ห้องพัก 813
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อปี 2011 ผมกับแฟนสาวได้คบกันได้ไม่ถึงปีและวันที่31ธันวาคมเป็นวันเกิดของแฟนผม และเป็นวันเกิดแรกของเธอที่เราคบกัน ผมจึงอยากเซอร์ไพรส์เธอด้วยการจองห้องพักที่่โรงแรมแห่งหนึ่ง ห้องที่ผมจองไว้เป็นห้องสแตนดาร์ดครับ ห้องธรรมดาราคาถูกสุด โดยผมได้จองทางอินเตอร์เน็ต ราคาค่าห้องแค่พันต้นๆ ผมเช็คอินที่รีเซฟชั่นและได้กุนแจมาผมได้ห้อง 813 ผมรู้สึกประหลาดใจมากเพราะว่าโดยทั่วไปแล้วเลข13เป็นเลขไม่เป็นมงคล และโดยทัวไปโรงแรมอื่นๆมักจะหลีกเลี่ยงการใช้เลข13 ผมจึงได้เอ่ยปากถามพนักงานว่า "ปกติโรงแรมเขาจะไม่มีเบอร์ 13 ไม่ใช่เหรอ" พนักงานผู้หญิงก็ตอบมาห้วนๆว่า "แต่ที่นี่มี" ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรครับ ก็พาแฟนขึ้นลิฟท์ขึ้นไปที่ห้อง 813 ที่ชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดและเป็นห้องมุมสุด
พอไปถึงหน้าห้องก็เปิดประตูเข้าไป มันมีความรู้สึกอับครับ อย่างเห็นได้ชัดเลยแหละ ในห้องแบ่งเป็นส่วน เปิดประตูเข้าไปจะเจอห้องรับแขกก่อน เตียงนอนจะอยู่อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งดูจากการจัดห้องแล้วเนี่ยมันเหมือนกับห้องสูท เพราะมีห้องรับแขก มีห้องนอนแยกกัน ห้องน้ำอยู่ด้านในสุด ผมยังพูดกับแฟนว่า "อืม โรงแรมนี้ห้องเขาใหญ่ดีนะ นี่ขนาดห้องเล็กที่สุดค่าห้องพักแค่คืนละพันกว่าบาทเอง" จากนั้นผมก็เลยเข้าห้องน้ำเพื่อจะล้างหน้าล้างตา พอเปิดน้ำใส่อ่างล้างหน้าปรากฏว่าน้ำออกมาเป็นสีน้ำตาลเข้มเลยครับ แล้วก็ค่อยใสขึ้น ซึ่งเหมือนกับว่าห้องนี้ไม่ได้ใช้มานานจนน้ำตกตะกอนจนเป็นสีสีน้ำตาล แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยครับ ก็อาบน้ำไป ท่อในห้องน้ำดันตันซะอีก พอออกจากห้องน้ำผมเลยแจ้งให้ช่างมาดูแลหน่อย แล้วก็แต่งตัวออกไปกินข้าวกับแฟน
ช่วงที่ผมยืนรอลิฟท์อยู่ หน้าลิฟท์นี้จะมีป้ายบอกทางหนีไฟขึ้น ในป้ายก็จะมีแผนผังห้องต่างๆในชั้นนั้นๆ ซึ่งพอผมเห็นห้องที่ผมอยู่เนี่ยกลับกลายเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในชั้นเลยครับ ผมก็พูดคุยกับแฟนผมว่า "สงสัยโรงแรมเค้าจะเต็มนะ จองห้องที่เล็กและถูกที่สุด กลับโชคดีได้อยู่ห้องที่ใหญ่และแพงที่สุด" หลังจากที่ไปทานข้าวเสร็จก็กลับเข้าห้อง ซึ่งระหว่างที่ทานข้าวอยู่ผมได้ให้ พนง. เอาเค้กวันเกิด
ไปใส่ไว้ในห้อง เพื่อเซอร์ไพรส์แฟนผมตอนกลับ พอจะกลับขึ้นห้องผมก็ไปกระซิบถามพนักงานว่าเรื่องเค้กเนี่ยโอเคหรือยัง พนักงานก็ตอบ เค "เรื่องท่อในห้องน้ำที่ตันล่ะซ่อมรึยัง" พนักงานก็บอกโอเค จากนั้นเพราะผมกลับมาถึงห้องเปิดประตูห้องเข้าไปก็เจอเค้กวางอยู่ที่โต๊ะซึ่งเค้กมันแหว่งไปเหมือนถูกกินไปส่วนหนึ่ง ในใจผมคิดว่า ไอ้พนักงานโรงแรมนี้มันแย่มากๆ มันกินเค้กแขกได้ยังไง แต่ผมไม่อยากให้บรรยากาศเสีย เลยบอกแฟนไปว่า "ผมแอบชิมไปหน่อยนึง ไม่ว่านะ" แฟนผมก็บอกว่าไม่เป็นไร หลังจากที่ร้องเพลงเป่าเค้กกันเสร็จสรรพแฟนผมก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน แฟนพอออกจากห้องน้ำก็บอกกับผมว่าท่อตัน ผมก็คิดในใจว่า ไหนบอกว่าซ่อมแล้ว ทำไมยังตันอยู่ ผมก็เลยเดินเข้าไปดูในห้องน้ำ เห็นเป็นเส้นผมอยู่ที่ท่อจึงเอาไม้แขวนเสื้อมาเขี่ย ปรากฏว่ามันเป็นก้อนกระจุกเส้นผมที่เยอะมากๆ เก็บขึ้นมาได้เท่ากับกำปั้นผมเลยแหละ ผมก็เลยเอาไปทิ้งในถังขยะไม่ให้แฟนเห็น
จากนั้นเราก็เข้านอนซึ่งปกติผมจะเป็นคนนอนดึก ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่าอเองครับผมจึงยังไม่รู้สึกง่วง แต่แฟนผมเพลียมากและพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานแต่เช้า จึงขอตัวนอนก่อน ในระหว่างนั้นผมเลยหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน จู่ๆแฟนผมที่นอนอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมาว่า "อย่าเล่นสิ นอนได้แล้ว" ในใจผมก็คิดว่า เล่นอะไรอ่ะ เรานอนอ่านหนังสือเฉยๆ จากนั้นผมก็เริ่มง่วงจึงปิดไฟนอน หลับไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่เห็นแฟนผม ไม่รู้ว่าไปไหน จากนั้นผมได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังกินอะไรที่ห้องรับแขก ผมก็คิดว่าแฟนผมคงตื่นเป็นไปกินเค้ก ตอนเข้ามาเป่าเค้กเนี่ยยังไม่ได้กิน เพิ่งกินข้าวมา แต่สักพักแฟนผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำซึ่งอยู่คนละฝั่งกับห้องรับแขก ในใจคิดว่า อ้าว ใครกินเค้กล่ะ ตอนนั้นผมยังไม่ได้พูดอะไรนะครับ พยายามสังเกตว่าแฟนผมเขาได้ยินหรือเปล่า ซึ่งเขาก็งัวเงียๆไปนอนต่อ
จากนั้นเสียงกินก็ยังดังต่อเนื่องครับ ตอนนั้นผมขนลุกไปทั้งตัวเลยครับ อยากจะลุกไปดูก็ไม่กล้า แต่ในที่สุดก็ทนไม่ได้ จึงค่อยๆย่องไปชะโงกดูชัดๆ ปรากฏว่าผมเห็นคนเป็นเงาดำๆเพราะตรงนั้นมันมืดมากครับ กำลังนั่งยองๆกินเค้กอยู่ ในใจก็คิดอยู่ 2 อย่างว่ามันเป็นคนหรือไม่ใช่คน แล้วผมจะทำอะไรต่อไป นาทีนั้นไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยคิดว่าเดี๋ยวเราไปเปิดไฟก่อนแล้วกันจะได้รู้กันว่ามันคืออะไร ถ้าเป็นคน
จะได้เรียกผู้จัดการมาคุย ถ้าไม่ใช่คนอย่างน้อยเนี่ยสว่างแบบนี้ก็พอจะใจแข็งสู้ได้ ผมจึงค่อยๆย่องไปเปิดไฟล์ ปรากฏว่าไฟไม่ติด พร้อมทั้งเสียงที่ผมได้ยินมันหยุดลง ในใจก็คิดว่า มันหยุดแล้วมันจะทำอะไรต่อล่ะทีนี้ แล้วก็คิดว่าถ้าวิ่งออกนอกห้องก็ต้องผ่านห้องรับแขกผมเลยตัดสินใจนอนคลุมโปงกอดแฟนและเผลอหลับไป
พอเช้ามาก็ได้เช็คเอาออกทันทีครับ ก่อนออกไปก็ถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ว่า "ห้อง 813 เนี่ยมีอะไรหรือเปล่า" เขาก็บอกว่าไม่ทราบ ถามพนักงานยกกระเป๋าก็บอกว่าไม่ทราบ จนถามไปถามมาปรากฏว่าพนักงานทุกคนนั้นเป็นพนักงานใหม่หมดเลย เพิ่งเข้ามาทำงานได้แค่อาทิตย์กว่าๆกันทุกคนเลยครับ แล้วที่นั่นไม่มีพนักงานของเก่าอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ผมก็ยังไม่ทราบถึงประวัติความเป็นมาของห้อง 813 ว่าความเป็นมานั้นเป็นอย่างไร
Post a Comment