ฝ่าคำเตือน

 
     เรื่องราวที่มีคนเตือนแล้วไม่ฟังจนเจอดีของคุณนัท เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นตอนไปเที่ยวที่จังหวัดเพชรบุรี เมื่อประมาณสองปีที่ผ่านมา คุณนัทและเพื่อนๆอีกประมาณสิบกว่าคน ได้ไปเที่ยวที่สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเพชรบุรี

    ไปถึงประมาณสิบโมง วันนั้นเป็นวันธรรมดา ที่พักในสถานที่ท่องเที่ยวจึงไม่เปิดให้คนเข้าพัก คุณนัทและเพื่อนๆจึงต้องขับรถวนหาที่พักกันเอง บางที่บางแห่งก็ไม่รับ ให้เหตุผลว่าคนเยอะเกินไป บางที่ก็รับแค่วันเสาร์อาทิตย์

    จึงได้ขับรถวนหาลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนไปเจอบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้สักทั้งหลัง มีสองชั้น ด้านหลังจะเป็นอ่างเก็บน้ำ ทุกคนเห็นเข้าก็ถูกใจกันมาก จึงได้เข้าไปต่อรองราคากัน ทางเจ้าของบ้านคิดคืนละแปดพัน คุณนัทต่อจนเหลือหกพัน

    แต่เจ้าของบ้านมีข้อแม้ว่า "เวลาพวกน้องทำอะไรอ่ะ ขอเค้าด้วยนะ อย่าทำอะไรพิเรนๆกันหละ เพราะที่แถวนี้ยังอยู่ในเขตป่า แล้วเดี๋ยวพี่จะทิ้งเบอร์ไว้ให้ มีอะไรก็โทรมา เพราะพี่ไม่ได้พักอยู่แถวนี้"

    แล้วเจ้าของบ้านก็ให้แผนที่มาแผ่งหนึ่ง และบอกว่า "เผื่อเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมา ให้ออกไปทางที่พี่เขียนไว้ให้ในนี้นะ อย่าไปออกทางที่เข้ามานะ เดี๋ยวจะหลง"

    พอเจ้าของบ้านกลับออกไป คุณนัทและเพื่อนๆจึงเดินสำรวจทั่วบ้าน เป็นบ้านที่สวยมาก เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างยังใหม่เอี่ยม เพื่อนๆได้ชวนกันไปตกปลาที่อ่างด้านหลัง

    คุณนัทจึงเดินดูรอบๆบริเวณของบ้าน ก็พบว่าที่นี่ถูกปกคลุมไปด้วยป่า เป็นบ้านหลังสุดท้าย ที่อยู่ลึกที่สุด ตกเย็น ทุกคนจึงก่อกองไฟ เอาปลาที่ตกได้มาทำกินกัน

    กลางคืนจะเงียบสงัด ไม่มีไฟทาง จึงทำให้ที่นี่มืดจนรอบทิศทาง มีแค่แสงสว่างจากกองไฟ และแสงจากดวงไฟในบ้าน ที่ลอดออกมาทางหน้าต่าง

    จนเวลาประมาณสองทุ่ม เพื่อนคนนึงก็พูดขึ้นมาว่า "เราขอเจ้าที่กันยัง" รุ่นพี่ที่อยู่ในกลุ่มก็ตอบว่า "ขอทำไม ป่านนี้เจ้าที่ไม่มาแล้ว นี่ก็ไม่เหลืออะไรแล้วด้วย กินกันหมดแล้ว ให้เหล้าก็เสียดาย"

    ทุกคนก็ไม่ได้สนใจ นั่งดื่มกันไปเรื่อยๆ จนเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ทุกคนจึงมาคุยกันว่า พรุ่งนี้จะไปหาเช่าที่พักหลังใหม่ เพราะที่นี่มันแพงเกินไป หลังจากตกลงกันเสร็จ เพื่อนบางคนก็ขึ้นไปนอนบนบ้าน

    จนเวลาเกือบๆตีหนึ่ง คุณนัทรู้สึกง่วงนอน จึงคิดว่าจะขึ้นไปนอนบนบ้าน พอคุณนัทก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน อยู่ๆความรู้สึกอึดอัด หนักอึ้งก็ผุดขึ้นมา ทั้งๆที่ตอนกลางวันยังรู้สึกว่าเป็นบ้านที่น่าอยู่มาก

    จึงพยายามมองไปรอบๆตัวบ้าน หรืออาจจะเป็นเพราะไฟในบ้านเป็นสีส้ม จึงให้ความรู้สึกอึดอัดทึบๆ คุณนัทยืนพิจารณาทุกอย่างรอบๆตัวอยู่กลางบ้าน เพื่อนๆทุกคนก็เดินเข้ามา เพราะว่าด้านนอกเหมือนฝนจะตก

    คุณนัทก็งง เพราะตอนที่นั่งอยู่ด้านนอกไม่รู้สึกถึงการตั้งเค้าของฝนเลย จึงเดินไปเปิดหน้าต่างดู ก็พบว่าลมด้านนอกค่อนข้างแรง แล้วอยู่ๆไฟก็ดับพรึบลงทันที จึงทำให้ทุกอย่างรอบตัวมืดดำและเงียบสนิท ความรู้สึกอึดอัดก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินแต่เสียงหน้าต่างสั่น "กึกๆๆๆๆ" เพราะแรงลม

    รุ่นพี่ในกลุ่มจึงโทรไปหาเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านตอบกลับมาว่า "มันเป็นปกติของแถวนั้นน้อง เดี๋ยวมันก็มี" แต่ยังไม่ทันจะวางสาย มีเสียงดัง "ตุ๊บ" บนหลังคา ทุกคนตกใจ ยืนนิ่งเงียบ และพยายามหาคำตอบว่ามันคือเสียงของอะไร

    ไม่ถึงสองนาที ก็เกิดเสียงขึ้นอีก "ตุ๊บๆ" ลักษณะเสียงคล้ายๆอะไรสักอย่างที่ตัวใหญ่ๆ กระโดดอยู่บนหลังคา เพื่อนคนนึงก็พูดขึ้นมาว่า "เดี๋ยวเดินไปหยิบไปฉายในรถมาให้" แล้วก็เดินเปิดประตูออกจากบ้านไป

    ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็ได้ยินเสียงเพื่อนคนที่เดินออกไปนอกบ้าน วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้าน แล้วบอกว่า "ไปเอากันเองเหอ ข้าไม่ไปแล้ว" คุณนัทถามไปว่า "ทำไม" เพื่อนก็ตอบว่า "อยู่บนรถอะ สามคน ตาแดงก่ําเลย"

    คุณนัทจึงเดินไปเปิดผ้าม่าน แล้วพยายามเพ่งมองไปที่รถ แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ก็คิดว่าเพื่อนคงจะเมา จึงได้เปิดประตูบ้านออกไป จังหวะนั้น ลูกกะตาก็เหลือบมองไปที่รถ เห็นเป็นผู้ชายตัวดำๆ นั่งยองๆอยู่บนหลังคารถสามคน แล้วจ้องมาทางคุณนัท

    คุณนัทยืนตกตะลึงอยู่สักครู่ จึงรีบปิดประตู แล้วพูดว่า "เออ จริงว่ะ" เพื่อนในกลุ่มคนนึงก็พูดขึ้นมาว่า "เอาแล้วไง พวกเอ็งไปทำอะไรมากันแน่" ตอนนั้น คนที่อยู่ชั้นล่างมีทั้งหมดห้าคน นอกนั้นขึ้นไปนอนที่ชั้นบนกันหมดแล้ว

    จึงตกลงกันว่า ให้โทรไปปรึกษาเจ้าของบ้านก่อน แต่พยายามโทรเท่าไหร่ ก็โทรไม่ติด ทุกคนจึงได้แต่ยืนเงียบกันอยู่ในความมืด มีแต่เสียงลมพัดต้นไม้ด้านนอก ดังหวีดหวิว และเสียงหน้าต่างสั่นไหวดัง "กึกๆๆๆๆ" อยู่ตลอดเวลา

    เพื่อนคนนึงพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเก็บพระไว้ในกระเป๋า จึงได้ไปค้นจนเจอ แล้วหยิบออกมา ปรากฏว่าอยู่ๆไฟก็ติดขึ้นมาทันที ทุกคนรู้สึกใจชื้นกันขึ้นมา จึงได้เอาพระไปแขวนไว้ที่ประตู แล้วทุกคนก็รีบขึ้นไปนอน

    คุณนัทรู้สึกเคลิ้ม ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเป็นเวลากี่โมง ลักษณะเสียงเหมือนคนเอาอะไรสักอย่างมาขูดรอบๆบ้าน "แกร่กๆๆๆๆๆๆ" สลับกับเสียงทุบหน้าต่าง "ตึ้งๆๆ" คุณนัทพยายามนอนนิ่งๆ ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆจะได้ยินด้วยหรือเปล่า

    สักพักก็ได้ยินเสียง "ปึ้ง" มาจากชั้นล่าง คุณนัทคิดว่ามันต้องเป็นเสียงของประตูหน้าบ้านดีดเปิดออกมาเองแน่ๆ ความกลัวแผ่ซ่านไปยังทุกส่วนของร่างกาย นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม พยายามข่มตานอนหลับ แต่หูก็แว่วได้ยินเหมือนเสียงคนเดินลากเท้าอยู่ชั้นล่าง

    คุณนัทพยายามเหลือบตามองไปทางบันได เพราะกลัวว่าสิ่งที่อยู่ชั้นล่าง จะเดินขึ้นมาลากเท้าเล่นอยู่ชั้นบนแทน แต่สิ่งนั้นก็ยังเดินวนไปวนมาอยู่แต่ชั้นล่าง เหมือนว่าจะขึ้นมาชั้นบนไม่ได้ ความรู้สึกอึดอัดยังคงท่วมท้นอยู่ภายในตัวของคุณนัท ได้แต่นอนขดตัวสั่น คลุมโปงจนเผลอกลับ

    เช้าของวันต่อมา ก็พบว่าประตูหน้าบ้านเปิดออกเองจริงๆ สักพักเจ้าของบ้านก็ขับรถเข้ามา คุณนัทจึงเล่าเหตุการ์ให้เจ้าของบ้านฟัง เจ้าของบ้านก็ได้ถามว่า "ได้จุดธูปไหว้หรือเปล่า" คุณนัทบอกว่า "ไม่ได้ไหว้"

    เจ้าของบ้านบอกว่า เมื่อก่อน ที่ตรงนี้เคยเป็นโรงพยาบาลสนามของคอมมิวนิสต์ ที่ถูกทิ้งระเบิด ทั้งคนเจ็บและหมอตายกันเยอะมาก จึงให้พวกคุณนัทขับรถไปตามทางขึ้นเข้าอีกประมาณสองกิโลเมตร จะมีศาลเล็กๆ ให้ทุกคนไปไหว้ขอขมาที่นั่น

    และคุณนัทมารู้ทีหลังว่า มีเพื่อนบางคนปัสสาวะลงข้างๆอ่างเก็บน้ำ และทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง ทุกคนจึงขับรถกันไปยังศาล ลักษณะเป็นศาลไม้เล็กๆ ก็ได้เข้าไปไหว้ขอขมา เสร็จแล้วก็กลับมาช่วยเจ้าของบ้านเก็บกวาดขยะ

    เจ้าของบ้านแนะนำมาว่า "ถ้าพวกน้องกลับถึงกรุ่งเทพแล้ว ให้ไปทำบุญซะ วัดแถวนี้คงไม่รับทำ เพราะเค้ารู้ว่าพวกน้องไปกวนเจ้าที่ คนแถวนี้เค้ารู้ดีว่าเจ้าที่ตรงนี้แรง ไม่ต้องห่วงหรอก เค้าตามพวกน้องอยู่" และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ไม่มีความคิดเห็น