ซ่อนอยู่ใต้เตียง
รับรองว่าเรื่องนี้สุดสยองมากๆเรื่องของคุณหนึ่ง ความหลอกหลอนของวิญญาณเฮี้ยนสุดๆถึงขนาดที่คุณคาดไม่ถึงเรามาลองชมกันเลยครับ
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่หอพักแห่งหนึ่ง ในจังหวัดกรุงเทพ เมื่อประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา คุณหนึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่มหาลัยแห่งหนึ่ง และได้เช่าหออยู่แถวๆมหาลัย ห้องของคุณหนึ่งจะอยู่ที่ชั้นห้า คุณหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวจนขึ้นปีสอง
ก็ได้รู้จักกับเพื่อนคนนึง ชื่อคุณบอย เป็นนักศึกษาที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ อยู่ห้องเดียวกัน หลังจากที่คุณหนึ่งเริ่มสนิทกับคุณบอย จนเรียกได้ว่าซี้กันมาก จึงได้ชวนคุณบอยย้ายมาอยู่หอพักด้วย เพราะจะได้ช่วยกันหารค่าห้อง
หลังจากที่คุณบอยย้ายเข้ามาอยู่ได้สักพัก คุณบอยก็มีแฟน และได้พาแฟนเข้ามาอยู่ด้วย ด้วยความที่คุณหนึ่งคิดว่าคุณบอยคงอยากจะอยู่กับแฟนแบบส่วนตัว คุณหนึ่งจึงได้ย้ายหอไปอยู่อีกซอยนึง
หลังจากนั้นประมาณสี่เดือน คุณบอยกับแฟนก็เริ่มทะเลาะกัน โดยที่ฝ่ายหญิงคิดว่าคุณบอยแอบไปมีคนอื่น จนทะเลาะกันหนักขึ้นทุกวัน ปรากฏว่าแฟนของคุณบอยคิดสั้นกระโดดตึกเสียชีวิต ในเวลาประมาณเที่ยงคืน ตอนที่คุนบอยกำลังหลับอยู่
จนเช้าวันต่อมา คุณหนึ่งก็ไปเรียนที่มหาลัยปกติ โดยที่ยังไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอเห็นคุณบอยเดินมาเรียนคนเดียว คุณหนึ่งก็ถามด้วยความสงสัยว่า ทำไมแฟนไม่มาด้วย คุณบอยอ้ำๆอึ้งๆอยู่พักหนึ่ง
ก็ยอมบอกว่าแฟนกระโดดตึกตายเมื่อคืน คุณหนึ่งและเพื่อนคนอื่นๆก็นึกว่าคุณบอยล้อเล่น คุณบอยจึงให้ไปถามคนที่อยู่แถวนั้นดู เพราะรู้กันเกือบทั้งซอย แต่คุณบอยก็ยังไม่ได้ย้ายออก เพราะติดที่ค่ามัดจำ
เย็นวันนั้น หลังจากเลิกเรียน คุณบอยก็กลับมาที่ห้องปกติ จนวันที่สอง เวลาประมาณห้าทุ่ม คุณบอยนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง รู้สึกเห็นอะไรบางอย่างขยับเขยื้อนอยู่แถวๆหางตา จึงได้หันไปมอง
ปรากฏว่าเห็นแฟนนอนตะแคง เอามือเท้าหัว จ้องคุณบอยตาไม่กระพริบอยู่บนตู้เสื้อผ้า ใบหน้าเฉยเมย จนเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผิวซีดขาวออกคล้ำๆ สายตาของคนตายที่จ้องมาทางคุณบอย ทำให้รู้สึกเย็นไปทั้งร่าง ทั้งที่ปกติแล้วคุณบอยเป็นคนไม่กลัวผี แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้ามันก็ชวนให้ขนหัวลุกตั้ง
เศษเสี้ยวของความกลัวเล็กๆ ผุดขึ้นเกาะกุมอยู่ในใจ จนวันต่อมา เวลาประมาณตีสอง คุณบอยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ภายในห้องจะมืดมาก มีแสงไฟจากด้านนอกสาดเข้ามาเล็กน้อย ทำให้เห็นสภาพห้องสลัวๆ
ปรากฏว่าคุณบอยเห็นเงาร่างหนึ่ง ยืนอยู่บนเตียง แล้วโค้งลำตัวลงมาหา เหมือนกำลังจ้องมองหน้าคุณบอย คุณบอยพยายามเพ่งมองเงาที่โค้งลำตัวลงมา จนพอมองออกว่านั้นคือแฟนของตัวเองที่เสียชีวิตไปแล้ว
มีเสียงเย็นๆแหบๆ พูดขึ้นมาอย่างช้าๆว่า "บอย ไปอยู่ด้วยกันมั้ย" คุณบอยรู้สึกชาไปทั้งตัว ทั้งๆที่รู้ว่านั่นคือแฟน แต่ความกลัวมันเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ แทนความกล้าที่มันเริ่มพังทลายลงทีละนิด คุณบอยแข็งใจตอบกลับไปว่า "ไม่ไป ยังเรียนไม่จบ" แต่เงาดำนั่นก็ยังคงยืนจ้องคุณบอยอยู่แบบนี้ทั้งคืน
หลังจากวันนั้น คุณบอยจะถูกแฟนมากวนอยู่ทุกๆคืน จนเริ่มอยู่ไม่ได้ จึงได้มาปรึกษาคุณหนึ่งกับเพื่อนๆที่มหาลัย คุณหนึ่งก็บอกว่าแถวนี้มีวัดอยู่ที่หนึ่ง หลวงพ่อท่านเก่งมาก จึงได้ชวนกันไปปรึกษาดู แต่พอไปถึง หลวงพ่อท่านไม่อยู่วัดพอดี
จึงได้เข้าไปปรึกษาหมอธรรมที่อยู่ในวัดแห่งนั้น หมอธรรมแนะนำว่าให้คุณบอยลงไปนอนที่ใต้เตียงเป็นเวลาเจ็ดวัน ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามออกมาจากใต้เตียงเด็ดขาด จากนั้นคุณบอยก็ได้ทำตามคำแนะนำของหมอธรรม
จนย่างเข้าวันที่สี่ เป็นวันสอบปลายภาค คุณหนึ่งก็งงว่าทำไมวันนี้คุณบอยถึงไม่มาสอบ ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติของนักศึกษามาก หลังจากสอบเสร็จเวลาประมาณหกโมงเย็น คุณหนึ่งจึงไปหาคุณบอยที่ห้อง
แต่ก็เข้าห้องไม่ได้ เพราะว่าลูกบิดถูกล็อกไว้จากด้านใน ซึ่งคุณหนึ่งเคยบอกกับคุณบอยไว้ว่าในช่วงที่กำลังทำพิธีนี้อยู่ ห้ามล็อคห้อง เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณหนึ่งจะได้สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันที
คุณหนึ่งจึงไปตามแม่บ้านให้มาช่วยเปิดห้อง หลังจากที่เปิดประตูห้องเข้าไป มีกลิ่นบางอย่างที่เหม็นมาก ทะลักออกมาจากในห้อง จนคุณหนึ่งและแม่บ้านต้องเอามือปิดจมูก คุณหนึ่งพยายามนึกว่ามันคือกลิ่นของอะไรกันแน่ แต่ก็นึกไม่ออก
ภายในห้องค่องข้างมืดทึบ ผ้าม่านถูกดึงปิดไว้จนมิด ประกอบกับเป็นช่วงเวลาประมาณหกโมงครึ่ง แม่บ้านจึงเดินฝ่าความมืดเข้าไปในห้อง เพื่อที่จะไปเปิดประตูหลังห้องให้ระบายกลิ่นออกไปบาง แต่ไปสะดุดเข้าอะไรบางอย่างจนเกือบหน้าคว่ำ คุณหนึ่งและแม่บ้านจึงช่วยกันมอง ปรากฏว่ามันคือแขนของคุณบอย โผล่ออกมาจากใต้เตียง
คุณหนึ่งและแม่บ้านจึงรีบช่วยกันดันเตียงออก ก็พบว่าคุณบอยนอนหงายลิ้นจุกปาก ลักษณะเหมือนถูกบีบคอจนขาดอากาศหายใจ ที่ลำคอมีลอยแดงๆช้ำๆ เหมือนถูกบีบอย่างแรง เมื่อคุณหนึ่งเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกฉุนหมอธรรม คนที่แนะนำให้คุณบอยทำพิธีนี้มาก
จึงได้นั่งแท็กซี่ไปหาคืนนั้นเลย หมอธรรมก็ถามว่า "ตอนที่ผู้หญิงกระโดดตึก เค้ากระโดดลงสภาพไหน" ซึ่งคุณหนึ่งก็ไม่ทราบ จึงได้โทรถามแม่บ้าน เพราะแม่บ้านเห็นสภาพศพ แม่บ้านบอกว่าเอาหัวลง
หมอธรรมจึงบอกว่า "เวลาที่ผู้หญิงเค้ามา เค้าไม่ได้เอาเท้าเดิน แต่เค้าเอาหัวเดิน ใช้หัวไถมากับพื้น จากระเบียงหลังห้องแล้วไถไปรอบๆเตียง จึงสามารถมองเห็นคนที่นอนอยู่ใต้เตียง" และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment