเดิม เป็นแอร์โฮสเตสจากสายการบินหนึ่ง ซึ่งยังคงเป็นชนชาติเดียวกับ 3 คนแรกเรื่องมีอยู่ว่า แอร์สาวคนนี้หลังจากที่เช็คอินเข้าห้องพักแล้วก็ออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆข้างนอก กว่าจะกลับมาเข้ามาที่ห้องก็เกือบตี 1พอเข้าห้องมาเสร็จเธอก็วางของลง แล้วก็วางขวดเบียร์ขวดหนึ่งไว้บนโต๊ะทำงานเหนือหัวเตียง ระหว่างนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะเข้านอนระหว่างที่กำลังจะหลับเธอได้ยินเสียงเหมือนอะไรสักอย่างดังกุกกักอยู่บนโต๊ะทำงานเหนือหัวเตียงนั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงแก้วแตกดัง เพล้ง!!ใกล้ๆหัวเตียงของเธอ เธอหันไปมอง เป็นขวดเบียร์นั่นเอง ขวดเบียร์ที่เธอถือเข้ามามันตกลงมาแตก แต่ก็ไกลจากโต๊ะที่เธอวางอยู่พอสมควรแต่สิ่งที่ทำให้แอร์สาวคนนี้ตกใจและขนลุกมากกว่าแก้วแตกก็คือ บนโต๊ะทำงานมีผู้หญิงผมทองยืนอยู่บนโต๊ะเหนือหัวเตียงของเธอผู้หญิงคนนั้นกำลังจ้องมองลงมาบนเตียงที่แอร์คนนั้นนอนอยู่ เธอจ้องมองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเลย แล้วพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันดุดันว่า"มาทำอะไรเลอะเทอะในห้องของชั้น!!!" พอพูดจบเธอก็กระโดดลงมาที่เตียง แล้วก็ก้าวข้ามทะลุออกไปนอกระเบียง พร้อมๆกับที่เสียงหัวเราะของผู้หญิงที่หัวเราะอย่างสะใจดังขึ้นรอบๆห้อง เตียงทั้งเตียงนั้นโยกจนแทบจะลอยจากพื้น นั่นคือ 4 เหตุการณ์ที่น้องไปรท์ได้รับฟังหลังจากกลับมาจากห้องพักที่ รร นั้นแล้ว
ทีนี้ก็มาถึงเวลาเฉลยว่าวิญญาณของผู้หญิงผมทองคนนั้นเป็นใคร เหตุการณ์มันเริ่มต้นเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วมีแอร์โฮสเตสของสายการบินหนึ่งที่มาจากประเทศแถบยุโรปตะวันออก แอร์คนนั้นก็เป็นชาวยุโรปตะวันออกนั่นแหละเธอได้มาพักที่ รร แห่งนี้ ดังที่บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าระเบียงนั้นสามารถเปิดลงไปสู่ชายหาดได้เลย แอร์สาวคนนั้นก็ลงไปเล่นน้ำที่หน้าห้องของตัวเองนั่นเอง แต่ว่ามีคนเห็นเธอถูกคลื่นซัดหายไปในมหาสมุทรอินเดีย โดยที่ข้าวของของเธอก็ยังคงวางอยู่ในห้องส่วนที่ว่าทำไมแอร์โฮสเตสส่วนใหญ่ที่ได้มาพักห้องนี้แล้วได้พบเจอประสบการณ์สยองขวัญจากวิญญาณผู้หญิงผมทองมีแค่ชนชาติเดียวที่เจอนั่นก็เพราะว่า ก่อนที่แอร์โฮสเตสชนชาติยุโรปตะวันออกท่านนี้จะเสียชีวิตลงนั้นเธอได้มีเรื่องเคืองใจกับแอร์โฮสเตสจากชนชาตินี้มาก่อนนั่นเอง และอีกอย่างที่เรื่องนี้มีชื่อเรื่องว่า ความเชื่อหมายเลข 13 ก็เพราะว่าห้องที่แอร์โฮสเตสสาวชาวยุโรปตะวันออกคนนั้นเสียชีวิตลง ก็คือห้องหมายเลข 184 ที่น้องไปรท์ได้ไปนอนมานี่เอง ความเชื่อนี้ก็มาจากบรรดาแอร์โฮสเตสที่นับถืออีกศาสนาหนึ่ง ซึ่งนับเลข 13 เป็นเลขอาถรรพ์
...ลองบวกดูสิ 1+8+4 เป็นเท่าไหร่...
Post a Comment