คืนสยองรีสอร์ทริมทะเล


     เป็นเรื่องที่รุ่นน้องคนหนึ่งของคุณขวัญ ช่วงก่อนเทศกาลวันปีใหม่ น้องของเขาและครอบครัวจะออกเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดเป็นจังหวัดหนึ่งของภาคใต้ไม่ขอเอย และน้องก็เป็นคนขับรถเขาออกเดินทางออกจากกรุงเทพตั้งแต่วันที่ 29 โดยขับไปเที่ยวตามจังหวัดต่างๆตามเส้นทาง จนมาถึงจุดหมายที่ตั้งใจกันว่าจะพักจังหวัดนี้หลายวัน ซึ่งอยู่แถบฝั่งอันดามันไม่บอกชื่อจังหวัดนะครับ เขาขับรถตระเวนหาที่พักตามทางริมทะเล เพราะมากันแบบไม่ได้จองที่พักมาก่อน ซึ่งหลายโรงแรมมักไม่มีห้องว่างนัก จนขับมาเพื่อยๆพบกับ รีสอร์ทเล็กๆอยู่บริเวณริมหาด ซึ่งทั้งคู่ได้บอกว่าไม่เคยเห็นรีสอร์ทแห่งนี้มาก่อน และทั้งสองก็ได้ขับรถแวะเข้าไปเพื่อสอบถามว่ามีห้องว่างหรือเปล่า

     พอขับเข้าไปถึงก็เห็นคนเดินขวักไขว่ไปมาเยอะแยะมากมาย มีแขกทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอาศัยพักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างเยอะ เขาทั้งคู่เดินเข้าไปที่บริเวณเคาน์เตอร์เพื่อสอบถามว่ามีห้องว่างไหม พนักงานก็บอกว่าวันนี้มีแขกพึ่งเช็คเอาท์ออกไปจำนวน 3 ห้องเป็นห้องที่อยู่ตรงริมหาดพอดี แต่สนนราคาค่อนข้างแพงพอสมควร แต่ด้วยความที่ทั้งสองคนลองเดินสำรวจบริเวณแล้วและก็ตัดสินใจว่า
ถึงแม้ว่าราคาแพงแค่ไหนแต่ก็น่าพักดีจึงตัดสินใจที่จะเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ หลังจากที่จัดแจงเตรียมข้าวของเข้าไปที่ห้องพักเรียบร้อยแม่ลูกคู่นี้ก็ขับรถตระเวนออกเที่ยวตามสถานที่ต่างๆซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดแห่งนี้ ขับรถไปจนได้เวลาดึกพอสมควรจึงกลับเข้ามาที่พักพอตอนขับรถกลับมาถึงที่พัก ทั้งคู่มีความรู้สึกว่าคนที่เคยพลุกพล่านอยู่เมื่อช่วงตอนเย็นทำไมตอนนี้มันถึงได้เงียบ ผู้คนหายไปไหนกันหมดแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะคิดว่าหลายๆคนคงจะออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ

              สองแม่ลูกก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องพักของตัวเอง ห้องนอนเป็นห้องที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร มีเตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องหันหน้าออกทางทะเล ประตูด้านหน้าจะเป็นลักษณะประตูบานไม้ใหญ่ๆ มีกระจกบานใหญ่คู่หนึ่ง พร้อมกับม่านขนาดใหญ่ติดบังเพื่อไม่ให้แสงจากภายนอกเข้ามาด้านใน ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเตรียมตัวจะอาบน้ำนั้นตัวคุณแม่ของน้องก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำก่อน ซึ่งตัวน้องก็นั่งอยู่บนเตียงคนเดียวแล้วก็ใช้โทรศัพท์คุยกับเพื่อนไป ระหว่างที่กำลังนั่งแชทคุยกับเพื่อนน้องก็มีความรู้สึกว่าเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแปลกๆอยู่ตรงบริเวณมุมตู้เสื้อผ้า จึงเดินเข้าไปดู สิ่งที่เขาเห็นเป็นปอยผมยาวๆของผู้หญิง ลักษณะสีออกน้ำตาล ซึ่ง ณ ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะคิดว่าอาจจะเป็นของแขกที่เข้ามาพักก่อนหน้านี้ แล้วแม่บ้านอาจจะเก็บทำความสะอาดไม่เรียบร้อย จึงกลับมานั่งคุยกับเพื่อนต่อ ระหว่างที่กำลังคุยกับเพื่อนอยู่นั้นน้องมีความรู้สึกว่าเตียงที่เขากำลังนั่งอยู่นั้นเหมือนมีคนมาเขย่า เสียงดัง กึกๆๆ อยู่ตลอดเวลา จนน้องนั้นตกใจ พยายามหันมองหาที่มาของเสียงที่เกิดขึ้น จะหันไปทางไหนก็เจอแต่ความว่างเปล่า แต่เสียงนั้นก็ยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนน้องทนไม่ไหว ตะโกนเรียกแม่ซึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ และแม่ก็เปิดประตูออกมาถามว่ามีอะไรเกิดขึ้น น้องก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้แม่ฟัง แต่ไม่น่าเชื่อระหว่างที่แม่เปิดประตูออกมาเสียงทั้งหมดมันได้หายไป ทิ้งไว้แต่ความสงสัยให้น้องได้คิดอยู่ตลอดเวลา

              หลังจากนั้นเองน้องก็ขอตัวเข้าไปอาบน้ำบ้าง ระหว่างที่น้องกำลังอาบน้ำอยู่ ลองนึกสภาพในห้องน้ำนะครับ ห้องน้ำจะมีกระจกบานใหญ่ๆแล้วก็จะมีอ่างอาบน้ำใหญ่ๆพร้อมกับม่านบางๆใสๆ เพื่อกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาตรงพื้นที่เป็นที่แห้ง ระหว่างที่น้องกำลังอาบน้ำอยู่นั้นเองก็มีความรู้สึกว่าเห็นเป็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังยืนแต่งหน้าอยู่ตรงหน้ากระจก ซึ่งตอนนั้นน้องก็คิดว่าแม่เข้ามาแต่งหน้าหรือทำอะไรหรือเปล่า จึงได้ตะโกนถามแม่ว่า "นั่นใคร" แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ และเงานั้นยังคงยืนอยู่หน้าตรงนั้น น้องคนนั้นรู้สึกตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่พยายามกลั้นใจแล้วค่อยๆเปิดม่านออกมา ระหว่างที่น้องเปิดม่านออกมานั้นเอง เงาที่เขาเห็นอยู่ตรงกระจกนั้นก็หายไปแล้วซึ่ง ณ ตอนนั้นน้องก็ได้แต่พยายามรีบอาบน้ำให้เสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอก

               พอออกมาในห้อง แม่ด้วยความเหนื่อยก็ผล็อยหลับไปแล้ว น้องก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่แต่งตัวแล้วก็ขึ้นนอนบนเตียง แต่ก็ไม่ลืมที่จะสวดมนต์ก่อนนอนเพราะว่าเขารู้สึกว่าเกิดเหตุการณ์อะไรแปลกๆมา 2 ครั้งติดต่อกันแล้ว และในคืนนั้นระหว่างที่เขานอนหลับอยู่นั่นเอง ช่วงเวลาประมาณตี 2 เห็นจะได้ น้องมีความรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างมาสัมผัสอยู่ตรงบริเวณหน้า สิ่งที่มาสัมผัสนั้นลักษณะเหมือนกับเส้นผมของคนผมนั้นมันค่อยๆลูบไล้ไปมาบริเวณใบหน้าของน้องจนทำให้น้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา และภาพที่มองเห็นนั้นก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงชาวต่างชาติผมสีน้ำตาล กำลังก้มหน้าลงมาและก็มองเขม็งมาที่น้องเขา และก็พูดอะไรบางอย่างซึ่งน้องไม่สามารถจับใจความได้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรออกมา แต่สิ่งที่ต้องทำให้ช็อคมากกว่านั้นคือ ระหว่างที่เขากำลังเอาเส้นผมนั้นค่อยๆลูบมาที่ใบหน้าของน้อง ตาของผู้หญิงคนนั้นค่อยๆถลนลื่นหลุดลงมา

               น้องได้แต่กรีดร้องออกมาเสียงดัง แต่กรีดร้องอย่างไรก็ไม่มีเสียงออกมาจากลำคอแม้แต่นิดเดียว และระหว่างที่น้องกำลังเผชิญกับความกลัวอยู่นั่นเอง ผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงและลงมาที่ข้างเตียง คราวนี้น้องเห็นรูปร่างและใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นได้ชัดเจนมากขึ้น ร่างนั้นใส่ชุดสีดำกางเกงขาสั้น ค่อยๆเดินไปตรงบริเวณตู้เสื้อผ้า ซึ่ง ณ ตรงนั้นเองเป็นจุดที่น้องเห็นปอยผมของใครคนหนึ่งถูกทิ้งไว้ร่างนั้นค่อยๆเดินหายเข้าไป ทะลุเข้าไปในตู้เสื้อผ้า และหลังจากนั้นน้องก็สามารถลุกขึ้นมาได้ และพยายามเขย่าตัวคุณแม่ที่นอนอยู่ข้างๆจนคุณแม่สะดุ้งตื่นขึ้นมา และถามถึงเหตุการณ์ทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่น้องเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้คุณแม่ฟัง แม่ก็บอกว่า "อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เพราะว่าเราเดินทางมาเหนื่อย อาจจะคิดไปเองหรือเปล่า" แต่ตัวน้องก็ไม่ได้คิดเช่นนั้น จนในที่สุดน้องทนไม่ไหว ขออนุญาตคุณแม่ออกไปนั่งเล่นอยู่ตรงบริเวณฟร้อนท์ของโรงแรมแทน แล้วก็ทิ้งให้คุณแม่นอนอยู่ภายในห้องคนเดียว

               พอเวลาผ่านเลยไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง น้องก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ว่าให้มารับที่ห้องด่วน น้องก็ถามไปว่า "เกิดอะไรขึ้นหรอ"แม่ก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้น้องฟังว่า ระหว่างที่น้องเดินออกจากห้องไปแล้วนั้นคุณแม่ก็ได้ทิ้งตัวลงนอนที่เตียงอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างที่กำลังเคลิ้มจะหลับนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดตู้เสื้อผ้าหรือหาอะไรบางอย่าง ซึ่ง ณ ตอนนั้นคุณแม่คิดว่าอาจจะเป็นโจรหรือเปล่า เพราะว่าน้องอาจจะลืมล็อคห้อง ก็เลยหันไปดูแต่ภาพที่เห็นก็คือ เป็นหญิงสาวชาวต่างชาติ ผมสีน้ำตาล ใส่เสื้อสีดำ กางเกงขาสั้น พยายามค้นหาอะไรบางอย่าง แล้วหันมาพูดคุยกับแม่ซึ่งเป็นภาษาอะไรแม่ก็ไม่สามารถจับใจความได้ และร่างนั้นค่อยๆวิ่งเข้ามาหาแม่ จนแม่ทำอะไรไม่ถูกแล้วก็รีบหยิบโทรศัพท์โทรหาน้อง แล้วหลังจากนั้นน้องก็ได้วิ่งมารับคุณแม่ที่ห้อง

               พอทั้งคุณแม่และน้องออกจากห้องแล้วไปนั่งรวบรวมสติอยู่ตรงบริเวณฟร้อนท์ของโรงแรม ตอนนั้นเองก็มีพนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินเข้ามาถามว่าดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมถึงยังมานั่งอยู่ตรงนี้ ทั้งสองคนก็เลยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง พนักงานโรงแรมก็ได้แต่สงสัยว่า เรื่องราวที่ทั้งสองคนนั้นเล่ามามันคืออะไรกันแน่ และเขาก็ยืนยันว่าตั้งแต่โรงแรมแห่งนี้เปิดบริการมา ยังไม่เคยมีใครเสียชีวิตที่โรงแรมแห่งนี้เลยและนี่คือเรื่องราวที่ทำให้ทั้งสองคนแม่ลูกต้องเป็นปริศนาต่อไป กับเรื่องราวของหญิงชุดดำคนนั้นว่าเขาเป็นใครกันแน่ แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่ห้องนี้...

ไม่มีความคิดเห็น