โดนกุฎิเฮี้ยน
เรื่องราวเกิดขึ้นกับคุณชัยเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่ง เมื่อเขามีโอกาสที่ไปบวช เรื่องราวความหลอนเกิดขึ้นเมื่อปี 2550 เมื่อทุกคืนหลอกหลอนในกุฏิหลอนสุดๆ ลองไปชมกันเลยว่าเขาเอาตัวรอดในสถานการณ์นี้ได้อย่างไร
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่คุณชัยได้ประสบมาด้วยตัวเองเมื่อปีพ.ศ. 2550 ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี คุณชัยมีโอกาสได้ไปบวชที่วัดแห่งนี้เมื่อเดือนมีนาคม 2550 หลวงพี่ชัยได้ไปจำวัดอยู่ที่กุฏิ 2 ชั้น มีห้องทั้งหมด 5 ห้อง แต่แปลกที่ไม่มีพระรูปอื่นอยู่ที่กุฏินั้นเลยมีเพียงแค่หลวงพี่ชัยเท่านั้น คืนแรกด้วยความต่างที่หลวงพี่ชัยก็นอนไม่ค่อยหลับ บางครั้งก็หลับๆตื่นๆ นานๆทีก็ได้ยินเสียงใครบางคนลากโต๊ะและเก้าอี้ดังแว่วมา หลวงพี่ชัยได้แต่คิดในใจว่าใครกันนะมาลากเก้าอี้อยู่ได้ดึกๆดื่นๆ เช้ามาจะไปหาตัวต่อว่าซะหน่อยพอล่วงเข้าใกล้เวลาออกบิณบาตรในตอนเช้าตรู่ หลวงพี่ชัยก็รู้สึกว่ามีบางอย่างวูบผ่านตาไป ลักษณะคล้ายผู้หญิงผมยาวที่ทาหน้าจนขาวโบ๊ะ หลวงพี่ชัยตกใจจึงไม่นอนลงอีก ลุกขึ้นครองผ้าเตรียมออกบิณบาตรเลยจะดีกว่าฃ
วันที่สอง เช้ามาเด็กวัดก็เข้ามาถามสารทุกข์สุกดิบตามประสาว่าเป็นอย่างไรบ้างอยู่ได้ไหม หลวงพี่ชัยก็คิดว่าสิ่งที่เจอก็เป็นเพียงแค่เสียงและเงาวูบวาบ ยังไม่ถึงกับหนักหนาสาหัสเท่าไหร่ ยังพอรับได้ หลวงพี่ชัยจึงตอบว่า "ก็ไม่เห็นมีอะไรนะ นอนได้"ล่วงเข้าช่วงดึกคืนที่สอง ก่อนจำวัดหลวงพี่จะภาวนาและในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงคนลากเก้าอี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นเสียงที่จะดังขึ้นทุกๆ2-3 ชม. หลวงพี่ทั้งหงุดหงิดใจและสงสัยไปพร้อมกันตลอดทั้งคืน ตั้งใจว่าตอนเช้าจะเข้าไปถามให้รู้เรื่อง แต่พอเช้ามากลับพบว่าห้องข้างๆนั้นล็อคกุญแจเรียบร้อยเหมือนกับวันแรก หลวงพี่ได้แต่สงสัยอีกครั้งว่าทำไมพระรูปนี้ถึงได้ออกจากห้องเร็วแบบนี้ทุกๆวันมีอะไรที่ต้องทำเช้าขนาดนี้หรือ?
วันที่สาม เช้าหลังกลับจากบิณบาตรเด็กวัดก็เข้ามาถามอีกว่า "หลวงพี่ เมื่อคืนนอนสบายดีมั้ยครับ" หลวงพี่ชัยจึงตอบว่านอนไม่ค่อยสบายเพราะได้ยินเสียงลากเก้าอี้ข้างห้องทั้งคืน เด็กวัดได้ยินก็มีทาทีเปลี่ยนไปเหมือนเกี่ยงกันให้บอกอะไรหลวงพี่สักอย่างแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูด ตอนนั้นมีเด็กวัดอีกคนเพิ่งขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเมื่อรู้เรื่องราวก็บอกว่าจะเล่าให้หลวงพี่ฟังเอง "ถ้าหลวงพี่ฟังแล้วอย่ากลัวนะ" หลวงพี่อยากรู้จึงตอบว่า "เล่ามาเถอะ ไม่กลัวหรอก"
เด็กวัดคนนั้นเล่าว่าข้างห้องบนกุฏิของหลวงพี่เคยมีพระมาบวชอยู่รูปหนึ่ง พระรูปนี้ก่อนจะมาบวชท่านเคยติดยามาก่อนเมื่อมาบวชก็ได้พบกับสีกาคนหนึ่งเมื่อรู้จักกันสีกาคนนั้นก็รู้สึกสงสาร อยากจะช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้หลวงพี่รูปนั้นบวชให้ดีไม่อยากให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก คอยแวะเวียนมาพูดคุยให้กำลังใจหรือหากขาดเหลืออะไรให้บอกจะช่วยสนับสนุนแต่หลวงพี่รูปนั้นกลับคิดอกุศล คิดไปว่าสีกาคนนั้นมาชอบตนเองในเชิงชู้สาว
ภายหลังหญิงสาวคนนั้นจึงตอบไปตามตรงว่าท่านเข้าใจผิด "ดิฉันไม่ได้ชอบท่านอย่างนั้นหรอกค่ะ เพียงแค่อยากคอยให้กำลังใจท่านเท่านั้น" หลวงพี่รูปนั้นก็เสียใจมาก ตกดึกคืนนั้นหลวงพี่ก็ตัดสินใจผูกคอตายที่กุฏิ แต่ภายในห้องนั้นเป็นห้องที่เพดานสูงมาก และยังมีฝ้าเพดานกั้นอยู่ไม่สามารถปีนขึ้นไปผูกเชือกที่ขื่อได้ หลวงพี่จึงผูกเชือกที่บานพับหน้าต่างโดยลักษณะการตายนี้แปลกกว่าปกติคือ หลวงพี่นำเก้าอี้มานั่งแล้วเอาเชือกผูกที่บานพับแล้วผลักเก้าอี้ออกไปทำให้ตัวเองล้มลงจนเชือกตึง น้ำหนักที่ถ่วงนั้นแรงจนทำให้กระดูกต้นคอหลุดและมรณภาพในที่สุด
หลวงพี่ชัยได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็เข้าใจแล้วว่าเสียงเก้าที่ลากที่ได้ยินทุกคืนนั้นหมายถึงอะไร หลวงพี่ชัยจึงกลับบ้านไปถามแม่ว่ารู้หรือไม่ว่าที่วัดนั้นเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แม่ตอยว่ารู้เพียงแต่กลัวว่าหลวงพี่จะกลัวจึงไม่เล่าให้ฟังหลวงพี่ชัยที่ปกติเป็นคนเล่นพระ สะสมพระมาเยอะ จึงกลับมาเอาพระและมีดหมอที่บ้านกลับไปไว้ที่กุฏิเพียงเพื่อไว้ป้องกันตัวไม่ให้มีอะไรมารบกวนขณะที่เจริญภาวนาเท่านั้น
เมื่อกลับมาถึงกุฏิหลวงพี่ชัยจัดแจงนำมีดหมอมาขีดรอบๆกุฏิขอพรพระให้ปกป้องคุ้มครอง แต่ผลกลับเป็นตรงกันข้ามคืนนั้นเสียงลากเก้าอี้ยังคงดังขึ้นอีก แต่ดังถี่กว่าเดิมจาก 2-3 ชม. ครั้ง กลายเป็นดังทุกๆ 1 ชม.
Post a Comment