ขอน้ำหน่อย
เรื่องราวสุดหลอน เรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับพนักงานคนหนึ่งในโรงแรมดังแห่งหนึ่งในพัทยา มีห้องพักกว่า 200 ห้องเรื่องราวสุดสยองที่เขาได้พบเจอมันช่างโหดร้ายมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นโรงแรมระดับห้าดาวแล้วล่ะก็ ก็ยังมีคนตายวิญญาณหลอกหลอน อยู่บ่อยครั้ง ลองไปฟังเรื่องราวนี้กันเลยครับ
เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ตรงที่คุณเอกได้พบเจอมาด้วยตัวเอง เรื่องราวทั้งหมดก็มีอยู่ว่า เอกทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา รร.ที่เอกทำงานอยู่นั้นค่อนข้างมีชื่อเสียงตั้งอยู่ในพัทยาใต้ รร.แห่งนี้มีห้องพักกว่า 200 ห้อง โดยแบ่งออกเป็น 2 ตึก
ตึกหนึ่งมี 10 ชั้น เรียกว่าตึกใหม่ ส่วนอีกตึกมีทั้งหมด 4 ชั้น เรียกกันว่าตึกเก่า มีสระว่ายน้ำคั่นอยู่กลางระหว่าง 2 ตึก บริเวณโดยรอบมีต้นไม้ใหญ่น้อยถูกปลูกเอาไว้แบบแนวรีสอร์ท ในช่วงเวลากลางวันก็ดูสวยดีอยู่หรอก เพียงแต่ว่าตกกลางคืนเรียกได้ว่าตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
มันจะดูวังเวงมาก เวลามองผ่านๆต้นไม้และเงาเหล่านั้นมันเหมือนกับคนรูปร่างสูงใหญ่ยืนโบกมือไปมาเมื่อมีลมพัดยามกลางคืน ในส่วนงานของเอกเดือนนี้เอกจะต้องอยู่กะกลางคืน โดยเริ่มงานเวลา 5 ทุ่มไปสิ้นสุดที่เวลา 8 โมงเช้า ในช่วงเวลานั้นเอกจะต้องรับผิดชอบหลายอย่าง เนื่องจากงานกะนี้จะมีพนักงานทั้งหมด 10 คน โดยทั้งหมดจะมีส่วนของรีเซพชั่น 3 คน เชฟ 1 คน รูมเซอร์วิส 1 คนสจ๊วด 1 คน Security อีก 3 คน รวมทั้งเอกก็เป็น 10 คนพอดี และด้วยเหตุนี้เอง เอกจึงมีหน้าที่เป็นทั้งเบลบอย มินิบาร์ พนง.เกี่ยวกับห้องพักรวมไปถึงต้องเดินตรวจตราตามจุดต่างๆด้วยการช่วย Security และเรื่องมันก็เกิดขึ้น
ในคืนนั้นหลังจากที่เอกทานข้าวเสร็จแล้วเวลาก็ล่วงเลยไปประมาณตี 3 กว่าๆ เอกจึงเริ่มตรวจตราช่วย รปภ.เหมือนอย่างเคย เหตุการณ์ก็ดูเหมือนจะปกติดี จนกระทั่งมีลูกค้าห้องหนึ่งบนชั้น 6 โทรลงมาบอกว่าต้องการน้ำดื่มเพิ่ม 2-3 ขวด เอกจึงเตรียมน้ำดื่มให้ลูกค้าแล้วก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าลิฟท์ พนง.แล้วกดปุ่มเรียกลิฟท์ ลิฟท์ก็ค่อยๆเคลื่อนตัวลงมาช้าๆทีละชั้น ทีละชั้น จนมาถึงชั้นที่เอกยืนอยู่
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เอกกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป เอกสังเกตุเห็นไฟในลิฟท์นั้นติดๆดับๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากคิดแค่ว่าหลอดไฟคงจะเสียอีกแล้ว เอกอยู่ในลิฟท์ทั้งๆแบบนั้น ก็คือไฟกระพริบติดๆดับๆตลอดเวลา มันก็ทำให้เอกนึกถึงเรื่องที่เคยได้ยินมาและก็น่าจะลืมไปแล้วนั่นคือลิฟท์ที่เอกกำลังอาศัยอยู่ในเวลานี้มันเป็นลิฟท์ที่เคยขนศพลูกค้าที่เสียชีวิตลงมา ตอนนั้นก็คิดแต่ว่า
ตายสิ มานึกถึงเรื่องอะไรตอนนี้ มองดูตัวเลขที่ลิฟท์กำลังเคลื่อนผ่านไปทีละชั้น ทีละชั้น ในความรู้สึกตอนนั้นมันดูช้าเหลือเกินเอกรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ได้ยินแต่เสียงลมหายใจของตัวเองดังฟืดฟาดจนน่ารำคาญ ไฟที่กำลังกระพริบอยู่ก็สว่างพรึ่บขึ้นมาแต่ว่ามันก็ไม่ได้ช่วยให้เอกดีขึ้น ตรงกันข้าม มันกลับทำให้เอกรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้อยู่คนเดียวภายในลิฟท์ ราวกับว่าตอนนี้มีคนอาศัยลิฟท์มากับเอกด้วย
เอกกหันขวับไปมองด้านหลังแต่ก็ไม่มีอะไร สงสัยเอกจะคิดไปเอง พอมาถึงที่ชั้น 6 ห้องที่ลูกค้าขอน้ำดื่มนั้นอยู่ห่างออกไปห้องท้ายๆตรงทางเดินที่ทอดยาว เอกรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติแต่ก็ไม่กล้าจะหันกลับไปมองลิฟท์ที่พึ่งก้าวเท้าออกมา เอกเดินไปเรื่อยๆผ่านห้องแล้วห้องเล่า จู่ๆไฟทางเดินก็ดับไล่หลังมาทีละดวง ทีละดวงเหมือนในหนัง มันไม่ปกติแล้ว เนื่องจากระบบไฟนั้นเป็นแบบไทเมอร์
ก็คือตั้งเวลา ไม่มีทางที่มันจะดับทีละดวงได้ ถ้าเกิดขัดข้องมันต้องดับทั้งหมดพร้อมกัน คิดได้แค่นั้นเอกแทบคุมสติไม่อยู่ รีบเดินให้เร็วขึ้นไฟยังคงไล่ดับตามหลังมา เอกจึงตัดสินใจวิ่งอย่างเร็วโดยที่ไม่หันหลังกลับไปมอง พอมาถึงห้องของลูกค้าเอกก็เคาะห้องราวกับคนเสียสติตึง ตึง ตึง ตึง!! ในวินาทีนั้นเอกไม่ได้คิดว่าลูกค้าจะว่าหรือคอมเพลนแต่อย่างใด คิดอยู่อย่างเดียวว่ารีบทำให้เสร็จๆ จะได้รีบไป
จากชั้นนี้ และก็โชคดีที่ลูกค้านั้นเปิดประตูออกมารับน้ำโดยไม่มีท่าทีโวยวายแต่อย่างใด เอกจึงรีบยื่นขวดน้ำดื่มให้แล้วก็รีบวิ่งลงบันไดที่อยู่ตรงกันข้ามกับทางที่เอกมา
นับว่าโชคยังเข้าข้างที่ไฟทางเดินตรงบันไดนั้นไม่ได้ดับไปด้วย ไม่งั้นเอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง เอกวิ่งลงไปถึงชั้นล่างด้วยอาการเหนื่อยหอบ นั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง ก็เลยโทรไปแจ้งงานกับโอเปอเรเตอร์ว่ามีลูกค้าที่ห้องนี้ อยู่ชั้น 6 ได้ทำการขอน้ำดื่มเพิ่ม 2-3 ขวดโดยที่เอกก็ไม่ได้เล่าเรื่องที่พึ่งจะเจอมา แต่แล้วสิ่งที่โอเปอเรเตอร์ตอบกลับมาทำให้เอกถึงกับเข่าอ่อน นั่นก็คือห้องพักที่เอกบอก
ว่าลูกค้าขอน้ำดื่มนั้นจริงๆแล้วไม่ได้มีลูกค้ามาเช็คอินเลย "ไม่มีใครพักอยู่นะ เอกแน่ใจนะว่าห้องนั้น" แล้วโอเปอเรเตอร์ก็พูดอะไรต่ออีกแต่ว่าเอกจับใจความไม่ได้ซะแล้ว หัวสมองมันตื้อ หูตาอื้ออึงไปหมด ไม่มีลูกค้า แล้วใครที่เป็นคนขอน้ำดื่ม? เหตุการณ์ที่พึ่งจะเจอมามันเกี่ยวข้องกับอะไรรึเปล่า ทุกวันนี้เอกยังคงทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ แต่ก็พยายามเลี่ยงงานที่ชั้น 6 ถ้าเกิดมีอะไรคืบหน้า จะนำมาเล่า
Post a Comment