วิญญาณหลุดออกจากร่าง


     การถอดกายทิพย์  จิตวิญญาณของเราออกจากร่างกาย เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ประสบอยู่ กายทิพย์จะท่องไปในโลกที่ไร้ตัวตนหรือโลกทิพย์  หรือขณะที่กำลังเผชิญเหตุการณ์ใกล้ตาย แต่เรื่องของเราวันนี้เกี่ยวกับการ ถอดกายทิพย์ แต่ไม่ได้มาจากการทำด้วยตนเอง แต่หากว่ามีวิญญาณที่ทำให้จิตหลุดจากร่าง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เราลองไปติดตามดูครับว่าเรื่องราวจะเข้มข้นมากขนาดไหน

     ก่อนอื่นขอย้ำว่าเรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เราได้พบเจอมากับตัวเอง…เกิดขึ้นในช่วงที่เราเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย หลังเลิกเรียน เรามักจะมานั่งรอแม่ที่ทำงานน้าซึ่งอยู่ในคณะตึกใกล้ ๆ กับโรงเรียน แล้วกิจกรรมระหว่างรอคือการโทรศัพท์เม้ามอยกับเพื่อน โดยใช้โทรศัพท์หลวงโทรฟรีเข้าเบอร์บ้านเพื่อน เป็นแบบนี้ประจำทุกวัน แม้บรรยากาศในห้องที่ใช้โทรศัพท์จะมืดและวังเวงไปสักหน่อย (เป็นห้องแบบกั้น ไม่มีประตู เจ้าหน้าที่ในห้องกลับกันหมดแล้ว จึงปิดไฟ) แต่เราไม่เคยเจออะไรแปลก ๆ เลย จึงมาใช้ทุกวัน

จนกระทั่งวันหนึ่ง เรามาใช้โทรศัพท์ปกติแต่วันนี้นั่งเม้าเพลินไปนิดเลยนั่งแบบนอนเอนตัวไหลลงไปใต้โต๊ะ หากคนเดินเข้าห้องมาจะเห็นเพียงหัวโผล่พ้นโต๊ะมา ด้วยเหตุนั้นเอง มีพี่ที่ทำงานน้าเดินเข้าห้องมาเนื่องจากลืมของไว้ในตู้เย็นด้านหลังโต๊ะที่เรานั่ง พอพี่เค้าเห็นดังนั้น พี่เค้ากรีดร้องดังลั่น”กรี๊ดดดดด”เราตกใจมาก วิ่งตามไปถามว่าเป็นอะไร พอพี่เค้าตั้งสติได้เค้าบอกเข้ามาเห็นหัวคนวางอยู่บนโต๊ะเลยคิดว่าผีหลอกเราก็หัวเราะดังลั่นเลย แถมยังล้อเลียนเค้าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พี่ๆคนอื่นๆฟังอย่างสนุกปาก..ตกกลางคืน คืนนั้นเลยเราฝันว่า..เราเข้าไปโทรศัพท์ในตู้สาธารณะแห่งนึง แล้วเกิดนึกสนุกปากท้าทายขึ้นมาว่า”ถ้าในโลกนี้มีผีจริงๆ ก็ออกมาให้เห็นสิวะ”สิ้นสุดคำท้าทาย..เรามองสะท้อนกระจกตู้โทรศัพท์ไปด้านหลังที่มีคนยืนต่อคิว เห็นผู้หญิงตัวอ้วนใหญ่ ผมยาวหยิก ดวงตาเป็นสีแดงเพลิง เหมือนโกรธจัด ยืนชี้นิ้วมาที่เราในฝันเราตกใจกลัวมาก ได้แต่กรีดร้องดังมากพร้อมพูดจาไม่เป็นภาษาคนเพื่อขอขมา”ลูกช้างขอโทษ ลูกช้างผิดไปแล้วจะไม่ลบหลู่อีกแล้ว”พูดวนไปวนมา ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น..

จนกระทั่งตกใจตื่น!! แต่เอ๊ะทำไมเราลืมตาไม่ขึ้นเลย พยายามลืมตาก็ลืมตาได้นิดเดียวเหมือนใครมาบีบหนังตาเราไว้ แต่เรารู้สึกตัวนะเพราะพอลืมตานิดๆ เรามองเห็นโคมไฟหัวเตียง เห็นข้าวของในห้องนอน แต่เห็นนิดๆไม่เต็มตา สักพักเรารวมรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ พยายามฝืนดวงตาให้ลืมขึ้นให้ได้..และแล้วก็สำเร็จ!!!เราลืมตาได้แล้ว!!! เรารีบลุกขึ้นมานั่งอย่างเหนื่อยหอบ..แต่!!!พอหันกลับไปตรงที่นอน  อ้าวเห้ยย!!  ทำไม ทำไม เรายังนอนอยู่ตรงนั้น  เรารีบหันไปมองแม่กับพี่สาวที่นอนอยู่เตียงเดียวกัน ไม่นะ!!  ทำไมเราเห็นร่างตัวเองนอนอยู่ตรงหน้า ทั้งๆที่เราลุกขึ้นนั่งแล้ว เท่านั้นแหละเรายกมือไหว้ท่วมหัว ร้องไห้โฮเหมือนคนบ้า พูดวกไปวนมา ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนในฝันเมื่อกี้ว่า..”ลูกช้างไม่ได้ตั้งใจ ลูกช้างขอโทษ ลูกยังไม่อยากตาย ขอกลับไปอยู่กับพ่อแม่พี่น้องก่อน ลูกช้างขอโทษ ลูกช้างจะไม่ทำอีกแล้ว ลูกช้างขอโทษ”ทันใดนั้น เราก็หายไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ รอบๆตัว ไม่มีอะไรเลย นอกจากเมฆหมอกควันสีขาวรอบบริเวณ  แล้วตรงหน้าเราก็ปรากฏหิ้งพระอยู่ 1 หิ้ง เราก้มกราบร้องขอชีวิต วนไปวนมาเป็นเวลาสักระยะใหญ่ๆเลยเราก็ลืมตาขึ้นมาได้

     ภาพที่เราเห็นหลังจากตื่น..เราลุกขึ้นมานั่งเหมือนเดิม แต่คราวนี้ร่างเราลุกขึ้นมาด้วยแล้ว เรารีบสำรวจโดยการหันไปมองแม่กับพี่สาวเหมือนเดิม  คุณพระ!! ภาพที่เห็นเหมือนภาพเมื่อกี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง  แม่เราใส่ชุดนอนยังไงของวางตรงไหนไม่มีผิดเพี้ยนเลย!!! นี่เราตายไปแล้วหรอ!!  คำถามวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา..ตอนนั้นเราจำได้ว่าเราไม่พูดกับใครเลยเป็นอาทิตย์ เหมือนเป็นโรคซึมเศร้า จิตหลุด จนผ่านไปสักระยะ น้าเรามาเกลี้ยกล่อม ตะล่อมถามว่าเกิดอะไรขึ้น เราเลยเล่าให้น้าฟัง..น้าเราถามว่าแล้วผีผู้หญิงที่เห็นในฝันลักษณะ รูปร่าง หน้าตาเป็นยังไง เราเลยบอกรายละเอียดว่า..”เห็นผู้หญิงตัวอ้วนใหญ่ ผมยาวหยิก ดวงตาเป็นสีแดงเพลิง เหมือนโกรธจัด ยืนชี้นิ้วมาที่เรา”น้าเลยถึงบางอ้อ..บอกเราว่า..”รู้มั้ย..เจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าของโต๊ะที่หนูไปใช้โทรศัพท์น่ะ เค้าเพิ่งเสียไปเมื่อเดือนที่แล้ว ด้วยโรคประจำตัว ปกติพี่เค้าเป็นคนที่ค่อนข้างรักษาผลประโยชน์ให้ราชการ แล้วเราไปใช้โทรศัพท์หลวงโทรฟรีทุกวัน แถมทำให้คนตกใจแล้วเอาเค้าไปล้อเลียนสนุกปากอีก เค้าเลยมาสั่งสอนเราน่ะสิ” น้าเราเอารูปเจ้าของโต๊ะให้ดู..เท่านั้นแหละ เราขนลุกเกลียวเลย คล้ายกับคนที่เราเห็นในฝันจริง ๆ ด้วย หลังจากนั้น..เราไม่กล้าเดินผ่านห้องนั้นอีกเลย

ไม่มีความคิดเห็น