ค่ำคืนสยองในป่าปิด


           เรื่องราวสุดหลอนของเพื่อนของคุณเจ็ค เรื่องราวของนักตกปลามักจะแสวงหาที่ตกปลาใหม่ที่จะได้ปลาตัวใหญ่ๆ และปลาหลากหลายสายพันธ์ ในช่วงต้นเดือนพวกเขา ตัดสินใจที่จะเข้าป่า ไปหาปลาที่ต้นน้ำ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุการประหลาดๆในการเดินทางครั้งนี้ ลองไปติดตามเรื่องราวสุดหลอนนี้กันเลยครับ

          เป็นเรื่องที่เพื่อนของคุณเจ็คประสบพบเจอ แล้วนำมาเล่าให้ฟัง เหตุการณ์ทั้งหมดพึ่งเกิดขึ้นได้มานาน บรรดาเพื่อนของคุณเจ็คนั้น เป็นคนที่ชอบตกปลามาก เมื่อตอนช่วงต้นเดือนก็มีการวางแผนกัน จะเข้าป่าไปหาปลาที่ต้นน้ำ

         ซึ่งต้นน้ำที่เพื่อนทุกคนจะเข้าไปนั้น เป็นรอยต่อนระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานี กับจังหวัดระนอง ซึ่งการที่จะเข้าไปถึงต้นน้ำนั้น ต้องใช้เวลาเดินทางประมาณสักสองวัน เพื่อนก็ได้รวมตัวกันทั้งหมดห้าคน

    ได้ตระเตรียมเสบียงอุปกรณ์ทุกอย่าง พร้อมออกเดินทาง และก็ได้ไปว่าจ้างนายพรานคนที่เคยนำทางเข้าที่นี่มาก่อนแล้ว แต่ว่านายพรานปฏิเสธ เนื่องจากบอกว่า เวลานี้อยู่ในช่วงฤดูฝน เป็นช่วงป่าปิด ไม่ควรจะเข้าไป เพราะว่าอันตรายมากทีเดียว

    แต่ว่าเพื่อนๆหลายคนก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากว่าปีที่แล้ว เคยเข้าไปที่ต้นน้ำแห่งนี้มาก่อนหน้านั้นแล้ว ยังพอมีคนจำทางได้ จึงตัดสินใจออกเดินทางกันเอง โดยที่ไม่มีพรานนำ

    หลังจากทุกคนเตรียมตัวเสร็จ ก็ได้ขับรถไปจอดไว้ที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับทางขึ้นเขามากที่สุด เวลานั้น เป็นเวลาประมาณเก้าโมงเช้า ทุกคนจึงรีบเดินขึ้นเขา มุ่งหน้าเข้าสู่ป่า

    เดินกันไปได้สักพักหนึ่ง ก็มาพบเจอเข้ากับนายทหารพรานทั้งหมดสี่นาย นายทหารเหล่านั้น ก็ได้ขอตรวจค้นสัมภาระ เนื่องจากต้องระวังผู้ลักลอบขนของผิดกฎหมาย หลังจากไม่เจออะไรแล้ว

    นายทหารคนหนึ่งก็ได้บอกว่า "ระวังให้ดี ในป่าช่วงนี้อันตราย" แล้วทุกคนก็ออกเดินทางต่อ เวลาก็ล่วงผ่านไปประมาณสักห้าโมงเย็น ซึ่งในป่านั้นจะมืดมาก ทุกคนจึงตัดสินใจมองหาที่พักเพื่อตั้งเต้นท์

    หลังจากทำอาหารเย็นทานแล้ว ทุกคนก็พักผ่อนกัน จนช่วงเวลาประมาณสักสามทุ่ม ในขณะที่ทุกคนกำลังจะพักผ่อนนอนหลับนั้น จู่ๆทุกคนก็ได้ยินเสียงหนังตะลุง ดังมาจากปลายยอดเขาข้างหน้านั่นเอง

    ซึ่งบนยอดเขานั้น ไม่มีคนอาศัยอยู่เลย ไม่มีหมู่บ้าน ไม่มีชุมชน หากจะคิดว่าเป็นเสียงสะท้อนมาจากหมู่บ้านตีนเขานั้น ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะว่ามันอยู่ห่างไกลเกินกว่าสิบกิโลเมตร

    เสียงหนังตะลุงที่ว่านั้น ดังอยู่นานเป็นชั่วโมง ดังถนัดชัดเจน จนสามารถจับใจความได้เกือบทั้งหมด ทุกคนในกลุ่มนั้นได้ยินกันหมด เพียงแต่ว่า ไม่มีใครกล้าที่จะพูด หรือว่าทักอะไรขึ้นมา

    เนื่องจากว่าการเข้าป่า ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า ถ้าเสียงดังจากป่า อย่าทักมั่วซั่ว ทุกคนก็เลยนอนฟังเงียบๆ จนสิ้นเสียงหนังตะลุง แต่ว่าทันใดนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงมโนราห์ ดังสอดแทรกขึ้นมาแทน

    เพียงแต่ว่าดังมาจากอีกทาง เสียงนั้นดังมาจากทางที่ทุกคนพึ่งจะเดินผ่านพ้นมา เสียงใกล้มาก มีทั้งเสียงคนร้อง เสียงดนตรี เสียงที่ได้ยิน ณ เวลานี้นั้น มันหน้ากลัวกว่าหนังตะลุงมาก

    ทุกคนในกลุ่มก็ได้แต่ปิดตา นอนฟังเงียบๆ ไม่มีใครกว่าพูดอะไร จนกระทั่งเผลอหลับไปด้วยความเพลีย พอตะวันขึ้น รุ่งเช้า ทุกคนก็มุ่งหน้าเดินทางกันต่อไป เข้าสู่ป่าที่ทึบขึ้นกว่าเดิม

    ต้นไม้ต้นใหญ่กว่าเดิม ก็เดินกันไปจนเวลาใกล้ค่ำ เข้าสู่คืนที่สอง หลังจากที่ทุกคนตั้งเต้นท์เสร็จ ทำภารกิจทุกอย่างเสร็จสิ้น ใกล้ได้เวลานอนนั้น ทุกคนในกลุ่ม เพิ่งจะสังเกตเห็นได้ว่า ป่าในเวลานี้นั้น มันเงียบผิดปกติ

    ไม่มีกระทั่งเสียงลม เสียงแมลง หรือว่าเสียงสัตว์กลางคืนใดๆทั้งสิ้น พอทุกคนหยุดสนทนากันนั้น ความเงียบสงัดจนได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง ก็เข้ามาแทนที่ ทำให้ทุกคนในกลุ่มนั้น เริ่มที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมา

    ซึ่งก่อนหน้านั้น ทุกคนยังสามารถได้ยินเสียงสัตว์ หรือว่าเสียงแมลงกลางคืนได้อยู่เลย ความเงียบสงัดนั้น ปกคลุมอยู่นานมาก ทุกคนจึงตัดสินใจที่จะเข้านอน แต่ว่ายังไม่ทันที่ทุกคนจะหลับกันดีนั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนเดิน

    เสียงนั้นอยู่ใกล้ๆ แต่เนื่องจากความเงียบ ทำให้ได้ยินชัดเจน ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เสียงเดินนั้นมุ่งหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้น มากขึ้น แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น เพราะว่าสิ่งที่เข้ามาใกล้นั้น มันคือเงา

    ทุกคนเห็นเป็นตาเดียวกันว่า สิ่งที่เดินเข้ามาก็คือเงาจำนวนทั้งหมดห้าเงา กำลังมุ่งหน้าเดินผ่านทุกคนในกลุ่มไป ทุกคนได้แต่นอนนิ่ง ไม่กล้าขยับตัว หลังจากกลุ่มเงาทั้งห้าเดินผ่านไปแล้ว

    ก็ยังเห็นมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง เดินตามเข้ามา ลักษณะอาการนั้น เหมือนกับกำลังตามหาใคร พร้อมกับร้องเรียกห้าคนข้างหน้าที่ผ่านไปแล้วด้วย สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นก็คือ กลุ่มคนข้างหลังที่เดินตามหานั้น มีคุณพ่อและน้าชายของเพื่อนในกลุ่มรวมอยู่ด้วย

    แล้วทุกๆคนก็เดินผ่านไป เพื่อนทุกคนในกลุ่มนั้น เริ่มกลัว ใจไม่ดี สงสัยว่าอาจจะมีอะไรเดินขึ้นก็เป็นได้ แต่เนื่องจากว่าขณะนั้น ในป่ามืดและเงียบมาก ทุกคนจึงตัดสินใจนอนเอาแรงกันก่อน

    จนกระทั่งเช้า ทุกคนลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ลืมเรื่องเมื่อคืนไปซะเกือบหมด เก็บข้าวของ แล้วก็ออกเดินทาง เพราะว่าต้นน้ำอยู่ไม่ไกลแล้ว พอไปถึงแหล่งต้นน้ำ ทุกคนก็ได้เริ่มออกหาปลา โดยใช้วิธีการดำลงไปในน้ำ แล้วใช้ไม้แหลมแทงปลา

    ซึ่งปลาต้นน้ำนั้นตัวจะใหญ่มาก แล้วก็มีจำนวนเยอะ ใช้เวลาหาปลากันสักสามชั่วโมง ทุกคนก็กำลังจะเตรียมตัวกลับ และก็รีบขึ้นมาช่วยกันทำปลาตรงนั้นเลย ชำแหละแล้วเอาเกลือทา เพื่อไม่ให้ปลานั้นเน่า

    ทุกคนช่วยกันทำใกล้จะเสร็จแล้ว จนมาถึงปลาตัวสุดท้าย สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น อยู่ดีๆ ก็มีเสียงอะไรแปลกๆ คล้ายกับเสียงของสัตว์ร้องครวญคราง ดังออกมาจากป่าทุกด้าน

    และพอเพื่อนใช้มีดกรีดเข้าไปในเนื้อปลา เพื่อนก็ถึงกับสะดุ้ง พร้อมกับทิ้งปลาตัวนั้นลงไปในน้ำทันที เพราะตอนที่เอามีดกรีดเข้าไปในเนื้อปลานั้น มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังมาก

    ทุกคนก็หันไปมองว่า เสียงมันมาจากไหน และทุกอย่าง ก็กลับเข้าสู่สภาวะเหมือนเมื่อคืนอีกครั้ง นั่นคือทุกอย่างเงียบสงัด ทั้งๆที่เป็นกลางวัน เพื่อนในกลุ่มก็หันไปถามว่า "ทิ้งปลาไปทำไม ตัวก็ใหญ่ เสียดาย"

    แต่ว่าเพื่อนคนที่ทิ้งปลาไปนั้น ก็หันกลับมาตอบด้วยเสียงสั่นๆว่า "ตอนที่เอามีดหั่นเข้าไปในเนื้อปลา มันไม่ใช่เนื้อปลา มันเหมือนเนื้อคน แล้วก็มีเลือดสดๆ ไหลออกมาเหมือนกับคนโดนมีดบาด"

    ทั้งกลุ่มได้ยินแบบนั้น จึงตัดสินใจเดินทางกลับทันที แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางกลับออกไปนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินตามมาจากด้านหลัง ไม่มีใครกล้าหันไปมอง

    แต่ว่าเสียงนั้นเดินตามมาตลอดทาง ล่วงเข้าสู่ช่วงเย็น ทุกคนกำลังหาที่พัก อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคล้ายผู้หญิง ดังออกมาจากความมืดว่า "พวกเอ็ง พวกเอ็ง พวกเอ็ง" สิ้นเสียงนั้น

    แล้วก็มีเสียงช้าง เสียงลิง เสียงนก เสียงแมลงร้องดังกระหึ่มทั้งป่า เสียงเหล่านั้นดังมาก แล้วฟ้าก็ค่อยๆเริ่มที่จะมืด ในระหว่างที่เสียงสัตว์ต่างๆยังคงดันอยู่นั้น ทุกคนในกลุ่ม ก็ต้องขนลุกไปตามๆกัน

    เมื่อได้ยินเสียงร้องกล่อมเด็กดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของผู้หญิง ทุกๆคนรีบหยิบไฟฉายประจำตัว แล้วก็ส่องไปรอบบริเวณ ภาพที่เห็น ทำให้ขนหัวลุกยิ่งกว่าเดิม เพราะว่ารอบๆตัวของทุกคนนั้น มีคนวิ้นอยู่เต็มไปหมด ทั้งวิ่งวนไปมา ทั้งกระโดดขึ้นต้นไม้ กระโดดลงมาจากต้นไม้

    ทุกคนเริ่มตัวสั่นและจับกันเป็นกลุ่ม เสียงนั้นก็ยังดังขึ้นเรื่อยๆ จนมีเพื่อนเอาปืนออกมายิงขู่ขึ้นฟ้า แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ก็เลยตัดสินใจเอามีดหมอออกมาจากกระเป๋า เท่านั้นเอง เสียงทุกอย่างก็เริ่มที่จะเงียบ

    ทุกคนจึงตัดสินใจว่า ต้องรีบออกไปจากตรงนี้ก่อน ไปหาที่พักที่อื่นแทน แล้วทุกคนก็รีบเดิน พร้อมกันนั้น ก็ทิ้งปลาที่หามาได้ทั้งหมดไปด้วย เริ่มที่จะรู้สึกไม่ดีกันแล้ว ในระหว่างทางที่ทุกคนเดินออกมานั้น ก็ยังได้ยินเสียงคนเดิมตามอยู่เบื้องหลัง ตามาตลอดทาง

    และในบางจังหวะ ก็จะมีเสียงแปลกๆ ดังมาเป็นระยะๆ เช่น "หื่มๆๆ" คล้ายๆกับว่ามีคนจำนวนมากมายตามมา ทำให้ทุกคนในกลุ่มไม่กล้าที่จะหยุดเดิน มีแต่เดินเร็วขึ้นเท่านั้น เวลาผ่านไปสักระยะ ทุกคนในกลุ่มเริ่มที่จะเหนื่อย

    เลยชลอฝีเท้า และก็หยุดเดินในที่สุด แต่ว่าเสียงเหล่านั้น ก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เพื่อนคนเดิมจึงหยิบมีดหมอออกมาอีกครั้ง ทุกอย่างก็เงียบลง ก็เลยตัดสินใจกันว่าจะนอนพักค้างคืนกันตรงนี้

    เพราะว่าเป็นป่าที่ไม่ทึบนัก หลังจากทุกคนตั้งเต้นท์ ก่อไฟเรียบร้อย ก็กำลังจะเข้านอนด้วยความอ่อนล้านั้น อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกอยู่นอกเต้นท์ และก็มีหินปาเข้ามาที่เต้นท์

    ทุกคนก็เลยออกไปดู ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านั้น เป็นผู้หญิงเยอะมาก หลายคนเลยทีเดียว ยืนอยู่รอบเต้นท์ ห่างประมาณสักยี่สิบเมตรน่าจะได้ ลักษณะของผู้หญิงเหล่านั้น ทุกคนมีเลือดไหลออกมาจากหัวบ้าง ลำตัวบ้าง ซึ่งเป็นรูเหมือนโดนแทงด้วยเหล็กแหลม

    ตอนนั้นทุกคนเข้าใจตรงกันแล้วว่า น่าจะเป็นผีปลาที่แทงกันเมื่อตอนเช้านั่นเอง อาจจะแปลงตัวมาในลักษณะของเจ้าป่าเจ้าเขา และอยู่ดีๆ ผู้หญิงกลุ่มนั้นทุกคน ก็ยกมือชี้มาที่ทุกคนในเต้นท์

    ด้วยสายตาแววตาที่อาฆาต โกรธเกรี้ยวเหมือนกับจะฆ่ากันให้ตาย ทุกคนในกลุ่มต่างกลัว และก็ตกใจมากกับภาพที่เห็น เนื่องจากไฟที่ก่อเอาไว้ มันทำให้เห็นได้ชัดเจนพอสมควร

    ทุกคนกลัว ขนหัวลุก ยืนแข็งอยู่กับที่ ทำอะไรไม่ได้ แล้วจู่ๆ ผู้หญิงกลุ่มนั้นก็หายวับไปกับตา แล้วทันใดนั้น ก็มีเสียงโขลงช้างตรงมาทางกลุ่มที่ทุกคนกำลังยืนอยู่ ทุกคนก็เลยตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนี

    แต่ว่าเพื่อนคนที่วิ่งนำหน้านั้น เกิดสะดุดก่อนหินล้มลง ทำให้เพื่อนที่วิ่งตามาทีหลังนั้น ต้องหยุดช่วยกันประคอง แต่ว่าเสียงโขลงช้างที่วิ่งไล่หลังมานั้น ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนคิดว่าหนีไม่ทันแล้วแน่ๆ

    แล้วโขลงช้างก็วิ่งผ่านไป ซึ่งมันไม่ใช่ช้าง มันวิ่งผ่านทุกคนในกลุ่มไป โดยที่ไม่ได้ชน คล้ายภาพลวงตา แต่มันคืออะไร ทุกคนก็บอกไม่ได้ หลังจากที่ทุกคนได้สติ ก็พยุงกันกลับไปที่เต้นท์ นั่งกันอยู่จนเช้า

    พอตะวันขึ้นแล้ว เริ่มมีแสง ทุกคนก็รีบเก็บเต้นท์ พยายามออกจากป่าตรงจุดนั้นให้เร็วที่สุด เมื่อเดินทางมาถึงตรงจุดที่มีช้างเมื่อคืนนี้ ทุกคนก็ถึงกับหน้าซีด เพราะว่าเลยจุดที่เพื่อนลื่นล้มไปเพียงนิดเดียวนั้น มันคือหน้าผา

    ถ้าเกิดว่าเพื่อนคนที่วิ่งนำหน้าไม่ล้ม ทุกคนน่าจะวิ่งลงเหวไปหมดแล้ว ทุกคนพยายามเดินออกจากป่า แต่ก็เกิดหลงทาง ทั้งกลุ่มพยายามเดินหาทางออก จนเข้าช่วงบ่ายแล้ว ทุกคนจึงหยุดนั่งพัก

    เริ่มที่จะตระหนก เริ่มกลัว หิว และก็อ่อนล้าเป็นอย่างมาก แต่ว่าก่อนที่ทุกคนจะสติแตกนั้น ก็พอดี มีคนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา ซึ่งคนในกลุ่มนั้นก็คือคุณพ่อและก็น้าของเพื่อน และก็นายพรานที่คุยกันตอนแรก

    ทุกคนนั้นดีใจมาก คุณพ่อของเพื่อนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า "เดินตามหามาห้าวันแล้ว กำลังจะกลับไปขอความช่วยเหลืออีก" ทุกคนก็งง พึ่งเข้ามาป่าแค่สี่วันเอง แล้วก็ถามต่อไปอีกว่า "ทำไมจึงได้ตามเข้ามา"

    คุณพ่อก็บอกว่า "ตอนที่ทุกคนกำลังเดินมุ่งหน้าเข้าป่า พ่อและน้าเห็นทุกคนไม่มีเงาหัว เห็นแค่เงาลางๆ พยายามตะโกนเรียกแล้ว แต่ทั้งกลุ่มก็ไม่ได้ยินกันเลย วิ่งตามก็ไม่ทัน ก็เลยไปขอร้องนายพรานให้ตามไปช่วย พรานก็ได้เตือนแล้วว่า ช่วงนี้ป่ามันปิด เค้าห้ามล่าสัตว์ เพราะจะมีวิญญาณ สิงอยู่ในสัตว์ หรือไม่ก็อาจจะโดนบัง จนหาทางออกจากป่าไม่ได้" และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ไม่มีความคิดเห็น