วิญญาณคนงานก่อสร้าง
วิญญาณที่ตายในขณะก่อสร้างตึก วิญญาณที่ไม่ไม่ได้ไปผุดไปเกิด ด้วยการตายสุดสยองจากอุบัติเหตุ แล้วส่วนใหญ่จะไม่ได้ทำพิธีใดๆกับที่เกิดเหตุ ทำให้วิญญาณเกิดความเฮี้ยนขึ้นมา เรื่องราวต่อไปนี้ เกิดขึ้นเมื่อนักศึกษาสาวคนหนึ่ง เจอดีกับวิญญาณที่ถูกจองจำในตึกหอพักที่เธอต้องพักอาศัยในมหาลัย เรื่องราวของเธอนั้นจะเป็นอย่างไรลองไปติดตามกันเลยครับ
เหตุการณ์และเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเมื่อปีพ. ศ. 2546 ในช่วงเวลานั้นเอินยังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ของมหาลัยรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งเอินอาศัยอยู่ในหอพักภายในมหาวิทยาลัย หอพักภายในมหาลัยแห่งนี้มีอยู่หลายอาคาร ส่วนอาคารที่เอินอาศัยอยู่นั้นมีทั้งหมด 12 ชั้นในหนึ่งชั้นนั้นจะมีทั้งหมด 24 ห้องแล้วจะมีลิฟท์ภายในอาคารทั้งหมด 3 ตัว ในแต่ละห้องนั้นจะสามารถอาศัยอยู่ได้เพียง 4 คนเท่านั้น และเนื่องมาจากเอินได้เข้ามาอยู่ตอนชั้นปี 2 เอินก็เลยไม่มีโอกาสได้เลือกห้องอยู่ จึงถูกให้ไปพักอยู่ร่วมกับพี่ๆชั้นปีอื่นและห้อง 1224 ห้องนี้เองที่ทำให้เอินได้เจอกับเหตุการณ์แปลกๆ ลักษณะภายในห้องนั้นจะเป็นห้องสี่เหลี่ยม ทุกคนจะมีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ และเตียงนอนจัดเป็นสัดส่วนของตัวเอง คือจะแบ่งฝั่งและสองคน นอนหันหัวไปทางเดียวกัน ห้องพักนั้นจะมีระเบียงอยู่ด้านนอก ซึ่งมองออกไปก็จะเห็นตึกอื่นเช่นกัน เอินได้เตียงที่อยู่ใกล้กับประตูระเบียงด้านนอกซึ่งทำให้สามารถมองเห็นภายนอกได้ชัดเจน
แทบทุกคืนเอินจะชอบนอนฟังวิทยุโดยใส่หูฟังส่วนตัวเป็นประจำ ในคืนวันที่เกิดเรื่องนั้นเอินจำได้ว่าเป็นวันเสาร์ ช่วงเวลาสุดสัปดาห์คนส่วนใหญ่ก็จะกลับบ้านกันเกือบหมด แต่ว่าเอินไม่ได้กลับบ้านเนื่องจากเป็นช่วงใกล้สอบ จึงอยู่กับรุ่นพี่ปีสี่คนหนึ่ง ซึ่งเตียงนอนของพี่นั้นจะอยู่ถัดออกไปจากเตียงของเอินประมาณ 1 เมตร เอินจำได้ดีว่าคืนนั้นนอนฟังรายการไปเรื่อยๆ และเข้าใจว่าอยู่ในช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่นแล้วก็พอจะจำได้ว่า ไฟกลางภายในห้องนั้นดับลงเรียบร้อยแล้ว จะมีก็เพียงไฟของโต๊ะรุ่นพี่ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ ช่วงเวลาประมาณตี 1 เห็นจะได้ เอินรู้สึกสะดุ้งตื่นขึ้น ตอนนั้นยังไม่ได้ปิดวิทยุ หูฟังก็ยังคงติดอยู่ที่หูเอินเทั้งสองข้าง และก็ยังเห็นแสงไฟจากโต๊ะอ่านหนังสือข้างๆแล้วก็ยังเห็นว่ารุ่นพี่นั้นยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ แต่ว่ามีบางอย่างผิดปกติกำลังเกิดขึ้น เอินได้ยินเสียงดัง ครืด ครืด ครืด ลักษณะเสียงที่เอินได้ยินนั้นเหมือนเสียงของเครื่องมืออะไรสักอย่างกำลังขูดอยู่กับไม้
ในวินาทีนั้นตอนที่เอินได้ยินเสียง เอินจำได้ว่าตัวเองไม่สามารถขยับร่างกายได้ และด้วยท่านอนที่กำลังนอนหงายอยู่ จึงใช้สายตาชำเลืองมองไปตามเสียง แล้วภาพที่เห็นก็คือ มีศีรษะของชายวัยกลางคน มีหนวดเฉพาะริมฝีปากบน กำลังใช้ฝันกัดขอบโต๊ะเขียนหนังสือของเอิน และก็กำลังขยับเคลื่อนที่มาใกล้กับใบหน้าของเอิน ห่างเพียงแค่ฝ่ามือเดียว ดวงตากับศีรษะผู้ชายคนนั้นยังคงจ้องเอินไม่ได้ละสายตาลงแล้วฟันก็ยังคงขบกับโต๊ะ เหมือนกับว่าจะพยายามพยุงศรีษะนั้นเอาไว้บนโต๊ะ เอินมองไม่เห็ร่างของชายคนนั้น สิ่งที่เห็นมีเพียงศรีษะอย่างเดียวเอินทำได้เพียงตั้งสติ แล้วก็รวบรวมกำลังทั้งหมด เรียกรุ่นพี่ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่เป็นผล ศีรษะของชายผู้นั้นยังคงกัดขอบโต๊ะแล้วก็พยายามเข้ามาใกล้มากขึ้น เอินรู้สึกถึงลมหายใจของชายคนนั้น เหมือนดวงตาคู่นั้นก็ยังคงจ้องมองกัน อย่างไม่ลดละ เอินจะพยายามรวบรวมสติสวดมนต์ จนกระทั่งรู้สึกว่าร่างกายนั้นเริ่มจะขยับได้ทีละนิด แต่ว่าสายตาของเอินก็ยังคงเห็นศีรษะของชายคนเดิมอยู่ เมื่อสวดไปได้ระยะหนึ่งจึงรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีลุกออกจากเตียง แล้วศรีษะของชายคนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่รอยฟันกัดก็ไม่มีให้เห็น ทั้งทั้งที่มั่นใจว่าลักษณะการกัดแบบนั้นน่าจะมีร่องรอยเหลืออยู่บ้าง แต่ว่าเธอก็พยายามไม่แสดงอาการใดๆให้รุ่นพี่ที่อยู่ร่วมห้องนั้นรู้เรื่อง แล้วเอินก็ล้มตัวลงนอนกลับไปเหมือนเดิม แล้วก็ไม่ลืมที่จะสวดมนต์และแผ่เมตตา
เช้าวันรุ่งขึ้นเอินก็ตื่นเช้าเพื่อไปตักบาตรแล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณนั้น เอินก็ได้พยายามสอบถามคนทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องของหอพัก แต่ก็ไม่มีใครพอทราบเรื่องราวเลย จนกระทั่งวันหนึ่งเอินก็ได้คุยกับรุ่นพี่อีกคนหนึ่งที่เรียนคณะเดียวกัน แล้วก็เคยพักอยู่ห้องเดียวและเตียงเดียวกันกับที่เอินพักอยู่ปัจจุบัน ซึ่งรุ่นพี่คนนั้นก็ได้เล่าให้ฟังว่าในสมัยที่เคยพักอยู่ห้อง 1224 ตัวแกเองก็เคยเห็น
ชายคนหนึ่งเดินผ่าน จากประตูระเบียงไปที่ประตูทางเข้าห้องในตอนกลางคืน และในบางครั้งก็มีชายคนหนึ่งมาปลุกให้ตื่น ทั้งๆที่ประตูห้องนั้นก็ยังล็อคอยู่ ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้
รุ่นพี่เคยเจอมาก่อน เคยหาคำตอบมาก่อน แล้วก็มีคนเคยเล่าให้รุ่นพี่ฟังว่า เมื่อตอนที่มีการก่อสร้างอาคารนี้ใหม่ๆนั้น เคยมีอุบัติเหตุคนงานก่อสร้างตกจากนั่งร้าน แล้วพลาดไปโดนสังกะสีตัดศีรษะขาดกระเด็นหล่นลงมาที่ระเบียงห้อง ซึ่งเอินก็ไม่แน่ใจว่าเป็นความจริงหรือว่าเป็นเพียงเรื่องราวที่เล่าต่อกันมา เอินยังคงมีภาพติดตากับเหตุการณ์นั้นจนถึงปัจจุบันนี้
Post a Comment