ค่ำมืดเรียกอย่าขานรับถึงตาย


     หลายเรื่องราวที่ไม่สามารถอธิบายได้ เมื่อคนถึงฆาตเจ้าหน้าที่จากนรก มัจจุราช ที่มาทำหน้าที่นำวิญญาณพาออกจากร่าง และนำกลับนรก มันเหมือนกันการทำงานเป็นระบบยืนยันตัว เช่นการเรียกขานชื่อ หากขานรับก็เหมือนกันการคอนเฟิร์มตัวตน เรียกตัวกลับนรก อย่างเช่นเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นจริงและเล่าสู่กันมาจากคนที่เห็นเหตุการณ์

เรื่องราวและเหตุการณ์ในวันนี้เป็นเรื่องแปลกๆที่เกี่ยวกับเสียง ที่ว่ากันว่าในเวลากลางคืนถ้าเกิดมีใครมาเรียกชื่อเรา อย่าเผลอปาก รับคำออกไป และนี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงกับหลวงพี่รูปหนึ่ง ซึ่งท่านก็เล่าให้ฟังดังนี้ ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน ในสมัยนั้นหลวงพี่ยังเป็นฆราวาส ยังไม่ได้บวชเรียน ยังเป็นนักเรียนอยู่ เป็นคนที่มีนิสัยเกเร ชอบไถเงิน ทำตัวเป็นอันธพาล ชอบเกะกะระรานหมู่นักเรียนด้วยกัน ตอนนั้น ตอนที่ยังเป็นฆราวาส หลวงพี่ถูกเพื่อนๆเรียกว่าเอใหญ่ เนื่องจากว่าในแก๊งมีเพื่อนที่ชื่อเออีกคนนึงแต่ว่าเพื่อนจะชอบเรียกว่าเอเล็ก ส่วนอีกคนหนึ่ง ซึ่งสนิทกันชื่อว่าตั้ม ทั้งสามเป็นเพื่อนอยู่ในแก๊งเดียวกัน

วันเวลาก็ดำเนินผ่านไป ทั้ง 3 คนนั้นตั้งตัวเป็นอันธพาลกับเพื่อนๆนักเรียนคนอื่น จนกระทั่งถึงวันจบการศึกษาก็ได้มีผู้ปกครอง มากมายมาที่โรงเรียน พี่เอใหญ่นั้นก็มากับป้า ในโรงเรียนคนก็เยอะมาก เวลาประมาณ 8 โมงกว่าๆ จังหวะที่พี่เอใหญ่เดินไปเพื่อจะไปฟังผลสอบ ได้เจอกับเพื่อนคนหนึ่งในห้องซึ่งเป็นเพื่อนคนที่พี่เอกชอบแกล้งมากแล้วก็ชอบไถเงิน เตือนคนนั้นชื่อว่าป๊อป ป๊อปเดินมากับแม่ ซึ่งแม่เค้าแต่งตัว เหมือนกับคนทรง เดินไปชี้หน้าพี่เอใหญ่ แล้วก็หันไปบอกกับป้าของพี่เอใหญ่ว่า “ไอ้นี่อยู่ได้อีกไม่นานนะ เขารอเอ็งอยู่แล้ว” ป้าของพี่เอใหญ่เมื่อฟังอย่างนั้นก็ตกใจ ส่วนพี่เอใหญ่ก็ทำหน้าท่าทางไม่พอใจ หันไปบอกกับป้าว่า “ไร้สาระ” แล้วก็จูงมือป้าเดินไปดูผลสอบ เขาไม่คิดอะไรมาก หลังจากวันนั้นประมาณซัก 2 อาทิตย์ก็เป็นช่วงปิดเทอม ทุกคนพักผ่อนอยู่กับบ้าน หลังจากที่แก้วิชาที่ตกเสร็จเรียบร้อย ขณะที่พี่เอกำลังนอนเล่น อยู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปรากฏว่าเป็นเพื่อนที่ชื่อตั้มโทรเข้ามาหา บอกกับพี่เอใหญ่ว่าอาทิตย์นี้จะไปเที่ยวกันเหมารถไป มีเอเล็กไปด้วย แล้วก็เป็นเพื่อนในห้องอีก 10 กว่าคน จะไปด้วยกันไหม เอใหญ่ก็รับปากว่าไป พอเวลาล่วงเลยไปถึงวันอาทิตย์ทุกคนก็พร้อมขึ้นรถ แล้วก็มุ่งหน้าไปที่ทะเลในจังหวัดระยอง พอทุกคนไปถึงก็หาที่พัก ไปได้บ้านอยู่หลังหนึ่งเป็นบ้านทรงทาวน์เฮ้าส์ ให้เช่าในราคาไม่แพงมาก สรุปทุกคนก็แชร์เงินกันออก ตอนเย็นของวันนั้นก็เล่นน้ำกันสนุกสนาน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พอเวลาประมาณสัก 1 ทุ่มทุกคนก็ออกความเห็นว่าไปหาร้านอาหารนั่งกินข้าวกันดีกว่า แล้วทุกคนก็เตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า จังหวะที่เอใหญ่กำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ชั้นบนนั้นก็ปรากฏว่ามีเสียงเรียก “เอ เอ” เอใหญ่ก็คิดในใจว่าเพื่อนจะเรียกทำไม ในใจของเอตอนนั้นคิดว่า น่าจะเป็นเพื่อนที่อยู่ด้านล่างเป็นคนเรียก เอก็เลยไม่ได้ขาดรับเพราะว่ากำลังจะเสร็จแล้ว หลังจากสิ้นเสียงเรียกชื่อสักประมาณ 10 วินาที เอก็เดินลงไปด้านล่าง ภาพที่เห็นก็คือ ไม่มีใครอยู่ด้านล่างเลย ทั้งหมดออกไปอยู่หน้าบ้านกันหมดแล้ว แต่ว่าเอก็ไม่ได้คิดอะไร สงสัยเอาแค่ว่า เพื่อนคงเรียกแล้วก็เดินออกไปรอด้านนอก แล้วทุกคนก็ออกไปทานข้าวกัน พอกลับมาที่บ้านพักทำภารกิจทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็เตรียมตัวเข้านอน เอใหญ่นั้นนอนที่ชั้นบนกับเพื่อนอีก 7 คน หนึ่งในนั้นก็มีเอเล็ก อยู่ด้วย ส่วนเพื่อนอีก 4 คนนอนชั้นล่าง กลางดึกคืนนั้นเอใหญ่นอนพลิกไปพลิกมา สักพักก็ได้ยินเสียงเรียกอีกครั้ง “เอ เอ” เอใหญ่ก็ลืมตา เพราะว่ามันเป็นเสียงเดิม เสียงของผู้ชายเป็นคนเรียก ตอนนี้เอใหญ่เริ่มรู้สึกแปลกๆแล้ว มันเหมือนกับว่าตัวเองได้ยินเสียงเรียกอยู่คนเดียว เอเล็กที่นอนอยู่ข้างๆก็หลับตาปกติเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เอใหญ่นิ่งอยู่สักพัก แต่ว่าเสียงที่เรียกนั้นก็ยังไม่หยุด เสียงเรียกชื่อได้ยิน จนก้องไปในรูหู เอใหญ่ไม่พูด ไม่ขานรับ

พร้อมกันนั้นก็เอามือกุมพระที่ห้อยไว้แน่น เสียงนั้นก็เงียบไป ซักประมาณ 10 นาทีเอใหญ่ก็ชะโงกหัว ขึ้นมาจากที่นอน กวาดสายตามองไปทั่วห้อง แล้วก็เจอกับสิ่งที ทำให้เอใหญ่ต้องตกใจมาก ก็คือ มีคนตัวใหญ่ 2 คนถือไม้เหมือนกับหอก ยืนคุยอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้ ฟังไม่เป็นภาษา งึมงำๆ เอใหญ่ตกใจมากจนต้องแกล้งหลับ แล้วก็เผลอหลับไปจริงๆจนกระทั่งถึงเช้า วันรุ่งขึ้นก็ตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี พอเอใหญ่เดินตรงไปเข้าห้องน้ำก็ปรากฏว่า เสียงเดิมมาอีกแล้ว “เอ เอ” ทีนี้เรียกจน เอใหญ่ต้องเอามือปิดหู เอเล็กดูนิ่งมากในหมู่เพื่อนๆ ตอนนั้นพอตกเย็นทุกคนก็พากันไปทะเล แต่ว่าเอใหญ่ก็เงียบมาตลอด ไม่มีทีท่าเก้งก้างก้าวร้าว เหมือนเดิม เพื่อนในกลุ่มก็เริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอใหญ่ พอทุกคนไปถึงทะเลเอเล็กก็กระโดดน้ำลงเป็นคนแรก ทุกคนเล่นน้ำกัน แต่แปลกว่า เอใหญ่กลับยิ่งมองดูเหมือนกำลังกังวล แล้วเสียงเดิมก็กลับมาใหม่ “เอ เอ” เอใหญ่เริ่มทนไม่ไหว เลยลุกขึ้นวิ่งไปที่ทะเล แล้วก็ตะโกนบอกกับ เอเล็กว่า “มีคนเรียกเมิ ง ไอ้เอ มีคนเรียกเ มิงอยู่” แต่เอเล็กซึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่ก็หันหน้ากลับมาถามว่า “ใครเรียกวะ” สิ้นเสียงที่เอเล็กตอบกลับ ก็ปรากฏว่าเสียงเรียกในหัวของเอใหญ่นั้นหายไปในทันที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเอเล็กก็คือ จู่ๆเอเล็กก็หายไปกับน้ำ โดยที่เพื่อนไม่มีใครรู้ หลังจากที่เอใหญ่มองอยู่ไม่นาน ก็เห็นเอเล็กหายไปกับคลื่น เลยตะโกนบอกกับเพื่อนว่า “เฮ้ย เอมันหายไปไหน มันจมหรือเปล่า” ทุกคนเกิดอาการตกใจแล้วก็รีบขึ้นมาจากน้ำ มีเพื่อนสองคนที่ว่ายหา ต้องบอกว่าหาดตรงบริเวณนั้นเงียบมาก ไม่มีคนเลย

เวลาผ่านไปไม่นานนัก ทุกคนก็ขึ้นมาบนหาดจนหมด หาเอเล็กไม่เจอ คาดว่านาทีนั้นเอเล็กอาจจะจมน้ำ ก็เลยรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ไปดู ทุกคนก็งมหากันอยู่ประมาณซัก 2 ชั่วโมง สุดท้ายก็สามารถงมศพขึ้นมาได้ เอใหญ่ถึงกับอึ้ง แต่ก็ไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ใครฟัง เก็บมาจนปัจจุบัน สิ่งที่พี่เอใหญ่คิดก็คือ น่าจะเป็นเสียงเรียกเพื่อมาเอาชีวิตเขาแน่ๆ พี่เอใหญ่ปะติดปะต่อเรื่องเองทั้งหมด หลังจากวันที่มีงานศพของเอเล็กหลวงพี่เอใหญ่ก็บวช จนมาถึงปัจจุบัน เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้…

ไม่มีความคิดเห็น