เรื่องอาจารย์ใหญ่


     เหตุการณ์เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ลือกันว่าที่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นที่เล่าขานกันว่าที่แห่งนี้สุดเฮี้ยน เรื่องของคุณก้อง ย้อนกลับไปเมื่อ27ปีที่ผ่านมา เขายังจำได้ดีไม่เคยลืม เขามีอาชีพรับราชการที่ปากคลองตลาด ช่วงนั้น คุณก้อนกำลังศึกษาธรรมะ ก็เลยคิดว่าอยากจะไปดูศพ เพื่อเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

    จึงได้ข้ามฝั่งไปที่โรงพยาบาลเก่าแก่แห่งหนึ่ง ตอนที่คุณก้อนกำลังเกินขึ้นตึก จะได้กลิ่นฟอร์มาลีนลอยฟุ้งอยู่ทั่วบริเวณ คุณก้อนเดินเข้าไปในห้องอาจารย์ใหญ่ที่อยู่ชั้นสอง ในห้องจะมีตู้ใหญ่ๆอยู่สามตู้ เป็นตู้กระจก ตั้งอยู่สองตู้ และนอนหนึ่งตู้

    สองตู้ที่ตั้งอยู่ จะเป็นอาจารย์ใหญ่ผู้หญิง ลอกหนังกําพร้าออกไปซีกหนึ่ง เพื่อให้เห็นกล้ามเนื้อ อีกตู้หนึ่งจะเห็นระบบประสาทของร่างกายทั้งหมด ถัดออกไปไม่ไกล จะเป็นตู้นอน เป็นอาจารย์ใหญ่ผู้หญิงเหมือนกัน แขนข้างขวาจะถูกตัดออก แล้วแยกให้ห่างกัน

    คุณก้อนก็ได้ไปยืนพิจารณา ตู้ที่ลอกหนังกําพร้าออกไปซีกหนึ่ง จนประมาณเกือบยี่สิบนาที จากนั้นก็ไปพิจารณาเด็กที่อยู่ในโหลดองต่อ เสร็จแล้วก็เดินลงมาชั้นล่าง พอลงมาถึง ด้านซ้ายมือและขวามือจะเป็นทางเดินยาวๆ

    แต่คุณก้อนกลับไม่เห็นใครเลย มีแต่คุณก้อนคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงทางเดิน ทั้งๆที่นี่เป็นโรงพยาบาลใหญ่ เป็นภาพที่มองดูแล้วชวนให้วังเวงมาก อีกทั้งยังมีความรู้สึกหนักๆ อึดอัดแปลกๆ

    ทางเดินด้านซ้ายมือ จะมีเตียงนอนอยู่ชิดกับกำแพง บนเตียงมีอะไรสักอย่างอยู่ แต่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มจนมิด คุณก้อนยืนคิดอยู่นานว่าจะลองไปเปิดผ้าห่มดูดีมั้ย แต่ก็ไม่กล้า และคิดว่ากลับดีกว่า

    คืนนั้นวันศุกร์ คุณก้อนมีธุระต้องเดินทางไปที่วัด ในจังหวัดระยอง ที่บ้านค่าย วัดจะอยู่บนภูเขา พอถึงที่วัด คุณก้อนก็นอนพักผ่อน แล้วได้ฝันว่า มีผู้หญิงกวักมือเรียก คุณก้อนจึงเดินเข้าไปหา ผู้หญิงคนนั้นก็เดินจูงมือคุณก้อนไป แล้วคุณก้อนก็สังเกตเห็นว่า ข้อมือของผู้หญิงคนนี้ขาดอยู่

    จนคุณก้อนมาสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงระฆังเช้าของวัด ตอนเช้าคุณก้อนก็เลยเล่าความฝันให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อฟังแล้วก็นิ่ง ท่านพูดแค่ว่า "ให้หมั่นภาวนานะ" คุณก้อนได้ยินแบบนั้นก็ใจไม่ดี

    วันอาทิตย์ คุณก้อนก็เดินทางกลับกรุงเทพ หลังจากนั้นไม่กี่วัน คุณก้อนทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ ช่วงพักเที่ยง หลังจากทานข้าวเสร็จ ก็คิดจะงีบหลับสักแปบ ระหว่างที่กำลังนอนอยู่ คุณก้อนรู้สึกเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น และอากาศมันหนักๆ

    หูก็ได้ยินเสียงลมพัดอื้ออึง ขยับตัวไม่ได้ และเหมือนได้ยินเสียงคนคุยกันเบาๆ แต่ก็จับใจความไม่ได้ เพราะเสียงลมพัดอยู่ในหูแรงมาก คุณก้อนตกใจมาก ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ จนสักพัก ก็จับใจความเสียงที่คุยกันได้ว่า "เอามันไปเลย"

    คุณก้อนขนลุกวาบไปทั้งตัว อยากจะวิ่งหนี แต่ก็ขยับไปไหนไม่ได้ ตาก็มองไม่เห็น รับรู้ได้แต่เสียง มีความรู้สึกเหมือนใจจะขาดให้ได้ คุณก้อนจึงคิดถึงคำพูดของหลวงพ่อว่า ให้ภาวนา คุณก้อนจึงพยายามใจเย็นให้ได้มากที่สุด

    ผ่อนลมหายใจ แล้วภาวนา สักพักเหมือนมีอะไรบางอย่างมากลิ้งอยู่ที่กระหม่อม และมีความรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่าง อุ่นๆ ไหลลงมาจากกระหม่อมไปจนทั่วร่างกาย แล้วเสียงทุกอย่างก็สงบลง จนรู้สึกขยับตัวได้

    คุณก้อนจึงเดินทางไปวัดที่ระยองอีกครั้ง แล้วเล่าเหตุการณ์ที่พบมาให้หลวงพ่อฟัง พลวงพ่อท่านบอกว่า "คนที่จะตาย โดยไม่มีสติ อาการจะเป็นแบบนี้ ให้จำไว้" หลังจากนั้นมา คุณก้อนก็ไม่กล้าไปที่โรงบาลแห่งนั้นอีกเลย

    และระยะหลัง คุณก้อนได้มีโอกาสฟังเทป การเดินธุดงค์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดํา ท่านพูดถึงการวิปัสสนากรรมฐาน เวลาเดินธุดงค์ตามป่าไปเจอศพ วิธีการพิจารณาควรทำอย่างไร จึงได้รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำไป มันไม่ถูกต้อง

    เวลาไปเจอศพ อย่ายืนค้ำหัวหรือยืนต่อหน้าศพตรงๆ ให้ยืนเยื้องๆไปทางซ้ายหรือขวา และให้ยืนเหนือลม เพราะถ้าเราได้กลิ่นของศพ จะทำให้เรารู้สึกพะอืดพะอม และอยากอาเจียน การแสดงอาการเหล่านี้ต่อหน้าศพ ถือเป็นการไม่ให้เกียรติคนตาย

    การที่เราไปยืนตรงๆต่อหน้าศพ มันจะไปขวางทางของพวกอสูรกาย หรือพวกเปรต ที่จะเข้ามากินน้ำเหลืองของศพ

    หลังจากนั้น ตอนที่คุณก้อนได้ไปวัดที่ระยองอีก ก็ได้ไปเล่าเรื่องที่พบมาให้หลวงพี่ที่วัดฟังด้วย พอหลวงพี่ได้ฟังก็อยากจะไปดูด้วย แล้วให้คุณก้อนพาไป คุณก้อนก็เลยจำเป็นต้องพาไป ทั้งๆที่ไม่อยากเข้าไปอีกแล้ว

    แต่มีน้องของคุณก้อนไปด้วย กับพระลูกวัดตามไปด้วยอีกหนึ่งคน รวมเป็นสี่คน พอไปถึงที่โรงพยาบาล ก็เหมือนเดิม กลิ่นฟอร์มาลีนลอยฟุ้งอยู่ทั่วโรงพยาบาล คุณก้อนและน้องพร้อมกับหลวงพี่อีกสองรูปก็ขึ้นไปดูห้องอาจารย์ใหญ่

    สักพักก็ลงมาข้างล่าง คุณก้อนก็ถามน้องว่าได้กลิ่นฟอร์มาลีนมั้ย น้องก็ตอบว่าได้กลิ่นแรงมาก แล้วก็ถามหลวงพี่ แต่หลวงพี่ทั้งสองรูปบอกว่า ไม่ได้กลิ่นฟอร์มาลีนเลย

    คุณก้อนจึงคิดว่า นี่คงจะเป็นการให้เกียรติพระภิกษุสงฆ์ของเหล่าอาจารย์ใหญ่ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ไม่มีความคิดเห็น