ยายอยากกลับบ้าน
ประสบการณ์จริงของคุณบีที่จะมาเล่าสู่กันฟัง เรื่องของเธอเกิดขึ้นเมื่อตอนที่เธอมีโอกาสไปประเทศฮ่องกง การที่ต้องพักต่างที่ต่างโรงแรมมักจะมีเรื่องให้เธอหลอนอยู่ตลอด ครั้งนี้เธอต้องเจอเรื่องประหลาดสุดหลอนที่เธอไม่เคยลืม
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวคุณบีเอง ที่ได้ไปพบเจอมาเมื่อตอนที่ไปเที่ยวในประเทศฮ่องกง วันนั้นหลังเสร็จจากช้อปปิ้งที่เสินเจิ้น คณะของคุณบีก็ย้ายไปเข้าพักในตัวเมืองฮ่องกงแถวถนนนาธาน บริเวณนั้นมี รร.หรูแห่งหนึ่งที่กรุ๊ปทัวร์ไทยมักจะไปพักกันเป็นหมู่คณะ ย่านนั้นจึงมีคนไทยอยู่กันเป็นจำนวนมากไกด์ถึงกับเอ่ยปากว่า "ไม่ต้องกังวลเลยนะคะ มีอะไรเกิดขึ้นเราจะได้ช่วยเหลือกันได้" คุณบีจึงเกิดความสบายใจในการพักที่นี่มาก
โดยปกติคุณบีเป็นคนที่ชอบสวนมนต์ก่อนนอน แม้กระทั่งเวลาไปค้างคืนที่ต่างประเทศ เธอจะขึ้นต้นด้วยบทบูชาพระรัตนตรัยแล้วจบด้วยการขอพรจากพระพุทธให้ช่วยคุ้มครองและนอนหลับฝันดี เนื่องจากว่าวันนั้นเธอตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าและกว่าจะได้เข้าพักก็3 ทุ่มแล้ว ดังนั้นเมื่อเธอทำธุระส่วนตัวเสร็จเวลา 3 ทุ่มครึ่ง คุณบีก็พร้อมที่จะเข้านอน พอล้มตัวลงนอนได้พักใหญ่ๆขณะที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอมองไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ลวดลายแบบจีนที่บริเวณปลายเตียง เป็นหญิงชราอายุประมาณ 70-80 ปีมัดผมเกล้ามวย ใส่เสื้อลูกไม้สีครีมผ้าถุงลายไทย เห็นแม้กระทั่งใบหน้าว่าเป็นหน้าของคุณยายแก่ๆคนหนึ่ง คุณบีจึงถามออกไปว่า"คุณยายคะ คุณยายมีอะไรคะ มาทำไม คุณยายอย่ามาหลอกหนูเลยนะคะ หนูกลัว" คุณยายไม่ตอบ ได้แต่ยิ้ม
คุณบีด้วยความที่กลัวจึงหันไปนอนคว่ำหน้าพร้อมกับสวดมนต์ หลังจากท่องนะโมครบ 3 จบคุณบีก็นอนเอามือกุมหัวไม่อยากได้ยินเสียง หรือรับรู้อะไรอีก แต่สิ่งที่เธอสัมผัสไม่ใช่เพียงแค่เส้นผมบนศรีษะของตัวเองเท่านั้น คุณบีสัมผัสกับมือมือหนึ่งเป็นมือเหี่ยวย่นและมีเล็ยยาวคล้ายมือคนแก่ มือนั้นกำลังลูบหัวของเธออยู่ คุณบีตะโกนออกไปด้วยความกลัว "คุณยาย...อย่าทำอะไรหนูเลยๆๆ" คุณยายตอบกลับมาว่า "ไม่ได้ทำอะไรหรอก ยายไม่ได้มาทำอะไรเลย ยายคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้านยายคิดถึงเมืองไทย ยายอยากกลับบ้าน" คุณบีนอนดิ้นไปมาด้วยความกลัวจนกระทั่งสะดุ้งตื่น
คุณบีไม่อยากลืมตากลัวว่าจะมองเห็นสิ่งที่ได้เจอเมื่อคืนนี้จึงได้แต่ภาวนาว่าเมื่อลืมตาไปขออย่าได้เจอเก้าอี้ตัวนั้นแต่เมื่อลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เห็นก็คือเก้าอี้ตัวนั้น เก้าอี้ที่คุณยายนั่งอยู่เมื่อคืนที่ปลายเตียง คุณบีได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ สงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามใครทั้งคนไทยที่นั่น รวมทั้ง จนท.ที่ รร. เพราะตัวคุณบีเองยังไม่สามารถอธิบายได้จริงๆว่าสิ่งฃที่ได้พบเจอนั้นทำไมถึงกลายเป็นความฝันไปได้ เพราะเธอมั่นใจมากๆว่าตอนที่เธอพบกับคุณยายนั้น เธอยังไม่ได้หลับจริงๆเพียงแค่ครึ่งหลับครึ่งตื่นเท่านั้น แต่น้องสาวที่นอนด้วยกันก็ไม่ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาดูเธอเลยแม้แต่น้อย
คุณบีมารู้ตัวภายหลังว่าในคืนนั้นสาเหตุที่เธอเจอกับคุณยายอาจเป็นเพราะตัวเธอปกติจะห้อยพระติดตัวแต่คืนนั้นก่อนเข้านอนเธอลืมหยิบพระมาใส่ ในขณะที่น้องสาวและคนอื่นๆในคณะทัวร์ไม่มีใครเจอเหมือนกับเธอเพราะทุกคนใส่พระนอนกันหมดเมื่อลองคิดทบทวนถึงสิ่ฃที่พบเจอในคืนนั้นคุณบีก็รู้สึกได้ว่าการที่คุณยายมาลูบหัวเธอนั้นมันเต็มไปด้วยสัมผัสของความคิดถึงความโหยหายที่อยากจะกลับบ้าน จนดูเงียบเหงาและน่าสงสารเหลือเกินแต่คุณบีก็ไม่สามารถช่วยนำพาดวงวิญญาณของคุณยาย
กลับมาเมืองไทยด้วยได้เพราะตนเองก็ไม่ใช่คนที่มีความรู้ในเรื่องพวกนี้ ทำได้แค่ทำบุญทำทานถวานสัฆทานและอุทิศส่วนกุศลให้คุณยายเท่านั้น คุณบีได้แต่คิดเสียดายว่าไม่สามารถช่วยอะไรคุณยายได้เลย หากเป็นไปได้เธอคงอยากจะช่วยพาดวงวิญญาณของคุณยายกลับมาส่งบ้าน ไม่ให้คุณยายต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในประเทศที่ไม่รู้จักใครแบบนี้
Post a Comment