ตำนานผีปอบ

      วันนี้ขอพูดถึงตำนานอย่างผีปอบ ตำนานดังเเทบภาคอีสาน ที่มีทั้งคนเชื่อ และ ไม่เชื่อ เพราะความเชื่อนี้ ก็คงเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ตำนานมันก็มีอยู่จริงแหละ เเต่อย่างคนรุ่นใหม่ๆ ก็จะมักหาความจริงและบางคนก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
      "ผีปอบ"นั้น ในต่างจังหวัดยังมีอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ปิดเทิม พวกเราสี่พี่น้องตระกูล อ. ต่างดีใจที่จะได้ไปบ้านคุณปู่คุณย่า ที่จังหวัดพิจิตร เพราะที่นั่นอากาศดีไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว เดินทางถึงพิจิตร คุณพ่อก็ต้องกลับมาทำงานเลย ไม่ได้ค้าง พวกเราถึงตอนบ่ายๆ หน้าบ้านนั้นมีคนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กที่เล่นกัน และกลุ่มผู้สูงวัยที่คุยกันโรคภัยใครเยอะกว่ากัน ตัวบ้านนั้นจะอยู่สุดซอย แถวนั้นจะเรียกซอยว่าเป็นคุ้ม หลังบ้านนั้นจะเป็นที่ดินว่าง ปลูกผัก ต้นกล้วย และพืชนานาชนิด ถึงสักพัก ได้ยินเสียงย่าว่า "ไปซื้อน้ำยาล้างจานให้หน่อย" เราก็อาสาแว้นจักรยานไปซื้อ แต่ก่อนที่จะไปค่อมจักรยาน สายตาๆนึงที่จ้องมองเราตลอดเวลา เป็นสายตาของผู้หญิง เราก็จ้องค้อนกลับผู้หญิงคนนั้นไป ไปซื้อน้ำยาล้างจานปั่นจักรยานกลับมาถึงบ้าน สายตานั้นก็ยังจ้องเราไม่ห่างสายตาไปไหน พร้อมพูดว่า "อ้วน ขาว ดีเนอะ" เราไม่นึกแปลกใจอะไร จนเดินเข้าบ้านล้างจานตามปกติ จนตกกลางคืน ก็จัดแจงสำหรับอาหารกินกันพร้อมหน้าพร้อมตา คุณลุงซื้อปลาจ่อมมา บีบมะนาวลงในถ้วย พร้อมพูดขำๆว่า "นี่ถ้ากระสือเห็นกุ้งมะนาวมันกินหมดเลยนะ" มันคิดว่าเป็นหนอน" ย่าก็ตะคอกลุง พร้อมพูดว่า "จะพูดทำไม พวกนี้มันรู้ มันได้ยิน เหมือนข้างบ้านเรานะ ปอบ พูดอะไรมันได้ยินหมด แต่พวกนี้จะไม่ทำใคร เขาเป็นสายตระกูลเขา ไม่ใช่วิชาแตก แต่อย่าไปทำอะไรเขาก่อนนะ มันเอาตาย" เราใจหายแว้บเลย ใช่ค่ะ ผู้หญิงคนนั้นที่มองเรา แล้วเรามองกลับ เขาเป็นอย่างว่า เราก็พยายามไม่คิดอะไร ไปอาบน้ำกลับมาดูโทรทัศน์ตามปกติ จนดึก ก็หลับ แล้วฝันว่า มีผู้หญิงคนนึง พูดกับเราว่า "กูขอกินได้ไหม" ในความฝัน เราจูงมือผู้หญิงลงไผในคูน้ำแห้งที่มีแต่กบ เขียด พร้อมบอกว่า "อยากกิน กินเลย กินให้อิ่ม" ผู้หญิงคนนั้นนั่งลงกิน ในความฝัน พร้อมหันหน้ามามองเรา พร้อมร้องไห้ แม่เจ้า น้ำตาผู้หญิงหลั่งเป็นสายเลือด เราเลยตกใจตื่นขึ้นมา พร้อมกับนึกทบทวนว่า ถ้าเราเกิดตอบตกลงว่าให้มันมากินเราได้ เราคงไหลตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแน่เลย ยังไม่ได้ควบคุมสติตัวเองให้หลับต่อเลย เสียงขูดหน้าต่างเหมือนเล็บยาวๆแล้วขูด เราก็สะดุ้งกอดพี่สาวที่นอนอยู่ข้าง ซึ่งนอนน้ำลายไหลไม่สนใจใครแล้ว ห้องก็มืดไม่มีไฟดวงเล็กๆสักดวง สิ้นเสียง เสียงสังกะสีหลังบ้านก็ดังเข็ดหูอีกแล้ว เป็นเสียงขูด เราได้แต่นอนตัวแข็ง ทำอะไรไม่ถูก ฉี่แทบจะราดที่นอน ได้แต่สวดมนต์เบาๆในใจ หลับไปได้จนถึงเช้า เช้าพวกเราก็จะตื่นแต่เช้า พร้อมสนุกสนานกับการช่วยทำกับข้าว อีกคนก็ลงไปเก็บผักที่ดิน พี่สาวและเราก็ช่วยคุณย่าทำอาหารอยู่ในครัว แต่เราก็ยังไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ใครฟัง พอทำกับข้าวเสร็จ ด้วยความที่เป็นเด็ก พี่สาวเราไปจกกับข้าวชิม เวลาต่อมาไม่นาน พี่สาวจขกท ปวดท้องดิ้น ปวดเหมือนไส้จะขาด คุณปู่ก็เดินมาถามว่าไปกินอะไรมา แกก็ตอบแค่ว่า"ก็กินกับข้าวไปคำเดียวเองปู่ " พร้อมบิดตัวเหมือนกำลังจะสิ้นใจ พอปู่ได้ยินก็ถึงกับตาลุก วิ่งไปหยิบปืนในห้องออกมา พร้อมบอกคุณย่าว่า "จัดข้าวให้กูชุดนึง" พอจัดเสร็จก็เอาไปวางไว้กลางแจ้ง พร้อมยิ่งปืนลงคาถาขอมไปที่กลางถาดข้าวแตกกระจาย พร้อมพูดว่า "ทำหลาน กูไม่เลี้ยง ไปสะ อย่าให้กูต้องทำให้เป็นสางเลย" ใช่ค่ะ คุณปู่เราคนเล่นคุณไสย ท่านเลี้ยงผีโรงแตกไว้เฝ้าบ้าน คอยดูแลบ้านยามไม่มีใครอยู่ แล้วข้าวทุกมื้อ จะต้องเซ่นผีก่อน แต่พี่สาวเราด้วยความที่ไม่รู้ก็ไปจกกิน ไม่นานอาการปวดท้องของพี่สาว ก็หายเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วหลังจากนั้นปู่ก็เดินไปที่บ้านของป้าคนนั้น พร้อมพูดว่า " ถ้ามาทำอะไรหลานกู กูไม่ยอม ต่างคนต่างอยู่ อย่าให้กูต้องทำใคร" ผู้หญิงคนนั้นที่นั่งอยู่ใต้ถุนบ้านก็วิ่งขึ้นบ้านโดยฉับพลัน คุณปู่รู้เรื่องราวเมื่อคืน ว่าเกิดอะไรขึ้น และมั่นใจว่า มันเข้ามาไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ปัจจุบันปู่ก็ยังไม่ละทิ้งการที่จะเอาผีโรงแตกมาคอยเฝ้าบ้าน และสั่งห้ามหลานๆ ว่า อย่าจกกับข้าวกิน และ ปากอย่าพาซวย

ไม่มีความคิดเห็น