กระดูกปริศนา
เรื่องราวของคุณนักบินชายแดน เขามีอาชีพรับราชการทหารและเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เมื่อเขาพบเจอกับกระดูกปริศนา ความหลอนเข้าครอบงำในเวลากลางคืน ไม่มีใครนึกมาก่อนว่ากระดูกที่เจอนั้นเป็นกระดูกของคนตาย วิญญาณติดตามเข้าไปจนสุดท้ายเขาจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้ และการหลอกหลอนที่สุดแสนจะเฮี้ยนนี้ได้ยังไง ไปติดตามกันเลยครับ
เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดมันเป็นประสบการณ์ตรงเพิ่งจะเกิดขึ้นมาได้ 3-4 วันที่ผ่านมานี้เอง ตัวของผมมีอาชีพรับราชการทหาร ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะเปลี่ยนที่อยู่แทบทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี และเรื่องในครั้งนี้ผมก็ได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ สถานที่ที่ผมอยู่นั้นเป็นพื้นที่ของราชการที่จังหวัดสุรินทร์ดูแลอยู่ บรรยากาศโดยรอบนั้นก็แบ่งเป็นชุดๆของแต่ละหน่วยอยู่ด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ต่างคนต่างอยู่ ที่อยู่นั้นอยู่ใกล้กันมาก ภายในชุดก็จะมีที่ว่างให้เรานั้นได้ทำแปลงเกษตรหรือไม่ก็สามารถเลี้ยงสัตว์ได้บ้าง ซึ่งส่วนที่ผมอยู่นั้นจะมีบ่อน้ำประมาณ 2-3 บ่ออยู่ริมรั้วใต้ต้นไม้ใหญ่ บ่อน้ำบริเวณนั้นมีขนาดที่ไม่กว้างมาก เราก็เลยมีการปล่อยปลาเลี้ยงปลากันเอาไว้กินภายในชุดของเราเอง ก็มีอยู่วันหนึ่งเราตัดสินใจ
ที่จะนำปลาบางส่วนขึ้นมากิน ก็เลยไปจับปลากัน
ในขณะที่กำลังจับปลากันอยู่นั้นก็มีการหยอกล้อกันเล่นตามประสา แล้วอยู่ๆลูกน้องคนหนึ่งของผมก็หยิบวัตถุสีขาวๆขึ้นมาจากริมขอบแล้วก็โยนใส่เพื่อนที่อยู่ข้างๆ เพื่อนอีกคนหนึ่งก็กระโดดหลบ ผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์คิดว่าเป็นก้อนหินธรรมดาแต่ก็ยังแปลกใจในรูปทรง เลยเดินไปดูใกล้ๆว่ามันเป็นอะไรกันแน่ แล้วพอผมได้เห็นแบบถนัดๆก็ดูรู้ทันทีว่านี่คือกระดูก เป็นกระดูกอะไรสักอย่าง แข็งๆ ยาวประมาณสัก 1 คืบได้ ในตอนนั้นผมก็คิดว่าน่าจะเป็นกระดูกสัตว์อะไรบางอย่างที่เคยตายแถวนี้มานานมากแล้ว ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่ว่าลูกน้องของผมกลับบอกว่า"เอากลับไปให้ไอ้แดงแทะเล่นดีกว่าครับ" ไอ้แดงก็คือหมาแถวนั้นที่เราให้ข้าวอยู่เป็นประจำ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็คิดว่าเป็นกระดูกสัตว์ธรรมดา
จากนั้นลูกน้องก็ถือไปที่ชุด หลังจากที่เราได้ปลากันแล้ว เนื่องจากเวลาเริ่มเย็นบวกกับแสงที่น้อยลงเรื่อยๆทุกคนกลับไปที่ชุด โดยที่เราไม่ได้เอะใจกันเลยว่ากระดูกชิ้นนั้นคือกระดูกอะไร พอเดินไปถึงพี่ชุดไอ้แดงก็วิ่งเข้ามาเล่นกับทุกคนตามปกติ ลูกน้องผมเห็นไอ้แดงก็เลยจะเอากระดูกที่เก็บมาได้โยนให้ไอ้แดงแทะเล่น เมื่อกำลังจะโยนผมก็ต้องตกใจกับเสียงของไอ้แดง เพราะเมื่อมันเห็นกระดูกชิ้นนั้นมันก็เห่าด้วยเสียงอันดังแล้วก็ขู่เป็นระยะๆ ซึ่งดูแล้วมันก็แปลกมาก ไอ้แดงเห็นกระดูกน่าจะอยากกัดหรือว่าแทะเล่นมากกว่า แต่สิ่งที่แสดงออกในเวลานี้ชัดเจนมากว่ามันไม่ชอบ แล้วก็ยังคงเห่าดังอยู่เรื่อยๆ
ตอนแรกนั้นผมก็คิดว่าไอ้แดงมันอาจจะระแวง เห็นคนถือกระดูกอาจจะคิดว่ามีคนจะมาทําร้ายหรือว่าจะขว้างใส่มันก็เป็นได้ ผมก็เลยบอกลูกน้องให้วางเอาไว้ข้างๆห้องน้ำ ซึ่งเป็นที่ที่เราวางจานข้าวเอาไว้ให้ไอแดงอยู่เป็นประจำ แต่ถึงแม้ลูกน้องเอาไปวางไว้ที่จานไอ้แดงก็ยังคงตามเห่าแล้วก็ขู่อยู่แบบนั้น จนสุดท้ายอยู่ๆมันก็วิ่งหนีไปเหมือนกับมีใครไล่มัน ทั้งๆที่พวกเราทุกคนก็ยืนกันอยู่เฉยๆ ทุกคนนั้นต่างก็งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีใครสนใจอะไร เดินเข้าครัวเตรียมข้าวของทำอาหารค่ำ
โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบอาบน้ำตอนดึกๆเพราะว่านั่งทำงานดูหนังฟังเพลงจนเพลินอยู่บ่อยๆ มองดูนาฬิกาตอนนั้นเวลาประมาณ5 ทุ่มเห็นจะได้ ทุกคนก็ต่างเข้านอนที่ห้องใครห้องมันกันหมดแล้ว ผมก็เลยถือของเตรียมตัวจะมาอาบน้ำ ห้องน้ำนั้นถูกตั้งแยกกันห่างจากตึกที่นอนเป็นห้องปูน 2 ห้องติดกัน ก็เดินออกมาผ่านตึกที่ทำงาน บรรยากาศนั้นเงียบมาก เดินเข้าไปเปิดไฟห้องน้ำแล้วก็ปิดประตูอาบน้ำตามปกติ ในขณะที่กำลังแปรงฟันอยู่นั้นผมได้ยินเสียงเหมือนกับมีคนเดินอยู่ข้างๆห้องน้ำ ซึ่งมันเป็นพื้นหญ้าเสียงนั้นดัง แซ่กๆ แซ่กๆ วนเวียนอยู่แบบนั้น ผมก็ไม่ได้คิดอะไร นึกว่าน่าจะมีใครตื่นมาเพื่อจะเข้าห้องอาบน้ำข้างๆกันก็เลยไม่ได้สนใจ แล้วก็อาบน้ำต่อ เสียงนั้นดังอยู่แบบนั้นพักใหญ่ๆแล้วก็เงียบไป
แต่แล้วจู่ๆก็เปลี่ยนเสียง เป็นเสียงเดินที่ดังขึ้น ผมก็เริ่มสงสัย เสียงนั้นเริ่มเคลื่อนที่จากหน้าห้องน้ำ เสียงดังมาได้เรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู ผมสามารถมองเห็นเงาได้รางๆที่ใต้ประตูห้องน้ำ ตอนแรกก็สงสัยว่าใครเพราะว่าน่าจะรู้อยู่ว่ามีคนเข้าอยู่ด้านใน เนื่องจากไฟห้องน้ำก็ถูกเปิดอยู่ ผมเลยตะโกนออกไปว่า "อาบน้ำอยู่ รอก่อน" เงาหน้าห้องน้ำก็เดินจากไป ไปทางห้องน้ำฝั่งเดิมตอนแรกที่อยู่ติดกัน เพราะผมอาบน้ำเสร็จก็เปิดประตูออกมาดู แต่ก็ไม่เห็นใครสักคนเลยเดินกลับเข้าห้องเพื่อแต่งตัวแล้วก็นอน
ในขณะที่ผมกำลังปิดไฟแล้วเตรียมล้มตัวลงนอนนั้น เสียงลากเท้ากับพื้นหน้าห้องก็ดังขึ้น ครืด ครืด.. พื้นหน้าห้องนั้นเป็นพื้นปูนขัด เสียงหน้าห้องนั้นมีลักษณะเหมือนกับคนกำลังเดินเท้าเปล่าอยู่ด้านนอกแล้วก็ลากเท้าไปกับพื้น เสียงยังเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องประมาณ 1-2 นาที ยอมรับเลยว่าผมนั้นกลัวมาก กลัวสุดๆ เนื่องจากมันดึกแล้ว อีกอย่างก็ไม่มีใครเดินผ่านห้องของผมแน่นอน เพราะคนอื่นๆนอนคนละตึก ผมกลัวแต่ก็ได้อาศัยผ้าห่มซุกเพื่อจะหลับ พยายามนอนสวดมนต์จนสักพักเสียงนั้นก็เงียบหายไป
เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็เล่าให้กับลูกน้องฟังว่าเมื่อคืนนี้เจออะไรมาบ้าง แล้วก็ถามเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีใครไปเดินหน้าห้องของผมแน่ๆใช่ไหมทุกคนก็ตอบว่าไม่มี พูดเป็นเสียงเดียวกัน แต่ว่าลูกน้องคนหนึ่ง คนที่ไปหาปลากับผมและเป็นคนที่ถือกระดูกกลับมาที่ชุดนั้นก็บอกว่าเมื่อคืนเขาเจออะไรบางอย่าง มีคนมาขูดอะไรสักอย่างกับผนังห้องทั้งคืนทีเดียว พร้อมกับมีเสียงหัวเราะเบาๆดังอยู่รอบห้อง ตัวผมเองนั้นก็เริ่มที่จะสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่พวกเราก็อยู่มา 2-3 เดือนไม่เคยเจออะไร ก็เลยตกลงกันว่าพรุ่งนี้จะไปวัดทำบุญเผื่ออะไรๆจะดีขึ้น
ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้นเวลาประมาณซัก 8 โมง เสียงปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น ปัง ปัง พวกเราทุกคนก็มองไปตามเสียงที่เกิดขึ้น ว่าเกิดอะไร ลมพัดสักนิดก็ไม่มี เสียงนั้นดังมาจากประตูห้องน้ำนั่นเอง ทุกคนก็เริ่มคิดแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิดขึ้น ลูกน้องทุกคนที่ไปหาปลาด้วยกันก็บอกขึ้นมาว่า จะใช่กระดูกที่เจอมาหรือเปล่า เพราะมันดูแปลกๆตั้งแต่ไอ้แดงเห่าแล้ว เราก็เลยตัดสินใจเดินไปดูกัน กระดูกยังคงวางอยู่ข้างห้องน้ำเป็นปกติ ก็เลยตกลงกันว่ายังไงก็ตามแต่พรุ่งนี้จะไปที่วัด
คืนนั้นผมอาบน้ำตั้งแต่หัววันแล้วก็รีบเข้านอนเพราะว่ากลัวจากเหตุการร์เมื่อคืน ในขณะที่หลับผมรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงคนพูดอยู่ใกล้ๆกับหูของผม แต่ว่าไม่สามารถฟังออกว่าเป็นภาษาอะไร ซึ่งฟังดูแล้วยังไงก็ตามไม่ใช่ภาษาไทยแน่นอน ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆเนื่องจากง่วงนอนด้วยแล้วก็เห็นเลยว่าข้างเตียงผมขณะนี้มีใครคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆกอดเข่าของตัวเองแล้วก็มองมาที่ผม ร่างร่างนั้นเท่าที่จำได้ก็คือผู้ชายลักษณะผอมๆใส่เสื้อเก่าๆสีเทาๆกับกางเกงขาสั้น กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ข้างเตียง พร้อมกันนั้นชายผู้นั้นก็ยิ้มขึ้นแล้วก็มองมาที่ผม ที่ว่านั่งอยู่ข้างเตียงก็คือข้างๆเตียงซึ่งตรงกับหัวเตียงพอดี ใบหน้าของชายคนนั้นเหมือนกับคนปกติที่ดูแก่มากๆ เขากำลังยิ้มพร้อมกับมองหน้าผม วินาทีนั้นผมช็อค ทำอะไรไม่ถูกแม้แต่จะหลับตา แล้วชายแก่ผู้นั้นก็เริ่มหัวเราะในลำคอพร้อมกับค่อยๆเลือนลางหายไป
พอผมได้สติก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปเปิดไฟแล้วก็คลุมโปงนอนทั้งคืน ทำยังไงก็ไม่หลับ เช้าขึ้นเวลาประมาณตี 5 ครึ่ง เริ่มจะมีแสง ผมรีบออกจากห้องมาล้างหน้าล้างตาแล้วก็วิ่งไปเคาะปลุกลูกน้องชวนกันไปวัดทันที ลูกน้องของผมก็ตื่นขึ้นมาแต่ว่าใบหน้านั้นโทรมมากพร้อมกับบอกผมว่า "ไม่ได้นอนทั้งคืนเหมือนกัน เนื่องจากเขามากวนมาเล่นทั้งคืน" ก็เลยรีบไปหยิบกระดูกชิ้นนั้นนำมาห่อผ้าไว้แล้ววางไว้บนโต๊ะ พร้อมทั้งจุดธูปบอกกล่าวเจ้าของกระดูก ก็ขอโทษขอขมาถ้าเกิดล่วงเกินอะไรไป หลังจากนั้นก็รีบนำกระดูกนั้นไปทำพิธีทางศาสนาที่วัด พอแจ้งความจำนงกับสับปะเหร่อ สับปะเหร่อก็พูดขึ้นมาว่า "ไม่รู้กันหรอ ก่อนหน้านั้น แถวนั้นเป็นพื้นที่ป่าช้าเก่าทั้งหมด คนเก่าๆเล่าว่าแต่ก่อนที่จะสร้างเป็นสถานที่ราชการนั้นเป็นป่ามาก่อน ใครตายเขาก็เอาไปฝังไว้ เจอกระดูกอย่าเข้าไปจับเป็นอันขาด ของคนตายทั้งนั้น" นั่นคือเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลที่ผมได้ประสบพบเจอมา
Post a Comment