เสียงในเรือนจำ
เรือนจำน้อยคนจะได้รู้เรื่องราวสุดเฮี้ยนในนรกบนดิน ที่ทั้งนักโทษที่ต้องชดใช้กรรมอยู่ในคุก และวิญญาณที่ตายโหงถูกจองจำในที่เรื่อยจำแห่งนี้ มีเรื่องเล่ามากมายสุดหลอน วันนี้เราจะมานำเสนอเรื่องจริงเรื่องหนึง จากคุณโจ กันเลยครับ
เรื่องราวและประสบการณ์ตรงนี้โจมีเพื่อนคนหนึ่งน่าสงสารมากจึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง คือเมื่อปี 2542 โจเคยเข้าไปติดที่เรือนจำทหารแห่งหนึ่ง สภาพทางร่างกายนั้นไม่ค่อยลำบากนั้น จะมีก็เพียงแต่จิตใจเท่านั้นที่ขาดอิสรภาพ มีเพื่อนของโจคนหนึ่งเขาถูกจับในข้อหาจำหน่ายยาเสพติดซึ่งเป็นคดีร้ายแรง โดยที่เพื่อนๆและอีกหลายคนก็รู้ดีว่าเพื่อนคนที่ถูกจับมานี้นั้นไม่ได้เป็นคนก่อคดีนี้ขึ้น เรียกว่าโดนจับ
โดยที่ตัวเองไม่ได้ทำผิด แต่เรื่องนั้นโจจะไม่ขอกล่าวถึง เพื่อนคนนั้นโดนยัดข้อหาเข้าเต็มเปาเขาจึงสู้คดีแต่ว่าแพ้โดนตัดสินจำคุกถึง 15 ปีจากคนที่เคยร่าเริงก็ค่อยๆกลับกลายเปลี่ยนเป็นเหงาหงอย สภาพจิตใจก็แย่ลงจนล้มป่วย ทางเรือนจำจึงต้องส่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาอาการป่วยของเขา ก็ปรากฏว่าเพื่อนคนนี้ป่วยเป็นวัณโรคหรือเรียกสั้นๆว่า TB นั่นเอง (ย่อจาก tubercle bacillus / tubercle=ตุ่มเล็กๆ / bacillus=แบคทีเรีย) ดังนั้นตัวเขาจึงถูกแยกออกไปอยู่เพียงลำพังคนเดียว โดยที่อาการไม่ได้ดีขึ้นเลยกลับกลายต้องโดนขังเดี่ยว
และแล้วคืนสุดท้ายก็มาถึง คืนวันนั้นโจและเพื่อนๆอีกหลายคนได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเขาสลับกับเสียงร่ำไห้บ่นหาพ่อ หาแม่ และลูกเมีย เพื่อนคนนี้พยายามร้องตะโกนและก็พยายามพูดด้วยเสียงที่แหบว่า "อย่า อย่า!! อย่าเอากรุไปเลย" "ช่วยด้วย!! ช่วยด้วย!!" เป็นอยู่แบบนั้นตลอดทั้งคืน เพื่อนๆผู้ต้องขังอีกหลายคนได้ยินเสียงนี้ตลอดเวลา และหลายๆคนก็จดจำประโยคนี้ของเขาได้จนติดหู เขาดิ้นจนโซ่ตรวนที่ตีตราเอาไว้นั้นถูกับพื้นปูนดัง แกร๊งกร๊าง แกร๊งกร๊าง เสียงนั้นดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็เงียบไปรุ่งเช้าวันถัดมาเพื่อนของโจทั้งหลายและตัวโจเองก็รีบเข้าไปดูก็ได้ทราบว่าเพื่อนคนนั้นได้เสียชีวิตลงแล้ว ทุกคนจึงรีบไปบอกผู้คุมและก็นำร่างไร้วิญญาณนั้นไปขึ้นรถปิกอัพเพื่อจะส่งไปชันสูตรศพต่อไป หลังจากนั้นเหตุการณ์นี้ก็เงียบหายไป
จนกระทั่งวันหนึ่งเสียงลากตรวนก็ดังขึ้นในคืนอันเงียบสงัด ตอนนั้นโจและพวกนอนเฉยๆไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าเริ่มได้ยินชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ทุกคนรับฟังด้วยใจจดใจจ่อ ที่เสียงลากตรวนกับพื้นปูนนั้นค่อยๆดัง จนดังมาก ในห้องที่เพื่อนคนนั้นเคยเสียชีวิต มันเป็นซอย หรือห้องขังเดี่ยว ซึ่ง ณ เวลาในขณะนั้นไม่ได้มีคนถูกขังอยู่ มีแต่เสียงโซ่ตรวนและเริ่มมีเสียงแหบพร่าดังสอดแทรกขึ้นมาเป็นระยะๆ
เสียงแหบพร่านั้นหลายๆคนเคยได้ยินมาแล้วแทบทั้งสิ้น รู้สึกชินหูเป็นอย่างดี เสียงโซ่ตรวนและเสียงแหบพร่านั้นดังอยู่ทั้งคืนสร้างความขนหัวลุกให้กับทุกๆคนในช่วงนั้น แต่โจซึ่งเป็นคนไม่ค่อยจะกลัวอะไรมากนักได้ตะโกนออกไปว่า "เห้ย พวกกรุไม่เคยทำอะไรให้เมิ ง ทำไมต้องมากวนกันด้วย อย่ามารังควาญพวกกรุเลย" แต่ก็ไม่ได้ผล กลับทำให้เสียงเหล่านั้นดังยิ่งกว่าเดิม ทุกคนจึงตัดสินใจพากันนอน
อยากหลอกก็หลอกไป
รุ่งเช้าอีกวันหนึ่งโจจึงว่าจะลองเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับผู้คุมฟัง แต่ว่ายังไม่ทันจะเจอตัวผู้คุม ก็มีอีกหลายๆคนพูดขึ้นว่า "เมื่อคืนคงโดนกันหนัก" โจและเพื่อนๆจึงรีบไปหาผู้คุมกัน แล้วก็ต้องขนหัวลุกไปตามๆกัน เพราะผู้คุมกลับเป็นฝ่ายเล่าให้ฟังว่าเพื่อนคนที่ถูกขังเดี่ยวจนตายนั้นมาห้อยหัวอยู่ปลายเตียง จะลุกก็ลุกไม่ได้ จะหลับตาก็หลับไม่ลง คล้ายๆอาการของคนโดนผีอำ แต่ว่ามันมีภาพประกอยอยู่ด้วย โดนกันหลายคน ทั้งทหารที่มาเข้าเวรรักษาการก็ยังโดน บางคนวิ่งกันจนปืนหลุดจากมือเลย และก็มีบางคนบอกว่าตัวเขาเองนั้นอาจจะออกไปไม่ได้จึงแสดงตัวตนให้เห็น
ในวันนั้นญาติพี่น้องของนักโทษคนนั้นก็ได้นิมนต์ประสงฆ์มาเชิญดวงวิญญาณของเขากลับบ้าน มีการเซ่นไหว้และพิธีกรรมต่างๆนานพอสมควร หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลงก็ไม่เกิดเหตุการณ์สยองแบบนี้อีกเลย...
Post a Comment